ตอนที่แล้วตอนที่ 132 สมมุติเทพ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 134 ไฟช็อต (อ่านฟรี)

ตอนที่ 133 คุณแม่นางฟ้า (อ่านฟรี)


แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร

ตอนที่ 133 คุณแม่นางฟ้า

แม็กนัสไม่รู้ว่ามีการวางแผนลอบสังหารเขา แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเช่นกัน เพราะแผนเหล่านั้นไม่อาจบรรลุผลได้ในเร็ววัน การที่เขาทำให้พวกผู้เสพความตายทำเอาหลายคนหวาดกลัวมากเกินไป และพวกเขายังต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อตั้งหลักอีกครั้ง

นั่นเป็นเวลาเพียงพอที่แม็กนัสจะแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นนึง

สองสามวันต่อมา เขาก็ออกกำลังกายที่บ้านทุกวัน บ็อบบี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในขณะที่เขามีหลายอย่างที่ต้องทำ ซิเรียสก็กลับบ้านด้วยอาการที่พร้อมจะโดนอัดยับ ส่วนรักนาร์มักถูกแม็กนัสลากไปออกกำลังกายด้วยกัน

ในด้านธุรกิจของเขา ทุกอย่างเรียบร้อยดีทำเงินได้ MEDA เป็นที่นิยมในหมู่คนจำนวนมาก บางครั้งแม้แต่หน่วยงานตำรวจบางแห่งก็ต้องจ้างพวกเขาให้เป็นที่ปรึกษา แต่ทุกคนรู้ว่าที่พวกนั้นจ้างพวกเขาเพราะพวกนั้นไม่สามารถไขคดีได้เอง

มันเป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน และคนรวยและคนดังหลายคนก็ใช้บริการของพวกเขาด้วยเหตุผลหลายประการ ส่วนที่นิยมที่สุดคือการสนับสนุนจากสำนักงานกฎหมายท็องส์แอนด์ท็องส์ แม้ว่าแม็กนัสจะเป็นเจ้าของเพียง 5% แต่ก็ยังเพียงพอที่จะทำให้ท็องส์แอนด์ท็องส์ สร้างข้อตกลงแพ็คเกจพิเศษสำหรับลูกค้าของเขาได้

ข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงบริการของ MEDA สำหรับการรวบรวมหลักฐานความบริสุทธิ์ ในคดีฟ้องร้องสาธารณะขนาดใหญ่บางคดีกับบริษัทขนาดใหญ่ MEDA ได้รับความนิยมอย่างสูง สิ่งที่เป็นกระแสเงินสดที่ใหญ่กว่าก็คือในภายหลัง บริษัทเดียวกันจะมาหาพวกเขาเพื่อใช้บริการของพวกเขาอีก

ในเวลาไม่นานท็องส์แอนด์ท็องส์ ก็กลายเป็นแบรนด์ดังในธุรกิจกฎหมายและที่ปรึกษา ในขณะที่ MEDA กลายเป็นแบรนด์ดังในธุรกิจนักสืบเอกชน อย่างไรก็ตาม MEDA ไม่ควรมีชื่อเสียงมากเกินไป เนื่องจากบริษัทดังกล่าวจะดีกว่าหากปล่อยให้คีย์ต่ำ

อีกด้านหนึ่ง ความฝันอันยิ่งใหญ่ของแมกนัส ความฝันที่จะสร้างโรงพยาบาลที่ดีที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก แต่เขาก็เพิ่งตระหนักว่าการสร้างโรงพยาบาลเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างเปล่าประโยชน์

เขานั่งอยู่ในห้องที่มีโต๊ะสำหรับนั่งทำงานในโครงการต่างๆ และอ่านหนังสือ เขาขอให้พ่อช่วยดึงสัญญาณและเชื่อมต่อกับโทรศัพท์พื้นฐานที่ปลอดภัย ตอนนี้ห้องของเขามีโทรศัพท์แล้ว

เขานั่งที่โต๊ะคุยกับเท็ดเกี่ยวกับโรงพยาบาลใหม่ที่เขาต้องการสร้าง ในขั้นต้น เขาคิดจะซื้อ แต่ตระหนักว่ามันต้องมีข้อจำกัดในการปรับแต่งบางอย่าง อีกอย่างเขายังจะต้องซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายโรงพยาบาล และมันมีโรงพยาบาลแค่ไม่กี่แห่งที่มีที่ดินโดยรอบไว้ให้ซื้อได้

"ใช่เท็ด ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะขายเพชรให้ได้มากเท่าที่จำเป็น แล้วฉันจะสร้างรพ.ขึ้นมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะเอาไปให้แม่

“ใช่ มันจะไม่ใช่แค่โรงพยาบาลแต่เป็นสถาบันวิจัยระดับโลกที่มีการคิดค้นยาและวิธีการรักษาใหม่ๆ โรงพยาบาลนี้จะเป็นสถาบันการศึกษาทางการแพทย์ระดับโลกที่จะอัดฉีดแพทย์และพยาบาลมากขึ้นไปทั่วโลก นอกจากนี้บริษัท Medtronic จะจัดหาและพัฒนาเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ ในขณะที่บริษัทยาใหม่ที่ผมซื้อจะผลิตยา

มันจะเป็นระบบนิเวศการรักษาขนาดยักษ์ที่มีเป้าหมายเดียวคือการบริการมนุษยชาติ และในช่วงเวลานั้นเงินมันจะไหลเข้าโดยอัตโนมัติ

มันจะต้องมีขนาดมหึมาเพื่อรองรับความฝันของผมที่จะทำให้มันกลายเป็นความจริง แต่เราไม่ต้องการสร้างป่าคอนกรีต ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อให้แน่ใจว่ามีพื้นที่สีเขียวเพียงพอ โรงพยาบาลจะมีความจุได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 เตียง และวิทยาลัยจะต้องมีความสามารถในการสอนนักเรียน 600 คนต่อปี หมายความว่าครั้งหนึ่งในหนึ่งปีจะมีนักศึกษา 600 คน ระดับปริญญาตรีใช้เวลา 5 ปี ดังนั้นนักศึกษา 3000 คนจึงจะเข้าเรียนในหลักสูตรปริญญาตรีในคราวเดียว จากนั้นให้สำเร็จการศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีโดยรวมอย่างน้อย 2,000 คน

คุณเดาได้เลยว่างานนี้จะต้องใหญ่ขนาดไหน ผมจะนั่งบัลลังก์ในปี 78 เรามีเวลา 6 ปีในการทำมัน"

แม็กนัสรู้สึกตื่นเต้นกับโปรเจคนี้มาก ซึ่งเท็ดเองก็สัมผัสได้จากวิธีการพูดของเขา รวดเร็วและเต็มไปด้วยความคิด แต่เขารู้ว่านี่จะเป็นเรื่องใหญ่ที่น่าปวดหัวสำหรับโปรเจคนี้ เขาสามารถช่วยได้หากได้รับที่ดิน แต่หลังจากนั้นจะต้องให้คนอื่นดูแลการก่อสร้างเนื่องจากไม่ใช่พื้นที่ที่เขาเชี่ยวชาญ

"ผมเข้าใจทุกอย่างที่คุณพูด แม็กนัส ผมได้จดบันทึกไว้หมดแล้ว ผมจะเริ่มมองหาที่ดินที่เหมาะสมทันที ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย เราจะสร้างเสร็จก่อนปี 78 แน่นอน แต่คุณต้องหาคนดูแลที่ดีสำหรับโครงการนี้” เท็ดแนะนำเขา

แม็กนัสเห็นด้วยและพูดว่า "ตั้งเป้าไปที่สถาบันวิจัยก่อนและเริ่มโรงพยาบาลขนาดเล็กที่นั่น เมื่อสร้างโรงพยาบาลเสร็จ เราก็จะมีแพทย์รุ่นใหม่ๆ เก่งๆ ให้เลือกมากมาย"

มันเป็นแผนที่ดีมากเท็ดเองก็เห็นด้วยกับมัน “นั่นเป็นทางออกที่ดีในการจัดการกับปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ที่เราจะเจอแต่แรก ผมจะส่งคนของผมไปสืบหาที่ดินให้ได้มากที่สุดและติดต่อกลับภายในหนึ่งวันครับ”

แม็กนัสชอบความรวดเร็วทันใจแบบนี้แหละ "โอเค ผมจะรอสายคุณนะ ไว้ผมจะคิดแผนบางอย่างเพื่อเร่งการพัฒนาจากทางด้านผม ดูแลตัวเองด้วย"

*ก๊อก ก๊อก*

พอวางสายก็มีคนมาเคาะประตู แม็กนัสมองดูนาฬิกาอย่างรวดเร็วและรู้ว่าจะต้องเป็นใคร

"มาแล้วฮะ แม่" เขาตะโกนและรีบแต่งตัวเพื่อออกไป พวกเขาไม่นับถือศาสนามากนัก แต่เนื่องจากเมอร์ลินดันไปบอกเกรซอย่างโง่เขลาว่าสวรรค์และนรกมีอยู่จริง เธอจึงตัดสินใจไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ และแม็กนัสก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นี้เช่นกัน เพราะเขากำลังจะเป็นผู้พิทักษ์ความเชื่อเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์

แม็กนัสออกมาจากห้องโดยสวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์คาร์โก้สีดำ มันเป็นแฟชั่นฤดูร้อนและเขาต่อต้านการสวมรองเท้าเต็มใบขั้นเด็ดขาด เพราะงั้นเขาจึงสวมรองเท้าแตะ

"แม่จ๋า แม่เป็นหมอที่ช่วยชีวิตนะฮะ ตั๋วไปสวรรค์ของแม่ปลอดภัยแล้ว พ่อต่างหากที่ต้องต้องไปโบสถ์" แม็กนัสหาทางเนียนกับแม่

"อย่าคิดว่าลูกจะพูดหวานๆ กับแม่แล้วจะรอดนะจ๊ะ อีกอย่างแม่จะอธิษฐานเผื่อพ่อของลูกด้วย ไปเร็ว เราจะเดินไปที่นั่นกัน ห่างจากที่นี่แค่ 15 นาที แถมแม่เองก็ยังไม่เคยเจอเพื่อนบ้านด้วย” เกรซพูดพลางลากแม็กนัสไปกับเธอ

แม็กนัสแค่ร้องว่า "เดินไปจะไหวหรอฮะ แต่ข้างนอกมันร้อนจัง"

“งั้นก็ใช้เวทมนตร์ของลูกสิ” เธอแนะนำ

"อ๊ะ! ผมนี่มันโง่จริงๆ" เขาจับหน้าตัวเองและใช้คาถาเย็นๆ ให้กับตัวเองและแม่ของเขา

“รักนาร์ไม่ต้องมาด้วยเหรอฮะ?” แม็กนัสถาม

"เขารออยู่ข้างนอกแล้ว ต้องลากเขาออกจากห้องทดลองและโยนเขาเข้าห้องน้ำ เขาเหม็นมาก แม่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ใช่นักปรุงยา” เกรซพูดอย่างไม่พอใจ

ในไม่ช้าพวกเขาทั้งหมดก็ออกไปเดินเล่น และไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงจะจ้องมองพวกเขา เกรซเป็นคนสวยจากต่างโลก ในขณะที่แม็กนัสและรักนาร์นั้นหล่อเหลา แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดเกี่ยวกับพวกเขาก็คือทั้งสามคนมีผมสีบลอนด์คล้ายกันและดูเหมือนครอบครัวเดียวกัน

“ผมขอสาบาน ผู้หญิงคนต่อไปที่จ้องมาที่ผมจะได้รับระเบิดขี้จากผม” รักนาร์คำราม

“ทำตัวดีๆ หน่อย รักนาร์” เกรซเตือนเขา เธอจับมือแม็กนัสไว้ที่มือขวาและรักนาร์อยู่ทางซ้าย เธอดูมีความสุขกับการได้อยู่กับเหล่าลูกชาย

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงโบสถ์ประจำชุมชน ทันทีที่พวกเขาผ่านสวนด้านหน้าที่นำไปสู่ทางเข้า แม็กนัสก็เห็นเต็นท์ “อ้อ..จะมีของกินด้วยเหรอ? แจ่ม”

พวกเขาอาศัยอยู่ในย่านที่ค่อนข้างมีระดับและมีคนกระเป๋าลึกที่เคร่งศาสนามากเกินไป ดังนั้น คริสตจักรจึงได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาถึงช้าไปหน่อย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเข้าไปนั่งอย่างเงียบๆ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกคนในห้องโถงใหญ่ต่างหันมามองพวกเขา

~เดี๋ยวนะ... ทำไมตาเฒ่านั่นถึงอธิษฐานถึงแม่จ๋าล่ะ?~ แม็กนัสสังเกตเห็นชายชราคนหนึ่งเอามือประสานกันและหลับตาในขณะที่เผชิญหน้ากับพวกเขา

แม็กนัสเหล่ไปทางรักนาร์และพูดคุยกับเขาทางจิตใจ "นายใช้การพินิจใจแบบผิวเผินดูสิว่าทำไมพวกเขาถึงจ้องมาที่เรา"

การพินิจใจแบบผิวเผินเพื่อให้คุณอ่านความคิดเบื้องต้นที่เกิดขึ้นในหัวของใครบางคน และทันทีที่เขามองเข้าไปในศีรษะของชายชราคนนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะจับหน้าตัวเอง

~ โอ้พระเจ้า คุณส่งทูตสวรรค์มาอวยพรเรา โอ้แม่นางฟ้า โปรดอำนวยพรให้หลานชายหายจากโรคภัยไข้เจ็บด้วยเทอญ~

~เธอสวยมาก...~

~เธอเหมือนนางฟ้า~

~แม่เทพธิดา...~

~เธอช่างฮ็อต~

~ฉันต้องได้เธอ~

แรกๆ ก็มีคนอธิษฐานถึงเธอ แต่แล้วเขาก็เห็นจิตใจของชายหนุ่มบางคนทำเอาเดือดจัด ~ไอ้สารเลว สนุกกับคำสาปสะดุดของฉันซะเถอะ~

เขาหันไปมองรักนาร์เพื่อดูว่าเขาเจออะไร และนั่นทำให้เขาอ้าปากค้าง รักนาร์หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาแต่พยายามซ่อนไว้ด้านหลังขณะที่เขาหมุนขวดยาพิษไปทางชายคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูโกรธมาก

~ โห้ย โห้ย... อย่าใช้ไม้กายสิทธิ์สิ นายจะฆ่าหนูด้วยไม้กายสิทธิ์ไม่ได้ ฉันทำเอง~ แม็กนัสหยุดรักนาร์

และด้วยเหตุนี้ แม็กนัสจึงแอบปล่อยคำสาปสะดุดประมาณ 15 ครั้ง มันจะทำให้บุคคลนั้นล้มลงทุกๆ สองสามก้าว

ตอนนี้พวกเขาได้ที่นั่งแล้ว เกรซดูเขินอาย “แม่รบกวนทุกคนแล้ว”

~เปล่าฮะแม่ แม่แค่สวยเกินไป~ แม็กนัสพูดในใจ

~ใช่ ใช่~ รักนาร์เห็นด้วย

~เดี๋ยวนะ... ยังได้ยินฉันอยู่เหรอ? ออกไปจากหัวฉันซะ~ แม็กนัสไล่เขาออกจากความคิดอย่างรวดเร็ว

_____________________________

เพจแปลถ้าเช่นนั้นข้าขอลา

โบสถ์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด