ตอนที่แล้วตอนที่ 17-34 ประมุขแปดตระกูลใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17-36 วินิจฉัย

ตอนที่ 17-35 ภัยคุกคามใหญ่!


“เขาเป็นเทพแท้จริงๆ หรือ?” เปาโลเมื่อได้ยินเช่นนี้จากนอกหอประชุมก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ

เสียงของประมุขตระกูลทั้งแปดคนยังคงดังต่อเนื่องมาจากภายในตำหนัก

“ข้าไม่ได้ล้อเล่น คิดดูให้ดี ในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่คนในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์สามารถใช้วิชาอำพรางพลังและลอบเข้ามาทำร้าย? ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย! ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการทำ แต่ว่าพวกเขาทำไม่ได้”

เสียงแหบยังคงพูดต่อไป “ตระกูลโบลีนของข้า, ตระกูลแอ็ชครอฟท์และตระกูลอีดริคทั้งหมดมีชื่อเสียงในด้านความสามารถรับมือกับพลังวิญญาณ การซ่อนรัศมีพลังของยอดฝีมือจนถึงระดับที่เราไม่สามารถตรวจพบได้...ฮึ.. มียอดฝีมือในแดนนรกทั้งหมดนี้จะทำได้สักกี่คน?”

“ถ้าลินลี่ย์มีพลังระดับนั้น ไม่มีทางที่เปาโลจะรอดชีวิตกลับมาได้!”

เสียงแหบแห้งยังคงพูดต่อไป “ดังนั้นมีคำอธิบายเพียงประการเดียว ตัวลินลี่ย์เองเป็นเทพแท้จริงๆ เป็นธรรมดาที่ไม่มีใครตรวจพบรัศมีพลังเทพชั้นสูงจากเขาได้”

ประมุขตระกูลอื่นไม่ใช่คนโง่เหมือนกัน พวกเขาตะลึงและประหลาดใจกับพลังที่น่าประหลาดที่ลินลี่ย์ใช้ออกมา ดังนั้นไม่มีใครในพวกเขากล้าคิดในทำนองนี้ต่อ แต่ตอนนี้พอประมุขตระกูลโบลีนชี้ชัด ทำให้พวกเขาไตร่ตรองหาเหตุผลอย่างระมัดระวัง พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาค่อยเข้าใจได้ทันทีเช่นกัน!

ประมุขตระกูลทุกคนตะลึงกันหมด

“ลินลี่ย์มีแนวโน้มว่าเป็นเทพแท้จริงๆ อย่างไรก็ตาม เขามีพลังโจมตีที่ทรงอานุภาพได้ยังไง? ข้าได้ยินว่าทักษะสนามพลังโน้มถ่วงของเขาแข็งแกร่งมากจนเทพชั้นสูงส่วนใหญ่ไม่สามารถต้านทานได้ แม้แต่อสูรหกดาวก็ยังได้รับผลกระทบทางวิญญาณ เป็นผลให้พวกเขาถูกฆ่าตายได้อย่างง่ายดาย!”

“ใช่แล้ว ในการต่อสู้ ลินลี่ย์ไม่ได้อ่อนแอกว่าอสูรเจ็ดดาวเลย”

เสียงชราภาพเสียงหนึ่งดังขึ้น “อย่างนั้นคำอธิบายประการเดียวก็คือ ระดับความเข้าใจของลินลี่ย์ผู้นี้เกี่ยวกับเคล็ดลึกลับในกฎธรรมชาติของเขาทรงพลังมาก ข้าทำนายได้เลยว่า...เขาคงเชี่ยวชาญและหลอมรวมห้าเคล็ดลึกลับของกฎธรรมชาติธาตุดินได้แล้ว! มิฉะนั้น ไม่มีทางที่เทพแท้จะมีพลังระดับนี้ได้”

พลังมหาศาลที่ลินลี่ย์แสดงออกมาจึงถึงระดับนี้แน่นอน

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือลินลี่ย์เพียงหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้สามเคล็ดเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากศิลาดำซึ่งมีวิธีการใช้งานผ่านกฎธรรมชาติเฉพาะซึ่งได้มาจากอสูรอะเมทิสต์ ทำให้สนามพลังโน้มถ่วงของเขามีพลังมากกว่าปกติเป็นร้อยเท่า... พลังของลินลี่ย์จึงเทียบได้กับคนที่หลอมรวมเคล็ดธาตุธรรมชาติได้ห้าเคล็ด

“เทพแท้ผู้หลอมรวมเคล็ดลึกลับได้ห้าเคล็ด?”

ประมุขตระกูลทุกคนในหอประชุมตะลึงกันหมด

“ข้าคิดว่าเหตุผลที่ลินลี่ย์นี้ไม่กลายเป็นเทพชั้นสูงเป็นเพราะเขาต้องการหลอมรวมเคล็ดลึกลับไปทีละขั้นตอน ข้าคิดว่าปัจจุบันนี้เขาคงค่อยๆ หลอมรวมเคล็ดลึกลับที่หกอย่างช้าๆ อยู่แน่นอน วันที่เขากลายเป็นเทพชั้นสูงก็จะเป็นวันเดียวกับวันที่เขาสำเร็จหกเคล็ดลึกลับทั้งหมดแน่นอน!” เสียงแหบแห้งดังขึ้น “ลินลี่ย์ผู้นี้ ข้าต้องยอมรับ.. ว่าเขามีปณิธานและความทะเยอทะยานมากนัก!”

ผลของการพูดคุยกันของพวกเขา..ทำให้ประมุขแปดตระกูลตะลึงกันหมด

ที่สำคัญคือโดยทั่วไปเมื่อยอดฝีมือฝึกหลอมรวมเคล็ดลึกลับของกฎธาตุธรรมชาติสักกฎหนึ่งเป็นเรื่องที่ยากเกินไป ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงตัดสินใจเป็นเทพชั้นสูงให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ จากนั้นจึงค่อยๆ หลอมรวมเคล็ดลึกลับทีหลัง

มีเสียงแหลมเสียงหนึ่งดังขึ้น “เขาเป็นเพียงเทพแท้ แต่ก็ยังมีพลังที่ประหลาดถึงเพียงนี้ ถ้าเขาบรรลุถึงระดับเทพชั้นสูง และเชี่ยวชาญในกฎธาตุธรรมชาติ... อย่างนั้นเขาก็คงจะมีพลังระดับสุดยอด! ถ้าหนึ่งในประมุขของสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์กล้าพอจะมอบสมบัติมหาเทพให้กับเขา อย่างนั้นคนผู้นี้พร้อมกับสมบัติมหาเทพจะสามารถข่มพวกเราได้ทั้งหมด!”

เมื่อคนผู้หนึ่งฝึกได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์และกลายเป็นพารากอนของกฎธาตุธรรมชาติ คนผู้นั้นจะมีพลังที่น่ากลัว

เมื่อได้สมบัติมหาเทพที่เข้ากัน .... คนผู้นั้นอาจกล่าวได้ว่าไร้เทียมทาน แค่เป็นรองมหาเทพเท่านั้น

“ลินลี่ย์ผู้นี้... น่ากลัวขนาดนี้จริงๆ” เปาโลยังคงฟังอยู่จากด้านนอกหอประชุมก็ยังรู้สึกกลัวเช่นกัน “แต่ก็สมเหตุผลแล้ว ถ้าโดยทางทฤษฎีเขายังเป็นแค่เทพแท้แต่ก็ยังสามารถใช้สนามพลังโน้มถ่วงที่น่ากลัว เขาต้องมีการหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้อย่างน้อยห้าชนิด เขาจะต้องได้รับการรู้แจ้งเคล็ดที่หกแน่นอน เมื่อเขาหลอมรวมเคล็ดที่หกได้ เขาจะกลายเป็นพารากอน”

จำนวนเทพชั้นสูงที่มีพลังระดับพารากอนยังน้อยกว่าจำนวนมหาเทพเสียอีก

พารากอนทุกคนรุ่งเรืองอยู่ในยุคของเขา เป็นยอดฝีมือในกลุ่มยอดฝีมือ

“ลินลี่ย์ผู้นี้จะปล่อยให้มีชีวิตต่อไปไม่ได้!” เสียงทุ้มดังขึ้นด้วยความโกรธ “ขณะที่เรายังมองเห็นในตอนนี้อยู่ ลินลี่ย์ผู้นี้อาจบรรลุการรู้แจ้งเคล็ดที่หกและหลอมรวมได้ทุกเมื่อ เพราะเหตุนั้นเองจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์คงยินมอบสมบัติมหาเทพให้เขา ถึงเวลานั้นเราคงจะจบสิ้นแน่นอน!”

“ถ้าเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง แม้แต่มหาเทพก็คงไม่ยินดีช่วยเรา!”

ประมุขแปดตระกูลตกใจและโกรธทันที

มหาเทพทรงพลานุภาพสูงส่ง ส่วนทูตของมหาเทพไม่มีอะไรมากไปกว่าเครื่องมือของเขา และมหาเทพปกติจะไม่ใส่ใจกิจกรรมที่พวกทูตกระทำลงไป ตราบใดที่ทูตมหาเทพสามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

แต่มีคนอีกแบบหนึ่งที่แตกต่างออกไป!

เทพชั้นสูงระดับพารากอน แม้แต่มหาเทพก็ยังยินดีลดตัวเองขอให้เทพพารากอนเป็นทูตให้เขา

ประมุขตระกูลใหญ่ทั้งแปดรู้สึกว่าหัวของพวกเขาตึงเครียดเล็กน้อย สวรรค์โปรด พวกเขาไม่เคยคาดเลยว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะให้กำเนิดผู้มีอัจฉริยภาพเหลือเชื่ออย่างเงียบๆ ได้จริง ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ต่อไป จะต้องมีผลกระทบที่คาดไม่ถึงแน่นอน!

“ลินลี่ย์ผู้นี้ต้องถูกฆ่า!” เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวดังมาจากภายในหอประชุม

“สงครามระหว่างเรากับตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะปล่อยให้ดำเนินต่อไปแบบนี้ไม่ได้ เราต้องรีบเร่ง!”

“ไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับทูตมหาเทพอื่น ภัยคุกคามเราที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือลินลี่ย์ เราต้องฉวยโอกาสกำจัดเขา ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทเท่าใด ไม่ว่าจะต้องเสียสละเพียงไหน เราต้องกำจัดเขา!”

เดิมทีแปดตระกูลใหญ่ไม่ต้องใช้เวลามากมายกับการคิดถึงเรื่องของลินลี่ย์ ตอนนี้พอพวกเขาคิด ก็รู้ได้ว่าเป็นภัยคุกคามใหญ่ต่อพวกเขา ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่จนทำให้พวกเขาตื่นตระหนก ที่สำคัญแม้แต่สี่พิภพชั้นสูงทั้งหมด การถือกำเนิดของสุดยอดฝีมือระดับพารากอนเป็นเหตุการณ์ที่จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับทุกพิภพใหญ่

เทือกเขาสกายไรท์ หุบเขาอ่างโลหิต

เอ็มมานูเอลกับฟอร์ลันกำลังรออยู่ที่ตำหนักมังกรฟ้า ขณะนั้นเองมีร่างหนึ่งบินข้ามฟ้าตรงมายังหุบเขาอ่างโลหิตและลงมายังหน้าตำหนักมังกรฟ้า คนผู้นี้ไว้ผมยาวสยาย เขาคือประมุขเผ่ามังกรฟ้ากัซลีสัน

“เอ๊ะ?” ประธานผู้อาวุโสมองดูนอกหน้าต่างด้วยความสงสัย เอ็มมานูเอลและฟอร์ลันหันไปมองทันที

กัซลีสันก้าวเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้ม “น้องหญิง”

“ท่านประมุข” เอ็มมานูเอลและฟอร์ลันแสดงความเคารพทันที

“พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ? ดีแล้ว อย่างนั้นไม่จำเป็นต้องส่งคนไปตามเจ้า” กัซลีสันหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขาเดินไปที่บัลลังก์และนั่งลงเอง เขายิ้มให้ประธานผู้อาวุโส “น้องหญิง, เจ้ารู้ไหมว่าในสงครามที่ลินลี่ย์และเอ็มมานูเอลเข้าร่วม อสูรเจ็ดดาวอีกฝ่ายหนึ่งตายไปสองคน”

กัซลีสันหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขามองเอ็มมานูเอล “เอ็มมานูเอล! ข้าได้ยินว่าหลังจากนั้นมีอสูรเจ็ดดาวอีกคนหนึ่งโจมตีเจ้ากับลินลี่ย์ เล่าผลการต่อสู้ให้ข้าฟังด้วย”

ข่าวที่กัซลีสันได้รับนั้นมาจากหน่วยข่าวกรอง

เพราะทั้งสองฝ่ายใช้พลังมหาเทพในการสู้ศึก อสูรหกดาวสามคนฝ่ายเผ่ามังกรฟ้าที่รอดชีวิตจึงแยกย้ายกันหนี เปาโลไล่ตามเอ็มมานูเอลและไล่ตามไปจนถึงลินลี่ย์...

ปกติอสูรหกดาวจะหนีไปทิศทางตรงกันข้าม

ดังนั้นมีแต่เพียงลินลี่ย์ เอ็มมานูเอล เปาโลและฟูโซ่เท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ท่านประมุข” เอ็มมานูเอลคุกเข่าสะอื้นไห้ทันที “ร่างแยกธาตุน้ำของข้าถูกทำลาย ศัตรูของเราคือเปาโล...ข้าใช้หยดพลังมหาเทพไปแล้ว แต่ลินลี่ย์ไม่ได้ใช้ของเขา ทั้งไม่ได้ช่วยข้า”

“นี่คือเรื่องทั้งหมดหรือ?” กัซลีสันอดขมวดคิ้วไม่ได้

“ท่านประมุข! หลังจากนั้นลินลี่ย์กับข้า....” เอ็มมานูเอลเริ่มเล่าเรื่องรายละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเขาเปลี่ยนรายละเอียดของคำพูดบางอย่างทำให้ฟังดูเหมือนว่าลินลี่ย์ต้องการทำร้ายเขา

“เจ้าว่ายังไงนะ? สมบัติมหาเทพ!” กัซลีสันตกใจ

“เอ็มมานูเอล เจ้าพูดว่าสมบัติมหาเทพหรือ?” ประธานผู้อาวุโสตกใจด้วยเช่นกัน

“ชะ..ใช่แล้ว?” เอ็มมานูเอลตะลึง

“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อนนั้นเล่า?” ประธานผู้อาวุโสพูดอย่างโมโห

ก่อนหน้านี้ เมื่อเอ็มมานูเอลกำลังเล่าเรื่องนี้ให้ประธานผู้อาวุโสฟัง เขาบอกแต่เพียงว่ายอดฝีมือคนหนึ่งห้ามเปาโลไว้ เขาไม่ได้พูดถึงสมบัติมหาเทพ

“นั่น..นั่นสำคัญมากนักหรือ?” เอ็มมานูเอลไม่เข้าใจ

“เขาชื่ออะไร?” กัซลีสันรีบถาม

เอ็มมานูเอลยังคงจำบทสนทนาระหว่างลินลี่ย์กับฟูโซ่ได้ชัด เขาพูดทันที “คนผู้นั้นชื่อฟูโซ่”

“ฟูโซ่?” ประธานผู้อาวุโสค่อนข้างสงสัย

กัซลีสันอึ้งไปชั่วขณะ แต่จากนั้นเขาเริ่มหัวเราะ เขาพูดขึ้นทันที “น้องหญิง, เจ้ามากับข้าสักเดี๋ยว”

“ได้, ท่านพี่” ประธานผู้อาวุโสตามเขาไปทันที ประมุขกัซลีสันและประธานผู้อาวุโสออกจากตำหนักมังกรฟ้าทันที ปล่อยให้เอ็มมานูเอลและฟอร์ลันรั้งอยู่ในปราสาทด้วยความงวยงงสับสน

“ท่านพ่อ, นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เอ็มมานูเอลกล่าว

“เป็นไปได้ไหมว่าท่านประมุขจะรู้จักคนผู้นั้น?” ฟอร์ลันไม่เข้าใจเหมือนกัน

ในหุบเขาของเทือกเขาสกายไรท์

ลินลี่ย์ เดเลีย และบีบีในตอนนี้อยู่ด้วยกัน ร่างหลักของลินลี่ย์อยู่ในระหว่างเดินทางทางกลับ ดังนั้นนี่จึงเป็นร่างแยกของลินลี่ย์ ขณะที่เดเลียและบีบีเดินทางไปแล้วเพิ่งจะกลับมาจากเมืองเมียร์

“บีบี, เจ้าได้ออกไปเที่ยวข้างนอกรู้สึกเป็นยังไงบ้าง? เท่าที่เห็นดูเหมือนว่าเจ้าจะสนุกขึ้นบ้าง” ลินลี่ย์หัวเราะ

“แน่นอนว่าข้ารู้สึกดีขึ้นมากหลังจากได้ออกไปเที่ยว” บีบีลูกจมูกและหัวเราะ “อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ข้ามีความสุขมากไม่ใช่เพราะข้าไปเที่ยวมา แต่ว่า..พี่ใหญ่ข้าเชี่ยวชาญเคล็ดความรู้ลึกลับที่ห้าของกฎธรรมชาติธาตุมืดแล้ว”

ลินลี่ย์ตกใจ

“พี่ใหญ่, ท่านกับข้าแข่งกันอยู่ ท่านก็รู้ แล้วตัวท่านเล่า?” บีบีถามเยาะเย้ย

“อือ..” ลินลี่ย์ได้แต่ส่ายศีรษะและหัวเราะ “ข้าตามหลังเจ้าแล้ว ข้ายังติดอยู่ที่คอขวดของเคล็ดลึกลับพลังธาตุอยู่เลย ยังบรรลุผ่านไม่สำเร็จ”

“หึ หึ” บีบีหัวเราะเย้ย

“ดูพวกเจ้าสองคนสิ” เดเลียปิดปากและเริ่มหัวเราะเช่นกัน “พวกเจ้าแข่งกันแบบนี้ เหมือนกับเด็กสองคนแข่งกัน”

“ก็เราไม่มีอะไรทำดีไปกว่านี้แล้ว” บีบียิ้มตอบ

ลินลี่ย์หัวเราะ “เดเลีย บีบี! พวกเจ้าทั้งสองคนเห็นเอ็มมานูเอลรู้สึกไม่ชอบใช่ไหม?” ขณะที่ลินลี่ย์พูด เขากางสนามพลังเทพผนึกไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไปด้านนอก

“ใช่แล้ว ข้าเกลียดเจ้านั่น” บีบีรีบพูด “ครั้งก่อน เขาต้องการขโมยแหวนมังกรขนดของท่าน”

“และเขายังต้องการจะฆ่าเจ้าด้วย” เดเลียไม่พอใจอย่างช่วยไม่ได้ “นอกจากนี้ เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเพื่อทำภารกิจนี้ เขาบังคับให้เจ้าไปพร้อมกันกับเขา?”

ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว ต่อให้เขาต้องการฆ่าข้า เขาไม่มีความสามารถทำเช่นนั้นได้ เดเลีย บีบี ยังเป็นเรื่องยากที่เขาจะฆ่าเจ้าทั้งสองคนด้วย”

“อะไรกัน?” บีบีและเดเลียตกใจทั้งคู่

“ครั้งนี้ในระหว่างภารกิจของเรา คนที่ต้องการเล่นงานข้า... ผลออกมาเขากลับตายเอง” ลินลี่ย์หัวเราะ “ร่างแยกธาตุน้ำที่ทรงพลังที่สุดของเขาจบสิ้นแล้ว ร่างที่เหลือของเขาเป็นเพียงร่างที่อ่อนแอ”

“เขาตายจริงๆ หรือ? โย้ว!” บีบีตะโกนด้วยความตื่นเต้น

“เจ้าเผชิญเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งหรือ? แล้วร่างแยกของเจ้าเป็นยังไง? ปลอดภัยหรือเปล่า?” เดเลียรีบถาม เดเลียกังวลทุกครั้งที่ลินลี่ย์ไปปฏิบัติภารกิจ ที่สำคัญ สงครามระหว่างตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์และแปดตระกูลใหญ่ก็หมายความว่าในทุกภารกิจหน่วยงานจะต้องเต้นอยู่บนขอบเหวของความเป็นและความ

“แน่นอน ข้าไม่เป็นไร” ลินลี่ย์หัวเราะ

ลินลี่ย์ขมวดคิ้วทันที จากนั้นหันไปมองท้องฟ้า เขาเห็นว่าในกลางท้องฟ้ามีร่างสี่ร่างกำลังบินเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง ลินลี่ย์ปลดสนามพลังเทพทันที และคนทั้งสี่ลงมายืนอยู่หน้าลินลี่ย์

“ผู้อาวุโสลินลี่ย์” ทั้งสี่คนคำนับขณะที่พูด

“มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์ถาม

หัวหน้าหมู่เรียนด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโสลินลี่ย์เราได้รับคำสั่งของประมุขสี่ตระกูลให้มาเชิญตัวท่านไปยังตำหนักใหญ่ของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์

“ประมุขสี่ตระกูล?” ลินลี่ย์ตะลึง

เขาอยู่ในแดนนรกมานาน แต่เขาได้พบแต่เพียงประมุขกัซลีสันของเผ่ามังกรฟ้าเท่านั้น สำหรับประมุขอีกสามตระกูลเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ตอนนี้ประมุขสี่ตระกูลเรียกหาเขา? ทำไมกัน

“ผู้อาวุโสลินลี่ย์ ได้โปรดรีบด้วย ประมุขสี่ตระกูลรออยู่ที่ตำหนักใหญ่” คนนำเร่ง

“ได้” ลินลี่ย์พยักหน้า

ลินลี่ย์หันมาทางเดเลียและบีบีทันทีหัวเราะและพยักหน้าให้พวกเขา “ข้าต้องไปก่อน” และจากนั้น เขาบินขึ้นไปในอากาศทันที นักรบทั้งสี่คนติดตามด้านหลังลินลี่ย์ ขณะที่ทั้งห้าคนบินเรียงแถวไปยังหุบเขาอ่างโลหิต

ครู่ต่อมา

ลินลี่ย์มาถึงหุบเขาอ่างโลหิต เขามองเห็นตำหนักมังกรฟ้าแต่ไกล “เป็นตำหนักใหญ่จริงๆ ข้าไม่เคยไปตำหนักใหญ่มาก่อน” หุบเขาอ่างโลหิตมีตำหนักรวมห้าแห่ง ตำหนักใหญ่ของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ให้ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ใช้ประชุมปรึกษาเรื่องสำคัญ

แต่วันนี้....

ตำหนักใหญ่ของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เปิดประตูต้อนรับลินลี่ย์

ตำหนักใหญ่แห่งตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์สูงมากกว่าร้อยเมตร และผนังทั้งสี่ด้านสลักเป็นรูปอสูรศักดิ์สิทธิ์ชนิดต่างๆ ทั่วทั้งตำหนักใหญ่เป็นสถานที่โอ่โถงสง่างาม ประตูของตำหนักใหญ่มีนักรบของหุบเขาอ่างโลหิตยืนรักษาการณ์

“ผู้อาวุโสลินลี่ย์” ทหารทำความเคารพลินลี่ย์

ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้าจากนั้นเดินเข้าไปในตำหนักใหญ่ “ครืนน...” ประตูตำหนักใหญ่ด้านหลังลินลี่ย์ปิดตัวเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด