ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 152 ข้อบกพร่องในแผนการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 154 เกาะบุษผา

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 153 ยายประจิม


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 153 ยายประจิม

แปลโดย iPAT  

เสี่ยวอันเต็มใจค้นหาเป้าหมายอย่างช้าๆไปกับหลี่ฉิงซาน หากพวกเขาพบบางคน พวกเขาจะฆ่า หากไม่พบ มันก็ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นหลี่ฉิงซานร้อนใจ เสี่ยวอันจึงต้องการช่วยเหลือ เขาเสนอ “เหตุใดเราไม่หาวิธีรวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกัน?”

หลี่ฉิงซานอ้าปากค้าง เทียบกับการตามล่าทีละคน มันย่อมดีกว่าหากจะเชิญทุกคนมาพร้อมหน้ากันยังสถานที่แห่งหนึ่งก่อนจะลงมือในครั้งเดียว

เขาลูบศีรษะชื่นชมเสี่ยวอัน “หัวเล็กๆของเจ้ากลับสามารถวางแผนการเช่นนี้ได้จริงๆ”

เสี่ยวอันปลื้มปิติและลดศีรษะลงด้วยความเขินอาย

หลังจากได้รับแรงบันดาลใจ ความคิดของหลี่ฉิงซานก็โลดแล่น เขาค้นหาข้อมูลบางอย่างในเอกสาร ในที่สุดเขาก็พบชื่อหนึ่ง

เฉินซื่อฮัว เขาครอบครองเกาะกลางทะเลสาบขนาดใหญ่ทางทิศใต้ เขาเรียกตัวเองว่าเจ้าเกาะบุษผา เขาเป็นชายบ้าตัณหาและมีธรรมชาติที่ค่อนข้างหยาบคาย ในอดีตเขาเคยข่มเหงสตรีมานับไม่ถ้วน นอกจากนี้เขายังเป็นเป้าหมายที่แข็งแกร่งที่สุดในภารกิจทั้งยี่สิบเจ็ดของหลี่ฉิงซาน เขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากท่ามกลางผู้ฝึกตนนอกรีตและมีเครือข่ายกว้างขวาง

เขาเติบโตขึ้นในพื้นที่ที่ไม่มีผู้ใดสนใจ ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นช่องโหว่ของระบบ

หลี่ฉิงซานพึมพำกับตนเอง “เฉียนเยี่ยนเหนิงสามารถเชิญแขกมากมายมางานวันเกิดของเขา เจ้าอาจอ่อนแอกว่าแต่เจ้าก็ดูไม่แย่นัก ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องการคือปริมาณไม่ใช่คุณภาพ”

แน่นอนว่าคงไม่มีเรื่องบังเอิญเช่นวันเกิดของเขากำลังจะมาถึง แต่ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงานหรือการมีบุตร มันมีข้ออ้างมากมาย หากเขาไม่มีข้ออ้าง เขาก็สามารถสร้างข้ออ้างขึ้นมา จากนั้นก็เชิญเป้าหมายในบัญชีดำมาร่วมงานฉลอง

มุมปากของหลี่ฉิงซานค่อยๆโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย บางทีอาจมีเรื่องสนใจมากมายที่คาดไม่ถึง

…..

เมืองภูเขาเงิน วันที่สามหลังหลี่ฉิงซานจากไป

กลางดึก

ท่ามกลางหมอกหนาทึบ

รถม้าคันงามเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆบนถนนที่ปูด้วยหินแต่มันไม่สร้างเสียงใดๆราวกับมันวิ่งอยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม จากนั้นมันก็หยุดลงหน้าบ่อยมงคล

เด็กหนุ่มในชุดสีแดงลงมาจากรถม้าและเข้าไปในบ่อยด้วยศีรษะที่ยกสูงขึ้น

ซื่อจื่อเซียงจากไปแล้วแต่เขามีผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทห้าคน สองคนตายด้วยน้ำมือของหลี่ฉิงซานในคืนนั้นขณะที่อีกสามคนเฝ้าเหมืองและทรัพย์สินอื่นๆซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขารอดชีวิต

ตอนนี้พวกเขามารวมตัวกันและกำลังหารืออย่างจริงจังเกี่ยวกับการแบ่งปันผลประโยชน์ พวกเขาลงรายละเอียดไปถึงนางบำเรอทั้งสามของซื่อจื่อเซียงและหัวเราะอย่างกักขฬะ บรรยากาศค่อนข้างสมานฉันท์ พวกเขาเข้ากันได้ค่อนข้างดี

อย่างไรก็ตามใบหน้าของพวกเขากลับเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขากล่าวถึงบ่อยมงคลที่สามารถทำกำไร พวกเขาโต้เถียงกันอย่างดุเดือดจนถึงจุดที่แทบชักอาวุธออกมา

ชายชุดแดงเดินเข้ามาในบ่อน เขาดูเหมือนคนอ่อนแอที่ไม่มีทักษะการต่อสู้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ทำตัวยโสมาก เห็นได้ชัดว่าเขาย่อมไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีนัก

“เจ้าเด็กนี่มาจากที่ใด? นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าควรจะมา ออกไปซะ!” ทันทีที่คนผู้นี้กล่าวจบ หัวของเขาก็หลุดออกจากบ่า ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าเหตุใดโลกจึงกลับหัวอย่างกะทันหัน

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงก่นเย็นๆดังออกมาจากรถม้าที่จอดอยู่ด้านหน้าพร้อมนิ้วเหี่ยวๆที่ยื่นออกมาจากม่านหน้าต่าง

เด็กหนุ่มชุดแดงยิ้ม “ขอบคุณ ท่านหญิง”

“จอมยุทธ์พลังปราณ!” ฝ่ายตรงข้ามตกใจมาก คนผู้นี้ไม่ได้เป็นเพียงจอมยุทธ์พลังปราณแต่ยังเป็นจอมยุทธ์ที่ทรงพลังเกินจิตนาการอีกด้วย

อาจมีเพียงตัวตนเช่นจ้าวจื่อป๋อเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้หรือกระทั่งจอมยุทธ์ขั้นหกก็ยังต้องพึ่งพาสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณหากต้องการสังหารบางคนที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร แต่นางกลับใช้พลังปราณสังหารผู้คนที่อยู่ห่างไกลได้โดยตรง

นี่เป็นทักษะที่ไม่ธรรมดา เปรียบเทียบกับหลี่ฉิงซาน เขาสามารถโจมตีระยะไกลเช่นกัน แต่ในแง่ของการใช้พลังปราณเพียงอย่างเดียว สิบเมตรคือขีดจำกัดของเขาและเขาคงทำได้เพียงทำให้เป้าหมายกระเด็นออกไปเท่านั้น สำหรับจอมยุทธ์ขั้นสอง ความสามารถในการส่งพลังปราณออกจากร่างกายของพวกเขาอยู่ที่สามเมตรเป็นอย่างมาก

เสียงแก่ชราดังขึ้น “พวกเจ้าจะตอบทุกคำถามของเขา หากพวกเจ้าไม่รู้ก็ไปสืบ หากเขาไม่ได้รับคำตอบ พวกเจ้าจะต้องตาย”

ทุกคนในบ่อนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เด็กหนุ่มชุดแดงหยิบรูปออกมา “เขาคือคนที่มาที่นี่ในคืนนั้นใช่หรือไม่?”

เพียงไม่นาน เด็กหนุ่มก็ได้รับคำตอบและรายงานต่อหญิงชรา “ท่านหญิง ข้ายืนยันได้แล้วว่าเขาคือหลี่ฉิงซาน ตอนนี้เขาออกจากเมืองภูเขาเงินไปแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเขาไปที่ใด”

“เขาอาจไปที่ภูเขาราชากวาง” ดูเหมือนนางจะเข้าใจเส้นทางของหลี่ฉิงซานเป็นอย่างดี

“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”

“ช่างใจร้อนนัก”

มือแก่ๆยื่นออกมาจากม่านหน้าต่างของรถม้าและเผยให้เห็นเล็บยาวที่ทาสีแดงสดอีกครั้ง

เสียงกรีดร้องดังขึ้นในบ่อน ดาบธรรมดาร่ายรำกลางอากาศและเข่นฆ่าทุกคนที่อยู่ภายใน

เทียบกับการใช้พลังปราณสังหารโดยตรง การใช้อาวุธง่ายกว่ามาก แน่นอนว่าเรื่องนี้จะง่ายขึ้นหากมันเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ

ทุกคนในบ่อนไม่อ่อนแอ หัวหน้าทั้งสามล้วนเป็นนักสู้ชั้นสอง อย่างไรก็ตามพวกเขายังไม่สามารถต่อต้านดาบที่ว่องไว

ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที บ่อนก็เต็มไปด้วยซากศพ จากนั้นดาบก็ตกลงสู่พื้น

เด็กหนุ่มชุดแดงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่เสียงแก่ชราในรถม้าจะดังขึ้น “พวกเขาดูถูกเจียเอ๋อของข้า พวกเขาไม่สมควรมีชีวิตอยู่”

เด็กหนุ่มมีความสุขทันที เขาเข้าไปในรถม้าและส่งตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของหญิงชรา

หญิงชราสวมชุดสีแดง เส้นผมของนางเป็นสีขาวหงอก ใบหน้าซีดขาว แต่นางกลับกอดเด็กหนุ่มรูปงามราวกับคู่รัก ในรถม้าไม่ได้มีเพียงพวกเขาสองคนแต่ยังมีชายฉกรรจ์อีกสามคน ทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีแดงและเป็นหนุ่มหล่อทั้งหมด

หนึ่งในนั้นบ่น “ท่านหญิงลำเอียง ท่านเอาใจแต่เจียเอ๋อ”

เจียเอ๋อกล่าว “พวกเราสาบานว่าจะรับใช้ท่านหญิงตลอดชีวิต เจ้าไม่ควรรู้สึกอิจฉา ท่านหญิง เหตุใดท่านต้องออกมาด้วยตนเอง? เพียงส่งศิษย์บางคนออกมามิได้หรือ?”

“มีความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหอเมฆาพิรุณของเมืองเจียเผิงจะเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้ คนที่สามารถสังหารจ้าวเหลียงฉิงต้องเป็นจอมยุทธ์ขั้นหกเป็นอย่างน้อย หากเราส่งศิษย์ธรรมดาออกมา มันก็เหมือนกับการส่งเขามาตาย การอยู่ในเมืองชิงเหอตลอดเวลาไม่มีประโยชน์ มันดีกว่าที่เราจะออกมาเดินเล่นผ่อนคลายเป็นครั้งคราว”

ฉายาอย่างเป็นทางการของท่านหญิงผู้นี้คือยายประจิม เนื่องจากนิกายเมฆาพิรุณถูกแบ่งออกเป็นสี่ประตู แต่ละประตูจะมีผู้คุมประจำทิศ ท่านหญิงผู้นี้คือหนึ่งในนั้นและทุกคนล้วนเป็นจอมยุทธ์ขั้นเก้า

ไม่มีใครกล้าเรียกนางด้วยชื่อจริงในนิกาย ขณะที่คนอื่นๆก็ค่อยๆลืมชื่อเดิมของนางไปเช่นกัน มีเพียงชื่อยายประจิมที่แสดงถึงสถานะอันสูงส่งของนางเท่านั้นที่ถูกใช้แทนชื่อเรียก