ตอนที่แล้วตอนที่ 17-38 การโจมตีที่ทรงพลังที่สุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17-40 ทรยศ

ตอนที่ 17-39 ผ่าฟ้า


เทือกเขาสกายไรท์ ที่ชายขอบหุบเขาใหญ่

“บึ้ม!” “บึ้ม!” “บึ้ม!” “บึ้ม!”

เสียงสั่นสะเทือนครั้งแล้วครั้งเล่าจนพื้นสั่นสะเทือน ที่พักอยู่อาศัยในหุบเขาสามารถรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนนี้ได้ชัด พวกเขารู้สึกสงสัยกันทั้งหมด และหลายคนตรงไปยังที่ซึ่งเกิดแรงสั่นสะเทือน เมื่อพวกเขาไป พวกเขาก็เห็น...

ว่าลินลี่ย์กำลังต่อยหมัดใส่พื้นครั้งแล้วครั้งเล่า

แม้ว่าหมัดของเขาจะไม่ส่งผลอะไรต่อพื้น แต่พลังหมัดแผ่ไปตามพื้นทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน

“เป็นผู้อาวุโสลินลี่ย์!”

ชาวเผ่าเหล่านั้นผู้รำคาญหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าเป็นลินลี่ย์กำลังฝึกฝน ก็ไม่กล้าพูดอะไร

“ยังไม่ถูก” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ จากนั้นปล่อยหมัดหนักอีกครา

แม้ว่าหมัดดูเหมือนจะปล่อยออกมาด้วยความเร็วที่ช้ามาก แต่ก็ยังปล่อยความรู้สึกแฝงอยู่ในพลังของภูเขา เมื่อหมัดลินลี่ย์หยุดในการต่อยแต่ละครั้ง แรงสั่นสะเทือนจะส่งผ่านไปตามพื้นที่

แต่ลินลี่ย์แค่ขมวดคิ้ว และเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีของเขาอีกครั้ง

เมื่อทดสอบวิชา ลินลี่ย์ไม่ได้แปลงร่างเป็นมังกร ที่สำคัญ เมื่อเขาอยู่ในร่างมังกรแปลง พลังหมัดแต่ละหมัดจะน่ากลัวมาก ลินลี่ย์หมกมุ่นอยู่ในการฝึกของเขาและทดสอบอย่างต่อเนื่อง ในใจของเขา ภาพการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าผุดขึ้นมา และจากนั้นก็ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง...

“ท่านประมุขเผ่า ผู้อาวุโสลินลี่ย์ตอนนี้อยู่ในหุบเขากำลังต่อยพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนกับว่าเขากำลังทดสอบวิชาบางอย่าง ผู้อาวุโสลินลี่ย์ฝึกอย่างนี้มาเดือนหนึ่งแล้ว” บุรุษชุดดำเรียนด้วยความเคารพ

ประมุขกัซลีสันอดหัวเราะไม่ได้ “โอว? ต่อยพื้นหรือ? ดูเหมือนว่าเขาคงทดสอบพลังโจมตีวัตถุ เขาเสียประโยชน์จากการมีร่างกายที่ทรงพลัง เขาควรจะเริ่มฝึกพลังโจมตีวัตถุให้มากขึ้นมานานแล้ว”

อาศัยความได้เปรียบของตนเองเป็นทางเลือกที่ฉลาด

เนื่องจากร่างกายของลินลี่ย์ทรงพลัง เขาจึงต้องมีสมาธิมากเป็นธรรมดา

“ข้าต้องการดูว่าเขามีความก้าวหน้าแค่ไหน” กัซลีสันเดินไปหาเขาทันที

ในช่วงที่ผ่านมาห้าร้อยปี กัซลีสันห่วงใยถึงอนาคตของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ เขาอารมณ์ไม่ดีเสียเลย สำหรับเขาการออกไปตรวจตราเป็นวิธีที่ทำให้เขาผ่อนคลายได้

กัซลีสันบินด้วยความเร็วสูง ในไม่ช้าก็มาอยู่ในอากาศเหนือหุบเขา

“ครืน...”

กัซลีสันสามารถรู้สึกได้ชัดถึงระลอกพลังในอากาศ

“ดูเหมือนว่าเขาทำได้ดีทีเดียว” กัซลีสันบินเข้าไปดูด้วยความเร็วสูง จนอยู่เหนือพื้นที่ฝึกฝนของลินลี่ย์ ลินลี่ย์ในตอนนี้กำลังหมกมุ่นอยู่กับการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เขามีความเข้าใจและก้าวหน้าขึ้นในแต่ละหมัดที่เขาต่อยออกไปโดยไม่ทันสังเกตว่ามีคนมาถึง

หมัดขวาของลินลี่ย์ปล่อยอีกครั้ง...

หมัดของเขาดูเหมือนกับเป็นโม่ขนาดยักษ์ที่กำลังบดช้าๆ แต่ก็ยังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วราวสายฟ้า หมัดนี้สร้างระลอกในพื้นที่ซึ่งสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า

“โอววว” กัซลีสันตาเป็นประกาย

“ไม่ถูก ยังไม่ถูก...” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ

แต่ละครั้งที่ละทิ้งวิธีเดิม เขาจะได้รับความเข้าใจใหม่ที่ดีขึ้น ดังนั้นเขาจึงมีการบรรลุใหม่ๆ ขณะที่เขาพบข้อบกพร่อง.... เขาจะค้นหาพลังโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่กว่า

เขาเปลี่ยนเคล็ดวิธีการครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ได้รับความรู้ใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนกัน...

ท่าทีประหลาดใจค่อยๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้ากัซลีสัน

“แปลก ทำไมพื้นถึงหยุดสั่น?” ทุกคนคุ้นชินกับพื้นสั่นสะเทือน เมื่อพื้นหยุดสั่นสะเทือนชาวเผ่าที่อยู่ในหุบเขาจึงประหลาดใจและรีบมายังพื้นที่ฝึกของลินลี่ย์

“หรือว่าผู้อาวุโสลินลี่ย์หยุดฝึก?”

ชาวเผ่ารีบมากันทุกคน แต่พอพวกเขามาแล้ว พวกเขาเห็นว่าลินลี่ย์ยังคงต่อยพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“พวกเจ้าทุกคนออกไป” เสียงหนึ่งดังก้องอยู่ในใจของคนที่มาสังเกตการณ์ “อย่ารบกวนผู้อาวุโสลินลี่ย์”

ชาวเผ่าเหล่านี้ตกใจกันหมด ถึงตอนนี้พวกเขาจึงพบว่ายังมีอีกบุคคลหนึ่งยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ คนผู้นี้ก็คือประมุขเผ่ากัซลีสัน แต่ชาวเผ่าโดยทั่วไปไม่เคยพบประมุขเผ่ามาก่อน

“คนผู้นั้น...ดูเหมือนจะเป็นยอดฝีมือ”

ชาวเผ่าไม่กล้ารบกวนลินลี่ย์ พวกเขาจึงออกไป

กัซลีสันหันไปมองลินลี่ย์ หน้าของเขาเริ่มมีรอยยิ้ม

ลินลี่ย์ปล่อยหมัดใส่พื้นอีกครั้งและขอบหมัดของเขามีระลอกมิติปรากฏ สิ่งที่แปลกก็คือระลอกมิติทันซ้อนกันและกันแทนจะกระจายออกไปข้างนอก

เหมือนกับระลอกมิติเหล่านั้นถูกเชื่อมโยงและรวมเป็นโครงสร้างของกันและกัน

“สำเร็จ!

ลินลี่ย์ฝึกมาเป็นเวลานานกว่าสามเดือน หลังจากสามเดือนผ่านไปเงียบๆ ทันใดนั้นลินลี่ย์ปล่อยเสียงคำรามและปล่อยหมัดอย่างรุนแรง ขอบของหมัดเขามีระลอกมิติปรากฏมากมาย และจากนั้นก็หายไป

“ในที่สุดข้าก็ทำได้สำเร็จ!” สีหน้าประหลาดใจระคนดีใจปรากฏบนใบหน้าลินลี่ย์ พร้อมกับเสียงดังแครก เกล็ดมังกรฉีกผ่านเสื้อผ้าของเขา พร้อมกับหนามแหลมโผล่ออกมาเช่นกัน...

ร่างมังกรแปลง!

“มาดูกันว่าพลังโจมตีวัตถุที่ทรงพลังที่สุดของข้าจะเป็นยังไง” ลินลี่ย์ต้องการทดสอบและดูว่าจะเป็นยังไงเมื่อเขาโจมตีเต็มกำลัง

“เอ๊ะ?” ทันใดนั้นลินลี่ย์หันไปมองด้านหลังของเขา เมื่อเห็นกัซลีสันกำลังยิ้มมองดูเขา ลินลี่ย์ตกใจและรีบกล่าว “ท่านประมุขเผ่า!”

“ฮ่าฮ่า, เอาเลย ทดสอบพลังโจมตีของเจ้า” กัซลีสันหัวเราะ “ทุ่มใช้พลังในร่างมังกรแปลงของเจ้าได้เลย.. ข้าใจจดจ่ออยากดูพลังของเจ้าด้วยตาข้าเอง”

“ขอรับ, ท่านประมุข” ลินลี่ย์อดละอายอยู่ในใจไม่ได้ เขาเตรียมทดสอบพลังหมัดทันที

เกล็ดมังกรของลินลี่ย์คลุมหมัดขวาขณะเขาปล่อยหมัดทันที ในทันทีนั้นเกิดระลอกอย่างฉับพลันเสียงมิติระเบิดได้ยินชัด จุดที่หมัดขวาเหวี่ยงผ่านมิติจะสั่นสะเทือนรุนแรง

พลังของหมัดนี้จะคล้ายกับฝูงมังกรออกจากรัง

ขณะที่ปล่อยหมัดออกไป ระลอกมิติขนาดใหญ่ปรากฏที่ขอบของเกล็ดมังกรที่คลุมหมัดของเขา ทำให้มิติรอบหมัดของเขาเป็นรูปครึ่งวงกลมซึ่งเป็นเหมือนระลอกฟองน้ำ...

และจากนั้นมีเสียงระเบิดตามมา

“ปัง!”

เสียงที่ทำให้วิญญาณสั่นสะท้าน มิติรอบหมัดแตกออกเผยให้เห็นหลุมดำในมิติ มองผ่านหลุมดำทุกคนจะรู้สึกได้ชัดถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นที่มิติปั่นป่วน

ในขณะนั้นหลุมดำในมิติก็หายไป

“ฮ่าฮ่า ดี ดีมาก!!!” เสียงหัวเราะกัซลีสันดังลั่น

ลินลี่ย์เต็มไปด้วยความยินดี แม้ว่าเขาจะพัฒนาพลังโจมตีนี้ในร่างมนุษย์ นั่นก็เป็นเพียงสมมติฐาน ไม่มีทางที่เขาจะแน่ใจว่าพลังโจมตีจะเป็นยังไงเมื่ออยู่ในร่างมังกรแปลง แต่ตอนนี้ปรากฏว่าพลังเหนือกว่าที่คาดไว้

“ลินลี่ย์! เจ้าตั้งชื่อวิชานี้ของเจ้าว่ายังไง?” กัซลีสันหัวเราะลั่น

ลินลี่ย์ชะงักเล็กน้อย จากนั้นกล่าว “พลังโจมตีนี้เกิดจากการหลอมรวมเคล็ดพลังธาตุกับเคล็ดชีพจรโลก นามของมันคือ ‘ผ่าฟ้า!” พลังโจมตีนี้สามารถทำให้มิติเปิดได้โดยหมัดเดียว ทุกคนสามารถคาดคิดได้ว่าพลังจะยิ่งใหญ่เพียงไหน

“มาเถอะ มาซ้อมมือกับข้า” กัซลีสันหัวเราะลั่น

“ท่านประมุขน่ะหรือ?” ลินลี่ย์อดประหลาดใจไม่ได้

“เร็วเข้า!” กัซลีสันอดขมวดคิ้วไม่ได้ “อะไรกัน, เจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้จริงๆ น่ะหรือ?” ขณะที่พูดร่างของกัซลีสันมีเกล็ดมังกรคลุมไปทั้งตัว สีของเกล็ดคล้ายกับลินลี่ย์ เพียงแต่ไม่มีหนามแหลมบนร่างกาย

ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ “ท่านประมุข! ท่านมีความต้องการนี้นี่เอง อย่างนั้นข้าจะร่วมซ้อมมือกับท่าน” ตอนนี้ลินลี่ย์มั่นใจดีแล้ว

“ลินลี่ย์! แค่เทียบกันที่ร่างกาย พลังของข้าก็มากกว่าเจ้าอยู่แล้ว เจ้าใช้พลังเจ้าได้เต็มที่เลย” กัซลีสันหัวเราะ

ลินลี่ย์หัวเราะ และจากนั้นเขาเตรียมสนามพลังศิลาดำของเขาทันที ในทันใดนั้นแสงสีเหลืองเข้มขยายออกและกักกัซลีสันไว้ภายใน แม้แต่ร่างของประมุขกัซลีสันก็ยังอดสั่นมิได้ และเขาอดสบถเบาๆ มิได้ “เจ้าเด็กนี่ จริงๆ เลย...”

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ลินลี่ย์ก็บินเข้าหาเขาทันที

“ท่านประมุข!” ลินลี่ย์หัวเราะลั่น หมัดขวาของเขาเป็นประกายอยู่ข้างหน้าเหมือนฟ้าร้อง

“ฮึ่ม!” เสียงแค่นเบาๆ ดังขึ้น ผมยาวสีฟ้าของกัซลีสันโบกสะบัดและเขาปล่อยหมัดขวาเช่นกัน

“บึ้ม!”

หมัดเหล็กที่มีเกล็ดมังกรทั้งคู่แฝงไว้ด้วยพลังนับหมื่นตันปะทะกัน มิติพื้นที่ฉีกขาดวิ่นราวกับกระดาษ หมัดขวาของกัซลีสันสั่นอย่างช่วยไม่ได้ และกัซลีสันรีบเคลื่อนตัวถอยหลังทันที มีรอยเลือดปรากฏอยู่บนหมัดของเขาจริงๆ

“ไม่เลวเด็กน้อย” ตาของกัซลีสันเป็นประกาย “แต่ดูเหมือนว่ายังไม่พอ เพราะข้าแค่ใช้พลังล้วนๆ กับเจ้า”

ลินลี่ย์มองดูประมุขเผ่าที่ดูเหมือนจะไม่พอใจ และลอบตกใจ “ร่างของท่านประมุขแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ข้าใช้พลังหมัดทั้งหมด แต่ท่านประมุขแค่เพียงใช้พลังดิบ” แต่แน่นอนว่าผลที่ประมุขเผ่าใช้พลังดิบจึงทำให้เกล็ดมังกรที่คลุมหมัดของเขาแตก

จากการแลกหมัดกัน ลินลี่ย์ถึงได้รู้ชัดว่าชื่อเสียงของประมุขกัซลีสันในแง่มีร่างกายทรงพลังแข็งแกร่งในเผ่ามังกรฟ้านั้นเป็นเรื่องแน่นอน

เป็นสิ่งที่รู้สึกได้ เมื่อเขาถูกกัซลีสันจับแขนไว้ในตอนนั้น เขาไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย

“นี่มันวิชาอะไร?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจเหมือนกับว่าเขาเห็นชั้นหมอกปรากฏอยู่ทั่วตัวกัซลีสัน คลุมไปทั้งตัวรวมทั้งหมัดของเขาด้วย

เกราะน้ำแข็งที่คลุมตัวกัซลีสันส่องสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายงดงาม

“เด็กน้อย ข้าจะใช้พลังครึ่งหนึ่ง” กัซลีสันหัวเราะบินตรงเข้าหาลินลี่ย์ เขาติดอยู่ในสนามพลังศิลาดำ แต่ด้วยพลังร่างกายของกัซลีสัน ทำให้ความเร็วของเขาสูงส่งอย่างน่าประหลาดใจ

ลินลี่ย์ไม่ถอย บุกเข้าหาประมุขเผ่าด้วยความตื่นเต้น

เมื่อเข้าใกล้กัซลีสัน ลินลี่ย์รู้สึกว่ารัศมีเยือกแข็งทำให้ร่างของเขาเย็นจนรู้สึกประหลาดใจ

“ปัง!”

ทั้งสองคนไม่มีการหลบ หมัดของพวกเขาปะทะกันและพื้นที่ซึ่งหมัดกวาดผ่านมิติจะพังสลาย ลินลี่ย์ต้องบินถอยหลังเพราะแรงปะทะอย่างช่วยไม่ได้

“ฮ่าฮ่า..” ประมุขเผ่าไล่ตามเขาทันที

“วูบบบ” ลินลี่ย์ถอยทันที

“เด็กน้อย, อย่าหนี” ประมุขเผ่าตะโกน

ภายในสนามพลังศิลาดำ แม้ว่าประมุขเผ่ายังเคลื่อนไหวได้เร็วมาก แต่เขาก็ยังช้ากว่าร่างมังกรของลินลี่ย์เล็กน้อย ลินลี่ย์อาศัยความเร็วของเขาหลบหลีก บางครั้งก็เตะต่อยอย่างรวดเร็ว

“ควั่บ!”

“ปัง!”

“บึ้ม!”

เสียงสั่นสะเทือนสะท้านโลกดังครั้งแล้วครั้งเล่า แรงสั่นสะเทือนนี้ดึงดูดผู้สังเกตการณ์หลายคนมาจากในหุบเขา และการสู้ระหว่างลินลี่ย์กับประมุขเผ่านี้ทำให้พวกเขาจ้องมองปากอ้าตาค้าง ทุกๆ การปะทะฝีมือทำให้มิติพังทลาย

ถ้าพลังเช่นนี้โจมตีใส่พวกเขา พวกเขาจะทนได้แค่ไหนกัน?

ในที่สุดลินลี่ย์และกัซลีสันก็หยุดการต่อสู้

“ฮ่าฮ่า, พลังโจมตีวัตถุของเจ้าตอนนี้อย่างน้อยก็เท่ากับระดับของบลู” กัซลีสันพอใจมาก

แต่ลินลี่ย์เพิ่งพบว่า เมื่อเขาผลัดกันโจมตีกับประมุขเผ่า แม้ว่าประมุขเผ่าจะใช้พลังของเขาเพียงครึ่งเดียว แต่เขาก็ยังสามารถสู้กับประมุขเผ่าได้เพียงแค่เสมอ “ท่านประมุข! ร่างของท่านทรงพลังมากกว่าข้า แต่พลังโจมตีของท่านเป็นยังไง..?

ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ เกี่ยวกับเคล็ดความรู้ลึกลับ ก็ไม่ควรจะด้อยกว่าเขา

“นี่คือความแตกต่างกันของพลังกฎธรรมชาติ” กัซลีสันพูดพลางถอนหายใจ “ข้าฝึกในกฎธรรมชาติธาตุน้ำเป็นหลัก พลังป้องกันของกฎธรรมชาติธาตุน้ำนับว่าไม่เลว แต่ความสามารถในการปล่อยพลังโจมตีไม่เท่าใด”

ลินลี่ย์พยักหน้าเช่นกัน

บรรดากฎธรรมชาติธาตุน้ำ มีเพียงเคล็ดน้ำแข็งที่ทำให้นักสู้มีพลังกายที่แข็งแกร่ง

“ในแง่พลังร่างกาย ข้าไม่อ่อนแอกว่าประมุขเผ่าพญาเต่าดำ แต่ถ้าเทียบในเรื่องของพลังโจมตีเขานำข้าไปมาก นี่เป็นเพราะเขาฝึกมาในกฎธรรมชาติธาตุดิน” กัซลีสันกล่าว

ลินลี่ย์หัวเราะ

กฎธรรมชาติธาตุดินมีการฝึกให้เชี่ยวชาญเคล็ดพลังธาตุ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนที่ฝึกในกฎธรรมชาติธาตุดินสามารถดึงพลังในร่างออกมาใช้ได้ง่าย

ในทุกกฎธาตุธรรมชาติมีพื้นที่ความเชี่ยวชาญเด่นของตนเอง

ในสี่วิถีก็ยังมีความแตกต่างของตนเองต่างกัน

กฎธรรมชาติธาตุน้ำมีพลังป้องกันที่ยอดเยี่ยม มีพลังป้องกันทั้งการโจมตีวิญญาณและการโจมตีวัตถุทั้งสองที่แข็งแกร่ง กฎธรรมชาติธาตุไฟแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด พลังป้องกันอ่อน แต่เด่นในเรื่องพลังโจมตี

วิถีแห่งชะตา ค่อนข้างเด่นในเรื่องพลังวิญญาณ ขณะที่ยังบกพร่องในเรื่องพลังหยาบ

It was hard to be truly perfect .

“พลังของเจ้านับว่ายิ่งใหญ่ได้แล้ว มันยังคุกคามข้าได้บ้าง” กัซลีสันชื่นชม “ในอดีตความสามารถในการหนีของเจ้ายอดเยี่ยม แต่ตอนนี้เจ้าจะเป็นภัยใหญ่คุกคามศัตรูเจ้าได้”

ลินลี่ย์รู้ดีว่าเมื่อเขาปะทะหมัดกับประมุขเผ่า ในความเป็นจริง ไม้ตายผ่าฟ้าก็สามารถตัดพลังหมัดของประมุขเผ่าได้มากเหมือนกัน เพียงแต่ปริมาณพลังแฝงที่ยังเหลืออยู่ในหมัดของประมุขเผ่ายังมีมาก

มิฉะนั้นการปล่อยหมัดแต่ละครั้งจากประมุขเผ่าจะสามารถกระแทกหมัดของลินลี่ย์ได้อย่างง่ายดาย

ในทำนองเดียวกัน...

ในการรับพลังหมัดแต่ละหมัดของลินลี่ย์นั้น ประมุขเผ่าต้องอาศัยเคล็ดความรู้ลึกลับเพื่อสลายพลัง มิฉะนั้น... ผลของการแลกหมัดก็จะทำให้เกล็ดมังกรแตกและมีเลือดออก

“แม้แต่ท่านประมุขเผ่าที่มีพลังป้องกันแข็งแกร่งน่ากลัวขนาดนั้นก็ยังได้รับบาดเจ็บ อสูรเจ็ดดาวธรรมดาจะต่อต้านได้ยังไง?” ลินลี่ย์หัวเราะ

ในอดีตลินลี่ย์ต้องขอบคุณสนามพลังศิลาดำของเขาช่วยให้เชี่ยวชาญในการหลบหลีก อย่างไรก็ตาม พลังโจมตีของเขายังอ่อนแอมากกว่าพลังของอสูรเจ็ดดาวธรรมดา แต่สถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างออกไป แม้ว่าผู้อาวุโสเปาโลจะมาเผชิญกับลินลี่ย์อีก ก็คงยากที่จะเอาชนะเขาได้

ลึกลงไปในภูเขาสกายไรท์

ลินลี่ย์ เดเลียและบีบียืนอยู่ที่ริมหน้าผา เหนือขอบหน้าผาขึ้นไปมีอสูรโลหะโดยสารรูปนกฟีนิกซ์ดำ

“เดเลีย ข้ายังไม่มีโอกาสได้เดินทางร่วมกับเจ้าแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เรามาถึงเผ่าตระกูล ครั้งนี้ข้าจะร่วมไปกับเจ้าด้วย” ลินลี่ย์จูงมือเดเลีย พวกเขาเห็นว่าเมื่อเขาหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้ ทั้งสองคนจะเดินทางด้วยกัน

เดเลียอดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ “ใช่แล้ว นี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของเราตั้งแต่เราอยู่ในเผ่ามาเกือบหกร้อยปีแล้ว แต่ก็แทบไม่รู้สึกอะไร ข้าสงสัยจริงว่าซาชากับเทย์เลอร์จะเป็นยังไงกันบ้าง”

“เทย์เลอร์?” ลินลี่ย์คิดถึงลูกของเขาไม่ได้

อย่างไรก็ตามลินลี่ย์ยังรู้สึกว่าการตัดสินใจที่เขาทำในปีนั้นเป็นเรื่องฉลาด แดนนรกอันตรายมากเกินไปจริงๆ วอร์ตันและเทเลอร์รั้งอยู่ทวีปยูลานอย่างน้อยก็ยังใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข

“ผู้อาวุโสลินลี่ย์” มีเสียงเบาดังขึ้น

ลินลี่ย์หันไปมอง คนที่มาคือผู้อาวุโสทเวลแห่งเผ่ามังกรฟ้า ผู้อาวุโสทเวลเป็นคนที่อารมณ์ดีมากซึ่งไม่เคยเข้าหุบเขาอ่างโลหิตมาก่อน เขาไม่เพียงแต่แข็งแกร่งไม่พอเท่านั้น แต่เขาชอบเก็บตัวเหมือนเต่าจำศีล

ลินลี่ย์มีความรู้สึกที่ดีต่อทเวล อย่างน้อยทเวลก็ยังไม่น่ากลัวชั่วร้ายเหมือนกับเอ็มมานูเอลและฟอร์ลัน

“ผู้อาวุโสทเวล, ครั้งนี้ท่านรับหน้าที่คุ้มกันหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะ

“ใช่แล้ว” ทเวลหัวเราะจนตาหยี

“อย่างนั้นข้าคงต้องขอรบกวนท่านช่วยคุ้มกันเราในครั้งนี้ด้วย ผู้อาวุโสทเวล ข้าจะเดินทางไปเมืองเมียร์ในครั้งนี้ด้วย” ลินลี่ย์หัวเราะ

แววดีใจมีความสุขปรากฏบนใบหน้าทเวลทันที “ผู้อาวุโสลินลี่ย์, ท่านจะเดินทางไปด้วยหรือ? ฮ่าฮ่า นี่ยอดเยี่ยมจริงๆ พอมีเราสองคนอยู่ด้วยกัน ถ้าพบอันตรายใดๆ ในการเดินทางครั้งนี้ เราไม่มีอะไรต้องกลัว”

ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า

“โอว, ผู้อาวุโสทเวล, ผู้อาวุโสลินลี่ย์ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือนี่” เสียงคุ้นเคยดังขึ้น ลินลี่ย์หันไปมอง คนที่มาถึงก็คือฟอร์ลัน ฟอร์ลันเลิกคิ้วสีทองและจากนั้นหัวเราะ “ครั้งนี้ ผู้อาวุโสทเวลรับหน้าที่คุ้มกันใช่ไหม?”

ทเวลพยักหน้า “ใช่แล้ว ผู้อาวุโสลินลี่ย์จะเดินทางไปเมืองเมียร์ในครั้งนี้ด้วย”

“โอว” ฟอร์ลันพยักหน้า “อย่างนั้นผู้อาวุโสทเวล, ผู้อาวุโสลินลี่ย์ ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย อย่างไรก็ตามข้าคิดว่ามีพวกท่านทั้งสองคนอยู่ด้วย คงไม่มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้น”

“ผู้อาวุโสทเวล! ไปกันเถอะ” ลินอดให้ความสนใจฟอร์ลันไม่ได้

เพราะเหตุผลบางอย่าง ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างในสายตาของฟอร์ลันที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

ผู้อาวุโสทเวลพยักหน้าให้ฟอร์ลันเพื่อรับรู้ และจากนั้นบินไปพร้อมกับลินลี่ย์เข้าไปในอสูรโลหะ มีคนมากรีบเข้าไปในอสูรโลหะ

ขณะที่ฟอร์ลันยืนนิ่งกับที่บนขอบหน้าผามองดูอสูรโลหะโดยสารจนกระทั่งมันบินจากไป

“ฮึ ลินลี่ย์ผู้นี้ยังคงโกรธอยู่อีกหรือ?” หน้าของฟอร์ลันเคร่งเครียด ใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

เขามักจะมองลินลี่ย์ด้วยความรู้สึกไม่ชอบ ขณะที่เขามอง ในตระกูลของพวกเขาสมาชิกเพียงรุ่นที่สองและรุ่นที่สามของเผ่าเป็นชนชั้นสูง แม้แต่แม่ของฟอร์ลันก็ยังไม่ได้ใช้แหวนมังกรฟ้าของบรรพบุรุษ เขาก็สมควรเป็นคนได้ใช้

ลินลี่ย์เป็นตัวอะไร?

เอ็มมานูเอลลูกชายของฟอร์ลันสูญเสียร่างแยกที่ทรงพลังที่สุดของเขา และจะไม่มีทางก้าวหน้าได้อีก เขาต้องการลงมือกับลินลี่ย์ แต่...ประมุขสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์สั่งว่าไม่ให้ลินลี่ย์เข้ารับภารกิจ

ใจฟอร์ลันคุกรุ่นไปด้วยความโกรธตลอดเวลาไม่มีวันคลาย ยิ่งเวลาผ่านไปความโกรธของเขาก็มากขึ้น!

“ไปเมืองเมียร์หรือ?” ตาของฟอร์ลันเยือกเย็นมากขึ้น “ฮึ่ม... อย่างนั้นข้าจะให้กองกำลังของแปดตระกูลใหญ่จัดการกับเจ้า เมื่อเจ้าตาย เจ้าจะสามารถฆ่าคนของพวกเขาด้วยเช่นกัน อย่างนั้นก็คงไม่เสียหาย น่าเศร้า.. ที่คนอื่นจะต้องตายไปพร้อมกับเจ้าด้วยนี่สิ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด