ตอนที่แล้วข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 56 การเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์ฉิน (ครึ่งแรก)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 58 มหาจักรพรรดินี? จงคุกเข่าลง!

ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 57 การเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์ฉิน (ครึ่งหลัง)


ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 57 การเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์ฉิน (ครึ่งหลัง)

“เอาล่ะ ทุกคนฟังคำสั่งของข้า จัดเตรียมแก่นโลหิตและเปิดแท่นบูชาของราชวงศ์ฉิน!” ฉินเค่ออวิ๋นสั่ง

ฉินปิงเซี่ยควบแน่นแก่นโลหิตออกมาและส่งลอยไปทางฉินเค่ออวิ๋นทันที

คนอื่นๆ ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะควบแน่นแก่นโลหิตของพวกเขาและส่งลอยไปที่แท่นบูชา

ฉินเค่ออวิ๋นยกมือขึ้นแล้วโบกมือ แก่นโลหิตทั้งหมดรวมตัวกันที่ฝ่ามือของนางและควบแน่นเป็นสัญลักษณ์บางอย่างซึ่งได้ซึมซับลงไปตรงกลางแท่นบูชา

วิ้ง!

แสงสว่างส่องมาจากแท่นบูชา

ได้ปรากฏร่างวิญญาณอันสง่างามขึ้นที่แท่นบูชา

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงภาพลวงตา ทว่ามันก็สร้างแรงกดดันอันทรงพลังจนทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างรู้สึกหายใจไม่ออก

ฉินเค่ออวิ๋นหมอบลงกับพื้น

ฉินปิงเซี่ยก็หมอบลงกับพื้นเช่นกัน

สมาชิกราชวงศ์ฉินทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นร่างวิญญาณอันสง่างามนี้บนแท่นบูชา

แท่นบูชานี้เป็นสิ่งที่ราชวงศ์ฉินปกป้องมาหลายชั่วอายุคน มีข่าวลือว่าบรรพบุรุษของราชวงศ์ฉินได้ทิ้งมันไว้เบื้องหลัง

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครรู้ว่าแท่นบูชานี้ใช้ทำอะไรจนถึงบัดนี้

......

สิ่งที่พวกเขารู้ก็คือการได้ฝึกฝนพลังยุทธ์รอบ ๆ แท่นบูชาจะช่วยให้คน ๆ หนึ่งสามารถฝ่าด่านคอขวดได้ง่ายขึ้น และความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาก็เร็วขึ้นเช่นกัน ส่วนรากฐานของพวกเขาก็เริ่มแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมราชวงศ์ฉินจึงแข็งแกร่งกว่าอีกสามตระกูล

“เค่ออวิ๋นคำนับบรรพบุรุษ!”

ฉินเค่ออวิ๋นคุกเข่าลงบนพื้นในขณะที่มีร่างวิญญาณของจิ้งจอกสีขาวปรากฏขึ้นข้างหลังนางซึ่งคุกเข่าลงบนพื้นด้วย

จู่ ๆ ร่างวิญญาณของผู้ยิ่งใหญ่ก็ลดศีรษะลงและมองไปที่ฉินเค่ออวิ๋น

ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย

เจตจำนงวิญญาณของเขาถูกส่งออกมา

“เค่ออวิ๋นในที่สุดเจ้าก็มา”

ทุกคนในราชวงศ์ฉินต่างตกตะลึง หัวใจของพวกเขากำลังลุกเป็นไฟ เป็นไปได้หรือไม่ว่าบรรพบุรุษของราชวงศ์ฉินจะยังมีชีวิตอยู่?

ตามตำนานเคยกล่าวไว้ว่าบรรพบุรุษของราชวงศ์ฉินนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก

“ท่านบรรพบุรุษ ตระกูลฉินนั้นได้เสื่อมถอยไปมาก และแคว้นฉินแต่ก่อนก็ได้ล่มสลายไปนานแล้ว เค่ออวิ๋นขาดความสามารถในฟื้นฟูอำนาจของแคว้นฉิน” ฉินเค่ออวิ๋นกล่าวด้วยเสียงต่ำ

เมื่อได้ฟัง ร่างวิญญาณอันสง่างามก็ได้ยกมือขึ้นและลูบไปที่ศีรษะของฉินเค่ออวิ๋นที่เสมือนกับว่าเขากำลังลูบไปที่วิญญาณของจิ้งจอกสีขาว

วิ้ง!

ปรากฏประกายแสงสองดวงพุ่งออกมาจากดวงตาของร่างวิญญาณอันสง่างามนั้น และพุ่งเข้าสู่หน้าผากของฉินเค่ออวิ๋น จากนั้นร่างวิญญาณอันยิ่งใหญ่ก็ค่อยๆ เริ่มสลายไป

“ลูกหลานตระกูลฉินของข้า จงเชื่อฟังเค่ออวิ๋น และรอคอยการกลับมาของข้า!”

สิ้นเสียงร่างวิญญาณอันสง่างามนั้นก็ได้หายไป และปรากฏรูที่เหมือนกับน้ำวนที่ตรงใจกลางแท่นบูชา

ฉินเค่ออวิ๋นยืนขึ้นและกลิ่นอายของนางผันผวนเล็กน้อย นางได้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดของขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้าแล้ว

อย่างไรก็ตาม นางยังไม่ได้ทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิ

นางมองไปที่แท่นบูชาและกล่าวว่า “พวกเจ้าทุกคนลุกขึ้น”

จากนั้นสมาชิกของราชวงศ์ฉินต่างยืนขึ้น และมองไปที่หญิงสาวบนแท่นบูชา พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้าที่ซับซ้อน

มันไม่ยากที่จะเดาเลยว่านางมีความสัมพันธ์บางอย่างกับบรรพบุรุษของตระกูลฉิน

“ก่อนหน้านี้มรดกของตระกูลฉินได้หายสาบสูญไป ตอนนี้บรรพบุรุษได้ส่งต่อมรดกเพื่อสานต่อความรุ่งโรจน์ของตระกูลฉินแล้ว พวกเจ้าทุกคนจงฝึกฝนหนักซะ”

ฉินเค่ออวิ๋นได้หยิบหนังสือเล่มเล็กที่เปล่าออกมา และเริ่มสลักวิชายุทธ์ก่อนจะมอบให้ฉินปิงเซี่ย

“จงฟัง! เรียกเหล่ายอดฝีมือทั้งหมดของตระกูลฉินที่อยู่ในต้าเฉียนกลับมา แต่เดิมตระกูลจ้าว ตระกูลเหอและตระกูลฉู่เป็นตระกูลที่ถูกปกครองโดยตระกูลฉิน ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แคว้นฉินจะไม่ถูกปกครองโดยสี่ตระกูลอีกต่อไป!”

“ข้าจะปิดด่านสักสองสามวัน ฝากเรื่องของตระกูลฉินไว้กับท่านแม่ของข้าและผู้อาวุโสอีกสองสามคนเป็นผู้น็็่รนนจัดการ ส่วนพวกเจ้าทุกคนออกไปได้แล้ว”

ทุกคนจากราชวงศ์ฉินต่างแยกย้ายจากกันไป ฉินปิงเซี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวว่า “เค่ออวิ๋นข้าเกรงว่าต้าเฉียนจะไม่ยอมปล่อยให้ยอดฝีมือตระกูลฉินกลับมา”

“เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงไป เมื่อข้าออกจากเก็บตัว จักรวรรดิต้าเฉียนจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากว่าจะตกลง”

“เจ้ากำลังจะทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิหรือ?”

ฉินปิงเซี่ยรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แผ่นดินหนานโจวไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตจักรพรรดิ หากฉินเค่ออวิ๋นสามารบรรลุไปได้ นางจะต้องเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินหนานโจวอย่างไม่ต้องสงสัย

และมันจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปที่ราชวงศ์ฉินจะรวมแผ่นดินหนานโจวเป็นปึกแผ่น

“ยังไม่ใช่ตอนนี้ มันต้องใช้เวลา” ฉินเค่ออวิ๋นส่ายหัวแล้วกล่าว

หลังจากฉินปิงเซี่ยจากไปแล้ว ฉินเค่ออวิ๋นก็ได้เข้าไปในลานตรงกลางแท่นบูชาที่เป็นพื้นที่เล็ก ๆ

นางนั่งไขว่ห้างและเริ่มรวบรวมประสบการณ์การฝึกฝนของนาง

ร่างวิญญาณของอสูรจิ้งจอกขาวปรากฏตัวขึ้น พลังวิญญาณของนางเริ่มกระจายออกไป

นางกลับชาติมาเกิดในฐานะจักรพรรดินีอสูร ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับนางที่จะฟื้นคืนพลังยุทธ์ของนางและทะลวงผ่านไปยังขอบเขตจักรพรรดิเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกฎแห่งฟ้าดินไม่สมบูรณ์ของแผ่นดินหนานโจว นางจึงไม่สามารถทะลวงไปสู่ขอบเขตจักรพรรดิได้ทันที

ในพื้นที่แท่นบูชาที่พิเศษนี้ นางมีโอกาสที่จะทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิได้ อย่างไรก็ตาม การสะสมพลังยุทธ์ของนางยังไม่เพียงพอ ดังนั้นนางจึงยังไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ

มีหนทางเดียวที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของนางในระยะเวลาอันสั้นได้

นางต้องใช้วิญญาณอสูรจิ้งจอกเพื่อสร้างอาณาเขตของยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิ

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงอาณาเขตปลอม ๆ แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งขั้นขอบเขตจักรพรรดิในแผ่นดินหนานโจว

ด้วยวิธีนี้นางจึงจะสามารถเผชิญหน้ากับจักรวรรดิต้าเฉียนได้

ราชวงศ์ฉินนั้นได้ตกต่ำมานานเกินไป พวกเขาไม่สามารถเทียบเคียงกับจักรวรรดิต้าเฉียนภายในระยะเวลาอันสั้นได้ อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ความแข็งแกร่งของนางมีมากพอ นางจะทำให้เรื่องทุกอย่างง่ายขึ้น ตอนนี้รากฐานของราชวงศ์ฉินได้เปิดกว้างแล้ว และความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตระกูลจ้าว ตระกูลเหอและตระกูลฉู่ต่างเป็นตระกูลที่ถูกปกครองโดยตระกูลฉิน แม้ว่าพวกเขาจะมีมรดกเป็นของตัวเองก็ตาม อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ทราบวิธีใช้งานมัน

ฉินเค่ออวิ๋นได้ตัดสินใจแล้วว่าแคว้นฉินจะต้องรวมเป็นหนึ่ง สถานการณ์ที่ทั้งสี่ตระกูลได้ปกครองร่วมกันนั้นควรยุติลง พวกเขาควรให้ราชวงศ์ฉินเป็นผู้ได้ใช้งานมรดกของอีกสามตระกูล เมื่อทำเช่นนั้นแล้วความแข็งแกร่งโดยรวมของแคว้นฉินจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาอันสั้นได้

หากอีกสามตระกูลไม่ยอมปฏิบัติตามหรือยังคงยืนกรานที่จะเป็นใหญ่ พวกเขาก็ไม่อาจตำหนินางที่ไร้ปรานีได้

ไม่มีใครรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับราชวงศ์ฉิน

แม้ว่าหอจันทร์ทมิฬจะรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในราชวงศ์ฉิน ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถหารายละเอียดได้

ฉู่เซวียนไม่สนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในราชวงศ์ฉิน เพราะไม่ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนไปมากเพียงใดก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเขา

ปัจจุบันเขายังคงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินหนานโจว

ในขณะนี้ฉู่เซวียนกำลังดูข้อมูลเกี่ยวกับราชวงศ์ฉินที่ได้จากหอจันทร์ทมิฬ

ตระกูลฉินได้ส่งคนไปยังจักรวรรดิต้าเฉียนเพื่อเรียกยอดฝีมือของราชวงศ์ฉินกลับมา

จักรวรรดิต้าเฉียนนั้นเป็นจักรวรรดิที่ปกครองแผ่นดินหนานโจว

นอกจากนี้ยังเป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดที่ต่อต้านจักรวรรดิต้าเซี่ยด้วย

และการควบคุมแคว้นชั้นรองของพวกเขาก็ยังไม่ผ่อนคลาย

ยอดฝีมือขอบเขตรวมศูนย์จากแคว้นชั้นรองจะต้องไปที่จักรวรรดิต้าเฉียนเพื่อรอคำสั่ง และพวกเขาก็ไม่สามารถออกจากจักรกวรรดิต้าเฉียนได้โดยไม่ได้รับอนุญาต

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ตระกูลฉู่ปราศจากยอดฝีมือขอบเขตรวมศูนย์

ใครก็ตามที่บุกทะลวงเข้าสู่ขอบเขตรวมศูนย์จะต้องไปรายงานต่อจักรวรรดิต้าเฉียน มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกจักรวรรดิต้าเฉียนกำจัดหากพบว่าพวกเขาซ่อนยอดฝีมือขอบเขตรวมศูนย์ไว้

ตระกูลฉินเป็นราชวงศ์เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงอนุญาตให้มียอดฝีมือที่อยู่ขอบเขตรวมศูนย์เหลือไว้เบื้องหลังบ้าง

จักรวรรดิต้าเซี่ยเองใช้วิธีนี้ในลักษณะเดียวกัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะพบผู้ฝึกยุทธ์มารที่อยู่ขอบเขตรวมศูนย์ด้านนอกจักรวรรดิต้าเซี่ย ทั้งสองฝ่ายต่างก็รวบรวมกำลังเพื่อต่อสู้กัน

ดังนั้นมันคงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับราชวงศ์ฉิน ที่จะเรียกยอดฝีมือของพวกเขากลับมาจากจักรวรรดิต้าเฉียน แม้ว่าพวกเขาจะหาข้ออ้าง ทว่าจักรวรรดิต้าเฉียนก็ยอมให้กลับเพียงไม่กี่คน

ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนต่างรู้ดีว่ายอดฝีมือที่อยู่ขอบเขตรวมศูนย์ที่ถูกส่งมายังจักรวรรดิต้าเฉียนนั้นจะถูกใช้งานการต่อสู้กับจักรวรรดิต้าเซี่ย

อย่างไรก็ตาม จักรวรรดิต้าเฉียนนั้นทรงพลังอย่างมากจนจึงไม่มีใครกล้าที่จะต่อต้าน

“มีการแสดงดี ๆ ให้ดูอีกแล้ว”

ฉู่เซวียนสงสัยว่าราชวงศ์ฉินนำความมั่นใจที่จะท้าทายจักรวรรดิต้าเฉียนมาแต่ไหน

สถานการณ์ของแคว้นฉินที่ถูกปกครองโดยสี่ตระกูลน่าจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

“นายน้อยเจ้าคะ ข้ากำลังจะทะลวงขอบเขตแล้วเจ้าค่ะ”

กลิ่นอายของซูเซียนเอ๋อร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก นางใกล้จะทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์เต็มที

“ตามใจเจ้า”

ฉู่เซวียนโบกมืออนุญาต

หลังจากที่ซูเซียนเอ๋อร์ได้รับพลังลี้ลับไท่หยินมา นางก็ได้ใช้เวลาไปกับการวางรากฐานของนาง มิฉะนั้นนางคงทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์ไปตั้งนานแล้ว

หนึ่งวันต่อมา ซูเซียนเอ๋อร์ได้บุกทะลวงสู่ขอบเขตรวมศูนย์ได้สำเร็จ

ฉู่เซวียนกำลังอ่านรายงานจากหอจันทร์ทมิฬ ทันใดนั้นการแจ้งเตือนของระบบปรากฏขึ้น

“สาวใช้ของโฮสต์ซูเซียนเอ๋อร์ได้ทะลวงผ่านคอขวดพลังยุทธ์ด้วยคำชี้แนะอันยอดเยี่ยมจากโฮสต์ โฮสต์ได้รับรางวัล การฝึกฝนพลังยุทธ์สิบปี!”

ซูเซียนเอ๋อร์ได้ทะลวงผ่านคอขวดพลังยุทธ์ และระบบก็ได้ให้รางวัลการฝึกฝนพลังยุทธ์แก่เขา?

ฉู่เซวียนรู้สึกมีความสุขมากและได้รับรางวัลทันที

หลังจากนั้น ความแข็งแกร่งของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นไปอีก ทว่ามันก็ยังไปไม่ถึงจุดสูงสุดของขอบเขตจักรพรรดิ

ฉู่เซวียนไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร การฝึกฝนพลังยุทธ์สิบปีไม่มีทางเพียงพอที่จะทำให้เขาทะลวงคอขวดไปได้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาค้นพบวิธีการใหม่ที่จะใช้ในการเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วแล้ว

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด