ตอนที่แล้วตอนที่ 597 หอมกลิ่นเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 599 สมาคมการค้าสวีจี้

ตอนที่ 598 มาถึงทวีปทรายขาว!


นอวี่หรันลืมตากว้าง อากาศที่อบอุ่นนุ่มนวลรอบตัวนางอบอวลไปด้วยกลิ่นที่นางชอบใจห้องของนางเงียบสงบราวกับอยู่อีกโลกหนึ่ง นางยืดตัวอย่างเกียจคร้าน ลุกขึ้นและพออาบน้ำเสร็จนางเพลิดเพลินกับอาหารเช้าและน้ำชา และนางได้ยินบ่าวรับใช้คุยกันว่าพี่เหมิ่งหนานไปที่สนามฝึกฝนแต่เช้าตรู่ นางตกใจและวางขนมในมือลง

สนามฝึกฝน?

นางประหลาดใจ นางไม่ต้องการจดจำเรื่องสงครามในวันก่อน นางตกอยู่ในความสิ้นหวังและความกลัวครอบงำราวกับว่ามันกำลังควบคุมหัวใจนางจนนางไม่สามารถดิ้นรนออกมาได้

ไม่ใช่แต่เพียงนางเท่านั้น ไป๋เสี่ยวก็เช่นกันรู้สึกกดดันและตกใจหนัก และจนกระทั่งตอนเช้า  เขาก็ยังรู้สึกในลักษณะเดียวกัน  แม้ว่ากลุ่มของทหารฝีมือดีที่พวกเขาจ้างไว้ก็ดูไม่มีชีวิตชีวาเลย

แต่เวลานี้ พี่เหมิ่งหนานกำลังอยู่ในลานฝึกฝนได้จริงๆ...

จากการต่อสู้เมื่อวานนี้อาจกล่าวได้ว่าเขาเหน็ดเหนื่อยที่สุด แต่ทำไมเขาดูเหมือนยังสบายดีอยู่? เป็นไปได้ไหมว่าสำหรับเขาแล้ว การสู้รบเมื่อวานนี้ยังไม่หนำใจพอ?

ฉินอวี่หรันตัดสินใจไปดู

หลังจากเสร็จอาหารเช้าแล้วนางมุ่งหน้าไปที่ลานฝึกฝีมือ เมื่อนางมาถึง นางก็ตระหนักได้ว่ามีกลุ่มคนออกันอยู่ด้านนอก

“พวกเขาไม่ธรรมดากันเลยทุกคน!  เข้ากันได้ขนาดนั้น  พวกเขาทำได้อย่างไร?”

“การผสานเข้ากันได้ระดับสูง80%!  พระเจ้า! ข้ากำลังดูอะไรอยู่!”

“พวกเขาเป็นใครกันแน่?”

รอบๆ ลานฝึกเต็มไปด้วยพวกหน่วยคุ้มกันและกลาสีเรือ  พวกเขาถูกป้าชิวจ้างไว้ทุกคน  และทุกคนมีประสบการณ์อย่างน้อย 5 ปี  พวกเขาคุ้นเคยกับการตั้งรูปกระบวนและทุกคนนั้นโดดเด่นเป็นคนฝีมือดีจากทวีปต่างๆ

แต่ในขณะนั้น นักสู้ฝีมือดีทุกคนมีสีหน้าท่าทางตกใจ  เหมือนกับว่าพวกเขาเห็นผีและทุกคนอุทานออกมาเสียงดัง

ฉินอวี่หรันยิ่งรู้สึกสงสัยมาก โดยไม่ต้องทำให้คนอื่นแตกตื่น  นางมองผ่านกระจก สิ่งที่นางเห็นประจักษ์ก็คือในลานฝึกภายในทำให้นางรู้สึกตกใจ เป็นกลุ่มของผู้คุ้มกันพี่เหมิ่งหนาน

เมื่อสือเซินตื่นขึ้นก็ตระหนักได้ว่าถังเทียนไปฝึกฝนแล้ว เขารู้สึกละอายใจมาก ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ผู้นำกำลังฝึกและบริวารอยู่อย่างเกียจคร้าน?  เป็นไปได้ยังไงที่เรื่องตลกอย่างนั้นเกิดขึ้นกับกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวผู้กลายเป็นอภิสิทธิ์ชน?

กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวก็ละอายเช่นกัน ยังดีที่พวกเขาไม่แข็งแกร่งเท่าเจ้านายของพวกเขา  แต่มีความเพียรน้อยกว่าผู้เป็นนาย นั่นสมควรตาย! และการต่อสู้เมื่อวานนี้ล้วนเป็นฝีมือของเจ้านายคนเดียว  พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย สำหรับกองกำลังปีศาจผู้โอ้อวดว่าเป็นชนชั้นสูง ปลอดภัยภายใต้การปกป้องของเจ้านายพวกเขาเป็นเรื่องน่าละอาย

นอกจากนี้เจ้านายของพวกเขายังปฏิบัติกับพวกเขาเป็นอย่างดีมาก

โดยไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขารวมกันที่สนามฝึกและเริ่มฝึก

สือเซินโกรธ ถ้าในอนาคต เจ้านายของพวกเขาเป็นหนึ่งในแนวหน้าอย่างนั้นพวกเขาจะอยู่ในจุดไหน? การต่อสู้คือสิ่งเดียวที่กลุ่มทหารแก่นี้สามารถทำได้  และพวกเขาไม่สามารถปลดเปลื้องตัวเองจากสภาพนั้นได้แน่

ทุกคนผู้ติดตามเขาล้วนเป็นทหารผ่านศึกกันมาแล้วทั้งนั้นมีความหยิ่ง ความภูมิใจและไม่สามารถจะทนอยู่ได้ และพยายามอย่างมากเพื่อจะเพิ่มความยากในการฝึกฝน  ความต้องการนี้เป็นข้อตกลงเห็นพ้องของทุกคน

ยิ่งสือเซินคิดมากขึ้นว่าเจ้านายเห็นด้วยแล้วกับการเสริมระดับของพวกเขา พวกเขาก็ต้องเตรียมตัวไว้ก่อน เนื่องจากพวกเขามีคนไม่เต็มหน่วยมานานแล้ว

ดังนั้นจึงเกิดภาพต่อหน้าของฉินอวี่หรัน

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเราจะได้เห็นกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวที่นี่”

เสียงของไป๋เสี่ยวที่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มดังอยู่ข้างตัวนางและฉินอวี่หรันจึงได้รู้ว่าไป๋เสี่ยวปรากฏข้างตัวนางโดยไม่รู้ตัว  แต่นางสนใจคำพูดของไป๋เสี่ยวทันที  “กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจว?กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวที่มีชื่อเสียงอื้อฉาวน่ะหรือ?”

“ความตกต่ำของกองพลปีศาจทวีปโยวโจวมีมานานแล้ว  และปัจจุบันกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวในตลาดเกินกว่าสิบจะมีจริงเพียงหนึ่งแม้แต่ชาวพื้นเมืองของทวีปโยวโจวก็ไม่ยินดีจะเข้าสอบเป็นกองกำลังปีศาจ แต่คนพวกนี้เป็นกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวของแท้แน่นอน”  ไป๋เสี่ยวอธิบาย

“กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวของแท้?”  ฉินอวี่หรันทวนย้ำ

“กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวที่แท้จริงจะกล้าหาญชาญศึกมานะอดทนมีวินัยดีสามัคคีกลมเกลียว คุ้นเคยกับการรบเป็นรูปกระบวนศึกมากและเป็นทหารฝีมือดีที่ภายใต้สวรรค์ได้รับยกย่องว่าราชันย์ในหมู่ทหารจากในอดีต” ไป๋เสี่ยวจ้องมองสือเซินและคนของเขาที่กำลังเตรียมตัวฝึกฝนและสรรเสริญ  “นอกจากนี้บุรุษทุกคนนี้เป็นทหารผ่านศึกมาแล้ว เรื่องน่าเสียดายประการเดียวก็คือพวกเขาไม่ใช่คนหนุ่มอีกต่อไป  ถ้าพวกเขาอ่อนกว่านี้สัก 10 ปี แม้จะมีคนเพียง 46 คน  พวกเขาจะมีพลังที่ใครๆ ไม่อาจดูถูกได้เลย”

จากนั้น ฉินอวี่หรันสังเกตเห็นว่าสือเซินผมเริ่มหงอกแล้วและเหงื่อเต็มใบหน้า นางรู้สึกตื่นเต้น “ทำไมพวกเขายังคงฝึกอย่างดีที่สุด? พวกเขาแก่มากแล้ว!”

ไป๋เสี่ยวตกใจและพูด “บางที่เป็นเพราะพวกเขาเคยชินมากเกินไป ประเพณีกองทัพและการฝึกฝนได้ฝังแน่นอยู่ในกมลสันดานพวกเขาจึงไม่อาจเปลี่ยนได้แค่วันหรือสองวัน ข้าเคยพบเห็นทหารผ่านศึกมาก่อน ทุกคนยังฝึกจนเป็นนิสัย จนกระทั่งบัดนี้พวกเขาก็ยังไม่อาจหยุดฝึกได้”

จากนั้นเขาชี้ให้เห็นว่า “เบื้องหลังพี่เหมิ่งทำให้ข้าสงสัยจริงๆ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องกล่องพลังต้นกำเนิดมาก่อน  และมีกิ่งไม้น้ำแข็งฟ้ามากมายมหาศาล  ทั้งผู้คุ้มกันรอบๆ ตัวเขากลับเป็นกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจว  ตระกูลพี่เหมิ่งน่ากลัวกว่าที่ข้าคิดไว้มาก”

ฉินอวี่หรันมองดูไป๋เสี่ยว จากนั้นรั้งสายตากลับ “แล้วยังไง? ข้าเพียงแต่รู้ว่าพี่เหมิ่งช่วยชีวิตข้าไว้ และยิ่งกว่านั้นต่อให้เป็นเช่นนั้น เป็นสหายก็ยังดีกว่าเป็นศัตรู”

ไป๋เสี่ยวยิ้มและชื่นชม “ยังคงเป็นอวี่หรันมองเห็นได้ชัด!  เป็นเพราะผู้พี่เขลาไปหน่อย”

ฉินอวี่หรันหัวเราะ “พี่ไป๋เสี่ยวช่วยข้าไว้มากเช่นกัน”

นางซาบซึ้งใจต่อไป๋เสี่ยวที่สามารถรวบรวมความกล้าในช่วงเวลาที่อันตราย  เป็นเรื่องที่หลายคนไม่สามารถทำได้  นางไม่ต้องการเห็นบุรุษทั้งสองเป็นศัตรูกันและจะดีที่สุดคือเป็นสหายกัน พี่ไป๋เสี่ยวมีเครือข่ายความรู้กว้างขวางและฉลาด  ด้วยความช่วยเหลือของเขา  พี่เหมิ่งก็จะทำเงินได้มาก

ขณะที่หลายคนเทความสนใจไปที่การฝึกเป็นกลุ่มของสือเซิน การฝึกของถังเทียนไม่มีอะไรที่ดูโดดเด่นมากต่อไป

หลังจากฝึกมาสี่ชั่วโมงเต็มในที่สุดถังเทียนก็หยุด และเตรียมกลับไปอาบน้ำที่ห้อง  ขณะที่เขาเตรียมจะออกมาจากลานฝึก  เขาพบกับไป๋เสี่ยวและฉินอวี่หรัน  ไป๋เสี่ยวยิ้ม “พี่เหมิ่งขยันฝึกฝนจริงๆ มิน่าเล่าท่านถึงดูแข็งแกร่งยิ่งนัก  ผู้น้องประทับใจจริงๆ”

ถังเทียนไม่มีการถ่อมตัวแม้แต่น้อย  แต่กลับพยักหน้าทำราวกับรู้ทุกอย่าง  “แน่นอน,เพราะข้าต้องการจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น  ข้ายังมีหลายอย่างที่ข้าต้องการทำ  ไม่อาจเสียเวลาได้”

ไป๋เสี่ยวตะลึง เขาไม่เคยคิดว่าถังเทียนจะพูดอะไรอย่างนั้นออกมา  อารมณ์แสดงออกของถังเทียนนั้นจริงจังขณะเดียวกันเขาสามารถรู้สึกได้ชัดว่าเป็นความคิดที่ออกมาจากใจของเขา

ถังเทียนตบไหล่ไป๋เสี่ยวและแนะนำ  “เสี่ยวไป๋, เจ้าก็ต้องจริงจังเช่นกัน,  เหงื่อไม่เคยโกหก!  ข้าขอตัวไปอาบน้ำก่อน!”

เขาเดินออกมาจากไป๋เซียวไป๋เซียวมีสีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดงด้วยความรู้สึกละอายใจ  เขาเกิดมาเป็นผู้สูงศักดิ์  มีพรสวรรค์น่าประหลาด และกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อยเริ่มท่องเที่ยวและมีสหาย หยิ่งเมื่อพูดถึงเรื่องชีวิตและมักมีมุมมองที่พึงพอใจต่อชีวิตทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาต่างก็ยกย่องสรรเสริญเขาทั้งวัน  และทั้งหมดมักจะพูดอย่างเดียวกันว่าอนาคตของเขาไม่มีที่สิ้นสุด

แต่คำพูดของเหมิ่งหนานกลับระคายหูมาก  แต่กลับดังเหมือนระฆังทุ้มต่ำ ทำให้เขาตกใจได้คนที่แม้จะแข็งแกร่งมากกว่าเขา ยังพูดว่าเขาไม่อาจเสียเวลาได้และหยาดเหงื่อไม่เคยโกหก

ฉินอวี่หรันเม้มริมฝีปากนาง  นางเกือบจะอุทานออกมาดังๆ นางไม่เคยคิดว่าพี่เหมิ่งจะพูดทำเรื่องเช่นนั้น  หัวใจนางกังวลมาก  ไป๋เสี่ยวผู้หยิ่งและภูมิใจจะอดทนต่อความอายได้ยังไง?

และยังมีคำนั้น ‘เสี่ยวไป๋’....

หน้าของไป๋เสี่ยวค่อยๆ คืนสู่ความสงบอีกครั้งเขาเงยหน้าและหัวเราะ “ข้าไม่อาจเทียบได้กับพี่เหมิ่ง!”

ความรู้สึกที่เขามีต่อเหมิ่งหนานก็คือเคารพและอิจฉา เคารพต่อพลังใจและความขยันหมั่นเพียรทำงานหนัก  และอิจฉาก็เพราะเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก  และไล่ตามด้วยความหลงใหลมุ่งมั่นตลอดกาลทำให้ผู้อื่นรู้สึกได้ชัดถึงความมุ่งมั่นกระหายผ่านหยาดเหงื่อของเขา

เพราะเขามีหลายอย่างที่เขาต้องการทำ

แท้จริงข้าต้องการทำอะไรกันแน่?

เขาสับสนทันใดนั้นเขาเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่เขาจำเป็นต้องคิดและเข้าใจ  เขารู้สึกขอบคุณต่อเหมิ่งหนานมากถ้าไม่ใช่เพราะเหมิ่งหนาน เขายังคงมั่นใจว่าตนเองมีชีวิตอิสระและง่ายดาย  ทั้งที่ในความจริงแล้วเขาใช้ชีวิตอย่างยุ่งเหยิง

วันเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ได้รับทราบข่าวว่ากองเรือรบทวีปทรายขาวส่งทูตมาต้อนรับพวกเขา  เมื่อเรือรบไม้โลหิตไปถึงทวีปทรายขาว  พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้น

ฉินอวี่หรันได้รับการยกย่องว่า นักร้องผู้เข้าถึงจิตวิญญาณและมีชื่อเสียงโด่งดังในหลายทวีปของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่านางจะไปที่ใด นางจะได้รับการต้อนรับและติดตามจากตระกูลและเจ้าหน้าที่ซึ่งมีตำแหน่งสูงส่ง

“โห โห, มีคนตั้งเยอะแยะมากมาย!”  ถังเทียนมองลงมาเห็นคลื่นผู้คนถึงกับพูดไม่ออก

“พี่เหมิ่ง,ท่านจะไม่มากับเราจริงๆ หรือ?” ฉินอวี่หรันใช้ดวงตาที่งดงามมองดูถังเทียนในลักษณะอ้อนวอน

“ไม่ ไม่” ถังเทียนส่ายศีรษะ “ข้าต้องการไปซื้อของก่อน”

ไป๋เสี่ยวฉลาดในหลายเรื่องอย่างเห็นได้ชัด  เขาหัวเราะ “พี่เหมิ่งชอบความเงียบสงบเราคงไม่รบกวนท่านอีกต่อไป แต่ข้าจองห้องพักไว้ในโรงแรมทรายขาวไว้ให้ท่านแล้ว  ท่านสามารถไปที่นั่นได้โดยตรงเลย  พี่เหมิ่ง, ท่านอย่าหงุดหงิดข้าเลยนะ ข้ายังกังวลเรื่องหอกต้นน้ำแข็งฟ้าที่อยู่ในมือของท่าน  ข้าหวังว่าท่านยังคงเก็บไว้ให้ข้าส่วนหนึ่ง”

ถังเทียนหัวเราะ “ไม่ต้องห่วง  ข้ามีให้เจ้าแน่ไม่ว่าเจ้าต้องการเท่าใดก็ตาม”

ไป๋เสี่ยวสะท้านใจ เป็นไปได้ไหมว่าเขายังมีอีกกองหนึ่ง  เขายังซ่อนเก็บเอาไว้หรือ? ทันใดนั้นเขาสงสัยเกี่ยวกับพลังซื้อของตนเอง  เขาจะต้องส่งจดหมายไปให้ศาสตราจารย์ของเขาและติดต่อตระกูลสองสามตระกูลเพื่อให้ซื้อหอกต้นน้ำแข็งฟ้า

เมื่อเห็นว่าไป๋เสี่ยวมีแผนเรียบร้อยแล้ว  ฉินอวี่หรันสงบใจได้

ในเวลาอันรวดเร็วเรือรบก็เข้าใกล้ท่าและเพลงจากด้านนอกได้ยินเข้ามาข้างใน

ถังเทียนเกาคางและบ่นพึมพำ  “เฮ้,มิน่าเล่าข้าถึงรู้สึกว่าสถานที่นี้มันคุ้นๆ นัก นี่คือสถานที่ขลุ่ยวิเศษชอบนักไม่ใช่หรือ? ฮืมมมม ข้าสามารถดึงคุณชายขลุ่ยวิเศษมาแสดงฝีมือที่นี่รับรองว่าเขาคงได้โด่งดังแน่, ไม่แน่ว่าเขาจะทำรายได้จากที่นี่...”

ฉินอวี่หรันตาเป็นประกาย “ขลุ่ยวิเศษ?”

คำพูดนี้เกี่ยวข้องกับเพลงอย่างเห็นได้ชัด

“คุณหนู, เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้แล้ว”  ป้าชิวเตือน

ฉินอวี่หรันจำและจดชื่อนั้นไว้ในใจ  นางแต่งกายแล้วโบกมือยิ้มให้ถังเทียน  “พี่เหมิ่ง, ข้าไปก่อนนะ”

ทันทีที่ฉินอวี่หรันก้าวออกจากเรือรบ  กลุ่มผู้คนด้านนอกก็คลั่งไคล้เสียงสนั่น

“ดูเหมือนคุณหนูฉินจะโด่งดังที่นี่มากเลยนะ”  สือเซินพูดขณะมองผ่านหน้าต่าง

ถังเทียนลูบคาง เขารู้สึกว่าการดึงขลุ่ยวิเศษมาที่นี่เพื่อหารายได้นับเป็นความคิดที่ดีเช่นกัน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด