ตอนที่แล้วตอนที่ 11 สะพานที่ปิดกั้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13 รูนิกลูกศรและลางสังหรณ์ถึงตายครั้งแรก

ตอนที่ 12 บ้านแฟนเก่า


ตอนที่ 12 บ้านแฟนเก่า

“ช่วยผมด้วย”

ตอนนั้นเองเสียงขอความช่วยเหลือก็ดังขึ้นมาในความวุ่นวาย เรนและพวกหันไปดูก็เห็นว่ามาจากรถที่พึ่งชนท้ายพวกเขา ชายคนนั้นดวงตาเต็มไปด้วยเลือดร่างของเขาชักกระตุกเกร็ง

แต่ถึงจะใกล้เปลี่ยนร่างเขาก็ยังไม่ยอมแพ้พยายามขอความช่วยเหลือ

“เรนด้านหลังรถ” ธันวาชี้ให้เรนดู

ด้านหลังรถมีสองแม่ลูกอยู่ หญิงสาวอายุประมาณ 30 และลูกสาวที่อายุประมาณ 5 ขวบ ผู้เป็นแม่พยายามเปิดประตู แต่ประตูรถติดอยู่กับรถของอาจารย์หลิน

ธันวารีบวิ่งไปที่ก่อนจะบอกให้แม่ลูกคู่นั้นให้ถอยไปก่อนที่เขาใช้ขวานทุบไปที่กระจกหน้าต่างรถยนต์

หญิงสาวกอดลูกสาวของเธอไป ขณะที่เด็กสาวก็ร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว

ธันวาใช้ขวานเคลียร์เศษกระจกตรงขอบหน้าต่างรถออก เรนและคนอื่น ๆ เข้ามาช่วยกันในทันที

หญิงสาวผู้เป็นแม่ส่งลูกสาวของเธอออกมาก่อน ซึ่งเด็กสาวพยายามจับแม่ของเธอไม่ยอมปล่อย

“นานา ไปกับพี่ชายก่อนเดียวแม่จะตามออกไป” เธอบอกกับลูกสาวของตน

เด็กสาวนานาหันไปมองแม่และมองธันวาซึ่งสภาพของเขาก็ดูน่ากลัว เนื่องจากมีรอยเลือดหลายแห่งทำให้เธอกลัว

“นานามาหาที่สาวก็ได้” อาจารย์หลินที่อยู่ด้านหลังเรียกเด็กสาว

เด็กสาวได้ยินเสียงของอาจารย์หลินก็หยุดร้องไห้ เธอเช็ดน้ำตาที่แก้มและพูดว่า

“พี่สาวเหมือนครูของนานาเลย นานาจะไปหา”

เด็กสาวยื่นแขนให้ธันวาอุ้มเธอ

“พี่ชายจะอุ้มหนูออกไป” ธันวาเผยรอยยิ้มออกมาและอุ้มเด็กสาว ก่อนจะส่งไปหาอาจารย์หลิน อาจารย์หลินรับเด็กสาวมาและเช็ดใบหน้าที่เปื้อนและหยิบเศษกระจกออกจากศีรษะของเด็กสาว

ขณะเดียวกัน แม่เด็กสาวก็ออกมาจากรถผ่านการช่วยเหลือของธันวาด้วย

“ช่วยผมด้วย” ตอนนั้นเองก็มีมือคว้าจับไปที่แม่เด็กสาว เป็นคนขับรถแท็กซี่ที่กลายเป็นผู้ติดเชื้อแล้ว มันไม่ยอมปล่อยหญิงสาวไปง่าย ๆ

ปัก!

แต่ก่อนจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้เรนก็ยิงธนูฆ่ามันตายในทันที ทำให้หญิงสาวหลุดออกมาได้

“ขอบคุณพวกคุณมาก” หญิงสาวขอบคุณและเข้าไปหาลูกสาวของเธอที่อยู่กับอาจารย์หลิน

กรีดดด....

ตอนนั้นเองเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอยู่ใกล้ ๆ แล้ว ผู้ติดเชื้อกลุ่มใหญ่อยู่ห่างจากพวกไม่ถึง 100 เมตรแล้ว

“เราต้องหนีไปจากที่นี่กันก่อน” เรนบอกทุกคน

“ฉันรู้จักที่หนึ่ง มันเป็นบ้านแฟนเก่า เขาน่าจะยังอยู่ที่บ้าน ไปซ่อนที่นั่นได้” อาจารย์หลินพูดขึ้นมา

ทุกคนรีบตามเธอไป เพราะตอนนี้จะหนีออกจากเมืองด้วยเส้นทางนี้ดูจะเป็นไปไม่ได้แล้ว อาจารย์หลินพาพวกเขาวิ่งไปยังซอยของถนนด้านหนึ่ง แต่ตอนนั้นเองก็มีกลุ่มคนวิ่งตามพวกของเรนมา

“หยุดซะ บอกให้หยุด” กลุ่มคนด้านหลังจับไปที่อาจารย์หลิน

เรนหันกลับไปขวางระหว่างอาจารย์หลินกับกลุ่มคนพวกนั้นทันที

คนอื่น ๆ ก็หยุดวิ่งและหันไปเผชิญหน้ากับกลุ่มคนพวกนั้น

“พวกนักเลง” เรนขมวดคิ้วมองคนพวกนี้ด้วยความไม่พอใจ

ทั้งกลุ่มมีทั้งมีดและท่อนเหล็กครบมือพวกเขามีอยู่ด้วยกัน 7 คน เป็นชาย 5 หญิง 2 ท่าทางบ่งบอกว่าหาไม่ได้มาอย่างเป็นมิตรแน่นอน

“ไอ้เวรนี้พูดว่าใครเป็นนักเลงกัน” หนึ่งในกลุ่มที่เป็นหัวโจกดูท่าจะไม่พอใจกับคำพูดและสายตาของเรน

“ต้องการอะไร” เรนจ้องไปที่ตาของชายคนนั้นอย่างเย็นชา

“เฮ้ย มองหน้าหา...มึงเหรอ อยากตายหรือไงวะ ส่งธนูที่พวกแกถือมาซะแล้วพวกฉันจะปล่อยพวกแกไป” นักเลงบอกความต้องการของตัวเองออกมา

“พวกแกอยากลองก็เข้ามาสิ” ธันวาถือขวานเดินเข้ามายืนข้าง ๆ เรน

ในเรื่องการต่อยธันวาก็ไม่น้อยหน้าใครทั้งนั้น

หัวโจกของกลุ่มไม่ยอมแพ้ พวกนักเลงอย่างพวกเขาแม้จะต่อยตีเป็นกิจวัตร แต่ก็ไม่ได้โง่ แม้พวกเขาจะมีมีดและท่อเหล็ก แต่ถ้าได้ธนูมามันจะช่วยให้พวกเขามีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น

และตอนนี้กลุ่มที่มีมันก็แค่ผู้ชายสองคนที่เหลือก็แค่พวกผู้หญิงอ่อนแอเท่านั้น

“เล่นแม่งเลย” หัวโจกสั่งคนในกลุ่ม

ปัง!

แต่ตอนนั้นเองเสียงปืนก็ดังขึ้น ทำให้ทุกคนนั้นตกใจ พวกนักเลงไม่มีใครกล้าขยับ ทุกคนหันไปกลับไปมองทางด้านหลังของเรนและธันวา

ไอรายิงปืนขึ้นฟ้าขู่พวกเขาและเล็งปากกระบอกปืนไปที่กลุ่มของนักเลง

“ปืน!” กลุ่มนักเลงเกิดความกลัวขึ้นมาในทันที

ปืนยังเป็นอาวุธที่น่ากลัวไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ๆ เมื่อเห็นว่ากลุ่มของพวกนักเลงนั้นไม่กล้าเข้ามาหาเรื่องพวกเขาอีก เรนและพวกจึงไปกันต่อ

“ไอ้เวรมีปืนแล้วยังไงวะ เอาปืนของพวกแกมาให้ฉันซะ” หัวหน้านักเลงดูบ้าคลั่ง เขาไม่เคยโดนข่มขู่แบบนี้มากก่อน มันวิ่งตรงไปหากลุ่มของเรนพร้อมด้วยมีดเล่มยาวในมือ เป้าหมายคือไอราที่อยู่หลังสุดของกลุ่ม

ไอราตกใจมากจนหันปืนไปเธอกำลังจะฆ่าชายคนนั้น แต่เรนหันกลับมาและยิงธนูใส่หัวโจกนักเลงคนนั้นก่อน

ปัก!

ลูกธนูยิงเข้าไปที่หน้าอกของหัวหน้านักเลงคนนั้นทำให้เขาหยุดวิ่งและล้มลง

กลุ่มนักเลงที่เหลือมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าและแววตาที่อึ้ง ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่เล็งธนูดอกที่สองมาที่พวกเขาด้วยความหวาดกลัว

“แก...” ชายในกลุ่มชี้ไปที่เรนและเหมือนจะลงมือ

เรนยิงธนูลูกที่สองใส่ที่ขาของชายคนนั้นในทันที

“อ๊ากกก!!!” นักเลงชายคนนั้นร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่มีกลุ่มนักเลงคนไหนกล้าขยับตัวเอง

กลุ่มของเรนก็มองไปที่เรนเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าเรนจะลงมือโหดแบบนี้

“อย่าตามมา” เรนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะลดธนูลงและหันหลังกลับ

“ไอราลดปืนลงได้แล้ว” ธันวาเดินเข้ามาหาแฟนสาวของตนเอง ก่อนจะจับไปที่ปืน

ไอรามือสั่นเบา ๆ ปล่อยให้ธันวาเอาปืนออกจากมือของเธอ สถานการณ์เมื่อครู่มันกดดันมาก แม้จะเห็นการตายของผู้ติดเชื้อมามาก แต่ไอราไม่คิดว่าจะโดนคนที่มีชีวิตด้วยกันจ้องจะฆ่าแบบนี้

ธันวาส่งปืนกระบอกนั้นให้เรนเก็บไว้

เรนรับมาและมองดูปืน ถ้าเมื่อครู่นี้เขาไม่จัดการขายคนนั้น ไอราคงยิงชายคนนั้นแน่นอน

กลุ่มของเรนมองหน้ากัน ก่อนจะรีบตามเรนไป

พวกนักเลงเห็นว่าเรนและกลุ่มไปแล้วก็พากันถอนหายใจไปใจ แต่ตอนนั้นพอพวกเขาหันกลับไปก็พบว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวนมากกำลังมาทางนี้

ทำให้นักเลงพวกนี้สีหน้าตื่นตระหนกวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง ทิ้งให้นักเลงชายที่เจ็บขาก่อนหน้านี้หนีไม่ทันโดนกินทั้งเป็น ส่วนอีกคนที่ล้มไปก็โดนกินไม่ต่างกัน

“อีกไกลไหม” เรนถามอาจารย์หลิน เพราะตอนนี้พวกเขาวิ่งกันมาเกือบ 700 เมตรแล้ว

“ไม่ไกล อยู่ข้างหน้านี้เอง” อาจารย์หลินบอกกับทั้งสองคน

“ไหวไหม” ไอราหันไปถามสองแม่ลูก

สีหน้าของสองแม่ลูกดูเหนื่อยมาก ทั้งสองไม่เคยวิ่งมาไกลขนาดนี้

“พอไหวอยู่ คุณก็ไม่เป็นอะไรนะ” แม่เด็กสาวหันไปตอบหญิงสาวที่พึ่งยิงปืนขู่พวกนักเลง

“ฉันดีขึ้นมากแล้ว” ไอราตอบกลับ เธอเริ่มตระหนักว่าครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีที่ได้เรนช่วย เธอได้เตรียมใจที่จัดการอย่างเด็ดขาดถ้ามีเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

“ให้นานาขี่หลังฉันไปก็ได้” อาจารย์หลินเสนอตัว

“อืม” แม่เด็กสาวตกลง เธอให้ลูกสาวขี่หลังของหญิงสาวตรงหน้า เพราะถ้าเธอฝืนแบกนานาวิ่งต่อจะทำให้ทั้งกลุ่มช้าลง

ทั้งกลุ่มยังคงวิ่งต่อไป

“ฉันชื่อหลินเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย คุณชื่ออะไรเหรอ” อาจารย์หลินหันมาถามขณะที่วิ่งกันอยู่

“รินดา ขอบคุณนะที่ช่วยพวกเรา” รินดาบอกชื่อของเธอต่อหญิงสาวตรงหน้าที่น่าจะมีอายุน้อยกว่าเธออยู่หนึ่งถึงสองปี

อาจารย์หลินพยักหน้าให้กับเธอ

“ถึงแล้วบ้านด้านหน้าหลังคาสีฟ้านั่น” อาจารย์หลินชี้ให้ทุกคนดู มันเป็นบ้านที่สองชั้นที่ไม่ใหญ่มากนัก บ้านติดกับหลังอื่น ๆ แต่บ้านหลังนี้มีรั้วบ้านซึ่งน่าจะดูปลอดภัย

ภายในบ้านยังคงมีแสงไฟซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีคนอาศัยอยู่

หลินรีบกดกริ่งที่หน้าบ้านและตะโกนเรียกให้แฟนเก่าของเธอเปิดประตูให้พวกเขา

“แดนคุณอยู่ข้างในไหม นี่ฉันเองนะหลิน เปิดประตูให้พวกเราได้ไหม”

ขณะที่รออยู่นั้นเรนก็เฝ้าระวังอยู่ด้านหลัง

“อาจารย์ รีบให้เขาเปิดประตูเร็ว พวกมันมากันแล้ว” เรนบอกกับอาจารย์หลิน ก่อนที่เขาจะหันกลับไปจัดการผู้ติดเชื้อคนสองคนที่มาทางนี้พอดี

ธันวาเองก็เข้าไปช่วยด้วย ส่วนสามสาวนั้นอยู่ที่หน้าประตู

“หลินอย่างนั้นเหรอ คุณไม่เป็นอะไรนะ” ประตูเปิดออกมา โดยมีชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู

“พวกเราไม่เป็นอะไร ให้พวกเราเข้าไปหลบในบ้านก่อนได้ไหม” หลินถามออกไปด้วยสีหน้าร้อนใจ เพราะมีผู้ติดเชื้อมามากขึ้น

ชายหนุ่มที่ชื่อแดนมองไปด้านหลังของหลินก็เห็นทุกคน เขาคิดอยู่สักพักหนึ่งจึงยอมให้ทุกคนเข้าไปในบ้าน

ก่อนจะไปเรนได้ฆ่าผู้ติดเชื้อไปอีกหนึ่งทำให้เขาได้รูนิกมาเพิ่มอีกอัน

ทุกคนเข้าไปในบ้านของแดน แฟนเก่าอาจารย์หลิน พวกเขารีบปิดประตูและรออยู่อย่างเงียบ ๆ ไม่มีผู้ติดเชื้อตามมาที่พวกเขาอยู่ทำให้ทุกคนนั้นถอนหายใจ

“พวกคุณที่อยู่ที่นี่จะปลอดภัยไม่ต้องกังวล ไปนั่งในห้องนั่งเล่นกันก่อนก็ได้” แดนพูดกับทุกคนด้วยท่าทีเป็นมิตร

ทุกคนขอบคุณและเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เนื่องจากจะมายืนอยู่ทางเข้าประตูมันก็ดูยังไงอยู่

ขณะที่เดินไปเรนแอบหันไปมองอาจารย์หลินและชายหนุ่มที่ชื่อแดนกำลังยืนคุยกันอยู่

“หลิน เธอเป็นยังไงบ้างไม่เจอกันเกือบ 2 ปี” แดนพูดและพยายามจะจับไหล่ของหญิงสาวด้วยความคิดถึง

หลินขยับถอยออกมาและตอบชายหนุ่มกลับไปว่า “ฉันสบายดี ขอบคุณนะที่ให้พวกเราเข้ามา”

แดนเห็นแบบนั้นก็ดึงมือของตัวเองกลับ

“คุณโกรธผมเรื่องครั้งนั้นอยู่เหรอ”

“ไม่ ฉันไม่ได้โกรธนาย ยังไงนายก็เลือกถูกแล้ว” หลินตอบกลับไป

ตอนนั้นมีหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในบ้านเดินออกมาพอดี ทำให้ทุกคนหันไปมองเธอ

“หลิน!” หญิงสาวคนนั้นดูจะตกใจที่เห็นอาจารย์หลิน เธอเข้าไปกอดอาจารย์หลินแน่นและถามว่า “เธอไม่เป็นอะไรนะ”

“บีม!” อาจารย์หลินกอดเธอด้วยท่าทีอึดอัดเล็กน้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด