ตอนที่แล้วตอนที่ 133 คุณแม่นางฟ้า (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 135 ในที่สุดก็ได้เลขามาคนนึง (อ่านฟรี)

ตอนที่ 134 ไฟช็อต (อ่านฟรี)


แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร

ตอนที่ 134 ไฟช็อต

แม็กนัสกับรักนาร์ต้องตื่นตัวตลอดเวลาที่พวกเขานั่งอยู่ที่นั่น แต่ไม่นานดนตรีบางอย่างก็เริ่มดังขึ้น และเด็กเล็กๆ ก็เริ่มร้องเพลงที่ด้านหน้า พวกเขาทำได้ดีมากเพลงก็ฟังดูดี

"อ๊ะ... ดูสิ พวกเขาแต่งตัวเหมือนนางฟ้าตัวน้อยเลย" เกรซขยั้นขยอพวกเขา ก

แม็กนัสพยักหน้า “จริงฮะ พวกเขาดูน่ารักดี”

“โอ้ ดูสิ มีผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับเราด้วย เธอกำลังมองมาที่เรา” รักนาร์ชี้ให้เห็น

“เธอกำลังมองนายต่างหาก บางทีเธออาจจะชอบนายก็ได้นะ” แม็กนัสแนะนำพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

รักนาร์ทำหน้าบึ้ง "ง่าา เธอคงกำลังมองป้าเกรซอยู่ด้วย"

แม็กนัสไม่สามารถหักล้างได้ เกรซส่องแสงเจิดจ้ามากในห้องโถงนั้น เธอสวมเดรสยาวสีขาวซึ่งทำให้ดูไม่ต่างไปจากเทพธิดาดีๆ นี่เอง

~พระเจ้า ผู้คนจะเริ่มเรียกแม่ว่า พระแม่เกรซ จริงๆ ไหมเมื่อเธอกลายเป็น พระราชชนนี?~ แม็กนัสสงสัย

การร้องเพลงดำเนินไปเพียงไม่กี่นาที จากนั้นพิธีการในโบสถ์ก็เริ่มขึ้นและกินเวลานานประมาณหนึ่งชั่วโมง แม็กนัสไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่เคยถูกพาไปที่โบสถ์มาก่อน

แต่เขาใจจดใจจ่อรอให้งานจบแล้วค่อยไปกินข้าว ดังนั้นเมื่อเทศจบ เขาก็จับมือเกรซและเดินออกไปที่สนามหญ้า

“แม็ก ดูสิ มีบางตัวกำลังเข้ามาหาเรา” รักนาร์กระซิบบอกเขา

แม็กนัสมองไปที่ชายทั้งสองพลางยิ้มเยาะ ในวินาทีต่อมา พวกเขาทั้งหมดก็ล้มหน้าคว่ำกันซะก่อน ชุดสูทที่ดูดีของพวกเขาก็พังยับเยิน มันเป็นความน่าอนาถอย่างที่สุด

เกรซมองดูที่เกิดเหตุ "พวกนั้นไม่เป็นไรใช่ไหม?"

“แม่ฮะ ไปกันเถอะ ผมหิวแล้ว” แม็กนัสลากเธอออกมา

ไม่นานหลังจากที่พวกเขามาถึงข้างนอก รักนาร์ก็เดินไปดูว่ามีอะไรกินบ้าง ในขณะที่ แม็กนัสไปกับเกรซไปเพื่อกินและสนทนากับผู้คน ตัวเขาไม่ได้สนใจที่จะพูดคุยกับใครหรอก แต่ต้องมีใครสักคนคอยอยู่กับนางฟ้าเดินดิน

หลังจากนั้นไม่นาน คุณป้าแก่ๆ บางคนก็เริ่มเม้ากับเกรซพร้อมๆ กับที่ดึงแก้มของเขา เขาเกลียดมันแต่ต้องห้ามตัวเองไม่ให้ส่งคำสาปใส่พวกเขา ผู้หญิงเหล่านี้ได้มีล้มพับกันบ้างแน่ถ้าต่อไปได้รู้ว่าเขาจะขึ้นเป็นกษัตริย์ เกรซยังอวดว่าเขาได้รับเหรียญกล้าหาญจอร์จครอสตอนอายุ 9 ขวบด้วย

ส่วนใหญ่แล้ว แม็กนัสจะถือจานอยู่ในมือและกำลังกินผักย่างกับเต้าหู้ เขาต้องยอมรับว่าโบสถ์แห่งนี้ให้บริการอาหารที่ดีกว่าร้านอาหารหลายแห่ง

เมื่อเขามองไปรอบๆ และเห็นสายตาของผู้ชายหลายคนมองไปยังที่ที่เขาและเกรซอยู่ แต่เขาไม่สนใจพวกนั้นเพราะยังไงพวกนั้นก็ไม่กล้าเดินเข้ามา

จากนั้น สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่รักนาร์ที่ยืนอยู่หน้าร้านขายของที่ระลึก มีแม่ชีอยู่อีกฝั่งหนึ่ง และข้างๆ แม่ชีก็เป็นเด็กๆ ที่เพิ่งร้องเพลงในโบสถ์เมื่อครู่ เด็กเล็กบางคนกำลังเล่นอยู่ข้างหลังเธอ

~รักนาร์กำลังทำอะไรอยู่น่ะ? เขาตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เหรอ~ แม็กนัสสงสัยและตัดสินใจไปที่นั่น

“แม่ฮะ ผมจะไปหารักนาร์หน่อยนะ” เขาบอกกับเกรซ

“โอเคจ่ะ ที่รัก” เธอตอบด้วยรอยยิ้มแล้วปล่อยเขาไป

แม็กนัสเข้ามาใกล้รักนาร์และถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"

รักนาร์โชว์กล่องคุกกี้ให้เขาดู "พวกเขากำลังขายบิสกิตเพื่อสมทบทุนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่น่ะสิ"

"เดี๋ยวนะ... สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกยกเลิกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?" แม็กนัสถามอย่างสับสน

"เปล่าจ่ะ หนูจ๋า ไม่ใช่เร็วๆ นี้ การยกเลิกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมดในอังกฤษเป็นเรื่องใหญ่และมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นมันจึงต้องค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ซิสเตอร์ชื่อซิสเตอร์แมรี่นะจ๊ะ” แม่ชีพูด เธอน่าจะอายุสัก 40 ปี

แม็กนัสพยักหน้าและมองไปที่บิสกิต ของพวกนี้ทำด้วยมืออย่างแน่นอนเพราะส่วนใหญ่ไม่ได้ไม่มีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ แต่ในขณะที่แม็กนัสกำลังดูอยู่ มีเด็กน้อยน่ารักคนหนึ่งมาหาเขา เธอยังใส่ปีกนางฟ้าตัวน้อยที่แสดงอยู่บนหลังเธออยู่เลย

"หนูทำอันนั้นเองค่ะ... มันอร่อยมากนะคะ... หนูให้สัญญาเลย" เขาพยายามเกลี้ยกล่อมแม็กนัส เขาหัวเราะเบาๆ พลางเดาอายุของเด็กน้อย น่าจะไม่เกิน 7 หรือ 8 ขวบ

"ฮิฮิ...จริงเหรอ งั้นพี่จะซื้อเอง ผมจะเหมาบิสกิตทั้งหมด" เขาบอกพวกเขา

ซิสเตอร์แมรี่อ้าปากค้าง "อะไรนะ? แต่ว่า... พ่อแม่เธอต้องอนุญาตไม่ใช่เหรอจ๊ะ?"

เธอเป็นคนใจดีมากและไม่ต้องการให้แม็กนัสโดนดุในภายหลัง

เมื่อได้ยินความกังวลของเธอ แม็กนัสก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ไม่ต้องกังวลหรอกครับ มันเป็นเงินของผมเอง ผมเป็นเจ้าของบริษัทที่ทำเงินได้มากมาย ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ผมถามได้ไหมว่าทำไมคุณต้องทำเรื่องนี้เพื่อรวบรวมเงินทุน ผมคิดว่ารัฐบาลให้ความช่วยเหลือไม่ใช่หรอครับ?”

ซิสเตอร์มารีย์หน้าเศร้า "พวกเขาให้ความช่วยเหลือจ่ะ แต่ไม่เคยพอที่จะทำให้เด็กๆ ทุกคนมีชีวิตที่ดีได้อย่างแท้จริง ดังนั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พี่ชายของซิสเตอร์เลยมีส่วนร่วมกับรายได้ส่วนใหญ่ของเขา แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาเสียชีวิตเนื่องจากวัณโรค และซิสเตอร์เองไม่อยากให้ชีวิตของพวกเขาแย่ลง ซิสเตอร์จึงตัดสินใจรวบรวมเงินแบบนี้ทุกวันอาทิตย์”

~อา ครอบครัวนี้ช่างใจบุญจริงๆ~ แม็กนัสคิด

“แล้วมันเป็นยังไงบ้างครับ?” เขาถาม

"ไม่ดีเท่าไหร่จ่ะ บิสกิตเหล่านี้เด็กๆ ทำเพื่อความสนุกสนาน ดังนั้นพวกมันจึงดูไม่เหมือนกันหรืออร่อยมากนัก แต่ที่รัก เธอไม่ควรกังวลกับเรื่องแบบนี้ พระเจ้าจะทรงช่วยเราอย่างแน่นอน” เธอพูดพลางยิ้มแย้ม

~ฉันคิดว่าเขาทำไปแล้วล่ะ~ รักนาร์คิดในใจ เขามองดูเหล่าเด็กๆ ต่างหัวเราะอย่างมีความสุข โดยไม่สนใจว่ามีปัญหาอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เขาเห็นเด็กพวกนั้นเหมือนตัวเอง เด็กที่ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีครอบครัวที่คอยดูแล

“โอเคฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะบริจาคเงินทั้งหมดของฉันให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” รักนาร์พึมพำ

แต่แม่ชีไม่รู้ว่าการช่วยเหลือของรักนาร์ไม่ใช่การช่วยชีวิตเด็ก เขามีเงินมากมายจากการปรุงยาของเขา

แม็กนัสรีบหยุดเขา "ไม่ นายห้ามทำอย่างนั้น ฉันจะทำเอง ฉันจะรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซิสเตอร์แมรี่ครับ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของพวกคุณอยู่ที่ไหน"

"อ๋อ ไกลจากที่นี่นิดหน่อยจ่ะ เราจ้างรถบัสมา" เธอเปิดเผยด้วยความตกใจ

“รักนาร์ เราจะไปกับพวกเขาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” แม็กนัสตัดสินใจ

รักนาร์ย่อมเข้าร่วมอยู่แล้ว แล้วแม็กนัสก็ไปบอกแม่ของเขาเรื่องนี้ก่อนที่ซิสเตอร์แมรี่จะทันได้พูดอะไร เขาดึงเธอไปที่หนึ่งแอบบอกเธอทุกอย่าง

และสิ่งต่อไปที่เขารับรู้ได้ก็คือ เขาถูกเกรซจูบที่หัวของเขา "อ๋าา... ลูกรักใจดีมาก เลยนะจ๊ะ ใช่แล้วเมื่อเรามีเงินมาก เราก็ควรจะช่วยเหลือพวกเขา ไปกันเถอะจ่ะ แม่จะไปกับลูก"

นางฟ้าสุดสวยที่พวกเด็กๆ เห็นในโบสถ์นั่งอยู่กับพวกเขาในรถบัส พวกเขาทั้งหมดล้อมรอบเกรซและกำลังพูดเจื้อยแจ้วเรื่องไร้สาระ

ในขณะเดียวกันแม็กนัสก็แอบเรียกหาจอร์จและบอกให้นำรถไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในภายหลังเพื่อให้พวกเขาขับรถกลับ

การขับรถใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเขาอยู่อีกด้านหนึ่งของลอนดอน เมื่อพวกเขามาถึงพวกเขาเห็นสถานที่สวยงาม มีสวนรอบอาคาร มันอยู่นอกเมือง ดังนั้นนี่หมายถึงสภาพอากาศที่ดีกว่า

"ส่วนใหญ่เราจะปลูกผักกินเองจ่ะ มันทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารสถานที่ลดลง ส่วนใหญ่หมดไปกับการศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดี” ซิสเตอร์แมรี่เล่าให้พวกเขาฟัง

เด็กทุกคนรีบวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้พวกเขาสังเกตุเห็นเด็กโตบางคนอาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วย ดูเหมือนว่าพวกเขาถูกทิ้งให้ดูแลเด็กที่อายุน้อยเกินกว่าจะออกนอกบ้าน แม็กนัสสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงอายุมากกว่าเขา 3 คน หลายคนอายุระหว่าง 14 ถึง 16 ปี จากนั้นมีเด็กผู้ชาย 2 คน คนหนึ่งอายุ 14 ปีและอีกคนอายุ 16 ปี

แม็กนัสและรักนาร์มองไปรอบๆ บ้านมันเป็นบ้านในชนบทหลังใหญ่ที่มีดอกไม้และต้นไม้เขียวขจีอยู่รอบๆ มันเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีมากสำหรับเด็ก ๆ

แต่พอไปดูใกล้ๆ สภาพบ้านดูไม่ค่อยดีนัก จากภายนอก เขามองเห็นหลังคาที่ต้องซ่อมแซม หน้าต่างบางบานแตกและผนังก็บิ่นด้วย ภายในบ้านพื้นก็ต้องการการซ่อมแซมเช่นกัน

แต่มันก็ใหญ่พอที่จะรองรับเด็กทั้ง 51 คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นได้ แต่ดูเหมือนจะมีเพียงซิสเตอร์แมรี่เท่านั้นที่เป็นผู้ใหญ่ที่ดูแลพวกเขา ซิสเตอร์บอกว่าบางครั้งแม่ชีในโบสถ์อื่นๆ ก็จะมาดูแลพวกเขาเป็นระยะๆ

รักนาร์ก็มีความคิดแบบเดียวกัน เขาแค่ต้องการช่วยเด็กเหล่านี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เศร้าเหมือนตอนแรก เขาเห็นเสื้อผ้าต่างๆ ของเด็กทุกคนมันดูเก่า

เขาหันไปหาแม็กนัสและกระซิบว่า "บอกจอร์จให้เอาชุดสำหรับเด็กอายุ 1 ถึง 17 ปี ทั้งชายและหญิงมาด้วยนะ"

แม็กนัสพยักหน้า แต่เขาจำเป็นต้องโทรหาคนอื่นด้วย เขาเดินไปที่โทรศัพท์แล้วโทรหาเท็ด

"เท็ด คุณช่วยส่งคนไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเซนต์อัลเบิร์ตได้ไหม ผมว่าจะรับเลี้ยงเด็กกำพร้าและต้องจัดการบางอย่างให้เสร็จ บอกพวกนั้นให้เอาช่างก่อสร้างมาด้วย” เขาร้องขอ

เท็ดถอนหายใจและตัดสินใจอย่างรวดเร็ว "รู้อะไรไหมแม็กนัส ผมกำลังส่งผู้ช่วยคนใหม่ไปให้คุณนะ เธอห่วยเรื่องกฎหมายแต่จัดการเรื่องต่างๆ เก่งมาก แค่จ้างเธอเป็นเลขาของคุณ โอเคครับ?”

แม็กนัสเริ่มหัวเราะ "ฮ่าฮ่า... นี่ผมน่ารำคาญขนาดนี้เลยเหรอ?"

"เปล่าๆ มันไม่ใช่อย่างนั้น ช่วงนี้ผมยุ่งมากจนรู้สึกว่าเป็นการยากที่จะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ผมมีสาขาสำนักงาน 5 ประเทศที่จะดำเนินการในขณะนี้ และเมื่อได้เห็นวิสัยทัศน์ของคุณแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณจะต้องทำสิ่งต่างๆ มากมายให้สำเร็จ เพราะงั้นผมเลยหาผู้ช่วยให้คุณ แต่อย่าแชร์อะไรเกี่ยวกับสถานะครอบครัวของคุณนะ แค่บอกเธอว่าคุณรวยก็พอ นี่จะทดสอบความภักดีของเธอ นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ทรัพยากรบริษัทของผมโดยให้เธอเป็นผู้ติดต่อในบริษัท

อีกอย่างคุณยังสามารถโทรหาผมได้ ผมพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณเสมอครับ แต่เนื่องจากผมเพิ่งเริ่มขยายงาน ผมเลยยุ่งมากครับ และไม่อยากทำงานที่ต้องทุ่มเทให้กับงานของคุณ" เท็ดพยายามทำให้แม็กนัสเข้าใจโดยไม่ทำให้เขาขุ่นเคือง

แม็กนัสยักไหล่ "โอเค ผมเข้าใจ รีบส่งผู้หญิงคนนั้นมาเร็วๆ ละกันครับ"

แม็กนัสวางสายและมองไปข้างหลัง มีเด็กชายวัยรุ่นจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มองไปที่แม็กนัสด้วยความสนใจ "ค่าโทรศัพท์ทางไกลนั่น นายรู้ไหม"

แม็กนัสหัวเราะเบา ๆ “ฉันรู้น่า แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะจ่ายให้ซิสเตอร์แมรี่เอง”

“ฉันได้ยินที่นายพูด นายจะรับเลี้ยงเด็กกำพร้านี้จริงๆ เหรอ?” เด็กหนุ่มถาม

แม็กนัสพยักหน้า “ใช่ ฉันเป็นเจ้าของดราก้อนโฮลดิ้ง ฉันอยากทำอะไรฉันก็ทำ รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กๆ เหล่านี้ไม่ควรหายไป”

เด็กชายยิ้มและเดินไปจับมือเขา "ขอบคุณนะ ฉันเป็นห่วงพวกเขามากเลยตั้งแต่ลุงแจ็คเสียชีวิต ฉันชื่อเดวิด"

แม็กนัสจับมือกับเขา

*จี๊ซซซซ*

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม็กนัสรู้สึกว่ามีไฟช็อตที่มือ จากปฏิกิริยานี้ เดวิดก็รู้สึกเช่นกัน

"อ๋า! ขอโทษที เพราะอะไรไม่รู้ ร่างกายของฉันมีแนวโน้มที่จะเกิดไฟฟ้าสถิตได้ง่ายน่ะ" เดวิดอธิบายอย่างงุ่มง่าม

แต่แม็กนัสไม่ได้เชื่อมันนักหรอก พวกเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าซึ่งจะทำให้เกิดสิ่งนี้ และจากคำพูดของเดวิดเอง มันเกิดขึ้นบ่อยเสียด้วย แม็กนัสรู้สึกสงสัยขึ้นในใจ นี่ก็เป็นไปได้

“นายมาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” แม็กนัสถามตรงๆ

เดวิดยิ้มด้วยใบหน้าเศร้าหมอง "ถามแปลกดี ฉันมาที่นี่ในวันเกิดปีที่ 11 ของฉัน วันที่พ่อแม่ของฉันเสียชีวิตในอุบัติเหตุรถชน และญาติคนอื่นๆ ของฉันปฏิเสธที่จะรับเลี้ยงฉัน"

เมื่อได้รับข้อมูลดังกล่าว แม็กนัสจึงตัดสินใจจับตาดูเขาเพื่อให้แน่ใจว่าสมมติฐานของเขาเป็นจริงหรือเท็จ

เมื่อเขากลับมาที่ห้องโถง เขาเห็นเด็กๆ ทุกคนคอยมาเล่นรอบๆ เกรซ ในขณะที่รักนาร์ไล่ตามพวกเขาไป

~อา ช่างเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ ฉันสงสัยจังว่า มีใครบางคนจะกลายเป็นผู้วิเศษด้วยหรือเปล่าน้า?~ เขา

*ปิ๊น ปี๊น*

ทันใดนั้นเสียงแตรรถดังมาจากด้านนอก แม็กนัสกับรักนาร์รีบออกไปและเห็นรถ Range Rover สีขาวยืนอยู่ตรงนั้น เด็กๆ ก็ติดตามไปด้วย

แต่ที่แม็กนัสตกใจก็คือเขาเห็นว่าจอร์จขับรถมาเอง เขาเดินไปที่ฝั่งคนขับแล้วถามว่า "เท้านายถึงแป้นเหยียบหรอ?"

จอร์จยิ้มเยาะ “ไม่แน่นอนครับ แต่ผมใช้เวทมนตร์”

“แล้วนายขับยังไงล่ะ? ได้ไปชนที่ไหนมาหรือเปล่า?” แม็กนัสถามต่อ

แต่แล้วเขาก็เห็นจอร์จหลบตาเขา แล้วเขาก็ตระหนักได้ทันที ~ เขาต้องขับไปชนที่ไหนสักแห่งแน่! ~

จอร์จสารภาพอย่างรู้สึกผิดว่า "ผมสาบานเลยครับท่าน แมวมันโผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ผมพยายามหลบแล้วก็ไปชนเข้ากับเสาไฟ แต่ผมแก้ไขทุกอย่างด้วยเวทมนตร์แล้วครับ"

“แล้วแมวล่ะ?” แม็กนัสถามเขา

*เหมียว*

"ผมเอาด้วยครับ" จอร์จตอบแล้วยื่นแมวส้มตัวน้อยให้ ที่จริงแล้วมันคือลูกแมว

"นุ้งเหมียววววว..." เด็กน้อยทุกคนโห่ร้องอย่างสนุกสนาน

เมื่อเห็นสิ่งนี้ แม็กนัสหัวเราะเบาๆ ขณะที่ลูบไล้ลูกแมวตัวเล็ก “อืม ฉันว่าตอนนี้ลูกแมวตัวนี้มีบ้านใหม่แล้ว”

_____________________________

[A/N: มีใครคาดเดาเกี่ยวกับเด็กเดวิดคนนั้นได้บ้างไหม?

อีกอย่างนะครับ ซิสเตอร์แมรี่จะกลายมาเป็นตัวหลักในเรื่องครับ และทุกอย่างที่แม็กนัสได้ทำในวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคตเมื่อเขาขึ้นครองบัลลังก์ เขาจะต้องการการสนับสนุนจากสาธารณชนทั้งหมดที่เขาสามารถรวบรวมเพื่อแทนที่ราชินีผู้เป็นที่รักของมวลชน พระองค์จำเป็นต้องเป็นกษัตริย์ที่รักของสาธารณชนจึงจะสามารถนำการปฏิรูปในแบบที่เขาต้องการได้]

___________________________

เพจถ้าเช่นนั้นข้าขอลา

สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า (ดูสวยกว่าบ้านตรูอี๊ก)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด