ตอนที่แล้วตอนที่ 599 ไปตายซะเจ้าบุรุษสวะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 601 กฎบังคับสามข้อของเย่ว์หยาง

ตอนที่ 600 กำเนิดดาบเทาเถี้ย


เผ่ามังกรแดนสวรรค์รู้ตัวว่าพวกเขาไม่ใช่คู่มือ  เนื่องจากพวกเขาพยายามเอาแต่หนี

ถ้าเย่ว์หยางต้องการฆ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์เหล่านี้ ก็คงใช้เวลาไม่กี่วินาที อย่างมากไม่เกินหนึ่งนาที  แต่เขาไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด กลับเรียกฮุยไท่หลางออกมาจากโลกคัมภีร์เตะก้นมันสั่งว่า “จงไล่กวดพวกเขา แต่อย่าฆ่า  ลากกลับมาที่นี่ แค่ให้เลือดตกยางออกก็พอ เข้าใจไหม? เลือดของพวกเขาจะได้ไม่เสียเปล่า!”

“เมี้ยววว” ฮุยไท่หลางผงกหัวและชูอุ้งเท้าของมันทำท่าทหารวันทยาหัตถ์

มันกางปีกและไล่กวดบุรุษมังกรแดนสวรรค์

บุรุษมังกรแดนสวรรค์ไม่ยอมให้จับง่ายๆ  ดังนั้นพวกเขาใช้พลังต่อสู้ตอบโต้

หางของฮุยไท่หลางเหมือนกับลูกตุ้มเหล็ก เมื่อมันหวดใส่ มันจะทำลายกระดูกสันหลังของมนุษย์มังกร และด้วยการตวัดกรงเล็บใส่ครั้งเดียวก็สามารถตัดปีกของมนุษย์มังกรขาด บุรุษมังกรผู้นั้นร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพช  แต่ฮุยไท่หลางไม่สนใจมันงับขาเขาและเหวี่ยงไปที่บ่อเลือดบูชายัญ  มนุษย์มังกรผู้นั้นพยายามตะเกียกตะกายหนี  โคเงาอาหมันก้าวเข้ามาในบ่อเลือดและเหยียบหัวเขาจนแตกกระจายเหมือนกับลูกแตงโม

นางพญากระหายเลือดนั่งหาวด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย  นางนึกว่าจะมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ดังนั้นนางดีใจออกมาข้างนอก  ใครจะรู้กันว่าแค่ฮุยไท่หลางตัวเดียวก็กวาดสวะพวกนี้ได้เรียบ

ตั๊กแตนมัจจุราชต่างออกไป

เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเต็มไปด้วยมังกรบินและมนุษย์มังกรแดนสวรรค์  สัญชาตญาณกระหายเลือดมังกรและแก่นเวทมังกรทำให้นางต้องการฆ่า

นางกางปีกและบินไล่ตามฮุยไล่หลาง  นางเชี่ยวชาญในการตามจับมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ที่ถูกฮุยไท่หลางทำร้าย และมังกรบินที่ซึ่งกำลังบินหนี  ถ้าเป็นมังกรบินที่อ่อนแอ นางก็แค่กินแก่นเวทมังกรในกลางอากาศ  เมื่อเห็นนักล่าโดยธรรมชาติของพวกมันปรากฏตัวในหุบเขามังกรบิน  ทั่วทั้งหุบเขามังกรบินตกอยู่ในความหวาดกลัว

ภูตเพลิงฟ้าไม่ได้ร่วมโจมตีด้วย  นางมองดูกระจกปีศาจดูดเลือดและพยายามจะกินมัน

“อยู่ห่างๆ จากมันนะ  นี่ไม่ใช่ส่วนแบ่งของเจ้า” เย่ว์หยางตะโกนไล่นาง  สมบัติอื่นยังพอทำเนา  แต่กระจกปีศาจนี้คือสิ่งที่สามารถช่วยให้เย่ว์หยางวิวัฒนาการดาบวิเศษฮุยจินได้

“.....” ภูตเพลิงฟ้าไม่ค่อยยินยอม แต่นางไม่กล้าขัดคำสั่งของเย่ว์หยาง

นางค่อยๆ ลอยออกมาขณะที่นางทนมองดูดาบวิเศษฮุยจินกำลังกินกระจกปีศาจ  เย่ว์หยางต้องการวิวัฒนาการดาบวิเศษฮุยจินมานานแล้ว  แต่เขาทำให้มันได้แค่ยกระดับเป็นอาวุธชั้นศักดิ์สิทธิ์ และนี่ทำให้เย่ว์หยางไม่รู้จะทำยังไงอีกต่อไป  เย่ว์หยางต้องการให้ดาบวิเศษฮุยจินเป็นอาวุธชั้นเทพหรืออย่างน้อยก็เป็นอาวุธเทพร่างอสูรก็ยังดี

อาวุธเทพร่างอสูรจะมีรูปลักษณ์คล้ายอสูรธรรมดา

สำหรับดาบวิเศษฮุยจินเมื่อกลายเป็นอาวุธเทพร่างอสูร มันจำเป็นต้องอยู่ในสภาพสิ่งมีชีวิต  แม้ว่าจะเป็นในรูปแบบโลหะมีชีวิต มักก็ยังมีชีวิตหนึ่ง หรือมิฉะนั้นเขาก็คงทำไม่สำเร็จ

เย่ว์หยางฆ่าราชันย์พันปีศาจภายในโลกหิมะและได้รับเม็ดพลังปีศาจสีแดง  ด้วยเม็ดพลังของอสุรกายดำที่พี่น้องหงส์เพลิงฆ่าตาย และเม็ดพลังของเงาปีศาจทอง (ปีศาจในวังเบญจธาตุ) เขามีเม็ดพลังสามรูปแบบแตกต่างกัน เย่ว์หยางเตรียมใช้กลั่นและผสานเข้ากับดาบวิเศษฮุยจินและทำให้มันมีชีวิต อาวุธเทพร่างอสูรมีชีวิต  โดยปกติจำเป็นต้องมีของอีกหลายอย่าง  ตัวอย่างเช่นเขาต้องการได้เลือดสดจำนวนมหาศาลและตุ๊กตารบที่มีชีวิตตนหนึ่ง  เพียงเท่านี้จึงจะยกระดับดาบฮุยจินเป็นอาวุธเทพร่างอสูรได้

ปัญหาก็คือเขาจะไปเอาตุ๊กตานักรบที่มีชีวิตมาจากไหน?

เขาไม่มีแหล่งทรัพยากรจะใช้สร้างนางฟ้านักรบอีกตนหนึ่ง  ดังนั้นเขาจะไปหาวัสดุจากที่ไหนถึงเพียงพอจะยกระดับดาบวิเศษฮุยจินของเขาได้?

เขาเก็บปัญหานี้เข้าลิ้นชักไว้จนกระทั่งพบเจอกระจกปีศาจ... กระจกปีศาจไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่ก็คล้ายสิ่งมีชีวิต และมีวิวัฒนาการโดยการดูดเลือด  นอกจากนี้ที่น่ากลัวมากก็คือมันมีสติปัญญา หลังจากดื่มเลือดของเหยื่อบูชายัญไปนับไม่ถ้วน มันวิวัฒนาการวิญญาณเป็นพิเศษซึ่งยังมีความต้องการเลือดต่อไป  จากมุมมองของมนุษย์  กระจกปีศาจเหมือนกับสัตว์ประหลาดมีชีวิตที่มีวิญญาณชั่วร้ายมาก

อีกเงื่อนไขหนึ่งก็คือต้องการเลือดจำนวนมาก

บ่อเลือดที่จุเลือดของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์หลายร้อยและมังกรบินอีกหลายหมื่น แม้ว่ากระจกปีศาจจะกินไปถึงครึ่งหนึ่งแล้ว  แต่เย่ว์หยางประมาณการว่าต้องฆ่าบุรุษเผ่ามังกรแดนสวรรค์น่าจะพอ

ดาบวิเศษฮุยจินค่อยๆ รวมผสานเข้ากับกระจกปีศาจ  จากนั้นเย่ว์หยางโยนเม็ดพลังปีศาจเพิ่มลงไปอีกสามลูก

แก่นเวทเพลิงและผลึกมังกรปีศาจที่เดิมทีอยู่ภายในดาบฮุยจินเติบโตกล้าแข็งแล้ว    พวกมันยังไม่เทียบเท่ากับเม็ดพลังปีศาจทั้งสาม แต่พวกมันจุพลังได้แน่นอน  ขณะเดียวกัน กระจกปีศาจ, เม็ดพลังปีศาจทั้งสาม, แก่นเวทเพลิงและผลึกมังกรปีศาจถูกกลั่นด้วยเพลิงอมฤต ดังนั้นพวกมันมิใช่ว่าไม่สามารถผสานเข้าด้วยกัน  พวกมันทั้งหมดมีความประสงค์เองและไม่ยินดีรวมกับพลังอย่างอื่น แต่พวกมันไม่มีทางเลือก  ถ้าพวกมันไม่เห็นด้วยกับความประสงค์ของเย่ว์หยางพวกมันจะสูญสลายตลอดไป  อีกด้านหนึ่งเย่ว์หยางถ่ายพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์และอีกทางหนึ่งใช้เพลิงอมฤตกลั่นดาบวิเศษฮุยจิน, กระจกปีศาจ, เม็ดพลังปีศาจทั้งสามและแก่นปีศาจทั้งสองขณะที่พวกมันเริ่มผสานเข้ากัน

เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าวันที่อาวุธเทพร่างอสูรถือกำเนิดจะมาจากเงื้อมมือของเขา

แม้ว่าจะเป็นอาวุธเทพร่างอสูรชั้นศักดิ์สิทธิ์  แต่อาวุธเทพร่างอสูรก็ยังไม่ถึงขีดจำกัดของมัน  แค่นั้นก็ทำให้เย่ว์หยางภูมิใจแล้ว

เมื่ออาวุธเทพร่างอสูรปรากฏขึ้น ทั่วทั้งหุบเขามังกรบินเต็มไปด้วยแสงสีแดงดุจโลหิต

พื้นสั่นสะเทือนเหมือนอย่างที่ตำนานอธิบายถึงการปรากฏของอาวุธเทพร่างอสูร

แผ่นดินผืนฟ้าเปลี่ยนสีขณะที่สายฟ้าแล่บแปลบปลาบ... ปราณปีศาจสีแดงดุจเลือดทะลักกระจายทั่วท้องฟ้าเหมือนปีศาจกลืนกินท้องฟ้า  สตรีเผ่ามนุษย์มังกรกลัวถึงขนาดกอดกันตัวสั่น  พวกนางไม่กล้าเงยหน้ามองดูอาวุธเทพร่างอสูรในมือเย่ว์หยางที่ยังเปลี่ยนแปลงไม่เสร็จสมบูรณ์  ในใจพวกนาง ไม่มีความคลางแคลงใจว่าจักรพรรดิมังกรฟ้าผู้ก่อตั้งเผ่าพันธุ์ในตำนานของพวกนางมีระดับนักสู้สูงสุดสามารถควบคุมอาวุธเทพร่างมนุษย์และบัญชาทุกคนภายใต้สวรรค์ได้ นั่นคือผู้ทัดเทียมพระเจ้าแน่  ไม่อย่างนั้นชาวเผ่ามังกรแดนสวรรค์จะยกย่องเทิดทูนเป็นผู้ก่อตั้งของพวกเขาได้อย่างไร?

เด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าต่อตาพวกนางมีพลังที่มิอาจหยั่งถึง  เขารู้เรื่องประวัติศาสตร์ของชาวเผ่ามังกรแดนสวรรค์และยังใช้อาวุธเทพร่างอสูรได้

ต่อให้เขาไม่ใช่จักรพรรดิมังกรฟ้ากลับชาติมาเกิด  เขาอาจเป็นจักรพรรดิมังกรฟ้ารุ่นต่อไปก็ได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อเด็กหนุ่มผู้นี้ชูอาวุธเทพร่างอสูร อสูรหอทงเทียนบนข้อมือของเขาก็ปล่อยพลังมังกร.. แม้แต่พวกนางก็เพียงได้ยินได้ฟังมาจากตำนาน  เมื่อพวกนางเห็นอสูรหอทงเทียนนั้น ซึ่งสามารถแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ พวกนางรู้ว่าเขาต้องเป็นศิษย์ของจักรพรรดิมังกรฟ้าแน่นอน  นี่เป็นเพราะมีแต่จักรพรรดิมังกรฟ้าเท่านั้นที่รู้วิธีสั่งการเทพมังกรทงเทียนและอสูรทงเทียนก็คือเทพมังกรทงเทียนเยาว์วัยนั่นเอง

เมื่ออสูรทงเทียนปรากฏตัว มนุษย์มังกรแดนสวรรค์ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงพลังมังกรระดับสูงที่ข่มพวกเขาได้ ทำให้วิญญาณพวกเขาสั่นสะท้าน

มีเสียงสะท้อน

ถ้าเด็กหนุ่มที่กำลังใช้เลือดมังกรสร้างอาวุธเทพร่างอสูรไม่ยอมรับว่าเขาคือจักรพรรดิมังกรฟ้า อย่างนั้นเจ้าของเทพมังกรทงเทียนก็ต้องเป็นจักรพรรดิมังกรฟ้าแน่นอน  มนุษย์มังกรแดนสวรรค์ไม่มีความสงสัยในเรื่องนี้

“ท่านผู้ก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์...”  สตรีเผ่ามังกรแดนสวรรค์ทุกคนพากันคุกเข่า  พวกนางไม่กล้าระบายลมหายใจแรงแม้แต่น้อยขณะที่พวกนางแสดงความเคารพเทิดทูน

“ตอนนี้ข้ากำลังยุ่ง, หลีกไปข้างๆ ก่อน” อสูรโลหะบนข้อมือของเย่ว์หยางเปลี่ยนร่างเป็นเทพมังกรพันอยู่รอบแขนของเขา มันเชิดหัวมาทางดาบวิเศษฮุยจิน เหมือนกับว่ามันกำลังคุยว่า แม้ว่าดาบวิเศษฮุยจินจะกลายเป็นอาวุธเทพร่างอสูร  แต่ก็เทียบกับมันไม่ได้ แน่นอนว่าการทำเช่นนี้มันแสดงถึงวิธีที่มันมองดาบวิเศษฮุยจินว่าเป็นคู่แข่งของมัน  ตั้งแต่ดาบวิเศษฮุยจินยกระดับใหม่มันสร้างความประทับใจได้มาก

มันกลายเป็นดาบวิเศษใหม่อย่างสมบูรณ์

กล่าวอีกนัยหนึ่งมันกลายเป็นอสูรโลหะตัวใหม่

มันเป็นอาวุธและยังเป็นอสูรได้   มันมีลักษณะน่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเห็นอสูรแห่งหอทงเทียนมาก่อน  นี่มาจากปีศาจที่มีพลังมังกรที่เย่ว์หยางเคยเห็นมาจากโลกมนุษย์ก่อนที่เข้ามายังมิตินี้ เขาของมันยาวชี้ขึ้นฟ้า เขี้ยวแหลมคมกลืนกินคนได้ขนาดของมันพอๆ กับสิงโตและขนของมันมองดูเหมือนหลาวขณะเดียวกันมันมีหางที่เต็มไปด้วยหนาม

อัญมณีดูดเลือดซึ่งฝังอยู่ในกระจกปีศาจกลายเป็นตาของมัน

เม็ดพลังปีศาจทั้งสามกลายเป็นผลึกเวทที่ยังคงหมุนอยู่บนหัวของมันโดยไม่หยุดนิ่ง

แก่นเวทปีศาจเพลิงและผลึกมังกรปีศาจผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นหัวใจของมัน  สีข้างทั้งสองมองดูเหมือนสิงโต  แต่เห็นได้ชัดว่าสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนของกระจกปีศาจ  ขณะที่มันเรืองแสงสีแดงที่ดูน่ากลัว  หางของมันมีไฟลุกโพลงมีทั้งไฟปีศาจและไฟภูตพราย  โลกภายในกระจกปีศาจกลายเป็นท้องของมัน  ถ้ามันไม่สามารถกัดศัตรูของมันให้ตาย มันสามารถกลืนคนได้ร้อยคน  ถ้ามันมีวิวัฒนาการอีก โลกภายในของมันจะขยายตัวและกลายเป็นลึกไร้ก้นอย่างแน่นอน

ความจริงสิ่งที่เย่ว์หยางต้องการที่สุดก็คือโลกที่น่าสยดสยอง

กระจกปีศาจระดับศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นรอง

ด้วยว่าโลกที่อยู่ภายในนั้นสามารถดูดเลือดได้ มันจะกลายเป็นฝันร้ายของศัตรูของเขา... ไม่เพียงเท่านั้นศพของพวกเขา วิญญาณของพวกเขาจะติดอยู่ภายในตลอดไป  เย่ว์หยางยังต้องการรอจนกระทั่งเขาแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ก่อนจะผสานกับเจดีย์ปราบปีศาจด้วยเช่นกัน  อย่าว่าแต่นักรบปราณฟ้าธรรมดาเลย  แม้แต่นักรบปราณฟ้าอย่างชางเหยียน, เหยียนจงและเหยียนจุนก็ยังติดอยู่ในนี้ตลอดไป

ปกติเป้าหมายของเย่ว์หยางก็คือจักรพรรดิชื่อตี้และเป้าหมายที่สูงยิ่งกว่าก็คือจิ่วเซียวและซิวคงของสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์

ถ้าเขาต้องการกักพวกเขาไว้  เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องถึงระดับสร้างมิติหลุมดำได้

เขาจะยังไม่คิดถึงตอนนี้  แต่อาจมีความเป็นไปได้ในอนาคต

“เจ้ายังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ชั่วคราว  แต่ข้าจะตั้งชื่อเจ้าไว้ก่อน ในอนาคตเจ้าจะมีชื่อว่า ‘เทาเถี้ย’” เย่ว์หยางเหยียดมือออกขณะที่อสูรเปลี่ยนสภาพทันทีและพันรอบแขนเย่ว์หยางไว้ มันพันแขนของเขาอย่างแน่นไม่มีรอยต่อมองดูเหมือนผิวธรรมชาติ  อาจกล่าวได้ว่ามันกลายเป็นส่วนขยายของแขนเย่ว์หยาง  เหมือนกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเย่ว์หยางเสมอ

ในรูปของดาบเทาเถี้ย หัวก็คือดาบและปาก ลิ้นและฟันก็คือคมดาบ

เย่ว์หยางจับที่เอวขณะที่ขาทั้งสี่และหางยืดออกและผสานกับหัว ฟันและลิ้นกลายเป็นดาบหนักกึ่งฟันเลื่อยกึ่งดาบโค้ง

อสูรโลหะอีกตัวโมโหเปลี่ยนร่างกลายเป็นกระบี่ทงเทียน มันถือโอกาสกระทบใส่ดาบเทาเถี้ยเบาๆ

เสียงกระทบกันดับติง

แม้ว่าเสียงจะไม่ดังมาก แต่ก็เพียงพอสั่นสะท้านวิญญาณคนอื่น

ผู้ช่วยของเจ้าเมืองปีศาจหมอหลงสั่นสะท้านเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดตายทันที  แม้แต่หมอหลงเองแก้วหูแตกกระอักโลหิต เหมือนกับว่าเขาได้ยินพลังเสียงกรีดของนางพญากระหายเลือด

เย่ว์หยางดีใจและลองใช้มือสะบัดฟัน

ดาบเทาเถี้ยฟันออกไปข้างหน้า  ผนังภูเขาห่างออกไปพันเมตรเป็นรอยลึกสายหนึ่ง  รอยฟันนั้นยาวร้อยเมตรและลึกสิบเมตร.... ระหว่างทางมันผ่ามังกรบินขาดครึ่ง แม้แต่ฮุยไท่หลางที่กำลังไล่จับบุรุษมังกรแดนสวรรค์ก็พลอยสะดุ้งไปด้วย  กระบี่ทงเทียนอีกด้านหนึ่งยังไม่ยอมสงบ มันเริ่มส่งพลังปราณกระบี่เล็กน้อยและแทงผนังเขาอีกลูกหนึ่งลึกร้อยเมตร

เทียบกับพลังผ่าปฐพีแล้ว ท่านี้มีพลังทำลายล้างมากกว่า

นี่เป็นครั้งแรกที่อสูรโลหะอวดพลังของมันเช่นนี้  ถ้าไม่ใช่เพราะดาบเทาเถี้ย  มันคงไม่ยอมแสดงพลังของมัน

“เอ้านี่ รางวัลของเจ้า!”  ปกติแล้วเย่ว์หยางเข้าใจหัวใจของอสูรโลหะนี้  เขาให้รางวัลมันด้วยผลึกปีศาจของปีศาจโบราณ  มันดีใจมากขณะม้วนพันรอบแขนของเย่ว์หยาง

ในร่างของดาบเทาเถี้ย เย่ว์หยางจุ่มดาบลงในบ่อเลือด ปล่อยให้มันดูดพลังจากจากเลือดเพื่อวิวัฒนาการต่อไป

เซี่ยอีรอให้เขาเสร็จงานก่อนจะลอบกระตุกแขนเสื้อของเขา  “มันก็ดีอยู่หรอกนะที่เจ้าช่วยพวกนาง  แต่ทำไมเจ้าต้องแกล้งทำเป็นเจ้านายของพวกนางด้วย? อวดอ้างว่าเป็นจักรพรรดิมังกรฟ้า มันไม่ดีไม่ใช่หรือ?”

เย่ว์หยางยิ้มเมื่อได้ยินคำนี้  “เหลวไหล, ถ้าข้าไม่อ้างตัวเป็นจักรพรรดิมังกรฟ้า พวกนางจะฟังข้าหรือ? ลองดูสิ พวกนางเชื่อฟังมากเพียงไหน  พวกนางจะทำตามที่ข้าบอก  ถ้าข้าไม่อ้างเป็นผู้ก่อตั้งของพวกนาง แล้วข้าจะขุดสุสานบรรพบุรุษของพวกนางได้อย่างไร?”

เซี่ยอีปวดศีรษะ  “ฆ่าคนก็พอแล้ว นี่ยังจะขุดหลุมบรรพบุรุษพวกเขาด้วยเหรอ?  เจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว ทำไมไม่ปล่อยวางเสียบ้าง”

เย่ว์หยางใช้นิ้วชี้แหย่คางนางเบาๆ “ถ้าข้าไม่ขุดสุสานบรรพบุรุษพวกเขา แล้วข้าจะตรวจสอบสายเลือดมนุษย์มังกรในตัวเจ้าได้ยังไง?  นอกจากนี้ ต้องมีสมบัติอยู่ภายใน  ข้ารู้สึกถึงมันได้เมื่อข้าเข้ามา  ถ้าข้าไม่เอาไปด้วย  อย่างนั้นข้าคงพลาดโอกาสนี้”

“ข้ามีสายเลือดมนุษย์มังกรหรือ?”  เซี่ยอีตะลึง

“หา?” อย่าว่าแต่นางเลย  แม้แต่ราชินีซิกและนางอื่นๆที่ได้ยินก็ยังงุนงงขณะที่พวกนางมองดูเซี่ยอี  ถึงตอนนี้พวกนางสังเกตได้ว่ามีความรู้สึกที่คุ้นเคยขณะที่พวกนางมองดูเซี่ยอี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด