ตอนที่แล้วบทที่ 28 ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเหลิงอู่เหยียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30 ท่านอาจารย์ของข้าช่างน่ารักจริงๆ!

บทที่ 29 การทดสอบ? ข้าจะทำมันเอง!


เมื่อซุนเว่ยเดินเข้ามา นางก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารมากมาย

“ข้ามาพบท่านผู้นำนิกาย ข้าขอโทษที่ต้องรบกวนเวลาทานอาหารของท่าน”

“ไม่เป็นไร”

ซุนเว่ยหันสายตาไปทางด้านข้างของเหลิงอู่เหยียน “อา เซิงจื่อก็อยู่ที่นี่เช่นกัน!”

“สวัสดี ผู้อาวุโสซุน” หลี่หรานตอบด้วยการพยักหน้า

แม้ว่าซุนเว่ยจะเป็นผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง แต่หลี่หรานก็เป็นเซิงจื่อของนิกายเช่นกัน เขาไม่ใช่ตำแหน่งที่ศิษย์คนอื่นจะเทียบได้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นมาคำนับนาง

ซุนเว่ยมีความรู้สึกแปลกๆ หลี่หรานอยู่ด้วยเสมอตอนที่นางมาพบผู้นำนิกายสองครั้งล่าสุด

ในอดีต นางไม่ค่อยเห็นพวกเขาโต้ตอบกันบ่อยนัก

“เซิงจื่อควรจะบ่มเพาะอยู่ไม่ใช่หรือ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ซุนเว่ยถาม

ก่อนที่หลี่หรานจะตอบกลับ เหลิงอู่เหยียนก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “เมื่อเร็วๆนี้หรานเอ๋อร์มีความขยันหมั่นเพียรอย่างมากและมีความก้าวหน้าในการบ่มเพาะค่อนข้างเร็ว ข้าเป็นห่วงว่าเขาจะฝืนตัวเองเกินไป ข้าเลยเรียกเขามาพักผ่อน”

หลี่หรานแทบจะไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้

‘ขยันหมั่นเพียร? นางพูดถึงความสัมพันธ์ของเราน่ะสิ’

‘ด้วยการมีอยู่ของเทคนิคการบ่มเพาะพิชิตสวรรค์ ข้าสามารถพักผ่อนได้ตลอดเวลา!’

อย่างไรก็ตาม มันเป็นความจริงที่เขาก้าวหน้าค่อนข้างเร็ว เหลิงอู่เหยียนมองเขาอย่างรวดเร็วโดยแสดงรอยยิ้มห่วงใยบนใบหน้าของนาง

“โอ้?” ซุนเว่ยมองดูแล้วร้องออกมาด้วยความไม่เชื่อ “เซิ่งจื่ออยู่ในขั้นปลายของขอบเขตแก่นทองคำแล้วหรือ?!”

‘ครั้งที่แล้วเขายังอยู่ขั้นกลางของขอบเขตแก่นทองคำ เขาทะลวงมันภายในหนึ่งหรือสองวัน?’

‘อัตราเร็วในการบ่มเพาะนี้น่าตกตะลึงเกินไป’

การแสดงออกของหลี่หรานยังคงสงบ “มันอาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ”

ก่อนหน้านี้ เขาได้ถึงเข้าถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรแก่นแท้ทองคำขั้นกลางแล้ว ด้วยพรสวรรค์ที่น่าทึ่งของเขาและเทคนิคการบ่มเพาะพิชิตสวรรค์ การทะลวงไปสู่ขั้นปลายของขอบเขตแก่นทองคำนั้นง่ายเหมือนการดื่มน้ำ

“เจ้าเข้าสู่ขอบเขตแก่นทองคำตอนที่อายุสิบเจ็ดปี แต่ใช้เวลาเพียงปีเดียวในการไปถึงขั้นปลาย! พรสวรรค์นี้ช่างน่ากลัวจริงๆ!” ในที่สุดซุนเว่ยก็เข้าใจว่าทำไมเหลิงอู่เหยียนถึงใกล้ชิดกับหลี่หรานมากขึ้น

ด้วยพรสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้ ตราบใดที่เขาไม่ตกตายก่อนวัยอันควร เขาจะเป็นปรมาจารย์ในอนาคตอย่างแน่นอน!

“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณท่านผู้นำนิกาย” ขณะพูด เขาแอบบีบมือของเหลิงอู่เหยียนที่ใต้โต๊ะ

เหลิงอู่เหยียนกัดริมฝีปากของนางและพยายามรักษาความสงบ

‘เจ้าเด็กนี่อวดดีจริงๆ!’

นางต้องการที่จะสลัดออก แต่นางไม่สามารถใช้กำลังใดๆได้เนื่องจากรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและมึนงง และเมื่อคิดว่าผู้อาวุโสซุนคงมองไม่เห็น นางจึงปล่อยเลยตามเลย

“ผู้อาวุโสซุน เจ้ามาหาข้าเรื่องอะไร?” นางถามเสียงดัง

“เอ่อ... นั่นสินะ” ซุนเว่ยตอบ “การทดสอบของนิกายกำลังจะเริ่มขึ้น เราไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้นำเหล่าศิษย์ในครั้งนี้ ผู้อาวุโสในแต่ละยอดเขาต่างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก”

การทดสอบของนิกาย มันเป็นส่วนสำคัญของการบ่มเพาะเหล่าศิษย์ในวิหารโหยวหลัว

ทุกๆสามปี ผู้อาวุโสจะจัดให้ศิษย์ใหม่ลงจากเทือกเขาซวนหลิงและเข้าสู่เทือกเขาใหญ่ต่างๆ เพื่อสำรวจและทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากนิกาย

ทุกครั้งพวกเขาจะจัดให้ศิษย์อาวุโสเป็นผู้นำทีม แม้ว่าพวกเขาจะต้องเป็นเหมือนพี่เลี้ยงเด็ก แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการค้นหาต้นกล้าที่มีไหวพริบและมีพรสวรรค์ ทำให้สะดวกสำหรับพวกเขาในการรับต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้

ดังนั้นผู้อาวุโสของยอดเขาต่างๆจึงเฝ้าดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

เหลิงอู่เหยียนโบกมือของนาง “ผู้อาวุโสซุน เจ้าตัดสินใจได้เลย”

เห็นได้ชัดว่านางไม่สนใจเรื่องนี้

“ข้าเข้าใจแล้ว งั้น...”

ทันใดนั้นหลี่หรานก็พูดขึ้นมาว่า “ข้าจะทำมันเอง!”

“เจ้า?” ทั้งสองมองเขาด้วยความประหลาดใจ

“เจ้าคือเซิงจื่อ ดังนั้นเจ้าควรมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะ เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้” ซุนเว่ยปฏิเสธเขาอย่างสมเหตุสมผล

หลี่หรานส่ายหัว “ช่วงนี้ข้าบ่มเพาะมากเกินไปเล็กน้อย ดังนั้นข้าจะใช้โอกาสนี้ในการพักผ่อน”

“แต่...” ซุนเว่ยลังเล

“นอกจากนี้ ข้าไม่เคยเข้าร่วมการทดสอบในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ในฐานะเซิงจื่อ ข้าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อนิกายใช่ไหม?” หลี่หรานกล่าว

หลังจากฟังที่เขาพูด ผู้อาวุโสซุนก็ทำอะไรไม่ถูก “งั้นก็ให้ท่านผู้นำนิกายเป็นคนตัดสินใจ”

เหลิงอู่เหยียนมองเขาอย่างจริงจัง “เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการเป็นผู้นำในการทดสอบครั้งนี้?”

หลี่หรานพยักหน้า “ศิษย์คนนี้แน่ใจ”

อันที่จริง มันไม่ใช่เพราะเขาต้องการมีส่วนร่วมในการทดสอบ แต่เพื่อฉวยโอกาสแอบออกไปยกเลิกการหมั้นของเขา!

“ตกลง ข้าอนุญาต”

เมื่อผู้อาวุโสซุนจากไป เหลิงอู่เหยียนก็วางตะเกียบลงและนิ่งเงียบ

หลี่หรานกลืนน้ำลายและพูดอย่างระมัดระวัง “อาจารย์ ท่านอาจารย์...”

เหลิงอู่เหยียนไม่สนใจเขา

“เหยียนเอ๋อร์?”

“......”

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อร์?”

Σ(⊙▽⊙a

เหลิงอู่เหยียนไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป นางพูดด้วยความตะขิดตะขวงใจและขุ่นเคือง “เจ้าคนไร้ยางอาย ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามีอะไรที่เจ้าไม่กล้าพูดออกมาบ้าง?”

“มันเป็นเพราะท่านน่ารักเกินไป ข้าไม่สามารถห้ามตัวเองได้” หลี่หรานยังคงทำตัวไร้ยางอาย

“พอแล้ว! พูดมาตามตรง ทำไมจู่ๆเจ้าถึงอยากเป็นผู้นำและลงจากเขา? เจ้าไม่เคยขยันขนาดนี้มาก่อน!” เหลิงอู่เหยียนถาม

ดวงตาของหลี่หรานเปลี่ยนไป “ข้าคิดถึงบ้าน”

“คิดถึงบ้าน?”

“ศิษย์คนนี้บ่มเพาะที่นี่มากว่าสิบปีและกลับบ้านแทบจะนับครั้งได้ ข้าต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อกลับไป... ท่านอาจารย์ ท่านจะไม่ตำหนิข้าใช่ไหม?”

“แน่นอนว่าไม่!” เหลิงอู่เหยียนรู้สึกอายเล็กน้อย “ข้าขอโทษ เมื่อกี้ข้าเข้าใจเจ้าผิด ข้าคิดว่าเจ้าอยากจะ...”

“อยากจะ...?” หลี่หรานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

“คิดว่าเจ้าอยากจะซ่อนตัวจากข้า...” เสียงของนางเล็กลงเรื่อยๆ

หลี่หรานหัวเราะอย่างโง่งม

ท่านอาจารย์ของเขาน่ารักจริงๆ อย่างไรก็ตาม ยิ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น

เหลิงอู่เหยียนเชื่อเขาอย่างไร้เงื่อนไข แต่เขากลับโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

‘แต่ข้าไม่สามารถบอกนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้!’ หลี่หรานคิดอย่างหมดหนทาง

//////////