ตอนที่แล้วตอนที่ 619 การรู้แจ้งวิชาหิ่งห้อยจ้าวปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 621 ร่องรอยประวัติศาสตร์

ตอนที่ 620 กองทัพมาถึงแล้ว


ภายในทะเลหิ่งห้อยที่หนาแน่น  ใจของถังเทียนอยู่ในสภาพสงบ

‘หลังจากวันนี้ไป  วิชานี้จะให้ชื่อว่า ทะเลหิ่งห้อย

ทันใดนั้นถังเทียนนึกถึงร่างที่ผอมเล็กคิดถึงกรงเล็บที่อ่อนแอ บอบบาง เกี่ยวกับความภาคภูมิใจและหยิ่งลึกท่าทางไม่ยอมแพ้

‘เฮ้, ผู้เฒ่ากรงเล็บภูตพราย ข้าบอกท่านไว้แล้ว’

‘ข้าจะสร้างวิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายของท่านให้มีชื่อเสียง รัศมีของกรงเล็บเพลิงภูตพรายจะต้องเจิดจ้าบาดตาไปทั่วโลก’

‘นี่ ผู้เฒ่ากรงเล็บภูตพราย ข้าบอกท่านแล้ว’

‘ท่านอย่าดูถูกข้า ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งมากแล้ว จนข้าเองก็สับสนเหมือนกันท่านมอบวิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายให้ข้าไม่ใช่ความคิดที่ผิด’

‘เฮ้, ผู้เฒ่ากรงเล็บภูตพราย ท่านเห็นนี่ไหมเล่า?’

‘ผู้เฒ่ากรงเล็บภูตพราย ท่านสบายดีอยู่ในสวรรค์หรือเปล่า?’

เหมือนกับว่าหิ่งห้อยสามารถได้ยินเสียงในหัวใจของถังเทียน พวกมันเริ่มสั่นสะท้านเล็กน้อยและปลดปล่อยเสียงหึ่งๆ

เสียงสั่นสะเทือนนับล้านปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน  คลื่นเสียงที่มองไม่เห็นกวาดกระจายไปทั่วเมืองทรายขาวด้วยความเร็วที่ไม่อาจระบุได้

คลื่นเสียงกวาดเอาทุกสิ่งกระจกบ้านแตกกระจายและบ้านไม้ที่ลอยอยู่ในท้องฟ้าทั้งหมดเริ่มโยกคลอน

ประชาชนชาวเมืองทรายขาวสะดุ้งตกใจและวิ่งออกมาจากบ้านจ้าละหวั่นเหาะขึ้นไปในท้องฟ้า เมื่อพวกเขาเห็นเมฆเพลิงที่รวมตัวขยายออกไป หน้าของพวกเขาถอดสี

“โอว,พระเจ้า,  นั่นอะไรกัน?”

“ปีศาจ!  พระเจ้า, มีปีศาจอยู่ที่นี่!”

“แย่แล้ว! เขาต้องการจะทำลายทั้งเมืองหรือนี่?”

……

ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความกลัว  แม้เมื่อมองดูจากระยะไกล พวกเขาสามารถรู้สึกถึงสัตว์ร้ายที่อยู่อยู่เมฆเพลิงซึ่งมีพลังงานเพิ่มพูนเรื่อยๆ

กงเฉินซึ่งอยู่ภายในเมฆเพลิงสั่นสะท้าน  เขามองไม่เห็นร่างของเหมิ่งหนานอีกต่อไป  เขาเคลื่อนไปข้างหน้า ถอยหลังไปซ้ายและขวา แต่ทั้งหมดที่เขาเห็นมีแต่กลุ่มหิ่งห้อยหนาแน่น

นี่มันวิชาอะไรกันแน่?

หนอนขาวของเขาที่กำลังคืบคลานอยู่รอบตัวเขาอย่างบ้าคลั่งพยายามจะกวาดหิ่งห้อยออกไป แต่หิ่งห้อยก็ยังเพิ่มจำนวนขึ้น และหนอนขาวถูกข่มอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกเหมือนกับตนเองกำลังจะบ้า เขาเหมือนกับสัตว์ที่ติดอยู่ในกรงและกรงนั้นเล็กลงๆ ทุกที

ความกลัวในหัวใจของเขายังคงเพิ่มขึ้น  ครืดดดดด... หิ่งห้อยรอบตัวเขาสั่นสะเทือนและกงเฉินอยู่ในใจกลางเริ่มเฉื่อยชา เวลานั้น ผิวบนตัวเขาเกิดรอยแผลถูกกรีดนับไม่ถ้วน  และเลือดเริ่มไหลออกมา  หนอนขาวที่ดิ้นรนกระเสือกกระสนอยู่รอบตัวเขาแตกสลายไปเหมือนกับแก้ว

ความเจ็บปวดบนร่างกายเขาทำให้เขาสะดุ้งตื่นจากภวังค์

แม้ว่าร่างกายของเขาอ่อนแอและไม่อาจเทียบได้กับพวกทวีปคนเถื่อน  แต่เขาก็ยังเป็นเซียนเงินคนหนึ่งและเทียบกับเซียนธรรมดาในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  พลังใจของเขาสูงกว่ามาก  ในสถานการณ์ที่วิกฤติ  ศักยภาพของเขาทั้งหมดจะถูกปลดปล่อย และความต้องการมีชีวิตจะครอบงำความกลัวได้

กงเฉินตวาดเสียงดังใช้การแปลงพลังสำหรับพลังงานที่เหลืออยู่ทั้งหมดในร่างของเขา  หน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

ปัง!

เพลิงพลังงานสีขาวปะทุออกจากบาดแผลทั้งหมดของเขาและอากาศรอบตัวของเขาเริ่มบิดเบี้ยวเนื่องจากพลังงานไม่เสถียร

ด้ามกระบี่ในมือของเขาเรืองแสง และจากนั้นก็แตกกระจายกลายเป็นหนอนขาวยาวตัวหนึ่ง

หนอนขาวขนาดเท่าเม็ดข้าวแต่เดิมตอนนี้มีขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองตัวของพวกมันเหมือนกับหยก โปร่งใสและมีประกายขาว พวกมันรวมตัวเป็นเหมือนหมอกสีขาวและลอยอยู่รอบกงเฉิน หิ่งห้อยทั้งหมดที่ผ่านพวกมันกลายเป็นแสงแตกกระจาย

หนอนขาวบนตัวกงเฉินเพิ่มมากขึ้นและหนอนขาวก็เริ่มขยายรัศมีออกไป 15 เมตร คลื่นเปลวไฟสีขาวเริ่มหมอง แต่ปากของเขาเบี้ยว และเขาหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง

“ไปตายซะ!”

กงเฉินชูกระบี่ขึ้นสูง

ซี่.. ทันใดนั้นหนอนแปลงเป็นด้ายนับไม่ถ้วนและทะลักไปที่กระบี่

กระบี่แสงขนาดใหญ่เกินกว่า 30เมตรชูอยู่เหนือหัวกงเฉิน

แสงกระบี่ถูกฟันลงทันที

แสงรังสีแพรวพราวฟันใส่เมฆเพลิงแดง

เมฆเพลิงที่ก่อตัวจากหิ่งห้อยไม่อาจต้านทานพลังกระบี่ได้  กงเฉินรู้ว่าถ้าเขาต้องการรอดก็ขึ้นอยู่กับวิชานี้ เขาข่มความเจ็บปวดที่มาจากบาดแผลบนตัวเขาและวิ่งตรงไปที่ตำแหน่งรังสีกระบี่

รังสีกระบี่แตกทำลาย  กงเฉินรู้สึกโล่งใจ  เพราะในทันทีนั้น  เขามีพื้นที่เคลื่อนไหวหนึ่งกิโลเมตร

นี่ทำให้เขาสงบอีกครั้ง

หิ่งห้อยยังคงชนใส่รังสีกระบี่ประกายไฟกระเด็นไปทั่วทุกที่และเสียงระเบิดดังต่อเนื่อง  ทั่วทั้งสถานที่เต็มไปด้วยเสียงระเบิด  กงเฉินไม่กล้าวอกแวกและซ่อนตัวเองอยู่ภายในรังสีกระบี่ขณะที่เขาระเบิดพลังไปข้างหน้าต่อเนื่อง

สองกิโลเมตร, สามกิโลเมตร.....

รัศมีกระบี่ที่ทะลักไปข้างหน้าเริ่มช้าลง  กงเฉินเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ ‘เกิดอะไรอีก?  ทำไมข้าถึงออกไปไม่ได้?’

เขารู้สึกว่าเขาบินออกไปไกลถึง 5กิโลเมตรแล้ว แต่เขาก็ยังถูกหิ่งห้อยล้อมในระยะห่าง ‘เป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร?

‘เจ้าเด็กนี่ยังไม่ถึงระดับเซียนเงิน เขาสร้างพลังโจมตีขนาดนั้นได้ยังไง?’

‘เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!’

‘หรือว่าจะเป็นภาพลวงตา?’

เผียะ เผียะ เผียะ!

ความเร็วของรังสีกระบี่เฉื่อยชาลงอีก  ขณะที่หิ่งห้อยยิ่งมากขึ้นทุกที พวกมันเหมือนกับหยาดฝนที่ตกลงใส่รังสีกระบี่  ประกายไฟเกิดจากการปะทะกันรอบรังสีกระบี่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนไปเรื่อยๆ

รังสีกระบี่ ช้าลงๆ และในที่สุดก็หยุดลง  หิ่งห้อยนับไม่ถ้วนล้อมไว้หมดแล้วจากนั้นก็ระเบิด

ระลอกพลังที่เกิดจากการระเบิดส่งผลให้กงเฉินปลิวกระเด็นทันที

กงเฉินมองดูหิ่งห้อยที่ไม่มีสิ้นสุดอย่างว่างเปล่า  ใจของเขากลับกลายเป็นว่างเปล่า

เขาเคลื่อนที่ไปเกินกว่า 7 กิโลเมตร  แต่เขาก็ยังไม่สามารถหลบพ้นหิ่งห้อย  ‘มีหิ่งห้อยปกคลุมกว้างขวางแค่ไหนกันแน่’

เขาไม่รู้ว่าในขณะนั้นทะเลหิ่งห้อยขยายจนครอบคลุมอุทยานเจ้าครองทวีปทั้งหมด พวกผู้ชมสามารถเห็นแต่เพียงหิ่งห้อยเริงร่าอยู่เหนือศีรษะพวกเขาอย่างว่างเปล่า เมฆเพลิงดำลอยอยู่เหนือหัวพวกเขามีแรงกดดันเหมือนกับภูเขาไท่ซานทำให้พวกเขาหายใจลำบากและตกอยู่ในความเงียบ

เซียนที่ทรงพลังทั้งหมดลุกขึ้นยืนและสร้างม่านพลังใต้หิ่งห้อย สร้างการป้องกันความร้อน

ภายในเมฆเพลิงแรงระเบิดยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีแสงกระพริบระยิบระยับ  ทุกคนคาดว่ากงเฉินคงกำลังดิ้นรน

แต่ในขณะนั้นไม่มีใครคิดว่ากงเฉินสามารถชนะได้

“ท่านเหมิ่ง,โปรดยั้งมือไว้ไมตรีด้วยเถอะ!”  เจ้าครองทวีปตะโกนด้วยใบหน้าที่ซีดขาว

ในที่สุดเมฆเพลิงก็เงียบลง

หัวใจของทุกคนรู้สึกหนักหน่วง  พวกเขาทุกคนมองหน้ากันเอง   มีความกลัวและความไม่สบายใจปรากฏอยู่ในสายตา

เมฆเพลิงสลายหายไปเหมือนน้ำแข็งละลายด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง

เพียงหนึ่งนาทีเมฆเพลิงก็หายไปโดยไม่เหลือร่องรอย และร่างทั้งสองปรากฏขึ้นในท้องฟ้า กงเฉินเต็มไปด้วยเลือด แต่เหมิ่งหนานที่อยู่ใกล้ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

กงเฉินล้มลงก่อน

หน้าของอันฉวนเปลี่ยน  นางทะยานขึ้นมารับตัวกงเฉินไว้  นางมองและตรวจดูอาการของเขาและพบว่าเขาไม่หายใจและตายแล้ว  หน้าของอันฉวนเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำนางมองดูถังเทียนและกัดฟันพูด “วิเศษ, วิเศษ! ถึงกับกล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมอำมหิต”

ถังเทียนไม่สนใจนางเขายังคงหมกมุ่นอยู่กับการรู้แจ้ง

เขาไม่ต้องการจะเสียเวลากับผู้คน  เขาหมุนตัวและบินไปทางโรงแรมทรายขาว  ทุกคนมองหน้ากันเอง  ไม่มีใครกล้าหยุดเขา

เจ้าครองทวีปรู้ว่ากงเฉินตายแล้ว  หน้าของเขาดำเป็นถ่านและเขาหมุนตัวเดินออกไปจากที่นั้น  ทุกคนในงานเลี้ยงไม่มีอารมณ์อีกต่อไปและพากันจากไป

ลุงหลานตระกูลไป๋มองหน้ากันเองทั้งสองได้แต่ฝืนยิ้ม

“เรายังประเมินเขาต่ำไป”  ไป๋เยี่ยฝืนหัวเราะ  การต่อสู้สั่นสะท้านเขาอย่างสิ้นเชิง  ยังคงมีร่องรอยเหลือเชื่ออยู่  “นั่นเป็นวิทยายุทธใดกันแน่?  ข้าไม่เคยได้ยินเลย, มันน่ากลัวเกินไป!  วิทยายุทธอย่างนั้นใช้สู้กับกองทัพได้อย่างสมบูรณ์แบบ  ข้าสงสัยจริงๆ ตระกูลใดสร้างคนแบบนี้ออกมาได้”

ไป๋เสี่ยวหัวเราะให้เขา “ข้าไม่เคยได้ยินวิทยายุทธที่น่ากลัวแบบนั้นมาก่อน  ดูเหมือนว่าข้าก็ยังไม่เข้าใจเบื้องหลังของเขา”

“และเขาก็ร้ายกาจจริงๆ!”  ไป๋เยี่ยพูดต่อ  “กล้ากระทำการรุนแรงในดินแดนของคนอื่น!  ข้ายังคิดว่าเขาแค่จะสั่งสอนกงเฉิน ข้าไม่เคยคาดเลยว่าเขาจะฆ่ากงเฉินทันที เขาไม่กลัวล่วงเกินทวีปทรายขาวหรือ?”

“ใครจะรู้?”  ไป๋เสี่ยวไม่สนใจ  “ทวีปทรายขาวพยายามหาเรื่องกับเขา  ใครจะป้องกันเขาไม่ให้ตอบโต้เล่า?”

“นั่นก็จริง”ไป๋เยี่ยยักไหล่ “ไม่ว่ายังไงเราไม่ต้องกังวลเลย เอ่..ดูเหมือนว่าเขาจะมีอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้านะ นั่นก็ดี  เสี่ยวเซี่ยจะมีชีวิตที่ดีอยู่ข้างหน้าโดยการติดตามเหมิ่งหนาน”

ไป๋เสี่ยวตกใจ  แต่ตั้งตัวได้ทันที   “ลุงรอง ทหารที่ท่านนำมาให้เขาหรือว่าจะเป็นจะเป็นทหารของ เซี่ยอวี่อัน?”

“เป็นเขานั่นเอง”  ไป๋เยี่ยพยักหน้า  “เสี่ยวเซี่ยมีพรสวรรค์  แต่น่าเสียดายที่เขามีเจ้านายไม่ดีในอดีต  ข้าเป็นหนี้บุญคุณเขาและเราถือโอกาสชดใช้ให้ตรงนี้”

ประโยคสุดท้ายของไป๋เยี่ยแสดงให้เห็นบุคลิกที่เจ้าเล่ห์ของเขา

“นางแอ่นปีกคู่เซี่ยอวี่อัน”  ไป๋เสี่ยวไม่อาจยั้งใจได้และชื่นชม  “พี่เหมิ่งคงมีเวลาที่ยิ่งใหญ่แน่!  เขาสามารถได้แม่ทัพหนึ่งในร้อยสุดยอดในภูมิภาคใต้”

“ร้อยสุดยอด?”  ไป๋เยี่ยส่ายศีรษะ  “พรสวรรค์ของเขายังไม่หยุดแค่นั้น  แต่, แต่ชีวิตของเขาไม่ค่อยดี  เกิดมาจากครอบครัวเล็กยากจน  แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์โดดเด่น  แต่เขาสามารถมาได้เพียงระดับนี้  แต่นั่นก็เป็นโอกาสที่ดี  เขาไม่เต็มใจที่จะตกต่ำอยู่เพียงแค่นั้น”

ไป๋เสี่ยวเข้าใจว่าลุงของเขาหมายถึงอะไร  กองกำลังนางแอ่นของเซี่ยอวี่อันเป็นสุดยอดของกองทัพระดับบรอนซ์และการก้าวหน้าให้สูงขึ้นไปอีกเป็นการยากมาก กองทัพระดับเงินไม่ใช่สิ่งที่ทวีปเล็กน้อยจะดูแลได้ ต่อให้เป็นทวีปใหญ่มีกำลังทรัพย์มากก็ไม่สามารถเก็บพวกเขาไว้ได้ กองทัพระดับเงินนั้นนับได้ว่าเป็นกองทัพสำคัญที่สุด  และเวลาที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความสามารถ  แต่เป็นความภักดี

ไป๋เสี่ยวสงสัยขึ้นมาทันที  “สวีจินซื้อกองทัพไหนมา?”

ไป๋เยี่ยแค่นเสียง  “ใครจะสนกันเล่าว่าซื้อกองทัพอะไร  ข้าไม่เชื่อว่าเขาสามารถซื้อกองทัพที่แข็งแกร่งมากกว่ากองทัพของนางแอ่นปีกคู่เซี่ยอวี่อัน”

ไป๋เสี่ยวก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน  เพราะความสัมพันธ์กับลุงของเขา  ไป๋เสี่ยวมีความรู้และความเข้าใจเรื่องกองทัพนางแอ่น  และนั่นเป็นกองทัพที่ถูกมองข้าม

******************

ในขณะเดียวกันชั้นบนสุดของเรือขนส่งของสมาคมการค้าสวีจี้ คนกลุ่มหนึ่งที่มองดูคล้ายกับผู้อพยพเบียดตัวอยู่ในพื้นที่ว่างมองดูเกะกะมาก

ทุกคนมีลักษณะไม่เชื่อฟังและไม่มีใครดูเหมือนกันเลย  มีบางคนก็หลับเล่นพนัน นั่งสัปหงก, วาดรูปก็มี ลับมีดอยู่ก็มี...

“ฆ่าหมูตัวนั้นที่กำลังกรนที!  เสียงของเขาดังมาก!”

“แค่กแค่ก  ใครสูบบุหรี่วะ?  คิดจะรมควันคนแก่ให้ตายหรือ?”

“ใครหยิบรองเท้าเหล่านั้นไป?”

“อย่าบังแสง,แสงคือแหล่งแห่งศิลปะ  เข้าใจไหม?”

……

“หัวหน้าเจ้านายของเราเขาเหมือนอะไร?” คนที่พูดเป็นคนร่างใหญ่ศีรษะโล้นเป็นประกาย  หน้าของเขาดุร้ายและรูปร่างกำยำ  เหมือนกับภูเขาลูกน้อย

“ใช่แล้ว,เขาสามารถจ่ายให้เราได้หรือ?”  คนแคระที่มีนัยน์ตาสามเหลี่ยมใช้มีดแคะขี้เล็บและถามแค่นๆ

“ถ้าเขาจ่ายไม่ได้เราก็แค่ฆ่าเขา”  เสียงเกียจคร้านดังออกมาคนที่อยู่รอบๆ ผงกศีรษะ

สตรีผมแดงที่ใบหน้าของนางแปะไปด้วยชิ้นแตงกวาฝาน

“เสี่ยวซาน,  เอาแตงกวาฝานมาเพิ่มอีก”

“หัวหน้า,หน้าของท่านแปะแตงกวาจนเต็มหมดแล้ว เจ้ายังต้องการแปะเพิ่มอีกเหรอ?” คนแคระตาสามเหลี่ยมถาม

สตรีผมแดงพูดอย่างอ่อนใจ  “ข้าชักหิวแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด