ตอนที่แล้วบทที่ 61 บทนำของการลงดาบถากเส้นทางสู่อนาคต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 63 เจียงเค่อผู้เศร้าโศก

บทที่ 62 การวางตำแหน่งกลุ่มผู้บริโภค


บทที่ 62 การวางตำแหน่งกลุ่มผู้บริโภค

.

ย่านใจกลางเมืองคึกคักมีชีวิตชีวาอย่างไม่ธรรมดาตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ โดยเฉพาะช่วงเย็นวันนี้ฝูงชนแน่นขนัดจนแทบหายใจไม่ออก

การยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนตัวเล็กลง ไม่ว่าจะมีอำนาจมากน้อยเพียงใดก็ตาม ท่ามกลางฝูงชนคุณจะไม่มีวันน่าดึงดูดใจเท่ากับสาวงามร่างผอมเพรียวที่นุ่งน้อยห่มน้อย

ท้ายที่สุดแล้ว คุณและคนอื่นๆก็เป็นเพียงคนๆหนึ่งที่มีอวัยวะบนร่างกายเหมือนกันๆ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะมีอวัยวะมากกว่าคนอื่น หรือน้อยกว่าคนอื่นเท่านั้น มิฉะนั้นก็ไม่มีใครที่จะสนใจคุณ

บางครั้งหลี่ซวนยังนึกจินตนาการว่า ถ้าจู่ๆ เขากระโดดขึ้นไปยืนค้างอยู่กลางอากาศ ทำให้ฟ้าเปลี่ยนสี มีฟ้าแลบ ฟ้าร้อง… จากนั้นก็พูดกับชาวโลกที่จ้องมองเขาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกว่า ‘I'm back’ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร?

แต่หลี่ซวนก็ต้องยอมแพ้ให้กับความคิดไร้สาระของตัวเอง

ด้วยกฎเกณฑ์ของโลกนี้ ซูเปอร์แมนไม่ได้รับอนุญาตให้มีอยู่จริง การเกิดขึ้นซูเปอร์แมนจะเป็นเพียงเป้าความสนใจของห้องทดลองระดับนานาชาติ หรือเพียงแค่สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนทั่วไปเท่านั้น เพื่อสร้างความประทับใจให้กับโลกซูเปอร์แมนก็ต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นเพียงคนธรรมดา แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องหลอกลวงก็ตาม

หลี่ซวนเดินผ่านฝูงชนในย่านใจกลางเมือง พร้อมกับความคิดไร้สาระนี้ และนึกถึงการฝึกเปลี่ยนยีนที่ยังไม่มีเวลาฝึกฝน

วิธีการบ่มเพาะในขั้นที่หนึ่งของ ‘วิธีการปลอมแปลง (หลอม) ยีน: พื้นฐาน’ ซึ่งเป็นระดับ 1 ดาวนั้นง่ายมาก แต่ไม่ง่ายเลยที่จะปฏิบัติ

มันเป็นการฝึกฝนที่โหดเอาการ

หลี่ซวนเคยได้ยินเกี่ยวกับวิธีการฝึกแบบนี้มาก่อน แต่เขาเชื่อว่าสิ่งนี้มีไว้เพื่อจัดการกับคนที่ฝึกเท่านั้น ใครมันจะเบื่อชีวิตมากและไม่มีอะไรทำจนมาฝึกทำลายตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่ากันล่ะ? มันจะใช้งานได้จริงเหรอ? อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน…

ตามคำแนะนำใน ‘วิธีการปลอมแปลงยีน’ ขั้นแรกที่สุดโต่งเป็นอย่างยิ่งนั้น เป็นเพียงการพัฒนาศักยภาพทางร่างกายของมนุษย์เท่านั้น และไม่ได้บอกว่าจุดสูงสุดของความแข็งแกร่งที่จะบรรลุได้เป็นเช่นใด แต่มันไม่มีผลกระทบต่อยีนอย่างแน่นอน

หลี่ซวนไม่ต้องการ การฝึกฝนที่น่าเบื่อนี้จริงๆ แต่ไม่มีทางเลือก เพราะหากไม่บรรลุระดับหนึ่ง ก็ไม่มีทางที่จะไปฝึกระดับสองได้

ดังนั้น เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับมัน

อย่างไรก็ตาม การฝึกที่รุนแรงนี้ต้องใช้อุปกรณ์จำนวนมาก อย่างเช่น สายรัดถ่วงน้ำหนักข้อมือ เสื้อกล้าม หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งหลี่ซวนไม่มีทางหาได้ที่บ้านเกิด แม้ตอนนี้เขาจะกลับเข้ามาในเมืองแล้ว แต่เขาก็ยังไม่พร้อม จึงยังไม่ได้ขวนขวายเพื่อลองฝึกดู…

“อืม! อาปิน ตาดีนี่ ที่นี่โอเคเลย! หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน หันหน้าไปทางถนนที่มีคนสัญจรพลุกพล่าน แสงก็ดีด้วย!” หลี่ซวนขึ้นไปยังชั้นสอง มองไปยังพื้นที่ 40-50 ตารางเมตร ที่เป็นร้านอาหารเล็กๆ ซึ่งมีโต๊ะเพียงสี่โต๊ะเท่านั้น

(ผู้แปล – น่าจะแปลผิดอีกแล้ว? ร้านอาหารอยู่ชั้นสอง ไม่ใช่ร้านที่มีสองชั้น)

“สวรรค์! ซวนจื่อ นายจะจู้จี้เกินไปไหม? นี่แค่ ‘โอเค’ เหรอ? มันสมบูรณ์แบบไม่ใช่เหรอ? พูดแบบนี้ฉันเสียใจนะ!” เฉินเหว่ยปินดูว้าวุ่นใจ

“โอเค มันสมบูรณ์แบบ พาฉันไปที่ครัวหน่อย!” หลี่ซวนกล่าว

“เหอะ เหอะ… เชิญครับท่านผู้นำ…”

ท่าทางแปลกๆของเฉินเหว่ยปินตอนนี้ ทำให้เสี่ยวหลานเกือบเริ่มลงมือหยิกอีกครั้ง

ร้านอาหารอยู่บนชั้นสอง และห้องครัวก็อยู่บนชั้นสองเช่นกัน

ห้องครัวครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 10 ตารางเมตร หลี่ซวนเดินดูรอบๆ ในขณะที่คิดเกี่ยวกับการจัดวาง

“ซวนจื่อ! ดูนี่ ตรงนี้เป็นตำแหน่งเตาของร้านเก่า เราแค่ซื้อหม้อกับเครื่องใช้ในครัวต่างๆ มาไว้ตรงนี้ แล้วตรงนี้ก็เป็นโต๊ะเตรียมอาหาร แล้วตรงนี้…” ทันทีที่เฉินเหว่ยปินเข้าไปในครัว เขาก็แนะนำอย่างฉะฉาน ตามรูปแบบในอุดมคติของเขา

เฉินเหว่ยปินพูดจบ หลี่ซวนยังคงครุ่นคิด หลังจากขมวดคิ้วอยู่สักพัก เขาก็ถามขึ้นว่า “อาปิน! นายคิดว่าร้านอาหารของเราควรกำหนดเป้าหมายเป็นผู้บริโภคกลุ่มไหน?”

“แน่นอนว่าต้องเป็นเหมือนอาหารจานด่วน สำหรับขายให้คนทั่วไป!” เฉินเหว่ยปินตอบโดยไม่ต้องคิด “เมื่อมีร้านอาหารเป็นฐานแล้ว ราคาอาหารก็สามารถตั้งให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย มันสามารถเผยแพร่ให้กว้างขวางได้อีกด้วย ทำให้ขายได้มากขึ้น และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีลูกค้า! ดังนั้นยิ่งทำได้มากก็ยิ่งทำเงินได้มากขึ้นเท่านั้น! ฉันเคยได้ยินนายพูดว่า ผักของญาตินายสามารถนำมาขายในร้านอาหารได้”

“ไม่!” หลี่ซวนส่ายหน้า “อย่างเราตอนนี้เป็นแค่ร้านอาหารเล็กๆ ถ้าตั้งเป้าไปที่คนทั่วไป ฉันจะไม่แปลกใจเลย ถ้าร้านจะโดนถล่ม! สิ่งนี้ไม่เหมือนอาหารกล่อง ที่จัดส่งถึงบ้าน พวกเขาไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน หากอยากกินก็ทำได้แค่โทรสั่งเท่านั้น! แต่ตอนนี้เรามีร้าน มันจะแตกต่างออกไป ไม่ต้องพูดถึงว่าร้านของเราเป็นร้านเล็กๆ แม้จะใช้การได้ แต่ก็ไม่ใหญ่พอที่จะจัดหาได้ตามความต้องการของลูกค้า! บางทีเมื่อถึงเวลานั้นรายได้อาจน้อยกว่าการทำอาหารกล่องด้วยซ้ำ!”

“นี่…” เฉินเหว่ยปินลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วกล่าวกับหลี่ซวนว่า “ชั้นสองของอาคารนี้ให้เช่าทั้งหมด มีพื้นที่รวมหลายร้อยตารางเมตร ถ้ายังไม่พองั้นเราก็เช่ามันทั้งหมดเลยดีไหม? มันน่าจะพอกับความต้องการ! ซวนจื่อ นายไม่ได้พูดเหรอว่าต้องการแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ขึ้น?”

“แน่นอนว่าเราต้องยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราจะเช่าพื้นที่ทั้งหมดของชั้นนี้อย่างแน่นอน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เราก็ต้องกำหนดกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย จะตั้งเป้าเป็นคนทั่วไปไม่ได้!” หลี่ซวนกล่าวพร้อมกับส่ายหน้า

“นายหมายความว่า…” เฉินเหว่ยปินดูเหมือนจะเดาอะไรได้บางอย่าง

“อืม!” หลี่ซวนไม่สนใจว่าเฉินเหว่ยปินจะเดาถูกหรือไม่ และตอบกลับไปว่า “โลกไม่เคยขาดคนร่ำรวย อาหารกล่องกับซุปก่อนหน้านี้ เป็นแค่การสะสมเงินทุน และเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองวัสดุ ดังนั้นจึงขายราคาถูก และไม่ได้โฆษณาแต่อย่างใด แต่ตอนนี้เรามีฐานแล้ว เราต้องทำให้ดีที่สุด! ฉันคิดเรื่องนี้แล้ว เราจะทำมันให้เป็นเครือร้านอาหารข้ามชาติและต้องเป็นเกรดสูงสุด! แม้ว่ามันอาจเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันก็ยังหวังว่าลูกค้าทุกคนจะภูมิใจที่เข้ามาทานอาหารในเหม่ยเหว่ยซวน และพยายามอย่างหนักเพื่อมาทานอาหารที่เหม่ยเหว่ยซวน! มันจะกลายเป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งในใจของพวกเขา!”

“ว้าว! พี่ซวนจื่อ! ฝันเกินไปแล้ว!” เสี่ยวหลานอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา เธอเคยชินกับโหมดอาหารจานด่วน (อาหารกล่อง) เธอจะหักมุมเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร?

“ใช่เลย ซวนจื่อ นายฝันมากเกินไปจริงๆ โอเค! เสี่ยวหลานไม่ต้องสนใจเขา เจ้าเด็กนี่มีอาการประสาทหลอนเป็นพักๆ!” เฉินเหว่ยปินอดไม่ได้ที่จะตอบสนองไปแบบนั้น

ภูมิใจที่ได้ทานอาหารที่เหม่ยเหว่ยซวน และพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มาทานอาหารที่เหม่ยเหว่ยซวน? ที่นี่เป็นแค่ร้านอาหารเล็กๆไม่ใช่เหรอ? ความปรารถนานี้มันดูหรูหรายิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวเสียอีก

“ไป! นายนั่นแหล่ะประสาทหลอนเป็นพักๆ!” หลี่ซวนกลอกตาใส่เฉินเหว่ยปิน แล้วพูดต่อไปว่า “ฉันรู้ว่ามันจะยากในตอนแรก แต่ฉันเชื่อว่า ถ้าเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ตอนแรก และทำงานต่อไปด้วยเป้าหมายนั้น มันก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้! ถ้าอาหารของเราเป็นเหมือนอาหารทั่วไป ฉันคงไม่มีความมั่นใจ นายล่ะไม่มั่นใจในอาหารของเราเหรอ?”

“เอ่อ… สิ่งที่นายพูดมันดูเกินจริงเกินไป ดูไม่น่าเชื่อถือนัก! แต่ก็ดูสมเหตุสมผลเช่นกัน การตั้งเป้าไปที่กลุ่มผู้บริโภคระดับสูง สามารถทำให้เรามีกำไรมากขึ้น และไม่วุ่นวายมากจนเกินไป! แต่ซวนจื่อ! นายมีเงินมากพอที่จะตกแต่งสถานที่ให้เป็นโรงแรมห้าดาวงั้นเหรอ?” เฉินเหว่ยปินถาม เขาตกแต่งร้านแบบเรียบง่ายในตอนแรกก็เพื่อตอบสนองต่อกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป

“ยังไม่มี!” หลี่ซวนส่ายหน้าและพูดต่อไปว่า “แต่ ลูกพี่ลูกน้องของฉันสัญญาจะหาเงินมาให้ ดังนั้นมันจะดีกว่าถ้าจะรอสักพัก? ไม่งั้นเราก็ทำไปทีละขั้น! แต่การเปลี่ยนแปลงในอนาคตจะทำได้ยากขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วมันทำไม่ได้เลย!”

ด้วยแผนการที่กล้าหาญ ในแง่เงินทุนเริ่มต้น หลี่ซวนได้วางแผนอย่างครอบคลุมโดยอิงจากสิ่งของในร้านค้าฟาร์ม หากไม่มีอุบัติเหตุใดๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาและไม่มีอะไรที่ต้องกังวล

ความจริงสิ่งที่ทำให้หลี่ซวนมีปัญหาที่สุดก็คือ อุปกรณ์ครัวอัตโนมัติที่กำลังจะซื้อ เขากังวลว่าควรจะคุยกับเฉินเหว่ยปินกับเสี่ยวหลานอย่างไรดี

ท้ายที่สุดแล้ว อุปกรณ์นี้ไฮเทคเกินไป ถ้าจะบอกว่าลูกพี่ลูกน้องของเขานำเข้ามาจากต่างประเทศ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะโน้มน้าวให้พวกเขาเชื่อ และถ้าจะบอกว่ามันได้รับการพัฒนาขึ้นโดยลูกพี่ลูกน้องอัจฉริยะของเขา มันก็ยิ่งไม่น่าเชื่อถือเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าเลือกที่จะไม่บอกพวกเขา หลี่ซวนก็รู้สึกไม่ดีอย่างมาก และรู้สึกเป็นหนี้เพื่อนที่ดีที่สุดคนนี้มากเกินไป

นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวแปรในแผนทั้งหมดที่ทำให้หลี่ซวนลำบากใจ ระหว่างเปิดเผยกับไม่เปิดเผย หลี่ซวนตัดสินใจเลือกอย่างยากลำบาก หลายครั้งที่เขาอยากบอกความจริงว่าเขาสามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้ แต่พอคำพูดมาถึงปากก็ต้องกลืนกลับลงไป

“ลืมไปก่อนเถอะ! เก็บซ่อนไว้ก่อน! ไม่สายเกินไปถ้าจะพูดเรื่องนี้หลังจากที่แข็งแกร่งขึ้น… ไม่งั้น! ก็ไม่ต้องซื้อ ดูสถานการณ์แล้วค่อยคิดดูอีกที…” หลี่ซวนคิดอย่างทำอะไรไม่ถูก แต่เขารู้ว่าต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน

“เฮ้อ! น่าเสียดายที่ฉันกับเสี่ยวหลานมาจากครอบครัวที่ยากจนและไม่มีเงินเหมือนกัน” เฉินเหว่ยปินกล่าวอย่างทุกข์ใจ

“เพ้ย! ต่อให้มีเงินฉันก็ไม่เอา!” หลี่ซวนโบกมือไปมา “อันที่จริงที่นายให้ฉันยืมเงินไปรักษาน้องชาย นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน! ถ้าฉันเอาเงินของนายมาอีก ฉันจะเสียใจมาก!”

“ซวนจื่อ นายผิดแล้ว!” เฉินเหว่ยปินอารมณ์เสียเล็กน้อย “ถ้าไม่ใช่เพราะนาย บางทีตอนนี้เราคงยังทำงานอย่างหนักเพื่อเงินไม่กี่พันหยวนต่อเดือน เราจะทำเงินได้มากขนาดนี้ได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆได้อย่างไร? พูดตามตรง เงินมากขนาดนั้น ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยเหมือนกันเมื่อต้องถือเอาไว้เอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าฉันจะอึดอัดใจขนาดไหน ถ้าฉันไม่เอาไปช่วยนาย!”

พูดจบ ใบหน้าของเฉินเหว่ยปินก็เปลี่ยนไป เขาฉีกยิ้ม “นอกจากนี้ ยิ่งนายรวยเร็วขึ้น เราก็รวยเร็วขึ้นเช่นกัน! เหอ เหอ…”

หลี่ซวนเข้าใจเพื่อนที่ดีที่สุดคนนี้ เขายิ้มเล็กน้อย “เอาล่ะ เอาล่ะ แค่มีใจก็พอแล้ว! ระหว่างเราไม่ต้องพูดเรื่องนี้!”

ขณะที่พูดหลี่ซวนยังคงเดินสำรวจรอบๆครัว เขาโบกมือแล้วพูดว่า “พอแค่นี้ก่อน! ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง… ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะ! อืม! ฉันต้องติดต่อลูกพี่ลูกน้องเพื่อเอาเงินค่าตกแต่งร้านก่อน แล้วก็…อาปินช่วยฉันเรื่องพนักงานเหล่านั้นด้วย นอกจากฟางฝานแล้ว คนอื่นๆให้จ่ายค่าจ้างเต็มจำนวนแล้วให้ออกไป! นอกจากนี้ อย่าลืมขอให้ฟางฝานหาห้องพักเดี่ยวไว้ด้วย เขาต้องย้ายออกจากที่พักเดิม เพราะในอนาคตเราจะรับสมัครพนักงานหญิงเป็นส่วนใหญ่ เขาจะพักรวมกับพวกเธอไม่ได้”

พอได้ยิน ดวงตาของเฉินเหว่ยปินก็เป็นประกาย “จะต้องไปหาบ้านทำไม? ให้พนักงานหญิงพวกนั้นย้ายมาอยู่กับเราก็พอไม่ใช่เหรอ? บ้านเรามีตั้ง 3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น พื้นที่ไม่ใช่น้อย มันใหญ่มากพอ…โอ๊ย! โอย! เบา เบาหน่อย! โอ๊ย…ฉันแค่บอกให้ซวนจื่อลองคิดดู…โอ๊ย! พอแล้ว ฉันไม่พูดแล้ว เมียจ๋า หยุดหยิกได้แล้ว…”

“เอาล่ะ เอาล่ะ หยุดเล่นได้แล้ว! กลับกันเถอะ!” หลี่ซวนเห็นว่าทั้งสองคนจะตีกันอีกแล้ว เขาโบกมือห้ามอย่างช่วยไม่ได้ พอพูดจบก็ไม่สนใจทั้งคู่อีก เขาละสายตาแล้วเดินออกไปก่อน

หากต้องการสะสมเงินทุนเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว เพื่อปรับปรุงระดับร้านอาหารโดยเร็วที่สุด มันต้องใช้เหรียญทองฟาร์มเท่านั้น ส่วนแผนจะสำเร็จหรือไม่ หลี่ซวนไม่รู้ และไม่รู้จริงๆ เขาได้แต่ค่อยๆทำไปทีละขั้นทีละตอนเท่านั้น

ด้วยสภาพแวดล้อมและบรรยากาศ ต่อให้ขายในราคาแพงก็น่าจะมีคนมากินเยอะ แต่ก็จะได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ดี และความคิดของลูกค้าก็มีผลผูกพันต่อการพัฒนาในอนาคต แต่ถ้าขายในราคาถูกแบบเดียวกับอาหารกล่อง การเปลี่ยนแปลงราคาจะทำยากกว่า มันก็เหมือนกับที่หลี่ซวนเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ การเปลี่ยนแปลงราคาจะทำไม่ได้เลยและจะทำให้เกิดความสับสนขึ้นโดยไม่จำเป็น

ที่สำคัญที่สุดก็คือ แม้จะขายอาหารในราคาแพงได้ แต่การสะสมทุนเพื่อตกแต่งร้านยังช้าเกินไป ซึ่งทำให้หลี่ซวนไม่พอใจ

.

******

ผู้แปล – ขอโทษที่หายไปนาน จู่ๆ หัวใจมันเต้นจังหวะเฮฟวี่เมทัล จนตัวสั่น ตกใจนึกว่าแผ่นดินไหวจนต้องร้องบอกคนอื่น เกือบสู่ขิตซะแล้ว …. ต้องหยุดแปลนิยาย ปลีกวิเวกจัดการกับความเครียด แต่พอไม่ได้อ่านหนังสือมันก็เครียดอีก เพื่อนๆเลยแนะนำว่า ให้แก้เครียดเหมือนตอนน้ำท่วม ในเมื่อตั้งสมาธินานๆไม่ได้ ก็อ่านไปทีละหน่อย อ่านหลายๆเรื่องไปเลย เครียดเรื่องนี้ ก็ไปอ่านอีกเรื่องวนๆไป

ดังนั้น ผู้แปลจะขอแจ้งต่อท่านผู้อ่านทุกท่าน ผู้แปลจะไม่อัพนิยายแบบต่อเนื่องไปอีกสักพัก เพื่อรักษาตัวให้หายดีก่อน และบางทีอาจมีเรื่องใหม่โผล่มาอีก 2 เรื่อง นอกเหนือจาก นมพิษเก้าดาวกับเพลนฟาร์ม เพราะไหนๆก็แปลแล้ว จะได้ไม่ทิ้งเสีย ?… ขออภัยด้วยจ้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด