ตอนที่แล้วตอนที่ 646 มุ่งหน้าสู่เกาะใต้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 648 แผนการท่านหญิงโหรว

ตอนที่ 647 ประมุขห้าตระกูล


“พวกเจ้าทุกคนว่ายังไง?”  คนที่พูดเป็นผู้อาวุโสไว้เครา เขาคือจางอิงหลูประมุขตระกูลจาง ในมือของเขาก็คือแจกันเงินเขาถือไว้แน่นราวกับเขากลัวว่าแจกันจะบินหนีไป

ประมุขห้าตระกูลรวมกันอยู่ในห้องโถง  ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด แม้ว่าห้าตระกูลจะสนิทเหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกัน  แต่ยากนักที่ประมุขตระกูลทั้งห้าจะมารวมกัน

“เป็นปาฏิหาริย์”  นัยน์ตาของเย่ฟงเลี่ยเป็นประกายวูบวาบ  เขามีลักษณะล่ำสันทรงพลัง  แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นคนที่รอบคอบ  เนื่องจากเขามักจะมีความเห็นไปเสียทุกเรื่อง ในมือของเขาถือคันชั่งเงินเป็นของที่ประณีตและละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก  และสิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือมีระลอกพลังปล่อยออกมา

เย่ฟงเลี่ยหลับตาของเขา  ราวกับว่าเขาแช่อยู่ในระลอกพลังที่ยอดเยี่ยม

“ถ้าข้าไม่เห็นด้วยตาตัวเองข้าจะไม่มีทางเชื่อว่าจะมีสมบัติจิตวิญญาณที่เข้ากันได้กับข้าอยู่ในโลกนี้  มันเหมือนกับว่าถูกสร้างมาเพื่อข้าเอง”  เย่ฟงเลี่ยมองดูเหมือนคนเมาเสียงของเขาเย็นเหมือนน้ำแข็ง

หลี่เล่อเถาเป็นเพียงสตรีคนเดียวของห้าประมุขตระกูล  นางกล่าว “สมบัติวิญญาณนี้แตกต่างจากสมบัติวิญญาณของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  และมีความคล้ายคลึงกับสมบัติวิญญาณของทวีปกวงหมิง”

ในมือของนางเป็นโล่เล็กและละเอียดอ่อนแกะสลักเป็นรูปปู  นางใช้มือไล่ไปตามรอยสลักของโล่ กระแสระลอกพลังที่ดูเหมือนเจือจางมากสะท้อนกับพลังงานในตัวนาง

“ทวีปหมิงกวงน่ะหรือ?” เว่ยต๋าแค่นเสียง “แม้ว่าสมบัติวิญญาณของทวีปกวงหมิงจะได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  แต่เทียบกับสมบัติวิญญาณเหล่านี้  พวกมันยังคงอ่อนกว่า”

ห้าตระกูลและทวีปกวงหมิงสู้รบกันมาหลายปี  แต่พวกเขาก็ยังไม่ถูกทำลาย  และนานจนอีกฝ่ายหนึ่งคุ้นชิน ไม่ว่าทวีปกวงหมิงจะใช้วิธีอะไร  ไม่มีใครกระจ่างชัดเท่ากับพวกเขา

ในมือของเว่ยต๋าก็คือธนูเงินตระกูลเว่ยเชี่ยวชาญในวิชาธนู และเมื่อมันสัมผัสกับมือของเขา  เขาถึงกับตื่นเต้น

หวีเซียนจือพูดช้าๆ  “ดูตราสัญลักษณ์บนนี้ แกะตระกูลหวีมันตกทอดมาหลายรุ่น ตราแกะนี้ไม่เคยปรากฏที่อื่นมาก่อน  หอกเงินตราแกะบังเอิญมีของอย่างนั้นอยู่ในโลกได้ยังไง”

เขามองดูหอกเงินต่อหน้าเขา  ตาของเขาเป็นประกายเยือกเย็น

ทุกคนเงียบลง ทำไมสิบสามตระกูลถึงถูกไล่ล่าจากทวีปกวงหมิง?  คนอื่นอาจไม่รู้เรื่อง  แต่จะไม่มีคนรู้ได้ยังไง?

“เป็นไปได้ไหมว่าสิบสามบรรพบุรุษที่หายสาบสูญไปในอดีตยังไม่ตาย แต่ไปพบดินแดนอื่นเพื่อตกทอดมรดก?”

จางอิงหลูเสียงสั่นเล็กน้อยตำนานของอดีตได้ถูกเขียนบันทึกไว้จากสิบสามตระกูล ตำนานนี้ไม่เคยได้รับการพิสูจน์ และสิบสามตระกูลใช้ความพยายามไปมากมาย แม้แต่ส่งคนเข้าไปในส่วนต่างๆ ของทวีปกวงหมิง แต่ข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขาได้รับนั้นมักจะคลุมเครือ เหมือนกับตำนานทั้งหลาย

เว่ยต๋าแค่นเสียง  “ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าพวกบัดซบจากทวีปหมิงกวงถึงต้องการให้เราตายหลังจากไล่ล่ามาหลายปี?  ทวีปกวงหมิงกลัวว่าเราจะได้รับข้อมูล  ฮึ่ม..ทวีปกวงหมิงได้ค้นคว้าวิจัยพลังจิตวิญญาณได้ก้าวหน้ามีแนวโน้มว่าเป็นเพราะเรื่องนี้”

เว่ยต๋ามีความสำเร็จอย่างมากในวิชาธนู  แต่เขาไม่มีความสงบเย็นของนายขมังธนู เขาอารมณ์ร้ายและเก็บความแค้นนิสัยของเขาเหมือนกับไฟ

ทุกคนพยักหน้า  คำพูดของเว่ยต๋าสอดคล้องกับความคิดของพวกเขา

“เป็นไปได้ไหมว่าเป็นกับดักของทวีปกวงหมิง?”  หลี่เล่อเถาถาม

“เจ้าครองทวีปยังไม่ได้รับจากมันเลย”  เย่ฟงเลี่ยเสียงดังชัด และตะโกนทันที“สำหรับสมบัติวิญญาณทั้งห้าชิ้นนี้ทวีปกวงหมิงคงไม่ว่างจัดหรือรวยจนทำอย่างนี้ได้”

ทุกคนหัวเราะที่จริงไม่ว่าทวีปกวงหมิงจะเจริญเพียงไหน  แต่พวกเขาคงไม่เอาสมบัติวิญญาณทั้งชิ้นนี้เป็นเหยื่อล่อแน่

“และเราต้องการสมบัตินี้เพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ของเรา”

หวีเซียนจือลดเสียงพูดช้าลงทำให้ทุกคนใจสงบ  สถานการณ์ปัจจุบันของเกาะใต้ไม่ค่อยดีนัก

“อย่างนั้นเราจะดูกัน!” จางอิงหลูกล่าว  “เปิดประตูต้อนรับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ!”

ประมุขอีกสี่ตระกูลลุกขึ้นยืนพร้อมกัน

**********************

ด้านนอกทะเลหมอกเขียว

ริชาร์ดอดรนทนไม่ไหวจึงได้แต่ถาม  “นายท่าน  เราใช้เวลากับเรื่องนี้นานเกินไปหรือเปล่า?”

หลิงเซี่ยผู้ยืนอยู่ข้างๆมีสีหน้าหดหู่

ทั้งสองคนไม่ได้กังวลเรื่องห้าตระกูลเกาะใต้จะปฏิเสธพวกเขาที่หน้าประตู  แต่ว่ากันตามตรง เหมิ่งหนานจะเล่นตลกอะไรสมบัติวิญญาณทั้งห้า และของเหล่านั้นเป็นสมบัติวิญญาณคุณภาพสูงล้ำ  โชคดีที่สวีจินไม่อยู่ด้วย  ถ้าไม่อย่างนั้น ตาของเขาคงเขียวปั้ด ริชาร์ดเห็นสมบัติวิญญาณมากมายที่ห้องวิจัยของบุตรชายของเขา ของเหล่านั้นทั้งหมดเจ้านายมอบให้บุตรของเขาได้ใช้ค้นคว้า  แต่มาตรฐานของสมบัติวิญญาณห้าชิ้นนั้นเหนือล้ำกว่าสมบัติวิญญาณที่เขาเคยเห็น

ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สวรรค์วิถี  สมบัติวิญญาณที่นี่เป็นของหาได้ยากยิ่ง  และสมบัติวิญญาณคุณภาพสูงของเหล่านั้นค่าควรเมือง

แต่สมบัติวิญญาณไม่ใช่ของเขา  ดังนั้นทั้งสองคนได้แต่รู้สึกอิจฉาและเศร้า

ริชาร์ดรู้ว่ามาดใหญ่ของเจ้านายนั้นเกินตัว  แต่จำนวนเงินที่จ่ายออกไปก็สร้างความตกใจให้เขาได้

หลิงเซี่ยเพียงแต่รู้สึกว่า“รวยล้นพ้นอิทธิพลล้นฟ้า” จำเป็นต้องเปลี่ยนคำนิยามใหม่

“มากเกินไปหรือ?”  ถังเทียนถามตามปกติ สีหน้าของเขาแสดงว่าเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่ริชาร์ดพูด

“แน่นอน” ริชาร์ดตอบทันที “ท่านให้ชิ้นหนึ่งก็พอแล้ว!  นี่ให้ตั้งห้าชิ้น นั่น นั่นมันมันเกินเลยไปหน่อย!”

“เกินเลย?” ถังเทียนทวนความรู้สึกของเขา “ไม่ใช่อย่างนั้น  แต่ละตระกูลได้หนึ่งชิ้น”

แต่ละตระกูลได้เพียงหนึ่ง...

ถังเทียนหันหน้าไปมองเว่ยถิงถิง  “นี่..ประมุขตระกูลเจ้าจะมาพบกับข้าหรือไม่?ถ้าไม่มาข้าจะได้ไปเสียที”

น้ำเสียงของถังเทียนเต็มไปด้วยความร้อนรน  ดูเหมือนว่าเขาไม่พอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างมาก

ไม่มีใครรู้สึกว่าความไม่พอใจของถังเทียนเป็นเรื่องผิด แม้แต่เว่ยถิงถิงก็รู้สึกว่าเขามีสิทธิ์จะไม่พอใจ

“ใช่แล้ว!”  ริชาร์ดเป็นคนแรกที่เสริม และแค่นเสียง  “สมบัติวิญญาณทั้งห้าสามารถซื้อทวีปได้ทั้งทวีป! และทวีปใหญ่ทวีปหนึ่งอย่างนั้น ฝ่ายเจ้ากระทำเกินไปและกร้าวแข็งเกินไปแล้ว”

หลิงเซี่ยไม่พูดอะไรสักคำ  แต่สีหน้าของนางก็ยังแสดงว่านางไม่พอใจต่อการกระทำต่อฝ่ายอื่น

เว่ยถิงถิงรู้สึกจนใจเตรียมจะพูด  แต่ขณะนั้นเองนางได้ยินเสียงดังมาจากทะเลหมอกเขียว และนางดีใจทันที “ข้าขอต้อนรับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติเข้าสู่เกาะใต้”

ครืนครืน ครืน เสียงดังสนั่นมาจากทะเลหมอกเขียว

หลังจากเสียงดังสนั่นศิษย์จำนวนมากร้องตะโกนพร้อมกัน

“ยินดีต้อนรับอาคันตุกะผู้มีเกียรติ!”

เสียงกึกก้องดังเหมือนฟ้าคำราม ทะเลหมอกเขียวที่ด้านหลังเว่ยถิงถิงปั่นป่วนรุนแรงก็แยกออกเป็นสองส่วนโดยพลังที่รุนแรง เผยให้เห็นเส้นทางเมฆที่กว้างขวางทอดระยะเขาไประหว่างทะเลหมอกเขียวทำให้ดูเป็นสีขาวไม่มีที่ติ

เหล่าศิษย์ของตระกูลสวมชุดสีแตกต่างกันเหมือนสายน้ำไหลและแยกย้ายกันยืนทั้งสองฝั่งเมฆ

มีห้าร่างลอยลงมาจากท้องฟ้า  และลงมายืนอยู่บนเส้นทางเมฆขาว  หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม  แววตาประหลาดใจฉายอยู่ในดวงตาของพวกเขา  วัยของถังเทียนทำให้พวกเขาประหลาดใจ

จางอิงหลูเลิกคิ้วและหัวเราะ  “แขกผู้ทรงเกียรติ  ท่านรอเราเป็นเวลานานแล้ว  ขออภัย ขออภัยจริงๆ!”

อีกสี่คนก็ยังคงยิ้มและโบกมือให้ถังเทียน

เว่ยถิงถิงจ้องมองประมุขตระกูลข้างหน้านาง  ในใจนางเต็มไปด้วยความตกใจ นางคิดว่าประมุขทั้งห้าตระกูลแม้จะเห็นด้วยให้ถังเทียนเข้าเกาะใต้  แต่ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะทักทายด้วยมารยาทเช่นนั้น  เพราะประมุขตระกูลปรากฏตัวออกมาต้อนรับอาคันตุกะพร้อมกันมีลูกศิษย์ตั้งแถวยาวตามแนวเมฆ เป็นมารยาทที่ใหญ่ที่สุดสำคัญที่สุดเท่าที่เกาะใต้เคยทำมา

‘เรื่องนี้เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อใดกัน?’

ตั้งแต่นางเกิด  นางไม่เคยเห็นเรื่องเช่นนั้น  แม้แต่เมื่อเจ้าครองทวีปมาเยี่ยมตัวตนเอง  พวกเขาจะไม่ทำอย่างนี้แน่นอน

คนผู้นี้...

ทันใดนั้นนางหันศีรษะไปมองดูถังเทียนทันที  นางปัญญาไวเฉลียวฉลาด   แม้ว่าสมบัติวิญญาณจะมีค่าควรเมือง แต่ก็ยังไม่สำคัญถึงกับต้องให้ผู้อาวุโสทั้งห้าต้องออกมาต้อนรับเขา

“คารวะท่านย่า, คารวะท่านปู่ทั้งสี่!”

เมื่อเห็นลักษณะของประมุขตระกูลทั้งห้า  ถังเทียนตกใจเล็กน้อย  เขาไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะแก่มากนัก  และเขารีบกล่าวด้วยมารยาททันที  เนื่องจากเขายังอายุเยาว์  ถังเทียนไม่ต้องรู้สึกแบกรับภาระอะไร  ถังเทียนยังคงแสดงมารยาทที่สุภาพต่อผู้อาวุโส

ริชาร์ดที่ยืนอยู่ด้านข้างมีสีหน้าชะงักค้าง ในสายตาของเขาเจ้านายของเขาเป็นบุรุษที่ทรงอำนาจและอิทธิพลที่สามารถฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา  และทุกสถานที่ที่เขาไป เขาเป็นคนที่น่าเกรงขาม

แต่เด็กหนุ่มที่น่ารักที่อยู่ต่อหน้าเขา....

ริชาร์ดเริ่มรู้สึกว่าตนเองกำลังว้าวุ่น

หลิงเซี่ยก็ตะลึงพอกัน  นางคิดว่านางได้ยินผิด ‘นะ..นี่.. นี่คือจอมเผด็จการที่ฆ่าคนนับไม่ถ้วน ทั้งยังสู้ตะลุยเบิกทางทั้งที่เลือดท่วมตัวหรือนี่?’

สือเซินก็ตะลึง,นายท่าน.....

จางอิงหลูและประมุขตระกูลทั้งสี่คนยิ้มกว้าง  พวกเขาไม่เคยพบถังเทียนมาก่อนเพียงแต่รู้สึกว่าเด็กที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาน่ารักและสุภาพ แค่เพียงเห็นพวกเขาก็เชื่อว่าเขาได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี  ทั้งห้าคนล้วนสูงอายุแล้ว และมีอัธยาศัยรักเอ็นดูเด็ก

ทั้งห้าตระกูลมีประเพณีและมารยาทที่เคร่งครัดมายาวนาน รุ่นผู้เยาว์และศิษย์ทุกคอยู่ภายใต้กฎที่เข้มงวดและตราบใดที่พวกเขาพบเห็นห้าผู้อาวุโส พวกเขาจะตัวสั่นด้วยความกลัวและประพฤติตัวอย่างระมัดระวัง

การทักทายของถังเทียนที่มีต่อพวกเขาทำให้ทั้งห้าคนมีความสุขทันที

“โอว.ตายแล้ว ยังเด็กอยู่เลย ทางครอบครัวปล่อยให้เจ้ามาเผชิญโลกด้วยตัวเองได้ยังไง?”  หลี่เล่อเถาเป็นคนแรกที่ทนไม่ได้

“ใช่ ใช่!

“มาเถอะ เข้ามาเถอะ  เจ้าหิวกันแล้วใช่ไหม  เราปล่อยให้พวกเจ้ารอคอยเสียนาน....”

……

เมื่อเห็นถังเทียนถูกเหล่าผู้อาวุโสรุมล้อมและเขาทำหน้าไร้เดียงสาปลอดอันตรายช่างพูดช่างคุยตามประสาเด็กน่ารัก  ริชาร์ดและพวกที่เหลือตะลึงเป็นหิน

พวกเขาไม่เคยคิดว่าการแสดงออกของพวกเขาจะไม่ได้สร้างแรงกดดันอะไรต่อห้าผู้อาวุโส

“ความจริงเป็นเรื่องยากที่เด็กหนุ่มน้อยอย่างนี้จะออกมาผจญโลกแบบนี้  พวกเขาควรจะเลือกองครักษ์ที่ฉลาดสง่างาม เฮ้อ..ช่างเป็นครอบครัวที่ไม่ฉลาดเสียเลย...”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราสามารถเติมเต็มตำแหน่งนี้ด้วยคนของเราเอง...”

‘โง่และงี่เง่า...’

สือเซินริชาร์ดและคนที่เหลือแทบกระอักโลหิต

แต่ถังเทียนกลับรู้สึกดี  แม้ว่าเขาจะไม่ฉลาดเท่าใดนัก  แต่สัญชาตญาณของเขาแหลมคมมาก เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความอาทรห่วงใยของบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่เหล่านี้ เขารู้สึกอบอุ่นใจเป็นความรู้สึกที่เขาไม่ได้รับรู้มานานแล้ว

ความอบอุ่นที่ไม่คุ้นเคยนี้ทำให้ถังเทียนไม่ถือสาแม้แต่น้อย

เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาส่วนใหญ่ใช้ไปกับความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งของเขา ความโกรธ เสียงเรียกร้องภายในใจ การดิ้นรนพยายาม การต่อสู้ของเขา  โดยไม่รู้ตัว เขาคุ้นชินกับการต่อสู้ไม่มีหยุดหย่อน  คุ้นเคยกับอันตรายรุนแรง  คุ้นกับปลายหอกคมดาบคุ้นเคยกับกลิ่นคาวเลือด

ความห่วงหาอาทรที่เกิดขึ้นฉับพลันเหมือนกับแสงตะวันที่ฉายทะลุเมฆลงมา

ไม่ว่าจะมากจะน้อยเพียงไหนความอบอุ่นก็ยังเป็นเครื่องเยียวยาหัวใจได้เสมอ

ทันใดนั้นถังเทียนคิดถึงมารดาเขา สายตาที่นุ่มนวลของมารดา มือที่อบอุ่นของมารดา

เขาคิดถึงผู้เฒ่ากรงเล็บภูตพราย  ร่างที่เงียบขรึมมักจะห่วงใยและคาดหวังเขาเสมอ

เขารู้สึกคันจมูกพะเยิบพะยาบ  แต่เขาก็ยังยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้น

ในโลกไม่เพียงแต่มีความมืดและโลหิตไม่เพียงมีแต่การต่อสู้ที่เปิดเผยและเร้นลับ ไม่ได้มีแต่การหลอกลวงกันและกัน  แต่ยังมีแสงสว่างและความอบอุ่น  ความห่วงหาอาทรอย่างง่ายๆ และจริงใจและความจริงใจจะดูแลผู้อื่น

ความสัมพันธ์ของมนุษย์อาจจะซับซ้อนโยงใยเป็นหมื่นสายใยหรืออาจมีแค่เพียงใยเดียว

พอทิ้งความคิดและความสนใจตนเองออกไปทั้งหมด  รอยยิ้มของถังเทียนกลายเป็นจริงใจขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา  ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์และข้อพิพาทใดก็ตาม ในขณะนั้นความคิดทั้งหมดถูกโยนทิ้งไปอย่างคาดไม่ถึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด