ตอนที่แล้วตอนที่ 529 ชัยชนะเด็ดขาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 531 เพลิงกลืนวิญญาณ

ตอนที่ 530 ระเบิด


อาหลุนและพวกมองดูพื้นที่เต็มไปด้วยศพนักสู้จักรกลรุ่นเยาว์เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มึนงงกอปรด้วยความรู้สึกที่เหลือเชื่อ

นี่..คือชัยชนะหรือนี่?  นี่คือกองทัพระดับทองหรือ?

พวกเขาเหม่อมองดูสมรภูมิอย่างเงียบงัน  บนพื้นเต็มไปด้วยซากศพและมีหลุมลึกขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางถึง 3 กิโลเมตรไม่มีอะไรชัดเจนไปมากกว่านี้แล้ว ชนะโดยไม่มีข้อกังขาโต้แย้งใดๆ ทั้งนั้น

อย่างนั้นพลังโจมตีของพวกเขาก็น่ากลัวมากจริงๆ!

นั่นก็คือระดับความแข็งแกร่งของพวกเขา

หลังจากประสบกับความงุนงงเหลือเชื่อแล้ว  รอยยิ้มและความมั่นใจในชัยชนะก็ค่อยๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาพวกเขา พยัคฆ์ฟ้าลอยตัวอยู่เหนือหลุมยักษ์ซึ่งไม่มีซากศพสมบูรณ์อยู่เลยมีเหลือแต่เพียงเศษเสื้อผ้าสกปรกที่ดำและมีควันลอยกรุ่น

เมื่อมองลงไปที่หลุมยักษ์ใต้เท้าเขาความทรงจำสีเทานับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจของปิง เสียงที่หนักแน่นยังคงได้ยินชัด

“เจ้าหนู, จงจำเอาไว้เสมอว่าท้องฟ้าเป็นของชาวเรานักสู้จักรกลเท่านั้น”

“ตราบใดที่เราควบคุมท้องฟ้าได้  เราจะชนะแน่นอน!”

ท่านผู้บัญชาการ....

ท่านเห็นไหมข้าสามารถเรียกใช้การควบคุมรังสีพันชุดได้แล้ว ท่านผู้บัญชาการ, ข้าควบคุมรังสีโจมตีที่กร้าวแกร่งได้แล้ว เจ้าหนูคนนี้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังแล้ว  ท่านผู้บัญชาการ มาดูเถิด...

ปิงคิดถึงลั่วซือในของเขายิ่งรู้สึกปวดร้าวมากขึ้น เขาฝืนใจตนเองเงยหน้าและไม่ยอมให้น้ำตาร่วง

ลั่วซือท่านเห็นภาพนี้ไหม  ข้าจะต้องชนะข้าจะพาท่านไปหาอาซิ่นและเราจะไปพบผู้บัญชาการกัน!

เจ้าหนูจากปีนั้นกลายเป็นผู้แข็งแกร่งแล้ว

แม้ว่าจะนอนหลับมาถึงหมื่นปีแต่ไฟในใจข้าไม่เคยมอดลงเลย!

กองทัพของเรายังคงเดินหน้าต่อไป!

เขาตื้นตันใจจนลืมตัวควบคุมตนเองไม่ได้และเหินขึ้นท้องฟ้าทันที

อาหลุนกับเสี่ยวอู่ทั้งสองคนสะดุ้งกับการกระทำของใต้เท้าปิง  พวกเขาเหม่อมองพยัคฆ์ฟ้าที่ทำเสียงดังอย่างประหลาด  ในใจของพวกเขา ใต้เท้าปิงคือผู้ไม่ให้ความสนใจใครคนที่ไม่แสดงความห่วงใยออกมาง่ายๆ  พยัคฆ์ฟ้าที่งดงามเหมือนกับทั้งร่างของมันเป็นน้ำแข็งดูสงบเยือกเย็นตลอดไปแม้ในการสู้รบ ไม่มีใครมีฝีมือเปรียบเทียบได้เป็นน้ำแข็งที่เยือกเย็นตลอดไป

พวกเขาไม่เคยเห็นสภาพคลั่งไคล้ตื้นตันของใต้เท้าปิงมาก่อน  พยัคฆ์ฟ้าในตอนนี้มองดูน่ากลัวมาก

หลังจากเสียงวี้แหลมหยุดลงพยัคฆ์ฟ้าก็ก้มหน้า มองดูเด็กหนุ่มเบื้องหลังเขา เขาตะโกน “พวกเจ้าทุกคนต้องจำไว้ให้ดี เราคือจ้าวเวหา!  ท้องฟ้าที่ถูกชิงเอาไปเมื่อหมื่นปีที่แล้วเราจะเอามันกลับคืนมา”

เด็กหนุ่มทุกคนต่างซาบซึ้งกับคำพูดจับใจของปิงจนพูดไม่ออก

ทุกคนอ้าปากกว้างขณะที่มองดูท้องฟ้าร่างแข็งทื่อเหมือนน้ำแข็ง โลกของพวกเขาถูกปลูกฝังไว้ในใจแล้ว

*****

กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์

หลังจากประกาศแถลงการณ์ของสมาพันธ์ชาวยุทธและข่าวการสนับสนุนของ15 เซียน  บรรยากาศกลายเป็นตึงเครียด  สีหน้าของเสี่ยวเอ้อเคร่งขรึม

ลูกปัดข่มพลังลอยอยู่เหนือศีรษะของเสี่ยวเอ้อประกายแสงฉายคลุมร่างของเขา

ในฐานะเป็นหนึ่งในสามเซียนพลังสายเลือดขององค์การวิญญาณมืดลูกปัดข่มพลังที่สร้างขึ้นโดยกุ่ยอู๋จะกลายเป็นของธรรมดาได้ยังไง?  นอกจากนี้ลูกปัดข่มพลังยังมีความหมายต่อความเป็นอมตะ มันบรรจุความความรู้ความเข้าใจของกุ่ยอู๋มาทั้งชีวิต เขามีส่วนร่วมพัฒนากฎวิญญาณซึ่งอยู่เหนือความรู้ความเข้าใจในปัจจุบันของเสี่ยวเอ้อมาก

ลูกปัดข่มพลังเหมือนกับว่าตัวของมันเองเป็นจักรวาลแห่งหนึ่ง

หลังจากเสี่ยวเอ้อศึกษาเรียนรู้แล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าลูกปัดข่มพลังมีความลึกลับมาก  ลำแสงที่ฉายออกมาจากลูกปัดข่มพลังเป็นเหมือนหยาดฝนที่สามารถหล่อเลี้ยงสนามพลังวิญญาณของเขาได้อย่างต่อเนื่อง การหล่อเลี้ยงเช่นนี้ไม่ไวเหมือนกับกระดูกเซียน  แต่ก็สามารถช่วยเหลือสนามพลังวิญญาณได้มากกว่ากระดูกเซียน

หลังจากกินกระดูกเซียนของฝูอิงลงไปแล้วค่าพลังวิญญาณของเสี่ยวเอ้อทะลุระดับ 100 จุดจนถึง 102 จุดและค่าพลังวิญญาณของเขายังคงเพิ่มขึ้นต่อไป สิ่งที่เขาไม่ได้คาดหมายไว้แต่น้อยเลยก็คือการสร้างสมบัติวิญญาณสามารถช่วยให้ค่าพลังวิญญาณของเขาเติบโตได้เร็วขึ้น

กะโหลกทองลอยอยู่ข้างหน้าเขา  ขณะที่เพลิงเย็นขาวปะทุออกมาจากภายในกะโหลกทอง กะโหลกทองเป็นของระดับเซียนที่เห็นได้ยากแม้แต่ในสมาพันธ์ชาวยุทธและมันถูกเรียกว่ามงกุฏเกียรติยศชาวยุทธ์เป็นอาวุธอย่างหนึ่งสำหรับใช้สร้างสมบัติวิญญาณ  นับว่ายังดีที่ฝูอิงไม่ใช้แลกวิชาจิตวิญญาณหรือสมบัติวิญญาณอื่น แต่ความจริงเขาแลกเปลี่ยนมาเพื่อให้ได้มงกุฎเกียรติยศชาวยุทธ ใครกันจะรู้ว่ามันกลับตกไปอยู่ในมือของถังเทียนได้โดยง่าย

ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมงกุฎเกียรติยศชาวยุทธ์ก็คือมันสามารถแฝงและเพิ่มประสิทธิภาพเพลิงจิตวิญญาณ  และมันมักสามารถเพิ่มค่าสนามพลังจิตวิญญาณได้อย่างไม่จำกัด

เพลิงเย็นที่อยู่ภายในมงกุฎเกียรติยศชาวยุทธระดับพลังวิญญาณก็ถึง50 มากพออยู่แล้ว

เพลิงเย็นในปัจจุบันนี้ขาวบริสุทธิ์เหมือนหิมะ  มีเกล็ดหิมะน้ำแข็งจับบรรจบอยู่รอบๆเปลวเพลิงเต้นระริกเป็นเงาแสงสว่างดูสง่างาม ความเย็นถึงขั้วกระดูกค่อยๆ กระจายออกมาตามเปลว

มันรุมล้อมห่อหุ้มสมบัติ มันบิดตัวด้วยความเร็วที่น่าทึ่งและขัดเกลาสมบัติดวงดาว ในเวลาอันรวดเร็วสมบัติดวงดาวดูเหมือนหลอมละลายกลายเป็นรูปกลมสมบูรณ์แบบ

เพลิงเย็นขาวดุจหิมะค่อยๆดิ่งและถอยกลับเข้าไปในมงกุฎเกียรติยศชาวยุทธ บอลโลหะทองขนาดไข่ไก่ลอยอยู่ต่อหน้าเสี่ยวเอ้อบอลโลหะทองมีสีค่อนไปทางบรอนซ์ แต่พื้นผิวมีเส้นสายสีเงินซ้อนอยู่นับไม่ถ้วนมองดูงดงามมาก

เสี่ยวเอ้อโบกมือเก็บลูกกลมบรอนซ์ไว้จากนั้นเขาโยนสมบัติดวงดาวมากกว่าสองชิ้นเข้าไปในเพลิงเย็น

เพลิงเย็นมีค่าพลังวิญญาณ50 จุดก็นับว่าทรงพลังอยู่แล้ว และสมบัติดวงดาวธรรมดาไม่สามารถต้านทานได้

ความคิดของเสี่ยวเอ้อหยาบและเรียบง่าย เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามสามารถใช้พลังของสมบัติดวงดาวได้  อย่างนั้นพวกเขาก็สามารถใช้ได้เช่นกัน  เนื่องจากสมบัติดวงดาวไม่ได้หมายความว่าจะมีไว้ใช้ป้องกันเพียงอย่างเดียว

เสี่ยวเอ้อเริ่มมีความชำนาญในสมบัติวิญญาณมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากกว่าศัตรู  กองกำลังของศัตรูไม่เพียงแต่ไม่มีเซียน  แต่ความเข้าใจเรื่องพลังของเขายังต่ำอีกด้วย ป้อมสมบัติดวงดาวไม่ได้ถือว่าสร้างอย่างเชี่ยวชาญแม้แต่น้อยสำหรับสายตาของเสี่ยวเอ้อ  ผู้นำทหารสามารถรวมสมบัติเข้าด้วยกันและเพราะคุณภาพและปริมาณที่น่าทึ่งจึงก่อเป็นพลังป้องกันสูงขนาดนั้น

แต่สำหรับเสี่ยวเอ้อพลังไม่เพียงแต่รวบรวมจากปริมาณเท่านั้น

เขาเลือกสมบัติดวงดาวสองสามชิ้นมีคุณลักษณะแตกต่างกันและจากนั้นก็ใช้เพลิงจิตวิญญาณขจัดพลังที่ขวางอยู่และผสานเข้าด้วยกันแล้วปรับแต่งให้เป็นระเบิดซึ่งยังไม่ถือว่าเป็นสมบัติวิญญาณ แต่ไม่คล้ายกับป้อมสมบัติที่รวบรวมสมบัติต่างๆ แต่ยังพอนับได้ว่าเป็นสมบัติที่มีพลังสูงระดับปานกลาง

วิชานี้ถูกค้นเจอมาจากเศษความทรงจำของกุ่ยอู๋  เศษเสี้ยวความทรงจำเหล่านี้เข้าใจยากมากและส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับฝึกพลังสายเลือด แต่ก็มีเนื้อหาความรู้อื่นผสมเข้ามามาก

เสี่ยวเอ้อรู้คุณค่าของความทรงจำ  ถ้าไม่นับว่าเขาเป็นหนึ่งในสามสุดยอดเซียนสายเลือดเอกลักษณ์อย่างหนึ่งก็คือสามารถการสามารถได้สัมผัสลูกปัดข่มพลังนี้ได้นับเป็นนักสู้ที่แทบจะได้สัมผัสความเป็นอมตะว่าทรงพลังมากขนาดไหน

ดังนั้นเศษเสี้ยวความทรงจำในนั้นจึงเป็นสมบัติประมาณค่ามิได้ทั้งหมด

แม้ว่าเสี่ยวเอ้อจะรู้ว่าเป็นของยิ่งใหญ่มากเพียงไหนและต้องใช้เวลามากถึงจะดูออกได้

เสี่ยวเอ้อใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนโดยไม่หยุดพักสร้างลูกระเบิดออกมาได้อย่างง่ายดาย

เมื่อระเบิดลูกสุดท้ายถูกสร้างเสร็จ  ถึงเทียนก็ยืนขึ้น

ที่ด้านเหนือเมฆเซียนทุกคนก็ยืนขึ้นเช่นกัน

เย่โส่วซินมองดูบนท้องฟ้า หนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านไปในลักษณะนั้นและศัตรูไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด  นี่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายแต่กลับตรงกันข้าม ทำให้แรงกดดันบนตัวของเขาหนักหน่วงยิ่งขึ้น ศัตรูยังไม่ยอมเลิกราเพราะในช่วงที่ผ่านมาสองวัน มักจะมีเซียนลาดตระเวนดูรอบๆ  ดังนั้นพวกเขาไม่กล้าวางใจ

เย่โส่วซินไม่ได้ตั้งความหวังมากมายเกินไปกับป้อมสมบัติดวงดาวว่าจะสามารถป้องกันการโจมตีของเหล่าเซียนได้  นอกจากนี้ ยังมีเซียนถึง 43 คน เมื่อพวกเขาอยู่รวมด้วยกันพวกเขาก็ยังคิดในทางเดียวกัน

ความหวังสุดท้ายของเขาก็คือทนให้ได้อีกวันหนึ่ง

ตราบใดที่เขาสามารถทนได้อีกวันหนึ่ง  เซียนจากวิหารเซียนก็จะมาถึงและในเวลานั้นจะเป็นเวลาตอบโต้ของพวกเขา

ทันใดนั้นกลุ่มจุดเล็กๆ สีดำบินมาบนท้องฟ้า เย่โส่วซินตัวสั่น พวกเขากำลังจะโจมตี!

เขาโก่งคอตะโกนเสียงดัง  “ศัตรูโจมตี!  ทุกคน, ตื่นตัวเข้าไว้...”

เสียงทรงพลังดังทำลายความเงียบ ทหารในป้อมเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นจุดดำกำลังใกล้เข้ามาทุกคนลุกขึ้นยืนทันที ทุกคนรู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาจริงจัง

คนที่อยู่ในท้องฟ้าพุ่งแหวกอากาศส่งเสียงหวีดหวิวเข้ามาใกล้ป้อม

เสี่ยวเอ้อตามมาข้างหลังถังเทียนด้วยความคาดหวัง  เขากระตือรือร้นจะทดสอบพลังของระเบิดสมบัติวิญญาณที่เขาทำขึ้นด้วยความตั้งใจของตัวเอง  เขากวาดตามองดูป้อมและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง  ป้อมสมบัติดวงดาวมีพลังสะสมของสมบัติมากมายก็หมายความว่าจะต้องมีจุดตาย ตราบใดที่เขาหาและทำลายจุดตายนั้นได้ เขาจะก็สามารถทำลายป้อมได้ทั้งหมด

เขามองหาสมบัติชิ้นแล้วชิ้นเล่า  จำแนกออกเป็นส่วนต่างๆ  ตาของเขาสว่างวูบทันที...

ทันใดนั้นเสียงของถังเทียนดังลั่นข้างหูเขาทันที “ทุกคน โยนระเบิดของพวกเจ้าใส่มุมรูปสามเหลี่ยมตรงนั้น!”

เสี่ยวเอ้อสะดุ้ง  เขามองดูถังเทียน เหมือนกับถูกผีหลอก

เป็น...เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง!

เขาหามันพบได้ยังไง...

เขาหลงลืมเรื่องสมบัติวิญญาณไปอย่างสิ้นเชิง  ป้อมสมบัติผสมผสานกันได้กลมกลืนดี  เสี่ยวเอ้อเองยังไม่สามารถหาพบได้  แต่เจ้าเด็กโง่นั่นไวกว่าเขาอยู่หนึ่งก้าวจริงๆ

เจ้าเด็กนี่...ความสามารถในการสู้รบก้าวหน้าไปถึงระดับใดกัน?

“ท่านเจ้ากลุ่มดาวเราควรจะทดสอบสักชิ้นสองชิ้นก่อนดีไหม?” มอนตาตะโกนทันที เขาเป็นคนมีความรู้คนหนึ่ง ถังเทียนไม่รู้ค่าของลูกบอลสีบรอนซ์ในมือเขา  แต่เขารู้ ลูกบอลสีบรอนซ์เต็มไปด้วยพลังงานที่เคลื่อนไหว วิชาวิญญาณสองอย่างตัดกันจึงจะเข้าถึงความสมดุลได้

หลังจากคิดว่าเขาต้องโยนของดีๆออกไป มอนตารู้สึกเจ็บปวดใจ

“ไม่ได้!  โยนทุกอย่างออกไปพร้อมกัน!” ถังเทียนส่ายศีรษะอย่างไม่ลังเล “ถ้าไม่สามารถทำลายมันได้ เราจะคิดหาวิธีอื่น!”

ทุกคนรู้สึกเจ็บปวดใจแต่เนื่องจากถังเทียนสั่งว่าต้องโยนพร้อมกัน พวกเขาก็ต้องโยน

ไม่มีใครทันสังเกตว่าเสี่ยวเอ้อกางร่มอยู่ด้านหลังถังเทียน เขาเป็นผู้เดียวที่รู้สึกตกใจอย่างรุนแรงที่สุด เขากล้ายืนยันได้ว่าถังเทียนไม่รู้กลยุทธ์การรบใดๆ ทั้งนั้น  แต่...เสี่ยวเอ้อเข้าใจ  เขารู้ว่าการโจมตีเมือง  ระเบิดครั้งใหญ่จะสร้างพลังล้างผลาญที่รุนแรงและมีประสิทธิภาพมาก

ใช่แล้ว,เจ้าเด็กนี่คาดเดาอย่างป่าเถื่อนจริงๆ....

ทุกคนถือระเบิดสองลูกในมือซึ่งเป็นผลงานสร้างของเสี่ยวเอ้อตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน  ทันใดนั้น ป้อมเกิดแสงสว่างแพรวพราวขึ้น ทหารทุกคนรู้ว่าพวกเขาอยู่ในระหว่างความเป็นความตาย  และถ่ายเทพลังปราณแท้เข้าไปในสมบัติดวงดาวอย่างบ้าคลั่งทั่วทั้งฐานที่มั่นปลดปล่อยพลังงานที่ผันผวนแปลกประหลาด  ม่านพลังงานหนาแน่นครอบคลุมออกมาไกลกว่าเดิม

ขณะที่ป้อมมองดูเหมือนใกล้ชิดมาก  ถังเทียนตวาดลั่น  “ฆ่า!”

เซียนทุกคนโยนระเบิดออกไปอย่างไม่ลังเล

ลูกกลมบรอนซ์เกือบร้อยลูกถูกโยนลงมาด้วยวิชาต่างๆและมันบินโค้งมาจากตำแหน่งต่าง ลูกบอลกลมเหล่านั้นเหมือนกับฝูงแตนกระหายเลือดต่างส่งเสียงหวีดหวิวตรงเข้ามาตรงเป้าสามเหลี่ยมของป้อมที่เล็งเอาไว้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด