ตอนที่แล้วตอนที่ 9 แหวนพลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 สะพานที่ปิดกั้น

ตอนที่ 10 ความสามารถของเตาหลอมพระเจ้า


ตอนที่ 10 ความสามารถของเตาหลอมพระเจ้า

“รูนิกลางสังหรณ์ (12) : ระดับ 12 ขั้นสมบูรณ์”

(12 ขั้นสมบูรณ์) ตรงนี้หมายถึง ระดับการเติบโตของรูนิกที่สามารถไปถึงได้ และข้างหลังคือระดับของรูนิกที่คงอยู่ในขณะนี้

เขาอึ้งมากจนพูดไม่ออก ที่เห็นว่าระดับของรูนิกลางสังหรณ์นั้นมีพลังสูงสุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้แล้ว

เตาหลอมพระเจ้าเชื่อมต่อให้เรนใช้พลังของรูนิกลางสังหรณ์ได้แค่ระดับ 1 ขั้นสมบูรณ์เท่านั้น ทำให้เขาสามารถรับรู้ผ่านลางสังหรณ์ต่ออันตรายหรือคาดการสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตล่วงหน้า 3 วินาที

แล้วถ้าเขาสามารถใช้รูนิกลางสังหรณ์ 12 ขั้นสมบูรณ์ได้มันจะทรงพลังแค่ไหน

เรนจินตนาการไม่ถูกเหมือนกัน บางทีเขาอาจจะสัมผัสและรับรู้อันตรายในอนาคตได้นานกว่านี้หลายร้อยเท่า ก่อนจะเกิดขึ้นจริง

“เดี๋ยวก่อน แบบนี้ถ้าเราสวมใส่รูนิกในตอนนี้มันก็เท่ากับว่าระดับที่เหลืออยู่จะหายไปจนหมด” เรนขมวดคิ้วในทันที เขามีเวลาในการใช้รูนิกลางสังหรณ์ได้จำกัด ถ้าไม่มีมันเรนก็คิดไม่ออกว่าจะรอดไปได้ยังไง แต่ถ้าใส่พลังส่วนเกินของมันจะหายไป

ตอนนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้

“ความสามารถของเตาหลอมพระเจ้านั่นคือการหลอมแยก ใช่แล้วมันต้องใช้ได้” เรนรีบสั่งการเตาหลอมพระเจ้าในจิตใจ

ก่อนหน้านั้นเขาสงสัยว่าอะไรคือความสามารถการหลอมแยก แต่ตอนนี้เรนเข้าใจมันแล้ว เตาหลอมพระเจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อแทรกแซงแหวนพลัง ดังนั้นความสามารถการหลอมแยก ก็ต้องเกี่ยวกับสิ่งของในแหวนพลัง

เรนเดาว่ารูนิกต้องเป็นหนึ่งในนั้น

เตาหลอมพระเจ้าดำเนินการหลอมแยกรูนิกลางสังหรณ์ (12) : 12 ขั้นสมบูรณ์ ซึ่งมันจะแยกเอาวัตถุดิบที่เหลือกลับมาให้เขาด้วย

เตาหลอมพระเจ้าเริ่มทำงาน มันเป็นการยืนยันว่าความคิดของเรนนั้นถูกต้อง

เตาหลอมพระเจ้าใช้เวลาไม่นานก็สามารถแยกระดับของรูนิกลางสังหรณ์ออกมาได้ จากระดับ 12 ขั้นสมบูรณ์ก็กลายมาเป็นระดับ 11 ขั้นสมบูรณ์

และเรนก็ได้ของจากการแยกมาด้วย พวกมันถูกย้ายไปเก็บที่แหวนพลังทันที

[หินระบบ]

ฟังก์ชันหินระบบเด้งขึ้นมา เรนกดเข้าไปดูด้วยความสนใจและพบว่าตนเองนั้นได้รับ “หินอัพเกรด (12)” 1 อัน จากการหลอมแยกรูนิกลางสังหรณ์

“หินอัพเกรด” ใช้เพื่อยกระดับรูนิก

เรนเห็นก็เข้าใจทันทีว่าฟังก์ชันหินระบบนั้นเหมือนเหมือนกระเป๋าเก็บหินระบบที่ได้มา

“ถ้าอย่างนั้นฟังก์ชันเหรียญทองระบบก็ไว้เก็บเหรียญทอง” เรนเอาเหรียญทองที่เขาเคยได้มาจากการฆ่าผู้ติดเชื้อที่มีอยู่ 10 เหรียญทอง เขาลองใส่เข้าไปในฟังก์ชัน มันก็เก็บเหรียญทองเข้าไปในทันที

“แบบนี้นี่เอง”

เรนทำการหลอมแยกรูนิกลางสังหรณ์ติดต่อกัน จนกระทั่งระดับของรูนิกลางสังหรณ์ลดมาเป็น “รูนิกลางสังหรณ์ (12) : ระดับ 1 ขั้นสมบูรณ์”

เขาได้หินอัพเกรดตั้งแต่ระดับ 2-12 มาจากการหลอมแยก โดยแต่ละระดับนั้นมีอยู่ด้วยกัน 5 ชิ้น หนึ่งชิ้นมาจากระดับ อีก 4 ชิ้นมาจากขั้นย่อยของรูนิกคือ ขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูงและขั้นสมบูรณ์

***ใครงงไปดูที่หน้านิยายจะมีบอกระดับอยู่ครับ

เรนปิดพวกมันลงไปก่อน เพราะตอนนี้เขาสนใจรูนิกลางสังหรณ์มากกว่า

ตอนนี้รูนิกลางสังหรณ์มีระดับ 1 ซึ่งเท่ากับขอบเขตแรก ผู้อยู่รอด ของเขาแล้ว เรนสามารถใส่มันได้ โดยไม่ต้องสลายระดับส่วนเกินต่าง ๆ

เขาใส่รูนิกลางสังหรณ์ลงไปในช่องว่างของวงแหวนรากฐานทันที

“สำเร็จ” เรนพูดด้วยความยินดี

เขามองดูที่ฟังก์ชัน [ตรวจสอบ] ที่เปิดไว้ข้าง ๆ

“ตรวจสอบตัวเอง”

ขอบเขตแรก : ผู้อยู่รอด 1 วงแหวน

วงแหวนรากฐาน : 1 วงแหวนสีทอง

อายุขัยสูงสุด : 90 ปี

พลังงาน : 0/20 หน่วย

รูนิก 1/3 ช่อง

ช่องแรก : รูนิกลางสังหรณ์ (12) : ระดับ 1 ขั้นสมบูรณ์ ใช้พลังงาน 1 หน่วยต่อ 1 ชั่วโมง

ช่องสอง : ว่างเปล่า

ช่องสาม : ว่างเปล่า

...

“พลังงานของเรายังคงเป็น 0 แสดงว่าต้องเพิ่มพลังงานลงไปก่อน” เรนนึกไปถึงหินแปลก ๆ ที่เขาเก็บมา มันมีอยู่ด้วยกัน 4 ชิ้น

เรนใช้ฟังก์ชันตรวจสอบก็พบว่าหินทั้ง 4 ชิ้นนั้น 2 ก้อนแรกเป็นหินรูนิกเปล่า ซึ่งเป็นหนึ่งในของที่ใช้สร้างอุปกรณ์รูนิก ส่วนอีกสองชิ้นนั้นเป็นหินพลังงาน

“แล้วจะดูดซับมันยังไง” เรนมองดูหินพลังงาน ก่อนจะลองเอามันไปสัมผัสกับตัวแหวนพลังดู ปรากฏว่าแหวนพลังก็ดูดซับพลังงานลงไปในทันที ใช้เวลาไม่นานหินพลังงานก็สลายหายไป

เรนเห็นตัวเลขพลังงานของเขาเพิ่มมาเป็น พลังงาน : 10/20 หน่วยแล้ว เขาดูดซับชิ้นที่สองต่อไปจนพลังงานอยู่ที่ 20/20 หน่วย และก็ไม่สามารถดูดซับพลังงานได้อีก

“หมายความว่านี่คือขีดจำกัดสินะ ถ้าเวลาการใช้รูนิกก็จำกัดไปด้วย และเวลาในการเติมเต็มพลังงาน 20 หน่วยก็ประมาณ 1 นาที ถ้าไม่ใช่ตอนต่อสู้ก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นตอนต่อสู้แล้วมาเติมพลังงานมันไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก”

ขณะที่เรนตกอยู่ในภวังค์ความคิดและพึมพำคนเดียวมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว คนอื่น ๆ ก็มองไปที่เรนอย่างเงียบ ๆ

“ขอโทษที ฉันลองใช้งานมันดูจนลืมไปเลย แหวนพลังไม่มีอันตราย” เรนพึ่งนึกขึ้นได้ว่าทุกคนนั้นรอคำตอบของเขาอยู่

เขาอธิบายต่อว่า “แหวนพวกนี้เรียกว่าแหวนพลัง มันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ถ้าจะให้พูดมันเป็นเหมือนกับระบบแหวนพลังที่มอบพลังให้กับผู้คนเพื่อเอาตัวรอดในโลกที่กำลังเปลี่ยนไป โดยผู้ที่แหวนพลังยอมรับจะสามารถปลุกพลังวงแหวนรากฐานได้และสามารถใช้งานอุปกรณ์ที่เรียกว่า รูนิก ได้” เรนสรุปตามสิ่งที่เขาคิดได้

“ฉันขอรองมันหน่อย” ธันวาหยิบแหวนอีกวงขึ้นมา ก่อนจะสวมใส่ไป แต่เขาก็พบว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบเรน แหวนปฏิเสธเขา

“นี่หมายความว่ายังไง” ธันวาไม่เข้าใจ เขาถอดแหวนออกมามองดูและสังเกตว่าแหวนวงนี้ก็เหมือนกับของเรนทุกอย่าง แต่มันไม่ตอบสนองต่อเขา

“ไม่ตอบสนองหรือว่า!” เรนนึกไปถึงพรสวรรค์ในการเป็นผู้ใช้วงแหวน

“แหวนพลังจะตอบสนองต่อผู้ที่มีพรสวรรค์เท่านั้น” เรนพึมพำออกมา เขานึกไปถึงข้อมูลที่แหวนพลังบอก

ธันวาได้ยินก็มีสีหน้าผิดหวังในทันที เขารู้ตัวทันทีว่าตนเองไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ นั้นหมายถึงเขาจะไม่สามารถใช้พลังจากแหวนพลังได้

“ไม่ได้ผลเหมือนกัน” ไอราก็มีท่าทางผิดหวัง

อาจารย์หลินได้ลองบ้าง

เธอหยิบแหวนมาและสวมดู เธอเริ่มไม่มั่นใจเพราะเห็นว่าธันวาและไอราก็ยังโดนแหวนปฏิเสธ แต่ตอนนั้นก็เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกับของเรน มีวงแหวนแสงกระจายออกมาจากตัวเธอและเริ่มการปลุกพลังวงแหวนรากฐานในทันที

“ฉันมีพรสวรรค์ เป็นพรสวรรค์วงแหวนสีเขียว” หลินพูดด้วยความดีใจ

ในตอนนี้เรนเข้าใจว่าอะไรคือ ผู้มีพรสวรรค์แล้ว มันหมายความว่ามีคนที่มีพรสวรรค์และก็มีคนที่ไม่มีพรสวรรค์ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นผู้ใช้วงแหวนได้

คนอื่น ๆ ก็เข้าใจเช่นกัน โลกนี้ไม่มีอะไรยุติธรรม แม้แต่พลังวิเศษจากระบบแหวนพลังก็เช่นกัน

มันมีทั้งคนที่โชคดีและคนที่โชคร้าย เพียงแต่เมื่อเวลานั้นมาถึงไม่รู้ว่าคุณจะอยู่ในประเภทโชคดีหรือโชคร้ายก็เท่านั้น

สำหรับเรนและหลินทั้งสองอยู่ในพวกโชคดี ส่วนธันวาและไอราก็อยู่ในพวกโชคร้าย

ทุกคนก็มีสีหน้าหนักใจและกังวล โดยเฉพาะคนที่ไม่สามารถเป็นผู้ใช้วงแหวนได้

“ไม่เป็นอะไรหรอก อย่างน้อยในตอนนี้พวกเราก็มีคนที่เป็นผู้ใช้วงแหวนถึงสองคน” ธันวาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มจากใจจริง ถึงในใจจะผิดหวังก็ตาม

แต่อย่าลืมว่าตอนนี้เขายังมีชีวิต แค่นี้ก็ดีมากแล้ว เมื่อเทียบกับคนที่กลายเป็นผู้ติดเชื้อหรือตาย พวกเขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสในการใช้ชีวิตอีกแล้ว

“หวังว่าพลังที่มีนี้จะช่วยให้พวกเรารอดตายไปได้ก็พอ” ไอรากล่าวเช่นกัน

“แม้แหวนพลังจะปฏิเสธฉัน ยังไงฉันก็ยังมีขวานอยู่ผู้ติดเชื้อพวกมันสู้ฉันไม่ได้หรอก” ธันวาพูดอย่างมั่นใจ

เรนเงียบไป

แม้จะเป็นผู้ใช้วงแหวน นั่นก็ไม่ได้บ่งบอกถึงพลังที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ขนาดนั้น การจะได้มันมาหมายถึงต้องไปฆ่าผู้ติดเชื้อและสิ่งที่จะมอบความสามารถในการต่อสู้จริง ๆ คือ อุปกรณ์รูนิก

ผู้ใช้วงแหวนที่ไม่มีอุปกรณ์รูนิกก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา แม้แต่เรนที่มีรูนิกลางสังหรณ์ ถ้าเขาโดนยิงจากปืนก็ตายได้เช่นกัน

ปัง!

ตอนนั้นเองที่ประตูห้องชมรมก็มีเสียงดังทุบประตู ทุกคนสะดุ้งทันที พวกเขาหยุดพูดและยืนนิ่งมองไปที่หน้าประตู

ปัง!

เสียงทุบดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีเสียงพูดด้วย “มีใครรอดไหม...”

ทั้ง 4 คนมองหน้ากันในทันที

เรนเดินเข้าไปที่ประตูและจับลูกบิด เขาคิดว่าจะเปิดมัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปิด เรนทดสอบดูก็พบว่า รูนิกลางสังหรณ์เตือนเขาว่าอันตราย

ในสามวินาทีถ้าเขาเปิดออกจะโดนสิ่งที่อยู่หลังประตูทำอันตรายได้

เรนปล่อยมืออย่างช้า ๆ ก่อนจะถอยหลัง เขาส่งสัญญาณมือให้ทุกคนเอาของที่เตรียมไว้และไปทางหน้าต่าง

“มีใครรอดอยู่ไหม...” เสียงจากหน้าประตูยังคงเรียกอยู่อย่างนั้น มันเริ่มทุบประตูมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับคนเสียสติ ซึ่งชัดเจนว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องชมรมไม่ใช่คน แต่เป็นผู้ติดเชื้อ

พวกมันมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และช่วยกันทุบประตูไม่หยุด

เรนและพวกรู้ว่าตอนนี้มันเจอพวกเขาแล้ว ที่ผู้ติดเชื้อหาเจอได้เร็วแบบนี้คงเป็นเพราะกลิ่นเลือดจากศพของร้อยเอกก้องด้วย

ทุกคนพากันปีนออกจากมาหน้าต่างห้องชมรมยิงธนูและออกมาจากบริเวณนั้น ขณะที่ยืนอยู่ขอบกันสาดของชั้น 2 ธันวาก็ถามขึ้นมาว่า “ไปไหนกันต่อ”

พวกเขาพึ่งนึกขึ้นได้ว่าจากที่พวกเขาคุยกันยังไม่ได้ข้อสรุปในการหนี

“ฉันมีอะไรจะเสนอ” อาจารย์หลินพูดขึ้นมา

ทุกคนหันไปฟังข้อเสนอของเธอในทันที

“ปกติฉันจะจอดรถไว้ด้านหลังมหาวิทยาลัยและเข้ามาทางประตูหลังของมหาวิทยาลัย ตอนนี้พวกผู้ติดเชื้อรวมกันอยู่ที่ อาคาร 1และอาคาร 2 ถ้าเราวิ่งไปที่หลังประตูน่าจะออกไปทางประตูหลังได้”

“พวกเราว่ายังไง” เรนถามความเห็นคนอื่น ๆ

“ไปที่ประตูหลังกันเถอะและใช้รถของอาจารย์หลินหนี” ธันวาเอ่ยปากพูดเสนอขึ้นมา

ไอราก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้ พวกเขาไม่มีทางเลือก ออกไปด้านหน้าก็มีแต่พวกมันรออยู่ อย่างน้อยด้านหลังของมหาวิทยาลัยก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

พวกเขามั่นใจว่าถ้าไปเส้นทางนี้รวมกับความสามารถของเรนน่าจะพอมีหวัง

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกัน” เรนพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังและทุกคนก็พากันหาทางลงไปด้านล่างกันในทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด