ตอนที่แล้วตอนที่ 16-30 ค้อนยักษ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16-32 พลานุภาพของมหาเทพ

ตอนที่ 16-31 แม่ทัพนรก


ลินลี่ย์จำชื่อรีสเจมได้เป็นอย่างดี

ย้อนกลับไปที่เทือกเขาอะเมทิสต์เมื่อลินลี่ย์กำลังทดสอบเคล็ดเดินดิน  เขาตกไปอยู่ในเงื้อมมือของอสูรอะเมทิสต์น้อยซึ่งประกาศชื่อของเขาว่าเขาเองเป็นแม่ทัพนรกคนหนึ่งเพื่อต้องการขู่ขวัญลินลี่ย์ น่าเสียดายที่ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าแม่ทัพนรกคืออะไรและไม่รู้ความหมายของคนที่เป็นแม่ทัพนรก

“แครก”  ด้ายพลังงานสีดำนับไม่ถ้วนรายล้อมรัดตัวลินลี่ย์ และมีความแข็งอย่างมากจนลินลี่ย์ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ แม้ว่าพลังของลินลี่ย์จะมากมายไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ความเร็วในการทำลายพันธนาการสีดำก็ยังช้ากว่าความเร็วของจำนวนด้ายพลังที่เพิ่มขึ้น

“เด็กน้อย, อย่าใช้พลังมหาเทพของเจ้าเจ้าจะสูญเสียของไปเปล่าๆ ถ้าหากว่าเจ้าทำเช่นนั้น”  เสียงทุ้มอ่อนโยนยังคงพูดต่อ

ลินลี่ย์หันหน้าไปมองด้วยความประหลาดใจ  โชดดีที่ด้ายพลังสีดำไม่ได้คลุมศีรษะของลินลี่ย์  ลินลี่ย์สามารถเห็นบุรุษผมแดงในชุดเกราะโบราณยืนอยู่ในกลางอากาศกำลังถือค้อนขนาดใหญ่

“ท่านต้องการจะทำอะไร?” ลินลี่ย์หัวเราะ  “อะไรกันหรือว่าท่านต้องการจะควบคุมวิญญาณข้า?”

“แม้แต่เจ้าก็ยังรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?”  เจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์ประหลาดใจมาก

ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน เจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์กั้นสนามไว้ด้วยพลังเทพไว้ไม่ให้เสียงสนทนาออกไปข้างนอก ขณะที่พวกที่กำลังดูจากที่ไกลไม่สามารถเห็นอะไรได้

“มากับข้า เรามาคุยกันดีๆ”  เจ้าปราสาทบินลงมา

“ตามเขาไป?” ลินลี่ย์ตะลึง

เจ้าปราสาทเห็นว่าลินลี่ย์ไม่เคลื่อนไหว ก็หันมองเขาจากนั้นหัวเราะอย่างใจเย็น “เนื่องจากพลังวิญญาณของเจ้ายังเป็นแค่ระดับเทพแท้เจ้ายังไม่คู่ควรให้ข้าลงมือ การควบคุมเจ้าไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายอะไรเลยไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องเล่นลูกไม้”

“ถ้ามีบางอย่างที่ท่านต้องการพูด ท่านพูดที่นี่ได้”  ลินลี่ย์กล่าว

เจ้าปราสาทเหลือบมองดูเขาอย่างทึ่งจากนั้นก็เริ่มหัวเราะและพยักหน้า “ก็ได้ ข้าจะทำอย่างที่เจ้าพูด” เป็นเวลาหลายปีแล้ว ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาอย่างนั้น  ดังนั้นเจ้าปราสาทเริ่มพูดกับลินลี่ย์ที่เหนือปราสาทเฮนด์ซีย์

“ก่อนอื่นข้าของแนะนำตนเองก่อน  ข้าชื่อโมซี่ แบ็คชอว์! เป็นเจ้าของปราสาทเฮนด์ซีย์” เจ้าปราสาทมีรอยยิ้มบนใบหน้า

เจ้าปราสาทเป็นคนตระกูลแบ็คชอว์เช่นกัน!

ลินลี่ย์สังเกตว่าเจ้าปราสาท ห้าวหาญในการรบ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและรอยยิ้มของเขาก็เป็นมิตรเช่นกัน เขาไม่มีกลิ่นอายที่ก้าวร้าวรุนแรง ลินลี่ย์ตอบ  “ข้าชื่อลินลี่ย์”

“เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับรีสเจมเพราะเจ้าทำให้เขามั่นใจจนสร้างสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณให้กับเจ้า?”  เจ้าปราสาทโมซี่หัวเราะอย่างใจเย็น

“รีสเจม..สร้างสมบัติเทพปกป้องวิญญาณให้ข้า?”  ลินลี่ย์สงสัย

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกหรือ?”  โมซี่หัวเราะอย่างใจเย็น  “ข้าได้ยินเรื่องการต่อสู้ของเจ้ามาแล้ว  เจ้าสามารถฆ่าเทพชั้นสูงได้หลายคนและยังเอาชนะบอสโลได้ พลังปกป้องวิญญาณของเจ้าต้องแข็งแกร่งอย่างมาก  อย่างไรก็ตามเจ้าเป็นเเค่เทพแท้พลังวิญญาณของเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน? วิญญาณของเทพแท้ในแง่คุณภาพยังด้อยกว่าวิญญาณของเทพชั้นสูงมากมายนัก!”

“เป็นเรื่องจริงที่ว่าข้ามีสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณแต่แล้วยังไงหรือ?”  ไม่ว่ายังไงลินลี่ย์ไม่กล้าพูดว่าเขามีสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ

มิฉะนั้นมีแนวโน้มว่าโมซี่ที่อยู่ข้างหน้าเขาอาจไม่สามารถต้านความโลภได้

“เราไปกันเถอะ” โมซี่หัวเราะ “เป็นเรื่องยากยิ่งนักกับการสร้างสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณเจ้าต้องเข้าใจ ที่สำคัญที่สุดคนที่ต้องการทำสมบัติปกป้องวิญญาณนี้ต้องมีระดับความสำเร็จเกี่ยวกับพลังวิญญาณสูง  ในทั่วทั้งแดนนรกมีน้อยคนมากที่สามารถสร้างสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณอย่างไรก็ตามรีสเจมเป็นหนึ่งในนั้น”

“เจ้าสามารถใช้ทักษะที่เป็นเครื่องหมายการค้าของสนามพลังอะเมทิสต์ได้  เจ้าต้องได้รับการสั่งสอนมาจากเขา  ดังนั้นข้าบอกได้เลยว่าสมบัติปกป้องวิญญาณของเจ้าต้องเป็นเพราะเขาช่วยทำให้เจ้า”  โมซี่พูดด้วยความมั่นใจอย่างมาก

ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “สนามพลังโน้มถ่วงข้าได้มาจากเขาแน่นอน นี่เป็นความจริง แต่สมบัติเทพปกป้องพลังวิญญาณ เขาไม่ได้สร้างขึ้น”

“โอว?”  โมซี่มองลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจจากนั้นหัวเราะ  “ข้าต้องบอกไว้ก่อนเลยเจ้าช่างลึกลับจริงๆ เด็กน้อย ร่างของเจ้าแข็งแกร่งไม่มีใครเทียบได้แม้แต่ในบรรดตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ นี่ก็นับว่าหาได้ยากยิ่งนัก  และเจ้ายังมีสมบัติปกป้องวิญญาณทั้งมีความสัมพันธ์กับรีสเจม...”

ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว

โมซี่ผู้นี้พูดกับเขามากมายนัก ทำไม?แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่มีความตั้งใจจะฆ่าเขาเลย

โมซี่เห็นสีหน้าท่าทางของลินลี่ย์ ก็อดหัวเราะไม่ได้จากนั้นพูดอย่างสบายใจ  “เด็กน้อยไม่ต้องห่วง เอาแค่เห็นแก่หน้าของรีสเจม ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าแน่เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าช่างน่าสงสัย ดังนั้นข้าจึงอยากจะสนทนากับเจ้าสักเล็กน้อย”

ลินลี่ย์ถอนหายใจโล่งอก

“ข้าไม่คาดเลยว่าเพราะอสูรอะเมทิสต์น้อยทำให้ข้าหลีกเลี่ยงหายนะในวันนี้ได้” ลินลี่ย์เชื่อหนักแน่นว่าเจ้าปราสาทโมซี่มีพลังอำนาจเหนือตัวเขามากมายนักไม่จำเป็นที่โมซี่จะต้องโกหกเขา ถ้าเขาต้องการจะฆ่าลินลี่ย์

“ทำไมท่านถึงมั่นใจนักว่าข้าเป็นเพียงเทพแท้?”  ลินลี่ย์ถาม

“ฮ่าฮ่า...” โมซี่เริ่มหัวเราะทันที  “เด็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงในแดนนรกนี้เลย ต่อให้เจ้าหาไปทั่วพิภพระดับสูงทั้งสี่และเจ็ดโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์อย่างมากก็มีคนเหนือกว่าข้าในด้านพลังวิญญาณไม่เกินสิบคน!  อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะเหนือกว่าข้าเล็กน้อยก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะปกปิดพลังของพวกเขาต่อหน้าข้าได้”

ลินลี่ย์ลอบตกใจ

สี่พิภพระดับสูงและโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด... ทั้งหมดรวมกันมีไม่เกินสิบคนที่เหนือกว่าโมซี่ในด้านพลังวิญญาณอย่างงั้นหรือ?

งั้นก็หมายความว่า....

ในแดนนรก พลังวิญญาณของโมซี่น่าจะอยู่ในระดับสามสุดยอด!  แดนนรกคงอยู่มานานนับปีไม่ถ้วนและมียอดฝีมืออยู่มากมาย ขณะที่เทพอสูรหลายคนที่รับตำแหน่งหลังจากเทพอสูรเดิมเกษียณออกไปก็ยากจะนับคำนวณได้

ยอดฝีมือมีทั่วไปเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า!

แต่โมซี่นี้สามารถติดอันดับอยู่ในสามสุดยอดผู้มีพลังวิญญาณงั้นหรือ?  น่ากลัวจริงๆ!

“แต่แน่นอนว่ายังมีความเป็นไปได้อื่นอีก”  โมซี่หัวเราะ “เจ้าอาจเป็นมหาเทพ! นั่นเป็นเพียงทางเดียวที่เจ้ายังหลอกข้าได้บ้าง”  ขณะที่กล่าว โมซี่นึกขึ้นได้ทันทีและพลังด้ายสีดำถูกรั้งกลับไป

เขาได้อิสระกลับคืนมาลินลี่ย์รู้สึกมีมุมมองต่อโมซี่ในทางที่ดีขึ้น  “ท่านเจ้าปราสาทโมซี่ ข้าขอบังอาจถามท่านมีสัมพันธ์ใดกับรีสเจม?”

“เขา?”  ประกายตาพร่ามัวเหมือนกับว่าเขานึกย้อนถึงหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตและจากนั้นประกายตานั้นกลับมั่นคงหนักแน่นอีกครั้ง  เขาถอนหายใจ “รีสเจมกับข้าเป็นแม่ทัพขุมนรกทั้งคู่”

“อย่างที่คิดไว้เลย!”  ตอนนี้ลินลี่ย์แน่ใจแล้ว  ท่านแม่ทัพที่แกนมอร์ตินพูดถึงก็คือโมซี่ผู้นี้

“แม่ทัพขุมนรก?แม่ทัพขุมนรกหมายถึงอะไร?” ลินลี่ย์ถามอย่างสงสัย

“ขุมนรกคืออะไร?”โมซี่เหลือบมองลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ “เจ้าไม่รู้กระทั่งเรื่องนี้หรือ?” ขณะที่โมซี่มอง เนื่องจากลินลี่ย์เหมือนกับจะมีความลับมากเท่าใดกันแน่เขาน่าจะรู้เรื่องขุมนรก

แต่โมซี่ยังคงตอบ “ขุมนรกคือสถานที่พิเศษในแดนนรก ในสถานที่นั้นยอดฝีมือมีอยู่มากมายราวกับเมฆในท้องฟ้า  เทพอสูรที่เกษียณตนเอง ยอดฝีมือถือสันโดษและคนอื่นๆจะพากันเข้าไปในขุมนรก... ในที่นั้นมียอดฝีมืออยู่มากมายนัก!”

“และแม่ทัพขุมนรกเล่า?”ลินลี่ย์ยังถามต่อ

“ขุมนรกมีแม่ทัพอยู่ 108 นาย!”  โมซี่หัวเราะ

“108เหมือนกันหรือนี่?”  ลินลี่ย์ประหลาดใจ

“ถูกแล้ว ในแดนนรกมีเทพอสูร 108 และขุมนรกก็ยังมีแม่ทัพ 108เช่นกัน เทพอสูรในแดนนรกจะปกครองแคว้นทั้งหมด ขณะที่แม่ทัพขุมนรกจะควบคุมดูแลกองทัพ!”  โมซี่อธิบาย

“โอว..งั้น..งั้นตำแหน่งใดทรงพลังอำนาจมากกว่า? เทพอสูร หรือแม่ทัพขุมนรก?”  ลินลี่ย์ถามต่อ

โมซี่ชำเลืองมองลินลี่ย์ “เทพอสูรของแดนนรกและแม่ทัพขุมนรก.. เจ้าไม่อาจระบุได้ว่าใครเหนือกว่า ทั้งนี้เป็นเพราะทุกคนสามารถเป็นเทพอสูรหรือแม่ทัพขุมนรกล้วนอยู่ใกล้จุดสูงสุดแห่งพลังอำนาจของเทพชั้นสูงและทุกคนมีความสามารถและพลังโจมตีพิเศษเป็นของตนเอง  มีอสูรเจ็ดดาวอยู่มากในแดนนรก แต่จำนวนของเทพอสูรและแม่ทัพขุมนรกจะถูกจำกัดไว้ตลอดกาล  นอกจากนี้พวกเขายังมีการแข่งขันท้าทายกันตลอด เมื่อพ่ายแพ้ก็เกษียณตัวเองออกไป  ผู้แข็งแกร่งกว่าก็เข้ารับตำแหน่งต่อไป!”

ลินลี่ย์อดพยักหน้าไม่ได้

“อย่างไรก็ตามเมื่อพูดโดยเปรียบเทียบกันแล้ว 108เทพอสูรของแดนนรกยังเป็นกันง่ายกว่า พวกเขาควบคุมตลอดทั้งแว่นแคว้น และไม่เผชิญกับความท้าทายมากนัก  แต่แม่ทัพขุมนรกแตกต่างออกไป  การสู้รบประหัตประหารกันเป็นเรื่องธรรมดา” โมซี่ถอนหายใจ

ลินลี่ย์ต้องยอมรับว่าอยู่ในแดนนรกมานานแล้ว เขาเห็นอสูรเจ็ดดาวมามากและที่เกาะมิลัวร์นี้ก็ยังพบเห็นอสูรเจ็ดดาวได้มาก

กล่าวโดยทั่วไปเทพชั้นสูงสามารถหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้สี่เคล็ดก็อาจกลายเป็นอสูรเจ็ดดาวได้

แต่ในความเป็นจริง มีบางคนที่หลอมรวมห้าเคล็ดหรือเกือบจะหลอมรวมได้หกเคล็ดก็มี

แต่แน่นอนมียอดฝีมือที่สามารถหลอมรวมได้ทั้งหกเคล็ดแล้วกลายเป็นพารากอน(สุดยอดเทพชั้นสูงผู้หลอมรวมได้ทุกเคล็ด)

ยังมีบางคนเป็นพวกวิญญาณกลายพันธุ์ ขณะบางพวกก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสามารถพิเศษตามธรรมชาติบางคนก็เป็นเผ่าพันธุ์ประหลาดที่มีความสามารถตามธรรมชาติที่พิเศษ  ขณะที่ยอดฝีมืออื่นอาจจะพึ่งพาสมบัติมหาเทพหรือพลังมหาเทพ...

มีเพียงคนพิเศษที่สุดเท่านั้นจึงจะกลายเป็นเทพอสูรในแดนนรกหรือเป็นแม่ทัพขุมนรก

“สนามพลังโน้มถ่วงของข้าทรงพลังมากอยู่แล้วแต่ถ้าเป็นอสูรอะเมทิสต์น้อยลงมือเองเล่า? นอกจากนี้นั่นเป็นทักษะธรรมชาติของเขา เมื่อเขาใช้ย่อมจะทรงพลังมากกว่าข้าเป็นสิบเท่าหรืออาจร้อยเท่าก็ได้”  ลินลี่ย์ยังคงจำได้ว่าทั่วทั้งเขาอะเมทิสต์เป็นสนามพลังโน้มถ่วงมหึมาซึ่งกินพื้นที่เป็นแสนตารางกิโลเมตร

ระหว่างที่มีการสนทนานี้ความสัมพันธ์ระหว่างลินลี่ย์กับโมซี่พัฒนาขึ้นไปอย่างเป็นมิตร

“ท่านเจ้าปราสาท!  มีบางเรื่องที่ข้าอยากจะขอท่าน”ลินลี่ย์พูดอย่างจริงใจ

ทารอสกับไดลินตกอยู่ภายใต้การควบคุมวิญญาณ ชีวิตที่พวกเขาต้องสูญเสียปณิธานของตนเองแบบนี้แย่ยิ่งกว่าตาย ลินลี่ย์ต้องการปลดปล่อยทารอสและไดลินให้พวกเขาได้มีปณิธานเป็นของตนเอง

“พูดมาได้เลย” โมซี่กล่าว

“ข้ามีสหายอยู่สองคนเป็นผู้ชนะเวทีร้อยศึกทั้งคู่  ข้าเชื่อว่าพวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมวิญญาณข้าหวังว่าท่านเจ้าปราสาทโมซี่จะสามารถคืนอิสรภาพให้พวกเขา”

โมซี่ชะงักเล็กน้อย

ลินลี่ย์ค่อนข้างกังวลการควบคุมวิญญาณเป็นหนึ่งในวิชาพิเศษที่ท่านผู้นี้เชี่ยวชาญ ลินลี่ย์ได้แต่หวังว่าท่านผู้นี้จะยอมเห็นแก่หน้าปล่อยสองคนนั้น

“อย่างนั้นก็ได้ บอกชื่อพวกเขามา” ในที่สุดโมซี่พยักหน้า

“คนหนึ่งเป็นเทพชั้นสูงนามว่าทารอส  อีกคนเป็นเทพแท้ชื่อไดลิน”  ลินลี่ย์รีบกล่าว

โมซี่ถอนหายใจ “ทารอสนั่นข้าเป็นคนควบคุมเขาเองเขามีศักยภาพมาก สำหรับไดลิน บริวารคนหนึ่งของข้าเป็นคนควบคุมเขา”โมซี่ชะงักเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง เมื่อเจ้ากลับไปเกาะมิลัวร์เจ้าจะพบว่าพวกเขาจะได้รับอิสระทั้งคู่”

“ท่านเจ้าปราสาท ข้าขอขอบคุณท่านจากใจจริง”ลินลีย์ค่อนข้างซาบซึ้งขอบคุณ ถ้าคนผู้นี้ไม่เห็นแก่หน้าเขาก็ไม่มีอะไรที่เขาทำได้

โมซี่หัวเราะอย่างใจเย็น เขาควบคุมอสูรเจ็ดดาวไว้มากแล้วเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ใส่ใจยอดฝีมือระดับรองๆ ลงไปอย่างทารอสและไดลิน

“ไปกันเถอะ ตอนนี้เจ้าจะเดินลงไปกับข้าได้หรือยัง?” โมซี่กล่าว

ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกันจากนั้นติดตามเจ้าปราสาทโมซี่กลับเข้าไปในปราสาทขณะนั้นเองส่วนของปราสาทที่ได้รับความเสียหายได้รับการฟื้นฟูซ่อมแซม  นักรบเกราะดำกลุ่มใหญ่กำลังขนศิลาดำอย่างขะมักเขม้นทำงานกันด้วยความเร็วสูง

“นายท่าน!” ยูไรห์และคนอื่นเข้ามาใกล้และแสดงความเคารพ

เจ้าปราสาทโมซีพยักหน้ารับรู้ จากนั้นบินลงไปกับลินลี่ย์

“ลินลี่ย์ผู้นี้เป็นใคร?” ยูไรห์และอีกสองคนมึนงง  เท่าที่พวกเขาเห็นเจ้านายของพวกเขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับสูงของพิภพแดนนรกแต่ก็ยังแสดงมิตรภาพต่อลินลี่ย์  นี่เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงจริงๆ

ลินลี่ย์และเจ้าปราสาทโมซี่กำลังบินกลับไป  แต่ทันใดนั้น...

“ใต้เท้า,  ใต้เท้า!”  เสียงเรียกดังแตกตื่น

ลินลี่ย์หันไปมอง เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ เนื่องจากเขาเห็นแกนมอร์ตินกำลังบินเข้ามาหาพลางร้องเรียกใต้เท้าอย่างร้อนรน

“โอว, แกนมอร์ติน” เจ้าปราสาทโมซี่จำแกนมอร์ตินได้ทันที จากนั้นสงสัย “แกนมอร์ติน,ร่างแยกธาตุลมของเจ้าเล่า?”  แกนมอร์ตินเป็นหนึ่งในบริวารชั้นผู้ใหญ่ของเขา

แกนมอร์ตินคำนับด้วยความเคารพ จากนั้นพูดด้วยความโมโห“ใต้เท้า, เขาทำลายร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมของข้า!”  ขณะที่เขาพูด เขาชี้มาที่ลินลี่ย์

“เอ๊ะ?”  เจ้าปราสาทโมซี่ขมวดคิ้ว

“เจ้ากับลินลี่ย์สู้กันด้วยเรื่องอะไร?”  เจ้าปราสาทโมซี่กล่าว

แกนมอร์ตินรีบรายงาน “เรียนใต้เท้า, ข้าพบนักสู้วิญญาณกลายพันธุ์ระดับเทพแท้,ดังนั้นข้าจึงตามจับเขามาให้ท่านแต่ใครจะคาดกันเล่าว่าคนผู้นี้เป็นสหายของลินลี่ย์  ดังนั้นลินลี่ย์จึงโจมตีและทำลายร่างแยกธาตุลมศักดิ์สิทธิ์ของข้า”

“วิญญาณกลายพันธุ์ระดับเทพแท้?”  เจ้าปราสาทโมซี่ตาเป็นประกาย

ศักยภาพของนักสู้วิญญาณกลายพันธุ์สูงกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์เสียอีก

“เจ้าปราสาทโมซี่เทพแท้วิญญาณกลายพันธุ์นั้นคือพี่ชายของข้า” นี่คือสิ่งที่ลินลี่ย์พูดได้เท่านั้น

“ใต้เท้า, ท่านต้องแก้แค้นให้ผู้น้อย”  แกนมอร์ตินรีบกล่าว

เจ้าปราสาทโมซี่ขมวดคิ้วและเงียบครู่หนึ่ง ทั้งลินลี่ย์ทั้งแกนมอร์ตินไม่รู้ว่าโมซี่คิดอะไรอยู่

“ตอนนี้ เจ้าไปได้แล้ว!”  เจ้าปราสาทโมซี่พูดอย่างใจเย็น

แกนมอร์ตินตะลึง หน้าของเขาซีดอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้อารมณ์ของเจ้าปราสาทโมซี่ดีอย่างไรก็ตามเขาคำนับด้วยความเคารพทันที “ขอรับ, ใต้เท้า” แกนมอร์ตินไม่กล้าพูดต่อไปแม้แต่คำเดียว เขาเดินออกมาทันที

ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจโล่งอก

เจ้าปราสาทโมซี่หันมามองลินลี่ย์ เขาหัวเราะพลางกล่าว  “ลินลี่ย์เจ้าต้องการไปห้องลับชั้นหนึ่งของข้าและดูบันทึกการต่อสู้ของสุดยอดฝีมือไหม? สถานที่นั้นมีกระทั่งบันทึกการแสดงพลังของมหาเทพด้วยเช่นกัน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด