ตอนที่แล้วตอนที่ 17-35 ภัยคุกคามใหญ่!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17-37 ความสงบและความป่าเถื่อน

ตอนที่ 17-36 วินิจฉัย


ลินลี่ย์มองดูรอบๆ อย่างระมัดระวัง  แต่ไม่มีใครอยู่สักคนในโถงใหญ่ชั้นแรกของตำหนักใหญ่สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์

“ลินลี่ย์! มาที่ชั้นสอง”  มีเสียงหนึ่งดังข้างหูของลินลี่ย์

“ท่านประมุข”  ลินลี่ย์จำเสียงของกัซลีสันได้ และเขาเข้าไปในห้องด้านข้างทันทีซึ่งมีบันไดนำขึ้นไปยังชั้นที่สอง พอเดินขึ้นบันได ลินลี่ย์มาถึงชั้นที่สองของตำหนักใหญ่

ชั้นที่สองมีขนาดเล็กกว่าโถงใหญ่ชั้นแรกมาก

มีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่กลางโถงใหญ่ และมีคนหกคนนั่งล้อมอยู่ที่โต๊ะกลม  ลินลี่ย์รู้จักเพียงสองคนจากคนทั้งหก คนหนึ่งคือประมุขเผ่า  อีกคนหนึ่งก็คือประธานผู้อาวุโส

“ตัดสินจากเครื่องแต่งกายและรัศมีประจำตัว สตรีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะกลมควรจะเป็นเจ้าแม่แห่งเผ่าหงส์เพลิง” ลินลี่ย์แสดงความเคารพพวกเขาทีละคน

เผ่ามังกรฟ้า เผ่าหงส์เพลิง เผ่าพยัคฆ์ขาว เผ่าพญาเต่าดำ ทั้งสี่เผ่าตระกูลมีรัศมีและลักษณะเฉพาะตัวอย่างไม่ต้องสงสัย  เขาสังเกตออกแค่เพียงเหลือบมองครั้งเดียว  ที่โต๊ะกลม เผ่ามังกรฟ้ามีตัวแทนสองคน เผ่าพญาเต่าดำมีตัวแทนสองคน และเผ่าพยัคฆ์ขาวและเผ่าหงส์เพลิงมีตัวแทนคนเดียว

“ลินลี่ย์! นั่งลง”  ทันใดนั้นสตรีงามจากเผ่าหงส์เพลิงหัวเราะอย่างใจเย็น

คนอื่นๆ ยิ้มให้ลินลี่ย์เช่นกัน และกัซลีสันหัวเราะ “ลินลี่ย์, ไม่จำเป็นต้องมากพิธีรีตอง เมื่อพบกับเจ้าที่นี่เรารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก  ไปนั่งเถอะ”

“ขอรับ” ลินลี่ย์ค่อยรู้สึกอบอุ่นใจ

ลินลี่ย์รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นคนระดับสูงของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ล้วนแต่เป็นบุตรหรือธิดาของสี่มหาเทพ

“ลินลี่ย์ เหตุผลที่เราขอให้เจ้ามาเพราะมีเรื่องอยากถามเกี่ยวกับฟูโซ่ผู้นั้น” กัซลีสันกล่าว

“ฟูโซ่?” ลินลี่ย์ตกใจ

อย่างนั้นทางเผ่าก็พบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฟูโซ่ได้เร็วจริงๆ!

หนึ่งในคนที่สวมชุดยาวสีขาวและบนชุดสีขาวมีลวดลายที่ไม่ธรรมดาเหมือนกับว่าสร้างขึ้นจากขนพยัคฆ์ขาว คนผู้นี้มีใบหน้าที่น่ากลัว แต่ตอนนี้เขามีรอยยิ้ม “ฟูโซ่มีสมบัติมหาเทพ  แต่เราไม่เคยได้ยินเรื่องของเขามาก่อน...”

ลินลี่ย์ลอบหัวเราะในใจ

เมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมาฟูโซ่ยังเป็นแค่แมวน้อยในอ้อมแขนของเอลควิน ใครจะรู้จักเขาได้เล่า?

“ลินลี่ย์!ฟูโซ่ผู้นี้เป็นทูตของมหาเทพ  เรื่องนี้ไม่มีการเข้าใจผิดพลาดใช่ไหม?”  บุรุษร่างใหญ่พูดเสียงทุ้มกังวาล  ร่างของคนผู้นี้สูงกว่าสมาชิกตระกูลบาร์บารี่เสียอีก  ลินลี่ย์รู้ว่าคนผู้นี้เป็นหนึ่งในสองผู้นำเผ่าพญาเต่าดำ

“เขาเป็นทูตของมหาเทพแน่นอน  แต่ว่าเขาน่าจะเป็นเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา”  ลินลี่ย์ตอบ

รอบๆ โต๊ะกลม ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ทุกคนมองหน้ากันเองด้วยสายตาที่ตื่นเต้น

“มหาเทพตนไหน?”  กัซลีสันรีบถาม

“ข้าไม่แน่ใจ  อย่างไรก็ตามคงจะเป็นมหาเทพธาตุไฟ”  ลินลี่ย์กล่าว

ประธานผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ด้านข้างกัซลีสันรีบถามอีก  “ลินลี่ย์! เจ้ารู้ไหม? ทำไมฟูโซ่ผู้นี้ถึงช่วยเจ้า?  หรือว่าเจ้าทั้งสองมีมิตรภาพต่อกัน หรือเป็นเพราะเขากระทำตามคำสั่งมหาเทพ?”

“ความจริง...ข้าก็ยังสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”  ลินลี่ย์ตอบ

“โอว?”

คนทั้งหกมองดูลินลี่ย์และตั้งใจฟัง

แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่เข้าใจเหตุที่ทั้งหกคนสนใจเกี่ยวกับหัวข้อสนทนานี้ แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องรักษาเป็นความลับและสามารถเปิดเผยได้  “ความจริง ฟูโซ่ผู้นี้กับข้าเพียงพบกันครั้งเดียวเท่านั้น แม้ว่าเราอาจนับได้ว่าเป็นสหาย แต่ว่ามิตรภาพของเรายังไม่ลึกซึ้งขนาดนั้น”

“ข้าสามารถเข้าใจเหตุผลที่เขาช่วยข้าเมื่อเขาบังเอิญอยู่ที่นั่น  แต่ความจริงเขาขู่ให้เปาโลและคุกคามตระกูลของเปาโลบอกว่าไม่ให้พวกเขาลงมือกับข้า”  ลินลี่ย์หัวเราะ

ทั้งหกคนที่อยู่รอบโต๊ะขมวดคิ้วกันทุกคน

“เขาเคยมีมิตรภาพกับเจ้ามาก่อนหน้านั้นหรือ?”  กัซลีสันค่อนข้างผิดหวัง  “ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ทำตามคำสั่งของมหาเทพที่ให้ปกป้องลินลี่ย์  ไม่มีการเชื่อมโยงอะไรมากระหว่างมหาเทพกับลินลี่ย์”

“ก็ยากจะบอกได้”  ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวคัดค้าน  “ฟูโซ่คุกคามพวกเขา  บางที...”

“พอเถอะ ไม่มีความหวังใดๆ อีกแล้ว้”  เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงถอนหายใจยาว “ถ้ามหาเทพตั้งใจปกป้องลินลี่ย์ เขาคงส่งคนให้แจ้งโองการมหาเทพแก่แปดตระกูลใหญ่โดยตรง  ด้วยโองการมหาเทพ แปดตระกูลใหญ่คงไม่กล้าแตะต้องลินลี่ย์  ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องรบกวนฟูโซ่ผู้นี้  เห็นได้ชัดว่าฟูโซ่ช่วยลินลี่ย์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาเทพ”

“น่าเสียดาย...”  กัซลีสันได้แต่ก้มหน้าถอนหายใจ

สีหน้าท่าทางของคนอื่นกลายเป็นไม่สบายใจเช่นกัน

ลินลี่ย์เมื่อเห็นเช่นนี้ ก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้  อย่างไรก็ตามฟังจากคำพูดของพวกเขา  ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ  “อย่างนั้นพวกเขาหวังจริงๆ ว่าข้าคงจะมีสัมพันธ์กับมหาเทพ”  เมื่อลินลี่ย์คิดถึงสถานการณ์ของเผ่าของเขา ก็เข้าใจได้เต็มที่

ตั้งแต่บรรพบุรุษทั้งสี่ของพวกเขาตายไป  ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ขาดมหาเทพให้พึ่งพาอาศัย  ดังนั้นแม้แต่แปดตระกูลใหญ่เหล่านั้นก็ยังกล้าทำร้ายพวกเขา

พวกเขารู้ว่าทูตมหาเทพช่วยเหลือลินลี่ย์  ดังนั้นพวกเขาจึงมีความหวัง...ว่าทูตของมหาเทพนี้คงจะทำตามคำสั่งของมหาเทพให้ช่วยลินลี่ย์

ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ยังมีความเป็นไปได้ในอนาคต ที่มหาเทพอาจเห็นแก่ประโยชน์ของลินลี่ย์ช่วยตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์

“ความหวังของพวกเขาดับไปแล้ว”  ลินลี่ย์พูดกับตนเอง

“ช่างเถอะ ทุกท่าน ไม่ต้องท้อแท้ไป  อย่างน้อยเราก็ยังมีทูตมหาเทพเป็นพันธมิตรของเรา”  เจ้าแม่แห่งตระกูลหงส์เพลิงหัวเราะอย่างสงบ  “นอกจากนี้ยังมิใช่เป็นไปไม่ได้สิ้นเชิงที่ทูตมหาเทพจะมาตามคำสั่งของมหาเทพของเขา”

ลินลี่ย์มองดูคนทั้งหกรอบโต๊ะกลม และเขาอดรู้สึกเศร้าใจมิได้

ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะตกต่ำอยู่ในสภาพนั้นได้ยังไง?

ประมุขตระกูลเหล่านี้รอคอยให้มหาเทพหนุนหลังพวกเขา!  อย่างไรก็ตาม บรรพบุรุษทั้งสี่ของพวกเขาตายหมดแล้ว  ขณะที่มหาเทพอื่นทำไมพวกเขาจะต้องมาช่วยตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์โดยไม่มีเหตุผลเล่า?

“ลินลี่ย์! ข้าอยากจะถามเรื่องบางอย่างกับเจ้า  เจ้าเป็นเทพแท้หรือว่าเป็นเทพชั้นสูงกันแน่?”  เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงหัวเราะขณะมองดูลินลี่ย์  “บอกตามตรง ข้าตรวจสอบร่องรอยรัศมีเทพชั้นสูงของเจ้าไม่ออกเลย”

ลินลี่ย์อดมองมาทางประมุขเผ่าของเขาไม่ได้

หลายคนแล้วที่ถามคำถามนี้กับเขา

“ลินลี่ย์ยังเป็นเทพแท้”  กัซลีสันรีบกล่าว  “นี่เป็นความลับ  ขอให้เรารู้กันเพียงเท่านี้ อย่าเผยแพร่ออกไป”   ทุกคนในที่นั้นเป็นสมาชิกระดับสูงสุดของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงไม่เป็นไรถ้าพวกเขารู้

“ยังเป็นแค่เทพแท้?  ฮะฮะ  เจ้าเป็นแบบนั้นได้ยังไง เป็นเทพแท้แต่ฆ่าอสูรเจ็ดดาวได้?”

บรรยากาศในห้องเพิ่มความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทุกคนเริ่มสนทนากับลินลี่ย์

ลินลี่ย์พบกับคำถามของประมุขเผ่าตระกูลเหล่านี้ก็ได้แต่ตอบโดยทั่วไปเท่านั้น

“สนามพลังโน้มถ่วง?”  ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวพูดด้วยความทึ่ง  คิ้วรูปดาบของเขาชี้ชัน “ด้วยสนามพลังโน้มถ่วงง่ายๆ เจ้าก็สามารถทำให้เทพชั้นสูงเกือบทั้งหมดบินไม่ได้หรือ?”  สนามพลังโน้มถ่วงเป็นเคล็ดความรู้ธรรมดาดาดๆ

ลินลี่ย์เพียงแต่พัฒนาเป็นรูปแบบของตนเอง ต้องขอบคุณคำแนะนำโดยมีเจตนาแฝงของอสูรน้อยอะเมทิสต์

“สนามพลังโน้มถ่วง?”

ทันใดนั้นเจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงอุทานด้วยความตกใจ จากนั้นมองดูลินลี่ย์และรีบถาม  “ลินลี่ย์! เจ้าสามารถเปลี่ยนทิศทางของแรงดึงดูดสนามพลังโน้มถ่วงของเจ้าได้หรือไม่?”  ความประหลาดใจของเจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงทำให้คนอื่นพากันประหลาดใจตามไปด้วย

“รีบบอกมาเร็วๆ”  เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงเร่งรัด

ลินลี่ย์รู้สึกมึนงงไปหมด นี่เป็นเรื่องง่ายๆ  ทำไมเจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงถึงได้สูญเสียความเยือกเย็นอย่างนี้?

“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้าและยอมรับ

“ฮ่าฮ่า...”

เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงเริ่มหัวเราะ หัวเราะอย่างมีความสุข  นางมองลินลี่ย์  “ลินลี่ย์!  เจ้าคงเรียนวิชาสนามพลังโน้มถ่วงนี้มาจากเทือกเขาอะเมทิสต์ใช่ไหม?”

ลินลี่ย์ตกใจบ้าง

นางรู้ได้ยังไง?

เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของลินลี่ย์  เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงเริ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“พี่หญิง, รีบบอกเรา อะไรทำให้ท่านมีความสุขนักหนา”  ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวเร่งรัด และคนอื่นๆ มองดูนางเช่นกัน

เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงยิ้มตลอดเวลาขณะที่นางตอบ  “ทุกคน! ไม่มีทางที่วิชาสนามพลังเฉพาะแบบอย่างนี้ที่ลินลี่ย์เรียนรู้จะพัฒนาขึ้นมาง่ายๆ โดยผ่านการฝึก  เมื่อท่านแม่ข้ายังมีชีวิต ครั้งหนึ่งนางเล่าเรื่องมหาเทพวิถีทำลายล้างให้ข้าฟัง!”

“มหาเทพวิถีทำลายล้าง?”  ทุกคนตาเป็นประกาย

ลินลี่ย์จ้องมองนางเช่นกัน

“ถูกแล้ว”  เจ้าแม่แห่งเผ่าหงส์เพลิงพยักหน้า  “มหาเทพวิถีทำลายล้างนี้มีทักษะเทพธรรมชาติที่จะควบคุมและเปลี่ยนตำแหน่งแรงดึงดูดได้ ทั้งยังควบคุมวิญญาณของคนได้  มหาเทพท่านนี้แข็งแกร่งทรงพลังมาก... และท่านแม่ข้าบอกว่ามหาเทพวิถีทำลายล้างนี้ก็คือมหาเทพแห่งทวีปเรดบุด!”

ทุกคนตกตะลึง

ลินลี่ย์ได้แต่จ้องมองปากอ้าค้าง

“นอกจากมหาเทพวิถีทำลายล้างนี้แล้ว ไม่น่าจะมีคนอื่นสามารถใช้สนามพลังโน้มถ่วงอย่างลินลี่ย์ได้”  เจ้าแม่แห่งเผ่าหงส์เพลิงพูดด้วยความมั่นใจ  “โอวใช่แล้ว  ข้ายังได้ยินว่ามหาเทพวิถีทำลายล้างนี้มีบุตรอยู่คนหนึ่ง  นอกจากนางและบุตรของนางแล้ว ไม่มีคนอื่นที่รู้วิชานี้”

ลินลี่ย์ตกตะลึงไปหมด

“มหาเทพ?  บุตรชาย?”

เรื่องหลายอย่างผุดขึ้นมาในใจของลินลี่ย์  และหลายอย่างที่เขาไม่เข้าใจก็เข้าใจได้ชัดทันที  “อสูรอะเมทิสต์น้อย.. หรือว่าเขาเป็นบุตรของมหาเทพ?”

ทันใดนั้นประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มองดูลินลี่ย์

พวกเขาเหมือนกับคนที่กำลังจะจมน้ำและมองเห็นฟางเส้นเดียวที่พวกเขาสามารถคว้าไว้เพื่อเอาชีวิตรอด!

พวกเขาหยิ่งไม่มีใดเทียบ และรู้สึกว่าตนเองเป็นที่โปรดปรานของสวรรค์  อย่างไรก็ตามหลังจากสี่มหาเทพของพวกเขาตาย พวกเขาพบว่า...ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ตกต่ำจนถึงระดับวิกฤติ และอาจถูกกำจัดไปได้ทุกเมื่อ

พวกเขาหวังว่ามหาเทพจะยินดีก้าวเข้ามาช่วยพวกเขา! แต่ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!

“ลินลี่ย์!”  กัซลีสันยิ้มเต็มหน้า  “เจ้ารู้จักมหาเทพเรดบุดหรือ?”

“ไม่..ข้าไม่รู้จักนาง”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ

“เจ้าจะไม่รู้จักได้ยังไง?”  เจ้าแม่แห่งเผ่าหงส์เพลิงเริ่มหัวเราะ  “เจ้าเรียนวิชาสนามพลังโน้มถ่วงมาจากเทือกเขาอะเมทิสต์ไม่ใช่หรือ?”

“ใช่แล้ว”  ลินลี่ย์พยักหน้า

“ถูกแล้ว เทือกเขาอะเมทิสต์เป็นสถานที่เกิดของมหาเทพเรดบุด นั่นคือบ้านของนาง!”  เจ้าแม่แห่งเผ่าหงส์เพลิงถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ  “พลังของมหาเทพนั้นกล้าแข็งมาก  ถ้านางยินดีจะหนุนหลังและช่วยพูดให้สักคำ แปดตระกูลใหญ่เหล่านั้นก็คงกลัวและหนีไป”

ลินลี่ย์คงรู้สึกตกใจ  งั้นเทือกเขาอะเมทิสต์ก็เป็นที่พักอยู่ของมหาเทพ

“สนามพลังโน้มถ่วงของข้าเป็นอสูรอะเมทิสต์น้อยชื่อรีสเจมสอนข้า”  ลินลี่ย์รีบกล่าว

“รีสเจม?”

ประมุขตระกูลส่ายศีรษะกันทุกคนแสดงว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อน

“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน”  เจ้าแม่แห่งเผ่าหสงส์เพลิงหัวเราะ  “แต่จากที่ฟังดู มีความเป็นไปได้ว่านั่นคงเป็นบุตรของมหาเทพ”

“รีสเจมผู้นี้เป็นแม่ทัพนรก พวกท่านไม่รู้จักเขาหรือ?”  ลินลี่ย์สงสัย

“แม่ทัพนรก?” ทั้งหกคนรอบโต๊ะตกใจกันหมด

“คนที่จะเป็นแม่ทัพนรกจะเข้าร่วมสงครามระหว่างพิภพ”  กัซลีสันกล่าว  “ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่เข้าไปยุ่งกับสงครามพิภพ  ดังนั้นเราจึงไม่ได้ให้ความสนใจมาก  นอกจากนี้ แม่ทัพนรกมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย  ไม่มีใครรู้ว่าปัจจุบันนี้ใครเป็นแม่ทัพ”

ลินลี่ย์พยักหน้า

“ลินลี่ย์!  ตอนนี้เจ้ากลับไปก่อน”  กัซลีสันหัวเราะ

“เอาล่ะ! เจ้ากลับไปได้แล้ว  จากวันนี้เป็นต้นไป  เจ้าไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในกิจการของหุบเขาอ่างโลหิต  กลับไปฝึกฝนให้หนัก แล้วหลังจากเจ้าบรรลุถึงระดับเทพชั้นสูงแล้ว เราค่อยดูกัน”  เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงหัวเราะเช่นกัน

แม้ว่าลินลี่ย์จะค่อนข้างงง  แต่เขายังคำนับ “ขอรับ”  จากนั้นเดินออกมาเอง

หลังจากลินลี่ย์เดินออกไป

“ฮ่าฮ่า...” กัซลีสันเริ่มหัวเราะ

“ฮ่าฮ่า...” ทันใดนั้นทุกคนเริ่มหัวเราะเหมือนกัน  หน้าทุกคนมีรอยยิ้ม

ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ความรู้สึก  “นานหลายปีแล้ว  ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เราจึงค่อยเห็นแสงแห่งความหวังจนได้!”

“ถูกแล้ว!  ในที่สุดเราก็พบแสงแห่งความหวัง!” กัซลีสันถอนหายใจเช่นกัน

เนื่องจากความรุ่งเรืองในคืนวันเก่าๆ ของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์  จะให้พวกเขายินดีกับการซ่อนตัวอยู่ในภูเขาสกายไรท์ตลอดไปได้ยังไง?  แม้ว่าเจ้าแคว้นอินดิโกจะมีข้อตกลงกับแปดตระกูลใหญ่ห้ามมิให้พวกเขาโจมตีภูเขาสกายไรท์... ซึ่งก็หมายความว่ารากฐานพื้นฐานของตระกูลพวกเขาได้รับการปกป้อง

ขณะที่การกลับไปสู่วันคืนเจริญเก่าๆ...

พวกเขาต้องได้รับการสนับสนุนจากเทพชั้นสูงระดับพารากอนหรือจากมหาเทพ

“มหาเทพเรดบุด”  เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงหัวเราะ  “หมื่นกว่าปีที่ผ่านมา เราไม่เคยเห็นแสงความหวังใดๆ เลย  แต่วันนี้เราได้เห็นแล้ว  เพราะว่ามหาเทพเรดบุดยินดีถ่ายทอดสุดยอดวิชาให้ลินลี่ย์  ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลินลี่ย์นับว่าลึกซึ้ง”

“พี่ใหญ่” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงหัวเราะขณะมองหน้ากัซลีสัน  “ท่านต้องปกป้องลินลี่ย์และดูแลเขาให้ดี  เราต้องพึ่งพาเขาในการเชื่อมโยงติดต่อกับมหาเทพเรดบุด”

“ไม่ต้องห่วง”

กัซลีสันเริ่มหัวเราะเช่นกัน  “รับรองได้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับลินลี่ย์”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด