ตอนที่แล้วตอนที่ 533 - บรรลุขอบเขตใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 535 - จื้อจุนเปิดตัวอลังการ

ตอนที่ 534 - คุกเข่ายอมแพ้?


ความตายของสหายร่วมคณะกระตุ้นให้เกิดการประหัตประหาร นักล่าก็จะได้เปรียบมากมาย

เย่ว์หยางไม่ทันแม้แต่จะได้นั่งสนทนากับเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ก่อนสิ่งที่ดูเหมือนเป็นจิตสำนึกของผู้สร้างรหัสโบราณจะวาบขึ้นมาในความรับรู้ของเขาอีก มันแจ้งเตือนเขาในฐานะหัวหน้าคณะ แจ้งข่าวที่คาดไม่ถึง เย่ว์หยางเข้าใจอยู่ในใจว่าเป็นการล่อลวงของผู้แทรกแซงอย่างเห็นได้ชัด มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดบางส่วนย้ายข้าง แต่ไม่เคยคาดว่าจะไวขนาดนั้น!

เป็นไปได้หรือที่คนเหล่านี้จะไม่ได้ใช้สมองคิดหาเหตุผล?

เขาถูกความกลัวตายคุกคามจนไม่เหลือสมองที่จะคิดแล้วหรือ?

สิ่งที่แปลกก็คือทำไมศัตรูถึงได้จู่โจมได้รวดเร็วนัก? พวกเขาไม่ได้พยายามชักชวนเขาก่อนที่พวกเขาจะถูกฆ่า?

“มีอะไรเหรอ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสังเกตสีหน้าที่ผิดปกติของเย่ว์หยางได้ทันที

“ข้าต้องออกไปสังเกตการณ์ข้างนอก” เย่ว์หยางไม่รู้ว่าข้างนอกมีคนตายเท่าไหร่

“ระวังตัวด้วยนะ” เสวี่ยอู๋เสียรู้ใจเย่ว์หยางดีที่สุด

เมื่อเย่ว์หยางออกจากโลกคัมภีร์ เขาพบผู้เฒ่าหนานกงและจักรพรรดิใต้พิภพอยู่ข้างนอกด้วยเช่นกัน เมื่อรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกลางลานแก้วด้วยอารมณ์ที่รุนแรง

เย่ว์หยางรู้สึกเบาใจขึ้นเมื่อเห็นว่าพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ผู้เฒ่าหนานกงไม่ได้รับบาดเจ็บ

สำหรับจักรพรรดิใต้พิภพ เย่ว์หยางก็ดีใจที่เขาไม่ถูกหลอก

นี่พิสูจน์ได้ว่าจักรพรรดิใต้พิภพให้คุณค่าสำคัญกับเพื่อนพ้องร่วมคณะและจริงใจต่อคำพูดของเขานอกจากความฉลาด เขาเป็นสหายร่วมคณะที่น่าเชื่อถือ ต่อหน้าภัยคุกคามถึงตาย ต่อหน้าข้อเสนอที่เย้ายวนใจอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่จักรพรรดิใต้พิภพสามารถทนต่อบททดสอบและยืนหยัดมั่นคง

“เย่ว์หยางน้อย ข้าขออภัยจริงๆ ข้าไม่อาจโน้มน้าวพวกเขาไว้ได้” ผู้เฒ่าหนานกงดูไม่สบายใจ เขาส่ายหน้าท้อแท้

“เราเหลือกันอยู่เพียงไม่กี่คน” จักรพรรดิใต้พิภพตั้งข้อสังเกตว่าการประหารหมู่เกิดขึ้นที่ลานแก้วผลึกและโอกาสรอดตายของผู้ที่ถูกล่อลวงไปนั้นต่ำ

“คนที่สามารถจากไปได้ ถึงไม่อยากไป ก็ต้องจากไปจนได้ในที่สุด พวกท่านทั้งสองพักก่อนเถอะ ข้าจะไปตรวจดูสถานการณ์ก่อน ไม่ต้องห่วง, ข้าจะไม่เป็นไร” เย่ว์หยางพยักหน้าให้ผู้เฒ่าหนานกงและจักรพรรดิใต้พิภพ ด้วยการบรรลุสภาวะจิตระดับใหม่ ตลอดจนการมาถึงของจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี เย่ว์หยางออกไปที่ลานแก้วผลึกอย่างใจเย็น

กลางลานแก้ว

มาถึงตอนนี้ กลายเป็นลานประหารไปแล้ว

ครอบครัวและสหายของเฝินเทียนและเวิ่งจินถูกฆ่าตายหมด นักรบโบราณที่ยังเหลืออยู่ก็ถูกฆ่าตายในการสังหารหมู่ครั้งใหญ่นี้

เทพสงครามผู้พิทักษ์แดนสวรรค์ตะวันออก สูงห้าสิบเมตร เทพสิบสองปีกและมนุษย์ครึ่งเสือครึ่งสิงห์ที่สูงแปดสิบเมตรแห่งแดนสวรรค์ใต้ถูกโจมตีจนล้มลงกับพื้น จ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณนำแม่ทัพทั้งสี่และจ่าฝูงเพชรฆาตโบราณอีกหกตนร่วมมือเล่นงานเทพสงครามสงครามจนบาดเจ็บหนักก่อนลมหายใจสุดท้ายจะหมดไป หวงฉวน, หวิ่นซิงและเฝินเทียนพยายามอย่างหนักที่จะหยุดการโจมตีหวังจะช่วยสหายของพวกเขา แต่ไม่มีประโยชน์ ขณะที่ฝ่ายตรงกันข้ามโจมตีรุกขนาบ

ชางเหยียนบุรุษผู้ลึกลับปล่อยสนามพลังพิเศษครอบคลุมไปทั้งลานแก้ว

ภายในสนามพลังของเขา มนุษย์ที่เป็นเหมือนแมลงที่อ่อนแอที่สุดทรุดลงกับพื้นและบาดเจ็บหนักจนใกล้ตาย

จักรพรรดิทองถูกฟันขาดเป็นแปดท่อน

เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าคนแรกที่ตายในการรบ… เฝินเทียนอาบเลือดต่อสู้อย่างกล้าหาญ แม้จะทุ่มเทชีวิตเพื่อสกัดกั้นโจมตี ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตสหายได้ และตนเองก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน

“ฆ่าข้าด้วยสิ, แก..ไอ้เทพเฮงซวย!” เฝินเทียนต่างจากหวงฉวนและหวิ่นซิง กลับกลายเป็นว่าเขาเชื่อชางเหยียนอย่างไม่มีข้อสงสัย อย่างไรก็ตามเขากลับได้รับความโหดร้ายหลอกลวงเป็นการตอบแทน เขาต้องการจะแบ่งปันความสุขความสำเร็จกับภรรยาที่รักของเขา แต่เขาได้แต่เพียงนำความเกลียดชังที่น่ากลัวและความตายมาให้นาง!

“แย่แล้ว!” แม้ว่าไม่มีคนที่เขารักถูกฆ่าก็ตาม แต่หวงฉวนและหวิ่นซิงเลือกจะเชื่อศัตรูในที่สุด ได้แต่เพียงโกรธแค้น

เป็นเพราะความแตกต่างในเรื่องของทักษะและความสำเร็จของแผนการศัตรู

หวงฉวนรู้

ครั้งนี้คือสงครามที่ไม่มีทางชนะ

พวกเขาทุกคนทำได้อย่างดีที่สุดก็คือฆ่าศัตรู พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อล้างแค้นที่ต้องอับอายขายหน้า

“เฮยอวี้ ช่วยข้าด้วย!” จักรพรรดิฟ้าปาอี้ยังคงมีชีวิตอยู่ พลังของเขาไม่มีทางรักษาชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้ แต่เขาไม่ใช่เป้าหมายหลักของการสังหารหมู่ เขาถูกขุนพลเกราะเงินฟาดใส่ศีรษะ ใบหน้าแตกยับ ฟันหักร่วง โลหิตย้อมใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา

“ข้าเสียใจด้วย, แต่…ข้าช่วยเจ้าไม่ได้” เมื่อเผชิญหน้ากับคำขอร้องของสหายที่แสนดีของเขา ราชาเฮยอวี้เบือนหน้าหนีและได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ

“ข้ายินดีไปอยู่ข้างเจ้า ได้โปรดเถอะ ให้โอกาสข้าสักครั้งเถอะ…” จักรพรรดิฟ้าไม่สามารถกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ได้ ภายใต้สนามพลังที่แปลกประหลาดที่ชางเหยียนปล่อยออกมาไม่มีใครสามารถออกไปได้ง่ายๆ

“อย่างนั้นหรือ?” บุรุษลึกลับชางเหยียนไม่ปล่อยผ่านคำขอร้องและโบกมือของเขา จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนพระผู้มาโปรด เขากล่าวว่า “จงคุกเข่าขอร้องข้าสิ”

ในฐานะชนชั้นปกครองของทวีปกวงหมิงและในฐานะหนึ่งในห้าจักรพรรดิหอทงเทียน จักรพรรดิฟ้าไม่เคยคุกเข่าต่อหน้าใครตั้งแต่ถือกำเนิดมาแล้ว

เป็นไปได้จริงๆ หรือที่จะยอมแลกชีวิตด้วยความอายและการยอมแพ้

จักรพรรดิฟ้าไม่มีความคิดอย่างอื่น เขาไม่มีทางเลือก ภายใต้สายตาตกตะลึงของจ้านหู่และเป่ยเหลียวหยา เขาคุกเข่าลง เสียงเข่ากระทบพื้นลานแก้วผลึกเย็นได้ยินชัดเจน

ความอัปยศมีอยู่เต็มหัวใจเขา แต่ใบหน้าเขาไม่แยแส น้ำตาของเขาผสมกับสายเลือดหยดลงพื้นขณะที่เขาโค้งศีรษะคำนับ

เพื่อเอาชีวิตรอด เขายอมทิ้งศักดิ์ศรีเกียรติยศในฐานะนักสู้ปราณก่อกำเนิด

เย่ว์หยางมาถึงทันเห็นภาพนี้พอดี

เขาตะลึง

แม้ว่านี่จะไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาและจักรพรรดิฟ้าก็ไม่ใช่คนดี แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในกลุ่มเดียวกัน

ในฐานะหนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งหอทงเทียน นับเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรพรรดิฟ้าที่ยอมขอชีวิตอย่างนี้ นักสู้ปราณก่อกำเนิดรุ่นเก่าจากทวีปมังกรทะยานรู้เข้า พวกเขาอาจสาปแช่งคนรุ่นหลังที่ทำให้พวกท่านเสียหน้า นักรบยินยอมถูกฆ่า แต่ไม่ยอมแบกรับความอับอาย เย่ว์หยางไม่รู้ว่าทำไมจักรพรรดิฟ้าถึงทำอย่างนั้น แต่เขารู้ว่า ต่อให้จักรพรรดิฟ้าทำเช่นนั้น ชางเหยียนจะไม่มีทางปล่อยเขาไปโดยง่าย

คนอ่อนแอ ไม่มีสิทธิ์

ไม่ว่าจักรพรรดิฟ้าจะทำอะไรก็ตาม เขาจะไม่มีทางได้รับความเมตตาและการให้อภัย

ชางเหยียนต้องการทำให้จักรพรรดิฟ้าอับอายก่อนที่จะฆ่าเขา เพื่อความพึงพอใจจากการข่มเหงคนอ่อนแอ

“จักรพรรดิฟ้าเอย, จักรพรรดิฟ้าปาอี้, สิ่งที่เจ้าทำอยู่มันไร้ประโยชน์…” เย่ว์หยางถอนหายใจอย่างเศร้าใจ เทียบกับจักรพรรดิสมุทรก้วนหลาน, ฝีมือของจักรพรรดิฟ้าไม่ได้แย่เลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบในเรื่องความภาคภูมิใจและเกียรติยศนักสู้ปราณก่อกำเนิด จักรพรรดิฟ้ายังคงห่างไกล จักรพรรดิสมุทรเลือกที่จะสู้ตาย ทั้งที่รู้ว่าแพ้ เขาก็ไม่ยินดีจะยอมแพ้ แม้ว่าเขาจะตาย เขายอมตายอย่างวีรบุรุษ เชิดหน้ายอมชดใช้หนี้แค้นที่ติดค้างอันซีมานานปี

จักรพรรดิสมุทรก้วนหลานตายอย่างกล้าหาญ

แม้ว่าเย่ว์หยางจะดำเนินการตามความปรารถนาสุดท้ายของอันซี ฆ่าจักรพรรดิสมุทร แต่ส่วนตัวเขารู้สึกเคารพชายผู้นี้ ซึ่งมีความกล้าเผชิญหน้ากับความผิดในอดีตแทนที่จะตัดสินคนจากความสำเร็จหรือล้มเหลว

จักรพรรดิฟ้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของห้าจักรพรรดิหอทงเทียน แต่เขากลับคุกเข่าร้องขอชีวิตจากศัตรูของเขา

การกระทำเช่นนี้ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกผิดหวังนัก…

เรื่องนี้ทำให้เย่ว์หยางตระหนักว่าสิ่งที่กำหนดให้นักสู้ปราณก่อกำเนิดทรงพลังได้นั้น ไม่ใช่ทักษะของพวกเขา แต่เป็นพลังใจ ลูกแกะต่อให้ครอบครองพลังดุจสิงโตก็ยังไม่มีอะไรนอกจากเป็นลูกแกะ จักรพรรดิฟ้าอาจนับได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งในแง่พลังอำนาจ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็ตาม แต่เขาก็ยังมีความสามารถปกป้องตนเอง อย่างไรก็ตามแทนที่จะสู้เพื่อชีวิตตนเอง เขากลับคุกเข่าอ้อนวอน พลังใจของจักรพรรดิฟ้าตกลงไปอยู่ในระดับที่อ่อนแอ

“ปล่อยข้าตามลำพังเถอะ ในเมื่อเจ้าช่วยข้าไม่ได้ อย่างนั้นก็ปล่อยข้าตามลำพัง!” จักรพรรดิฟ้าตัวสั่น และเจ็บปวดมากกว่าปกติ

การได้อยู่ในระดับสูงมาตลอด ทำให้เขารู้สึกอับอายอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่เขาไม่มีทางเอาชนะได้

เขายังจะมีทางเลือกอะไรได้?

จักรพรรดิฟ้าไม่ต้องการตายที่นี่ เขาต้องการมีชีวิตเหมือนกับราชาเฮยอวี้

“ดีมาก, ข้าชอบคนฉลาด ตอนนี้ข้าใจดีขอยื่นข้อเสนอให้ทุกคนได้มีทางเลือกเหมือนกับเขา คุกเข่าและขอร้อง” บุรุษชุดม่วงชางเหยียนผายมือด้วยท่าทางเมตตาแสดงให้เห็นความตั้งใจว่าจะยอมรับพวกเขา

“ถุย! เจ้าเทพสับปลับ, ข้าอยากจะดื่มเลือดเนื้อของเจ้านัก” เฝินเทียนผู้ที่ได้แสดงความเคารพชางเหยียนเป็นอย่างดีตาแดงราวกับจะมีไฟพวยพุ่งจากนัยน์ตา

“นี่คือการต่อสู้นองเลือดที่เราจะต้องสู้จนตาย” หวงฉวนยังคงมั่นคงเหมือนหลักหิน

“อืม..เฟิงซื่อ มานี่!” ราชาเฮยอวี้เรียกบริวารผู้ภักดีของเขาทั้งสองคน

จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยามองหน้ากันเอง

ทันใดนั้น ทั้งสองคนคุกเข่าลง

พวกเขาคุกเข่ากับพื้น…

เทียบกับตัวแทนจากแดนสวรรค์ตะวันออก, ใต้, และเหนือ เย่ว์หยางพูดไม่ออกอยู่บ้าง แดนสวรรค์ตะวันตกไม่มีคนกล้าบ้างหรือไง? ไม่เพียงแต่จักรพรรดิฟ้าเท่านั้น แม้แต่จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยาก็ยังคุกเข่าขอชีวิตด้วยหรือ? อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยจริงๆ ที่พวกเขาคุกเข่า เนื่องจากเจ้านายพวกเขาก็คือราชาเฮยอวี้ ตอนนี้ราชาเฮยอวี้อยู่ในฝ่ายเดียวกับศัตรู ก็สมเหตุผลแล้วที่พวกเขาจะย้ายข้าง นี่ไม่เกินไปจากที่เย่ว์หยางคาดหวังไว้เลย

“ท่านราชาเฮยอวี้, หู่โถวและเฟิงซื่อติดตามท่านมาหลายปีแล้ว เราภักดีต่อท่านเสมอและไม่เคยขัดความประสงค์ของท่านเลย” จ้านหู่คำนับ

“ดี, ตอนนี้ลุกขึ้นแล้วมาตรงนี้!” ราชาเฮยอวี้ยังคงไม่ยินยอมแยกทางกับบริวารทั้งสองของเขา หาคนรับใช้หาง่าย แต่หาคนที่ซื่อสัตย์ภักดีกลับหาได้ยาก

“เรายังพูดไม่จบ… องค์ราชา ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นข้าบริวารของท่าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีล้วนได้รับการประทานจากท่าน ถ้าเหตุการณ์ในวันนี้ไม่เกิดขึ้น เราจะติดตามท่านตลอดไปและจะไม่ให้ท่านผิดหวังหลังจากที่ท่านได้ให้ความเมตตาเรา แต่ในการรบวันนี้ เราอยู่กันคนละฝ่าย โปรดอภัยที่เราไม่อาจภักดีต่อท่าน เราไม่สามารถติดตามท่านได้อีกต่อไป ทักษะและสิ่งที่เรามี เราจะขอคืนให้ท่านเดี๋ยวนี้ เฟิงซื่อขออำลาท่านเพียงเท่านี้” เป่ยเหลียวหยาคำนับ และในพริบตาเขาชักมีดออกมาปักเข้าไปในหัวใจเขา

ขณะที่บิดมีดด้วยปราณกระบี่ เขาคว้านหัวใจของเขาออกมา

เขาขยี้หัวใจจนแหลกต่อหน้าราชาเฮยอวี้ที่มองด้วยความสับสน

จ้านหู่หลับตา

เขาเร่งพลังจนถึงขีดจำกัดที่จะระเบิดแล้วพุ่งเข้าหาจ่าฝูงเพชรฆาตโบราณที่อยู่ใกล้ที่สุดและระเบิดพลีชีพตนเองจนตาย

แม้ว่าจ้านหู่จะรู้ว่าการระเบิดฆ่าตัวตายจะไร้ประโยชน์ แต่เขาเลือกตายในการรบแทนที่จะอ่อนข้อขอยอมแพ้

พวกเขายินดีคุกเพื่อตอบแทนเจ้านาย แต่ไม่มีทางร้องขอชีวิต!

****************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด