ตอนที่แล้วตอนที่ 16-8 คุกศิลาดำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16-10 แกนมอร์ติน

ตอนที่ 16-9 อารมณ์ความรู้สึก


คลื่นทะเลม้วนตัวเป็นระลอก ไม่มีใครเหลืออยู่รอบตัวพวกเขาเลย

ผู้โชคดีรอดชีวิตสิบสองคนมีสีหน้าแปลก

เมื่อเห็นบีบีทำท่ามองหายอดฝีมือซ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง  เบสบุรุษเคราดำลอบสบถกับตัวเองเจ้าก็รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ยังทำไก๋อยู่ได้

เขาหัวเราะเสียงดังทันที “บีบี ถ้ายอดฝีมือนั้นไม่ต้องการเผยตนเอง แล้วเจ้าจะรู้ได้ยังไง?  จริงไหม?”

“ก็นั่นน่ะสิ” บีบีพยักหน้า

บ็อฟบุรุษหนุ่มศีรษะโล้นยังมีสีหน้าใจเย็น  ร่างแยกเทพระดับสูงของเขาตายเหลือแต่เพียงร่างแยกระดับเทพแท้ เขาพูดอย่างสงบ “ไม่จำเป็นต้องมองหาเขาก็ได้ บางทียอดฝีมือไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกเรา  เขาอาจจะซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยเราก็ได้จากนั้นก็จากไป นี่มิใช่เป็นไปไม่ได้”

เป็นไปได้แน่นอนสำหรับยอดฝีมือระดับอสูรเจ็ดดาวหรือระดับเทพอสูรที่จะหลบหนีไป สังเกตดูพวกโจรเหล่านี้  แต่ภายใต้เงื่อนไขธรรมดายอดฝีมือระดับเทพอสูรก็คงเบื่อหน่ายจะช่วยพวกเขากระมัง?

เว้นเสียแต่จะมีบางคนที่พวกเขาใส่ใจตอนนี้

“นั่นก็อาจเป็นแบบนั้นได้” หน้าของแอ็ชยังมีรอยยิ้ม  “ทุกท่าน,เราอย่าเสียเวลาต่อไปเลย ออกเดินทางกันเถอะ” แอ็ชเป็นคนฉลาด ไม่ว่าจะมียอดฝีมืออยู่ในกลุ่มพวกเขาหรือไม่ก็ตาม  แต่เนื่องจากเขาไม่ต้องการเผยตัวเอง  แอ็ชก็คงไม่กดดันและทำให้คนผู้นั้นไม่สบายใจ

แอ็ชดีใจจากก้นบึ้งหัวใจ

กลุ่มของเขามียอดฝีมือยอย่างนั้นอยู่ร่วมด้วยพวกเขาจะต้องกลัวอะไรกับการเดินทางของพวกเขา?

“โอว ไม่นะ!”  แอ็ชหัวเราะอย่างขมขื่นทันที

“มีอะไรหรือ?”คนอื่นๆ มองดูเขา

แอ็ชหัวเราะอย่างจนใจ  “นั่นเป็นอสูรโลหะตัวสุดท้ายของข้าและมันถูกทำลายไปแล้ว  อย่างไรก็ตามเราเดินทางเป็นระยะทางไม่ถึง10% ของการเดินทาง ข้าจะทำไงดี?” แอ็ชมองดูคนรอบๆ  ที่นี่ใครมีอสูรโลหะให้ข้ายืมบ้างไหม?ข้าขอซื้อได้ไหม? หรือบางทีข้าสามารถจ่ายด้วยอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ในระหว่างทางก็ได้”

ทุกคนมองหน้ากันเอง

อสูรโลหะเป็นของใช้ระดับค่อนข้างสูง  พูดโดยทั่วไปอสูรระดับเทพแท้ไม่สามารถซื้อมาได้

“เตรียมอสูรโลหะไว้น้อยหรือ?”  เบสบุรุษเคราดำหัวเราะ  จากนั้นโบกมือทันใดนั้นอสูรโลหะลอยอยู่เหนือทะเลขณะที่เปลี่ยนเป็นเรือ “แอ็ช! อสูรโลหะนี้ไม่มีอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ในนี้แต่อย่างใด  เจ้าจัดการใส่ได้เลย”

“หืม..เขาเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง  แต่ขี้เหนียวเป็นบ้า”  บีบีพึมพำ

เบสหันมองเขาทันที เขาอดจ้องบีบีไม่ได้ จากนั้นชำเลืองมองลินลี่ย์  เขาได้แต่หัวเราะ จากนั้นส่งสำนึกเทพคุย“เฮ้..ลินลี่ย์.. เจ้าเป็นยอดฝีมือของสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์  เจ้าเป็นอสูรหกดาวใช่หรือเปล่าหรือว่าเป็นอสูรเจ็ดดาว?  ทำไมเจ้าถึงซ่อนสถานะตนเองไว้?”

อสูรหกดาว? อสูรเจ็ดดาว?

“ความจริงข้าเป็นอสูรดาวเดียว”  ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพตอบ

“อสูรดาวเดียว?” เบสเหลือกตา จากนั้นหมุนตัวและบินเข้าไปในอสูรโลหะ “เฮ้, รีบๆ เข้า เตรียมตัวเดินทางต่อ”

ตอนนี้ลินลี่ย์คืนร่างเป็นมนุษย์

“ข้าบอกความจริง แต่เขาไม่เชื่อ”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะหัวเราะกับตนเอง  แล้วจากนั้นเขาได้แต่ถอนหายใจ  “พลังของคุกศิลาดำนี้ยิ่งใหญ่จริงๆ  แค่ส่วนหนึ่งของมันเป็นเคล็ดความรู้ลึกลับ  แต่ส่วนอื่นๆ เป็นเคล็ดพิเศษในการใช้เคล็ดความรู้ลึกลับ เป็นไปได้ยังไงที่มีเคล็ดที่ทรงพลังขนาดนั้น?”

ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ

แค่เคล็ดพิเศษถูกใช้ก็สามารถทำให้พลังดึงดูดพลังเกินขีดจำกัดไปหลายร้อยเท่า  เป็นไปได้ว่าแม้การหลอมรวมกับเคล็ดความรู้ลึกลับอื่นก็คงไม่ให้ผลเป็นพลังมากมายมหาศาลอย่างนั้น

“นอกจากนี้ถ้าข้าลองคาดคำนวณจากพลังแล้ว เป็นไปได้ว่าหลังจากผ่านเวลานานปีนับไม่ถ้วน  ข้าคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้”  ลินลี่ย์รู้ดีว่ายากจะพัฒนาตัวเองให้ได้ขนาดนี้  ที่สำคัญใครจะใช้รังสีพลังเทพ 108 สายได้  นอกจากนี้รังสีพลังเทพ 108 สายนี้สามารถกำหนดวิธีการใช้ได้ตั้งมากมายและแทบทั้งหมดนั้นอ่อนแอมาก

แต่ใครจะคิดถึงกันเล่าว่าภายใต้สถานการณ์ที่แน่นอนรังสีเหล่านั้นสามารถสร้างผลกระทบเช่นนั้นได้

ก่อนที่ลินลี่ย์จะเรียนรู้เคล็ดวิชานี้มีแต่เพียงอสูรอะเมทิสต์น้อยที่สามารถใช้ออกได้ และอสูรอะเมทิสต์น้อยก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์  วิชานี้เป็นพรสวรรค์ธรรมชาติของเขาเป็นวิชาสุดยอด! เมื่อใช้ออกจึงมีพลังมากกว่าที่ลินลี่ย์ใช้

“ครืน..”

อสูรโลหะพุ่งฝ่าคลื่นมุ่งหน้าต่อไป

ภายในอสูรโลหะ ทุกคนกำลังสนทนา ดื่มเหล้าและหัวเราะ เพียงแต่บางคนจะจงใจมองคนอื่นและไตร่ตรองว่าใครมีทางเป็นไปได้ว่าคือสุดยอดฝีมือลับ

“ใครเป็นสุดยอดฝีมือผู้นั้น?”  ไทม์บุรุษผมเขียวสงสัยมาก  ในเวลาเดียวกันเขามีสายตาค่อนข้างตื่นเต้น  เขากวาดตามองผู้โชคดีรอดชีวิตทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ  เมื่อสายตาเขาเห็นวิลเบิร์น  เขาส่ายศีรษะเล็กน้อย  ถ้าวิลเบิร์นเป็นยอดฝีมือผู้นั้น เป็นไปได้ว่าเขาคงไม่ปล่อยให้พี่ชายตายเป็นแน่

ไทม์ยังคงมองดูพวกเขาทีละคน

“ไม่น่าใช่พวกเขา ข้ารู้จักคนพวกนี้” จากนั้นไทม์หันไปมองเบสคนเคราดกที่กำลังจ้องมองเขา  “เจ้ากำลังมองหาอะไร?”

ไทม์หัวเราะแก้เก้อทันที

อย่างไรก็ตามไทม์รู้ว่าเบสฝึกมาทางกฎธาตุมืดดังนั้นไม่ใช่ยอดฝีมือผู้นั้น

“หรือจะเป็นพวกเขา?” จากนั้นไทม์ชำเลืองมองกลุ่มของลินลี่ย์  เมื่อมองดูพวกเขาแต่ละคนและเห็นลินลี่ย์  เขาชะงักเล็กน้อย  “นั่นก็ไม่น่าจะใช่  ข้าเห็นเขาใช้กระบี่ม่วงยาว  ดูเหมือนเขาจะฝึกมาทางกฎธาตุลม  ไม่ใช่เขาแน่!”

แม้ว่าพวกเทพจะฝึกกฎธาตุได้มากกว่าหนึ่ง  แต่เมื่อพวกเขาร่วมรบโดยทั่วไปพวกเขาจะใช้เคล็ดกฎธาตุที่ทรงพลังที่สุด พวกเขาเห็นลินลี่ย์ใช้วิชาในกฎธาตุลม ดังนั้นแน่ใจว่าลินลี่ย์เป็นเทพสายธาตุลม  พวกเขาไม่มีความคิดเป็นอย่างอื่น

“ลินลี่ย์”

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของเขา  ลินลี่ย์เองอยู่ที่ด้านข้างของห้องโถง  เขากำลังมองดูด้านนอกผ่านอสูรโลหะ  เมื่อได้ยินเสียงนี้ เขาส่งสำนึกเทพตอบทันที  “เบส,ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทำไมเจ้าเอาแต่คุยกับข้าเล่า?”

“ฮืม... ตั้งแต่วันที่ข้าเปิดเผยพลังแท้จริงของข้า เด็กๆพวกนั้นก็ระมัดระวังตัวที่จะคุยกับข้า มันน่าเบื่อจริงๆ” เบสกล่าว

ลินลี่ย์หัวเราะ เบสเป็นคนที่ชอบบรรยากาศครึกครื้น

“เฮ้, ดูสิ,เจ้าเด็กวิลเบิร์นมีสีหน้าเศร้าสร้อยมาสองสามวันแล้ว  เขาดูเหมือนกลายเป็นคนพิการไปเลย  ข้าไม่คาดเลยว่าพี่ชายตัวเตี้ยของเขาจะสำคัญต่อเขามากมายขนาดนั้น”เบสส่งสำนึกเทพคุยด้วยอีกครั้ง

ลินลี่ย์หันไปมองวิลเบิร์น วิลเบิร์นผู้นี้ให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึก  ถ้าหากเป็นลินลี่ย์หรือวอร์ตันตายอีกฝ่ายหนึ่งก็คงรู้สึกหัวใจสลายเช่นกัน

“วอร์ตัน เมื่อข้าไม่ยอมให้เขามาที่แดนนรกด้วยถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้ว” ลินลี่ย์ถอนหายใจในใจ

แดนนรกมีอันตรายหลายอย่างเกินไปกว่าที่เขาคาดคิดไว้  อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านการฝึกฝนในภูเขาอะเมทิสต์หกร้อยปี เขามีความมั่นใจแล้วว่าเขามีความสามารถปกป้องตนเองไม่ว่าจะเป็นพายุหมอกทะเลหรือพวกโจรแห่งเกาะไนฟ์เบลด  ก็ยังไม่คุกคามอะไรต่อเขามากนัก

ยามราตรี ลมทะเลโบกพัด

ลินลี่ย์เดินอยู่ข้างหน้าเรือ  แม้ว่าอสูรโลหจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก  ลินลี่ย์ยังคงเดินได้อย่างมั่นคงบนเรือ

“หือ?” ลินลี่ย์มองดูข้างหน้าเรือด้วยความประหลาดใจ  “มีใครบางคนอยู่ที่นี่!” กลางคืนนอกจากตัวเขาเองยังคงมีอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ข้างหน้าเรืออสูรโลหะอยู่นานแล้ว  เป็นบุรุษผมเงิน .. วิลเบิร์นยืนพิงราวเรือ

ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจ...

หน้าของวิลเบิร์นเต็มไปด้วยน้ำตา  เขาเหม่อมองทะเลอย่างไร้จุดหมาย  ใครจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร?

“วิลเบิร์น” ลินลี่ย์นั่งลงเช่นกัน

วิลเบิร์นสะดุ้ง น้ำตาของเขาแห้งเหือดทันที  และเขามองดูเยือกเย็นและไร้ความรู้สึกเหมือนเคย

“คิดถึงพี่ชายเจ้าหรือ?” ลินลี่ย์มองดูคลื่นทะเลข้างหน้า แต่พูดอย่างเจาะจง

เมื่อวิลเบิร์นได้ยินเช่นนี้  กล้ามเนื้อใบหน้าสั่นกระตุกทันที

“เจ้ามีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง ขณะที่ข้าเองก็มีน้องชายอยู่คนหนึ่ง” ลินลี่ย์ถอนหายใจยาว “เขาชื่อวอร์ตัน!  อย่างไรก็ตามคราวที่ข้าเดินทางมาแดนนรกนี้ ข้าไม่ยอมให้เขาร่วมทางกับข้า... พริบตาเดียว ผ่านไปเกือบเจ็ดร้อยปีแล้วข้าเองก็สงสัยว่าน้องชายของข้ากำลังทำอะไรอยู่”

เกือบเจ็ดร้อยปี

ในทวีปยูลานลินลี่ย์ใช้เวลาไม่กี่สิบปีเขาก็กลายเป็นตำนาน  ในแดนนรกเขาใช้เวลาถึงเจ็ดร้อยปี  เจ็ดร้อยปี..ในช่วงเวลาอย่างนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? ลินลี่ย์ไม่รู้  สมาชิกครอบครัวของเขาที่อยู่ไกลถึงทวีปยูลานจะเป็นยังไงบ้าง?

“พี่ชายข้ากับข้าอยู่ในแดนนรกด้วยกันมาหลายหมื่นปีแล้ว”จู่ๆ วิลเบิร์นก็พูดขึ้น

ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ วิลเบิร์นพูดจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ลินลี่ย์ยังคงฟังอย่างระมัดระวัง  เนื่องจากวิลเบิร์นใจสลายเขาจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้พูดออกมา

“พี่ชายข้าใส่ใจดูแลข้าเป็นอย่างดี ข้ายังจำได้ว่าเมื่อตอนอยู่ที่บ้านเกิดเดิมเราเป็นเช่นไร” สายตาของวิลเบิร์นเหม่อมองขณะระลึกถึงความทรงจำเก่า  “พี่ชายข้าเป็นคนซื่อๆ ง่ายๆ  ขณะที่ข้าค่อนข้างหยิ่งผยอง! เมื่อข้ายังอายุน้อยเพราะความหยิ่งลำพองของข้า ทำให้ข้าไม่มีสหายมากมีแต่เพียงพี่ชายที่ดูแลข้าอยู่เสมอ”

“หลังจากนั้นเมื่อข้าเติบโตขึ้นเพราะเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองพี่น้องร้าวฉาน”  วิลเบิร์นพูดอย่างขมขื่นใจ  “ข้าฆ่าคู่หมั้นขอองพี่ชาย!”

ลินลี่ย์ตกใจ

เมื่อเห็นใบหน้าของวิลเบิร์นลินลี่ย์สามารถคาดเดาได้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นคงต้องซับซ้อนมาก มิฉะนั้นวิลเบิร์นจะใส่ใจพี่ชายของเขาได้ยังไง  เขาคงไม่ทำเรื่องเช่นนั้นแน่

“จากวันนั้นเป็นต้นมา พี่ชายของข้าก็ไม่มาพบข้าอีก  สำหรับข้าเอง ข้ายิ่งกลายเป็นคนหยิ่งลำพองมากขึ้น  เพราะเรื่องบางเรื่องซับซ้อนด้วยความโกรธของข้า ข้าโจมตีวังหลวงและฆ่ารัชทายาทและจักรพรรดิที่น่ารังเกียจ  คืนนั้นเกิดการนองเลือด เลือดไหลเป็นลำธาร...”

“เพียงแต่อำนาจของวังหลวงยังคงแข็งแกร่งมากเช่นกัน  พวกเขามีเซียนอยู่แปดคน! ข้าฆ่าพวกเขาไปห้าคน แต่ก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกันข้าเห็นความตายกำลังคืบคลานเข้ามาหาข้า”

“ข้ายอมตายที่สำคัญคือข้าได้ฆ่ารัชทายาทและจักรพรรดิชั่วนั้นได้  ข้ายินดีตาย เพียงแต่ในเวลานั้นพี่ชายของข้าปรากฏตัว เขาช่วยข้า! การทำเช่นนั้นก็หมายความว่าจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับจักรวรรดิ!” วิลเบิร์นคิดถึงเหตุการณ์ในปีนั้น

วิลเบิร์นส่ายศีรษะและฝืนพูดต่อ  “ความจริงตอนนั้น ข้าฆ่าว่าที่พี่สะใภ้นั้นเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ข้ารู้สึกผิดต่อพี่ชายของข้าเสมอมา...”

“หลังจากฆ่าจักรพรรดิ, หลายๆ อย่างยากลำบากขึ้น นายกสมาคมจอมเวทแห่งจักรวรรดิไม่เคยมีส่วนร่วมในเรื่องราว  แต่หลังจากได้ทราบเรื่องนี้แล้ว  เขาจะเข้ามาแทรกแซงแน่นอน”

“วิลเบิร์นถอนหายใจ ”ดังนั้น เราจึงหนีทันทีและจากนั้นผู้ดูแลประตูพิภพส่งเราไปที่แดนนรกทันที”

“เจ้ามาที่นี่ขณะยังเป็นเซียนหรือ?”  ลินลี่ย์ตกใจ

วิลเบิร์นพยักหน้า “เพียงแต่หลังจากมาถึงเราก็ได้รู้ว่า..มันอันตรายมากเพียงไหน  สำหรับเซียน ในแดนนรก..ที่นี่คือฝันร้าย...”  ขณะที่เขาพูด วิลเบิร์นเงียบลงและเริ่มหลั่งน้ำตาอีกครั้ง

“พอแค่นั้นแหละ”  วิลเบิร์นส่ายศีรษะ  “หลังจากมาถึงที่นี่และได้พบกับอันตรายของแดนนรกมากมาย พี่ชายข้าและข้าเข้าใจดีว่าอาจพบกับความตายได้ทุกเมื่อ  ข้ามักจะหวังว่าถ้าเราจะตาย  ข้าควรจะตายก่อน ข้าไม่ต้องการให้พี่ชายตายเลย...เพราะตลอดชีวิตของข้า  เขาเป็นครอบครัวและเพื่อนแท้คนเดียวที่ข้าเคยมี!”

ลินลี่ย์ชำเลืองมองวิลเบิร์น จากนั้นลอบถอนหายใจ

อย่างไรก็ตาม ลินลี่ย์เองไม่รู้สึกเศร้ามากนัก  เขามีประสบการณ์มากมายในแดนนรกแห่งนี้  เขาเห็นเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ  การสอบเข้าเป็นอสูรมีเพียงอสูรไม่กี่คนที่เหลือรอดมาได้จากจำนวนเป็นพันๆ  สำหรับคนที่มาถึงแดนนรกมีอยู่กี่คนที่เป็นคนธรรมดา?

ลินลี่ย์นั่งนิ่งกับที่

พอถึงเวลาหนึ่ง วิลเบิร์นกลับเข้าไปในห้องเรือ ลินลี่ย์ยังคงนั่นอยู่กับที่และจ้องมองคลื่นทะเล

คืนนี้พอมองเห็นพระจันทร์เสี้ยวสีม่วงได้เลือนราง ทะเลสตาร์มิสท์ทั้งสิ้นดูเหมือนมืดมนอนธการ คลื่นทะเลดูคล้ายกับส่วนหนึ่งของสัตว์ประหลาดมหึมา

“แดนนรกก็คล้ายกับทะเลสตาร์มิสท์นี้ กว้างใหญ่ไพศาลและกลืนกินสิ่งมีชีวิตคนแล้วคนเล่า มีแต่ยอดฝีมือที่ทรงพลังจึงจะสามารถอยู่ในแดนนรกได้และไปจนถึงจุดสุดยอด  ยอดฝีมือตายไปมาก ต้องเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังยิ่งกว่าเท่านั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ได้!” ลินลี่ย์จ้องมองน้ำทะเลไร้ขอบเขตข้างหน้าของเขา  เพราะเหตุผลบางประการเขารู้สึกว่าใจของเขาสั่นเล็กน้อย

น้ำทะเลมืดมิดกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

ลินลี่ย์นั่งอยู่กับที่เงียบๆ อยู่บนหัวเรือ  มองดูทะเลกว้างใหญ่อย่างเงียบงันไม่มีประกายอยู่ในดวงตาเขาแม้แต่น้อย

บางทีเวลาอาจผ่านไปนาน หรืออาจจะผ่านไปครู่หนึ่ง...

ลินลี่ย์ลืมตา

ในใจของลินลี่ย์ รัศมีลวงตาของพลังเทพก่อตัวขึ้น  รังสีพลังเทพก่อตัวเป็นคุกศิลาดำ  เคล็ดชีพจรโลก เคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงและเคล็ดแก่นธาตุดินทั้งหมดหลอมรวมเข้าในวิญญาณเขา

รุ่งสาง

ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนเช่นกัน จ้องมองพระอาทิตย์สีเลือด  เมฆบางลอยอยู่ด้านหลังของเขา  เขามีรอยยิ้มบนใบหน้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด