ตอนที่แล้วตอนที่ 624 ทรยศ? ปล่อยให้เขาเป็นอาหารสุนัขเถอะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 626 เสียสละแท้จริง, ควบคุมหัวใจ

ตอนที่ 625 ลาก่อน


ตกยามราตรี ขณะที่ปลาวาฬเกาะดึกดำบรรพ์ค่อยๆ แหวกว่ายอากาศออกจากทะเลสาบ

มันเหมือนกับเกาะยักษ์ลอยฟ้า ลอยอยู่ในกลางอากาศ

มันค่อยๆ ลอยมุ่งหน้าสู่นครสายรุ้ง

“ต่อไปเราจะเอายังไงดี?” สาวยักษ์ลี่เยี่ยนมักใช้ความเห็นของตนเองเป็นหลัก  แต่หลังจากการสู้รบครั้งนี้นางรู้สึกตัวได้ทันทีว่านางไม่เหมาะกับการตัดสินใจ  การเป็นผู้นำไม่เหมาะกับนาง  ถ้ามีคนอื่นทำหน้าที่วางกลยุทธต่อสู้และนางเพียงแต่บุกตะลุยเข้าหาศัตรู  นางน่าจะแสดงพลังของนางได้ดีกว่า นางรู้สึกว่าควรจะคุยกับเย่ว์หยางถ้าเย่ว์หยางยินดีเป็นนักวางกลยุทธให้พวกเขาเพื่อที่ว่านางจะได้ฟื้นฟูกลุ่มโจรเพลิงพิโรธขึ้นมา  บางทีนางคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี  “นี่,เจ้าต้องการร่วมกับข้าสร้างกลุ่มโจรเพลิงพิโรธไหม ข้าจะฟังความคิดเห็นและคำสั่งของเจ้า แต่ชื่อกลุ่มโจรต้องเป็นชื่อเพลิงพิโรธนะ นี่คือความปรารถนาของพ่อข้า โอวจริงสิ ข้าชื่อลี่เยี่ยน แล้วเจ้าเล่าชื่ออะไร? แล้วชื่อแม่สาวน้อยนั่นล่ะ?”

“ไม่ต้องยกอ้างตัวเป็นผู้อาวุโสหรอกเจ้าคือผู้นำกลุ่มโจรผู้มีเกียรติ ไม่ใช่หัวหน้าอันธพาลคำพูดไร้สาระเช่นนี้ไม่ต้องกล่าวมากไป นอกจากนี้ เจ้าประกาศสลายกลุ่มไปแล้วไม่ใช่หรือ?  ในความเห็นของข้าเจ้าไม่ควรจะตั้งกลุ่มโจรอีกแล้ว เจ้าไม่เหมาะจะเป็นผู้นำ” เย่ว์หยางพูดตรงอย่างไม่เกรงใจว่าคำพูดจะทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายหนึ่ง

“อะไรนะ?” สาวยักษ์ลี่เยี่ยนจ้องมองเย่ว์หยางด้วยความโกรธเคืองทันที

“ถือเสียว่าข้าไม่เคยพูดอะไรก็แล้วกัน” เย่ว์หยางหาวเหมือนกับว่าเขาไม่สนใจอะไรในโลกทั้งนั้น

“พาสาวน้อยนั้นออกมาเถอะ ให้เรา เอ่อ หัวหน้ากลุ่มอย่างข้าได้คุยกับนาง  คุยกับเจ้าเปลืองพลังงานเปล่าๆ”  สาวยักษ์ลี่เยี่ยนเตรียมใช้ทางลัด  นางรู้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนใจเย่ว์หยาง  แต่นางมั่นใจว่าทำให้อี้หนานพอใจได้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่นางคาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงก็คือไม่เพียงแต่อี้หนานไม่ถูกนางเกลี้ยกล่อมเท่านั้น แต่นางพยายามจะแนะนำลี่เยี่ยนอีกด้วย

อี้หนานแนะนำอย่างนุ่มนวล “พี่ลี่เยี่ยนแม้ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นบริวารของบิดาท่าน แต่พวกเขาไม่คู่ควรกับการมีบิดาท่านเป็นผู้นำเลย  คนเหล่านี้นอกจากที่เลือกไว้ไม่กี่คนแล้วไม่มีความซื่อสัตย์ภักดีแม้แต่น้อย  สิ่งเดียวที่ท่านจะได้รับจากการต่อสู้ร่วมกับคนพวกนี้ก็คือการทรยศ    ท่านต้องไม่รีบสร้างกลุ่มโจรขึ้นอีกและไม่จำเป็นต้องมีคนหลายคน ถ้าท่านรวมคนฝีมือดีได้สักสิบคน  นั่นยังจะดีกว่าพวกมนุษย์โครงกระดูกที่อ่อนแอเป็นพันหรือคนทรยศหักหลังเป็นล้าน! ตอนนี้เราไม่ต้องกังวลกับการรีบจัดตั้งกลุ่มโจร  เราควรจะฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งขึ้น  ด้วยพลังของท่านท่านสามารถสร้างกลุ่มโจรได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”

สาวยักษ์ลี่เยี่ยนพึมพำกับตนเองชั่วขณะ “แต่เฒ่าสามและคนอื่นๆ ยังคงอยู่ที่นี่ พวกเขาซื่อสัตย์ภักดีมาก เป็นไปไม่ได้ที่เราจะทอดทิ้งพวกเขา”

เย่ว์หยางค่อยๆ ยิ้ม “ความจริงเราไม่ได้พยายามขัดขวางในเรื่องการสร้างกลุ่มใหม่ของเจ้า  บางทีพวกเขาอาจอยู่ที่นครสายรุ้งก็ได้  แม้ว่าพวกเขาไม่อยู่ที่นั่น  ท่านก็สามารถขอให้พวกเขาไปรวมตัวกันที่นครสายรุ้งก็ได้  ข้าให้เกียรติข้อเสนอของท่าน  แต่มันยากจะทำให้เกิดขึ้นได้เพราะเรามีอุดมการณ์ที่แตกต่างกันมาก”

อี้หนานแตะไหล่เย่ว์หยางเล็กน้อยพยายามเตือนเขาไม่ให้ปฏิเสธนางโดยตรงเกินไป เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้ายความรู้สึกของลี่เยี่ยนเกินไป

นางรู้สึกว่าสาวยักษ์ลี่เยี่ยน คงไม่ยอมรามือง่ายๆ

นางพยายามเน้นถึงปณิธานของบิดานางที่นางรับมาทั้งหมดและกลายเป็นเสาหลักของกลุ่มโจร...นางก็เหมือนท่านหญิงฟู่ซิงครั้งล่าสุดที่พยายามประคับประคองหุบเขาร้อยบุปผาอย่างสุดความพยายาม

เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือป้าของนางไม่เคยขออะไรจากนาง  ป้านางเพียงแต่ปรารถนาให้นางเติบโตด้วยดี นี่เป็นเพราะการเติบโตด้วยดีเป็นสิทธิ์ที่สำคัญที่สุดของท่านหญิงฟู่ซิง  ในเวลานั้นจะไม่มีใครกดดันนาง  อี้หนานเองยังรู้สึกถึงแรงกดดันเป็นอย่างมาก หัวหน้าลี่เยี่ยนต้องรับมรดกปณิธานของบิดาเพื่อฟื้นฟูกลุ่มโจรเพลิงพิโรธและเป็นผู้นำคนสองสามพันคนความจริงแล้วยังหนักกว่าอี้หนานเสียอีก!

เรื่องที่เย่ว์หยางปฏิเสธคำเชิญของนางนั้น สาวยักษ์ลี่เยี่ยนคาดไว้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม นางยังคงรู้สึกเศร้าในเรื่องนั้น

เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกจนใจและเดียวดาย ไม่มีใครยินดีช่วยนาง ไม่มีใครยินดีสนับสนุนนาง

สาวยักษ์ลี่เยี่ยนรู้สึกเศร้าและผิดหวังไม่สามารถพูดออกมาได้  แต่นางทำเป็นเข้มแข็ง นางทำเป็นไม่ใส่ใจและฝืนใจยิ้มอย่างมีความสุข  “ทุกคนมีความคิดที่แตกต่าง นี่เป็นเรื่องธรรมดาไม่สำคัญหรอกว่าพวกเจ้าจะเข้าร่วมกลุ่มโจรเพลิงพิโรธหรือไม่ข้าจะคิดว่าพวกเจ้าเป็นสหายอยู่เสมอ!เมื่อเราไปถึงนครสายรุ้งข้าจะจัดงานแต่งงานให้พวกเจ้าอย่างดีที่สุด”

“ไม่จำเป็นเลยความจริงเราลอบออกมาจากบ้านและตั้งใจกลับไปหลังจากผ่านไปสองสามวัน” อี้หนานแลบลิ้นและยิ้มเชิงขออภัยต่อสาวยักษ์ลี่เยี่ยน  “ข้าขอรับความตั้งใจดีของพี่ลี่เยี่ยน แต่เราจะต้องให้พ่อแม่ของราอวยพรกับงานมงคลสมรสอย่างนี้  ก่อนนั้นเราแค่หยอกล้อกันเล่น”

“พวกเจ้าจะจากไปวันพรุ่งนี้หรือ?” สาวยักษ์ตกใจรีบมองมาทางเย่ว์หยาง

“ดูเหมือนมีเรื่องเกิดขึ้นที่บ้านเกิดของข้า ข้าชักจะเป็นห่วง ดังนั้นข้าอยากจะกลับไปตรวจดูสถานการณ์ก่อน  แล้วข้าค่อยไปนครสายรุ้งในวันหลัง

เย่ว์หยางไม่ได้ตั้งใจจะกลับไปหอทงเทียนในตอนแรก แต่เขาได้รับข้อความที่ส่งมาจากแผนที่สามสีจากไห่อิงอู่ในโลกคัมภีร์ “ร่างตัวแทนของราชันย์พันปีศาจดูเหมือนจะมีความเคลื่อนไหว”ถ้าเป็นเรื่องอื่น เย่ว์หยางคงไม่สนใจเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม เขากังวลเรื่องราชันย์พันปีศาจนี้ ดังนั้นเขาต้องกลับไปก่อนชั่วขณะ จากนั้นค่อยกลับมาที่แดนสวรรค์อีก สำหรับการร่วมเดินทางกับอี้หนานไปยังนครสายรุ้งเขาได้แต่สัญญาว่าจะพานางไปในครั้งต่อไป

อี้หนานไม่ใช่คนที่ไม่ทราบถึงสถานการณ์ว่าปัญหาใดสำคัญ  นางสามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่าเรื่องการปฏิเสธการเข้าร่วมกับกลุ่มโจรของลี่เยี่ยนไม่เกี่ยวกับการกลับไปหอทงเทียน  แต่นั่นก็เป็นเพราะเย่ว์หยางและอี้หนานไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของสาวยักษ์ลี่เยี่ยน

พวกเขาไม่ได้หมายความว่าอุดมการณ์ดังกล่าวที่ไม่ยึดคุณธรรมนั้นไม่ดี เป็นแต่ว่าถ้าพวกเขาต้องอยู่ในแดนสวรรค์ด้วยอุดมการณ์อย่างนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ลำบากมาก นอกจากนี้การเลี้ยงดูคนไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่สะดวกกับการจะแบกรับภาระพิเศษเช่นนั้น  ใช่ว่าทุกคนจะมีบุคลิกนิสัยไม่ยอมแพ้ และใช่ว่าทุกคนจะเป็นนักรบที่เห็นการตายดุจการคืนสู่มาตุภูมิ  ดังนั้นการใช้อุดมการณ์ของสาวยักษ์ลี่เยี่ยนสร้างกลุ่มมีแต่เพิ่มคนทรยศและล้มเหลวในการบริหาร...เย่ว์หยางและอี้หนานรู้ว่าการปฏิเสธสาวยักษ์ลี่เยี่ยนเป็นเรื่องเศร้า  แต่พวกเขาเข้าใจว่าการปฏิเสธนางยังดีกว่าโกหกนางและให้ความหวังจอมปลอมกับนาง!

“ถ้าเป็นอย่างนั้น, ข้าเข้าใจ”สาวยักษ์ลี่เยี่ยนยังคิดว่าเย่ว์หยางกำลังใช้ข้ออ้างปฏิเสธนางและนางยิ่งรู้สึกเศร้ายิ่งขึ้น  นางฝืนใจพยักหน้า  “ถ้าเจ้ากับน้องอี้หนานแต่งงานกันอย่าลืมเชิญข้าด้วยอ่า..เชิญกลุ่มผู้นำนี้ไปร่วมฉลองงานแต่งงานเจ้าด้วย”

“เราจะเชิญแน่นอน แต่พี่ลี่เยี่ยนจะต้องรอนานหน่อยนะ” อี้หนานจับมือเย่ว์หยางกับนางบอกใบ้ให้เขาปลอบโยนนางสักสองสามคำ”

“ดึกแล้ว ทุกคนควรจะพักกันเนิ่นๆ” เย่ว์หยางรู้ว่าเขาไม่สามารถทำให้สาวยักษ์พอใจด้วยคำพูดอ่อนโยนได้  เขาต้องกลายเป็นตัวร้ายจนถึงที่สุด  กับคำแนะนำของเสวี่ยอู๋เสีย  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน และอี้หนานในฐานะคนกลางในบางครั้งเขาจะโยนโอนอ่อนผ่อนตามนาง

เรื่องแบบนี้ไม่อาจเร่งกันได้

เขาควรปล่อยให้นางลองดูและล้มเหลวด้วยตัวเอง ไม่พบกับอุปสรรคเสียบ้างบางทีนางคงไม่ยอมเลิกรา

สาวยักษ์ลี่เยี่ยนริมฝีปากสั่นเล็กน้อยเหมือนกับว่านางมีบางอย่างต้องการพูด ในที่สุดนางก็ไม่พูดอะไรออกมา นางเพียงยกมือและกล่าวอำลาเย่ว์หยางและอี้หนาน

เมื่อเย่ว์หยางและอี้หนานกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์  นางตบตัววาฬยักษ์แรงๆ บอกให้มันหยุด นางกู่เสียงร้องก้องท้องฟ้าจากนั้นนางพุ่งวาบขึ้นไปเหมือนสายฟ้าในยามราตรี  ร่างโดดเดี่ยวของนางบินห่างออกไป...ตอนนี้นางรู้ว่านางเป็นฝ่ายผิดและนางรู้ว่าสิ่งที่เย่ว์หยางและอี้หนานพูดนั้นถูก อย่างไรก็ตามนางไม่อาจโน้มน้าวใจตัวเองให้ปล่อยอุดมการณ์ของนางในตอนนี้ได้ ที่สำคัญนั่นคือปณิธานที่บิดาของนางฝากฝังไว้กับนางและเป็นอุดมการณ์ที่นางยึดมั่นมาตลอดเวลานี้

นางต้องการให้เย่ว์หยางแนะนำนางเพิ่มสักเล็กน้อย บางทีนางอาจจะรู้สึกดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กนั่นไม่พูดอะไรเลย...

เขาไม่ยอมแม้แต่จะกล่าวคำอำลา

น่าโมโหนัก!

ต่อให้เขาถูก เขาไม่ควรปฏิเสธนางถ่ายเดียวแบบนี้  เขาทำเกินไปแล้ว

สาวยักษ์ลี่เยี่ยนที่ไม่เคยร้องไห้เพราะคนอื่นมาก่อนพลันรู้สึกอยากร้องไห้ดวงตานางรู้สึกร้อน

หอทงเทียน ทวีปมังกรทะยาน

ในลานจัตุรัสฝึกฝีมือในปราสาทตระกูลเย่ว์ เย่ว์ซานซึ่งปกติจะนั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนใบไม้แห้งจู่ๆก็ลุกขึ้นเดิน ใบหน้าที่ขาวเผือดของเย่ว์ซานดูซีดเซียวไม่กำลังแต่อย่างใด  อย่างไรก็ตาม แม้แก้มเขาตอบแต่นัยน์ตายังมีประกายเหมือนไฟภูตพรายในความมืด ด้วยดวงตาที่ชัดใสนี้ นอกจากจะดูอ่อนแอแล้วเขายังดูฉลาดและมองการณ์ไกลซึ่งไม่ค่อยพบเห็นในตัวของเขา

เขามองดูเหมือนนักศึกษาที่เดินอยู่ใต้แสงตะวัน ท่ามกลางน้ำค้างยามเช้าไม่เหมือนกับชายชราที่ป่วยนอนติดเตียง

เมื่อเห็นเขาเดินออกมาในยามเช้า สมาชิกต่างๆที่อยู่ในตระกูลเย่ว์ประหลาดใจเล็กน้อย

มีบ่าวสองสามคนรีบเข้ารอรับใช้เขาเกรงว่าเย่ว์ซานจะทรุดหนักเพราะแรงลมพัด อย่างไรก็ตาม เย่ว์ซานยิ้มเล็กน้อยและโบกมือให้ บอกคนอื่นๆไม่ต้องสนใจเขา เขาเพียงแต่อยากเดินด้วยตัวเอง

เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ เข้าสู่ระดับปราณก่อกำเนิดไปแล้วและฝึกอยู่กับอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าอยู่เงียบๆ องครักษ์พิทักษ์ฟ้าและคนอื่นๆอยู่ในหอโถงใหญ่

วันนี้มีเพียงหลิวเย่, เอลฟ์ทองเป่าเอ๋อและคนอื่นๆ ฝึกอยู่ที่นี่

พวกนางรู้เรื่องอดีตของเย่ว์ซาน แต่เนื่องจากการกระทำของเขาที่ฐานใต้ดิน พวกเขาทุกคนคิดว่าเย่ว์ซานเป็นพ่อที่ดีและยกโทษเรื่องในอดีตของเขา นอกจากนี้เย่ว์ซานยังได้รับบาดเจ็บหนักเพราะเขาปกป้องทวีปมังกรทะยานจากการรุกรานของกองกำลังนรกดำ  เมื่อพวกเขาเห็นเย่ว์ซานเดินออกมาพวกเขาคำนับแสดงความเคารพเขาเหมือนกับที่ทำกับผู้อาวุโส

“ดี, ดีแล้ว, พวกเจ้าจงฝึกต่อไปเถอะ!”  ยากนักที่เย่ว์ซานจะทักทายพวกเขาตามปกติบางทีเขาคงอารมณ์ดีขึ้นแล้ว

“ท่านจะให้ข้าไปตามพี่เย่ว์หวี่มาเป็นเพื่อนด้วยไหม?”  หลิวเย่ถามอย่างมีน้ำใจ

“ไม่ต้อง, ให้นางพักสักครู่เถอะ ข้าแค่ต้องการเดินเล่นด้วยตัวเอง” เย่ว์ซานโบกมือเล็กน้อย จากนั้นจู่ๆ ก็หันไปถามหลิวเย่  “หลิวเย่ อาจารย์ของเจ้าชื่อจื่อเกอหรือเปล่า?ที่พูดแบบนั้น เพราะจื่อเกอกับข้าเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนในอดีตเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ข้าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนถูกส่งตัวไปที่สถาบันเทียนหลัว  ตอนนั้นข้าเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับจื่อเกอ”

“จื่อเกอ? ข้าคิดว่าไม่เคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อน อาจารย์ของหลิวเย่ชื่ออาจารย์อันหนิง” หลิวเย่งุนงงทำไมเย่ว์ซานบอกว่าอาจารย์ของนางชื่อจือเกอ?

“อา.. ข้านี่แย่จริงๆ ข้าต้องจำผิดไปแน่ๆ ข้าไม่รู้จักอาจารย์อันหนิง  แต่ภรรยาของท่านจื่อเกอดูเหมือนจะชื่อนิ่งเข่อเอ๋อครั้งสุดท้ายข้าได้ต่อสู้เคียงข้างกับท่านจื่อเกอและภรรยาของเขากับเผ่าปีศาจ  เราทั้งสองคนอยู่ในเรือลำเดียวกันเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกัน  หลังจากนั้นเรามีมิตรภาพที่ลึกซึ้งเฮ้อ.. ความทรงจำของข้าชักเลือนรางไปตามอายุเสียแล้ว!”  เย่ว์ซานโบกมือ ทำท่าว่าไม่มีอะไรแล้วเดินออกมา

“ท่านประมุขตระกูลเล่าเรื่องอดีตให้เราฟังบ้างได้ไหม?”  หลิวเย่รู้สึกว่าท่าทางที่เขาถอยออกไปนั้นดูเดียวดายและน่าสงสารมาก  นางตามเขาไปและตัดสินใจชวนเขาสนทนาต่อ

“ความจริงก็ไม่มีอะไรจะพูดมาก  ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดในอดีต”  เมื่อเย่ว์ซานเห็นสีหน้ากังวลของหลิวเย่เขาพยักหน้าส่งสัญญาณให้นางนั่งลง เขานั่งลงบนก้อนใหญ่อีกก้อนและระลึกถึงความหลัง  “เรื่องค่อนข้างเก่าแล้ว  ข้าจำได้เวลานั้น เป็นวันที่เจ้า... เอ่อ..เป็นวันที่เจ้าและเย่ว์หวี่ลืมตาดูโลก เราถูกพวกปีศาจลอบทำร้ายและไม่มีใครช่วยเราได้  ท่านพ่อรู้ว่ามันเป็นแผนการของปีศาจที่จะก่อสงคราม ดังนั้นเขายอมเห็นข้าบุตรคนโตของตระกูลเย่ว์ตายมากกว่าจะขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิ ความจริงในเวลานั้นไม่มีกำลังทหารมากพอจะนำมาใช้ แม้แต่บ่าวทาสจากวังและปราสาทตระกูลเย่ว์ก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้กันแล้ว  มีแต่คนชรา คนอ่อนแอสตรีและเด็ก..แทบจะแน่ใจได้ว่าเราคงต้องตายแน่เราแค่รอคลื่นโจมตีระลอกสองของเผ่าพันธุ์ปีศาจคิดแค่เอาตัวให้รอดอยู่เพื่อฆ่าปีศาจให้ได้สักสองสามตนก็ยังดีแน่นอนเรายังคงหวังว่าน้องสามจะกลับมา ในเวลานั้นน้องสามยังอายุน้อยมากพลังของเขาแข็งแกร่งมากน้องสามและน้องสี่ออกไปแนวหน้าโดยท่านพ่อไม่ทราบ เราอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและเราหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ที่สำคัญคือทุกคนไม่ต้องการจะตายจริงๆ จากนั้นพี่สาวเจ้าเย่ว์หวี่ก็ถือกำเนิดเวลานั้นท้องฟ้าเปลี่ยนสีและฝนเริ่มเทลงมาจากฟากฟ้าแสงทองสายหนึ่งฉายลงมาจากท้องฟ้าย้อมไปทั่วสนามรบสีเลือด  แม้แต่ต้นหญ้าใต้ซากศพยังกลายเป็นสีเขียวและดอกไม้บานขึ้นอย่างแปลกประหลาด  เผ่าพันธุ์ปีศาจแตกตื่นทันที และกำลังใจของกองกำลังของเราก็เพิ่มขึ้นเราพุ่งจู่โจมอย่างสุดกำลัง และในที่สุดด้วยความยากลำบากมากมาย เราร่วมมือกับน้องสามและน้องสี่ซึ่งถูกพบว่าถูกฟันถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บทั่วตัวและพวกเราสามารถหลบหนีออกมาได้พร้อมกัน  อาจกล่าวได้ว่า แค่ก แค่ก แค่ก..เป็นวันที่พี่เย่ว์หวี่ของพวกเจ้าถือกำเนิดนั่นแหละช่วยพวกเราไว้”

“พี่หวี่น่าทึ่งจริงๆ!มิน่าเล่านางถึงมีนิสัยรักสงบ กลับกลายเป็นว่าเคยเกิดเรื่องอัศจรรย์มาก่อน!”  หลิวเย่ยกย่องด้วยความชื่นชม

“เจ้าก็ดีเช่นกัน,  เจ้าเป็นเด็กดีคนหนึ่ง!”  เย่ว์ซานพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม

“ท่านประมุขตระกูล,  พรุ่งนี้เล่าเรื่องอื่นให้เราฟังอีกได้ไหม!” หลิวเย่ต้องการฟังเย่ว์ซานเพราะนางรู้สึกเห็นใจที่เย่ว์ซานเดียวดายแต่เป่าเอ๋อกลับติดใจเรื่องของเขานางขอให้เย่ว์ซานเล่าเรื่องให้พวกนางฟังในวันพรุ่งนี้อีก

“พรุ่งนี้.. ข้าอาจจะยุ่งอยู่บ้างแล้วข้าจะเล่าให้ฟังเมื่อมีโอกาส พวกเจ้าทั้งสองคนเป็นเด็กดีกันทั้งนั้น  ต้องขยันให้ดีต่อไปจะได้มีความสุข!”  เย่ว์ซานเงยหน้ามองฟ้า  ดวงอาทิตย์ลอยสูงอยู่ทางทิศตะวันออก  เขาลุกขึ้นและค่อยๆ เดินห่างออกมา แสงสีทองสาดฉายต้องทั่วร่างของเขาหลังจากเดินออกมาได้ระยะหนึ่ง  จู่ๆเขาก็หันหน้ามายิ้มอย่างจริงใจและโบกมือให้หลิวเย่  “หลิวเย่, ช่วยทักทายอาจารย์หนิงแทนข้าด้วยนะ! ลาก่อน!”

“ค่ะ, ลาก่อน!”  หลิวเย่พยักหน้าอย่างว่าง่าย

มีประกายความสับสนอยู่ในความคิดนาง เป็นไปได้ไหมว่าเย่ว์ซานจะรู้จักอาจารย์ของนางจริงๆ?  อย่างไรก็ตาม ความคิดนี้หายไปอย่างรวดเร็ว ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้น!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด