ตอนที่แล้วตอนที่ 519 - คลั่งไคล้ไล่ล่าคะแนน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 521 - การกลับมาของเสวี่ยอู๋เสีย

ตอนที่ 520 - รีบด่วน


หวงฉวนและคนที่เหลือตระหนักว่า แม้ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงลานแก้วผลึก คุณชายสามตระกูลเย่ว์ก็เล่นงานเพชรฆาตโบราณจนตาบอดไปสองตนแล้ว

ไม่ทราบว่าเขาทำได้อย่างไร

แต่นี่ทำให้ทุกคนยินดียิ่งนัก

พวกเขาทุกคนรู้ว่าการเอาชนะเพชรฆาตโบราณทำได้ยากขนาดไหน สามารถทำให้มันตาบอดได้นับเป็นยุทธวิธีที่ดีที่สุดอย่างมิต้องสงสัย

การสูญเสียการมองเห็นเป็นอาการบาดเจ็บที่เป็นอันตรายต่อเพชรฆาตโบราณ พลังต่อสู้ของมันจะลดลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง

พวกเขาไม่สงสัยแต่อย่างใด

พวกเขาไม่มีทางคาดถึงเลยว่า เย่ว์หยางไม่ได้ทำเพื่อให้ทุกคนฆ่าเพชรฆาตโบราณได้ง่าย แต่ก็แค่เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะสามารถเก็บคะแนนสำหรับความตายของเพชรฆาตโบราณทุกตนได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่มีใครอื่นนอกจากเขาที่ได้รับรางวัลสำหรับการลุยเดี่ยวฆ่าเพชรฆาตโบราณ ด้วยวิธีนี้ เย่ว์หยางจะได้รับรางวัลลับสำหรับลุยฆ่าเดี่ยวซึ่งเก็บมาเป็นเวลานานแล้ว และนอกจากนี้เขายังจะได้คะแนนมากที่สุดในสังเวียนมรณะนี้ เย่ว์หยางรู้ดีถึงความยากลำบากที่เขาเผชิญอยู่ ตัวแทนจากแดนสวรรค์ตะวันออก, ใต้และเหนือยังจัดการได้ยากมากกว่าเพชรฆาตโบราณ นอกจากนี้ ราชาเฮยอวี้ก็ยังฉวยทุกๆ จังหวะที่จะทำร้ายเขาให้ได้และวางระเบิดเวลารอทำร้ายเขาอย่างมิต้องสงสัยเช่นกัน

ถ้าเย่ว์หยางไม่ปฏิบัติการเชิงรุกมากขึ้น เขาอาจตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง

ไม่มีนางเซียนหงส์ฟ้า, เจ้าเมืองโล่วฮัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียอยู่ข้างกาย เขาได้แต่สู้เพียงลำพัง เนื่องจากเขาไม่สามารถหลบหนีจากสังเวียนมรณะได้

อาจกล่าวได้ว่าการต่อสู้ในศึกครั้งนี้คุกคามชีวิตของเขามากกว่าภารกิจที่วังเทพจักรพรรดิอวี้ในอดีตถึงสิบเท่า

“คุณชายใช้พลังของเจ้าสร้างโอกาสได้มากขึ้น” มนุษย์เพลิงเฝินเทียนไม่เต็มใจจะแสดงพลังทั้งหมดของเขา เขาต้องการให้เย่ว์หยางโจมตีหนักขึ้น เฝินเทียนไม่ใช่เพียงคนเดียวที่คิดเช่นนี้ แม้แต่หวงฉวนผู้แข็งแกร่งที่สุดและหวิ่นซิงก็มีทัศนคติอย่างนี้เหมือนกัน

พวกเขาทุกคนรู้ว่าการต่อสู้จะยังไม่จบหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ จะมีคลื่นของเพชรฆาตโบราณอย่างน้อยสองระลอกหนุนเนื่องเข้ามาในอีกไม่กี่ชั่วโมง

หลังจากหยุดพักสามวันสั้นๆ เพชรฆาตโบราณจะถูกส่งเข้ามาอีกสามระลอกอีกครั้ง

การต่อสู้ที่ยากลำบากขึ้นนี้จะดำเนินต่อไปจนกระทั่งเพชรฆาตโบราณหรือผู้ร่วมแข่งขันตายทั้งหมด

ไม่รวมถึงเพชรฆาตโบราณที่เกิดขึ้นจากตายของผู้เข้าแข่งขัน ก็จะมีเพชรฆาตโบราณสิบชุดถูกปล่อยเข้ามาในสังเวียนมรณะ และพลังของพวกมันจะแข็งแกร่งขึ้นจนถึงที่สุด มีความเป็นไปได้สูงที่ชุดสุดท้ายจะประกอบไปด้วยระดับจ่าฝูงเพชรฆาตโบราณหรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าก็เป็นได้

ถ้าพวกเขาไม่สงวนพลังไว้และทุ่มเทพลังเต็มที่ในตอนนี้ พวกเขาอาจไม่สามารถรักษาสภาพพร้อมต่อสู้ในอนาคตก็ได้

นอกจากนี้ยังมีการต่อสู้ระหว่างทั้งสี่ฝ่ายหลังจากเพชรฆาตโบราณตายหมดแล้ว

มีแต่เพียงผู้ชนะเลิศในศึกสุดท้ายเท่านั้น

ฝีมือของเย่ว์หยางน่าประทับใจ แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น มนุษย์เพลิงเฝินเทียนและหวงฉวนไม่รู้สึกอิจฉา ตรงกันข้ามพวกเขาแอบดีใจ เนื่องจากจะเป็นการทอนกำลังและลดการคุกคามที่มีต่อพวกเขาลงได้

เทียบกับเย่ว์หยางผู้ต่อสู้สุดฝีมือแล้ว ราชาเฮยอวี้เตือนหวงฉวน, เฝินเทียนและหวิ่นซิงมากกว่าเดิม

“…..” ความรู้สึกหนาวแล่นผ่านแววตาของราชาเฮยอวี้วูบหนึ่ง

แต่เย่ว์หยางจับสัญญาณได้และแอบยิ้มอย่างเย็นชา

ดีใจเหรอ? ข้าดูว่ามันจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน

เย่ว์หยางรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเป็นพันธมิตรกับราชาเฮยอวี้ได้และเขาจะต้องพยายามฆ่าเขาให้ได้แน่นอน แต่เย่ว์หยางไม่สามารถจะแสดงท่าทางว่าจะฆ่าราชาเฮยอวี้ได้ มีเหตุผลสองประการ คือประการแรกสถานการณ์ปัจจุบันอันตรายเกินไป การฆ่าราชาเฮยอวี้มีแต่จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากมากขึ้น ประการที่สอง จะฆ่าราชาเฮยอวี้ที่มีเครื่องปกป้องเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ประกอบกับพลังซ่อนเร้นของเขา แม้แต่หวงฉวนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถฆ่าราชาเฮยอวี้ได้หรือไม่

ต่อให้ราชาเฮยอวี้ไม่ได้ลงมือทันที นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเย่ว์หยางไม่มีอะไรจะพูด

เมื่อได้คะแนนทั้งหมด ราชาเฮยอวี้จะถูกรหัสโบราณสังหารไม่ว่าเขาจะทรงพลังมากขนาดไหนก็ตาม

ดังนั้นสิ่งที่เย่ว์หยางต้องทำก็คือใช้การต่อสู้กับเพชรฆาตโบราณเพื่อยกระดับตนเอง และใช้วิธีที่เร็วที่สุดเพื่อไล่ตามราชาเฮยอวี้ให้ทันและอยู่เหนือเขาให้ได้ จากนั้นเขาจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการต่อสู้ครั้งนี้ในฐานะเป็นผู้ชนะเลิศ

ในกลางลานแก้วผลึก การต่อสู้ที่ร้อนแรงกำลังดำเนินต่อไป

ขณะเดียวกันที่ชายขอบสวรรค์ด้านนอก

“มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?” แฝดผู้พี่ของเทพธิดาศึกที่ให้ตราประดับจันทร์เสี้ยวลึกลับแก่เย่ว์หยางในอดีต เอาชนะลิงดึกดำบรรพ์ได้อย่างกล้าหาญและได้ไปยืนคู่กับเสวี่ยอู๋เสียอย่างงามสง่า นางถามด้วยความสับสน “เจ้ารู้สึกไม่สบายหรือ”

(แฝดเทพธิดาศึก มอบเครื่องประดับลึกลับชิ้นหนึ่งให้เย่ว์หยางเมื่อตอนที่ 213)

“…ไม่, ข้าเพียงแต่รู้สึกไม่สบายอย่างประหลาด จู่ๆ ก็ไม่มีสมาธิขึ้นมา..” เสวี่ยอู๋เสียไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงรู้สึกเช่นนั้น

“เพราะองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะกลับไปทวีปมังกรทะยานวันนี้ใช่ไหม?” เทพธิดาศึกคนน้องกระพริบตาขณะถาม

“ไม่, ข้าไม่แน่ใจ” เสวี่ยอู๋เสียสงสัยความเป็นไปก่อนหน้านี้ แต่ในไม่ช้านางก็ไม่คิดถึงต่อไป

“เจ้าฝึกฝนมาตลอดและไม่ได้กลับไปนานแล้ว ทำไมเจ้าไม่กลับวันนี้เล่า” เทพธิดาศึกแฝดคนพี่แนะนำ

“ภารกิจการฝึกฝนของเราก็สำเร็จลุล่วงแล้ว!” เทพธิดาศึกผู้น้องเสริมอย่างน่ารัก

“….อืม.. เอาอย่างนั้นก็ได้!” เสวี่ยอู๋เสียไม่สามารถอธิบายถึงความกลัวที่นางรู้สึกได้ แต่หลังจากได้ฟังคำแนะนำของพวกนาง นางตัดสินใจกลับทวีปมังกรทะยานที่นางจากมานาน ถึงเวลาเยี่ยมคนรักของนางเสียที นางสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แม้ว่านางจะได้รับจดหมายของเขาบ่อยๆ ก็ตาม แต่นางก็ยังคิดถึงเขามาก เป็นไปได้ไหมว่าเพราะองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลับทวีปมังกรทะยานและหัวใจนางก็คิดในทำนองนั้นด้วย?

เสวี่ยอู๋เสียเก็บความสงสัย นางกับสองพี่น้องเทพธิดาศึกออกจากโลกเอกเทศและกลับไปยังทวีปมังกรทะยาน

วังเทียนหลัว

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังเดินไปยังมิติลวง นางไม่ได้กลับไปวังต้าเซี่ยและไม่ได้กลับไม่เยี่ยมพระบิดาของนาง กลับตรงไปหาเย่ว์หยางโดยตรง

พร้อมกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ที่แขวนอยู่บนหลังของนาง ทำให้นางดูมีราศีสง่าผสานกับบุคลิกของนางอย่างเลือนลาง

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฝึกฝนดาบเทพจนเชี่ยวชาญขึ้นได้รับความเคารพนับถือจากคนที่พบเห็นนางระหว่างเดินผ่านไปทุกที่

นางยกระดับกลายเป็นระดับสุดยอดฝีมือคนหนึ่ง

เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งจะเดินผ่านประตูวัง สตรีสองคนก็วิ่งเข้ามาหานางอย่างเร่งร้อนจากในวังเทียนหลัว หนึ่งในนั้นสวมชุดเกราะผ้าคลุมดำมีหน้ากากปะการังปิดหน้าถือคทาปลาวาฬ อีกคนหนึ่งเป็นสาวลูกครึ่งเอลฟ์ที่อยู่ในชุดขาวคลุมหน้าแต่ไม่สามารถปิดความงามของนางได้ ทหารวังได้แต่เพียงกลิ่นหอมและดื่มด่ำเคลิบเคลิ้ม

มีแต่หัวหน้าองครักษ์เกราะทองที่สามารถสงบจิตใจไว้ได้ ขณะที่เขาชักดาบออกมาขวางสตรีทั้งสองคนไว้ “พวกเจ้าไม่อาจบุกรุกเข้าวังเทียนหลัวโดยพลการอย่างนี้”

“เรามีปัญหาเร่งด่วนและกำลังตามหาแม่สี่…” สตรีคนที่สวมหน้ากากปะการังแสดงเจตนาความตั้งใจของพวกนางทันที

“ไม่มีคนเช่นนั้นในวังเทียนหลัว!” หัวหน้าองครักษ์เกราะทองปฏิเสธนางทันที

แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นสตรี แต่พวกนางก็แข็งแกร่งทรงพลังจนทำให้เขาตื่นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่สวมหน้ากากปะการัง ขนาดนางยังปกปิดพลังของนางไว้ พลังที่นางแสดงออกมาก็ระดับเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้ว ในทวีปมังกรทะยานมีคนเช่นนี้ไม่มากนัก สิ่งที่ทำให้หัวหน้าองครักษ์เกราะทองสับสนก็คือเขาไม่เคยได้ยินเรื่องของสตรีเหล่านี้มาก่อน แรงจูงใจอะไรถึงได้นำนางมาที่นี่?

พวกนางเป็นมิตรหรือศัตรู?

เขาไม่สามารถสรุปได้!

สตรีที่สวมหน้ากากปะการังพูดอย่างกังวล “แม่สี่ก็คือแม่สี่ของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ ถ้านางไม่อยู่ อย่างนั้นเราขอพบพี่สาวของคุณชายสาม หรือเย่ว์หวี่พี่สาวคนรองตระกูลเย่ว์ ถ้านางไม่อยู่ด้วยเช่นกัน เราขอพบเย่ว์ปิงน้องสาวของเขาก็ได้ หรือจะให้เราพบคนในกลุ่มของเขา เย่คง, ไห่ต้าฟู่, เสวี่ยทันหลางหรือคนใดคนหนึ่งก็ได้ ถ้าพวกเขาไม่อยู่โปรดกราบทูลจักรพรรดิเทียนหลัวหรือจักรพรรดิต้าเซี่ยก็ได้ เรามีเรื่องด่วนต้องการพบพวกเขา.. นี่เป็นเรื่องฉุกเฉินต้องรายงานทันที!”

หัวหน้าองครักษ์เกราะทองสับสน “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? และพวกเจ้าทุกคนมาจากไหน? บอกสถานะของพวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้!”

สตรีที่สวมหน้ากากปะการังชะงักชั่วครู่ “เจ้าไม่มีสิทธิ์รู้สถานะของข้า ปัญหานี้เป็นความลับ รายงานขึ้นไปเดี๋ยวนี้ เราจะเสียเวลามากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว…”

“ไม่, ถ้าพวกเจ้าทั้งสองคนไม่เปิดเผยสถานะของตน ข้าจะไม่มีทางรายงานให้พวกเจ้า” หัวหน้าองครักษ์เกราะทองปฏิเสธโดยตรง จะเป็นยังไงถ้าพวกนางเป็นนักฆ่าที่กองกำลังนรกดำส่งมา? อย่างนั้นเขาคงทำหน้าที่ไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น คนที่พวกนางร้องขอเข้าพบก็คือบุคคลสำคัญที่อาณาจักรต้องปกป้องไว้

“ช่างโง่เง่ายืนกรานนัก….” สตรีสวมหน้ากากปะการังชูคทาปลาวาฬขาวของนาง “ถ้าข้าเป็นศัตรูข้าคงฆ่าเจ้าทันทีแล้ว เราเป็นมิตร และเรามีเรื่องที่ด่วนมาก!”

“นั่นก็ทำไม่ได้เช่นกัน ข้าจะไม่ยอมให้คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้าไปเด็ดขาด” หัวหน้าองครักษ์เกราะทองยืนยันหนักแน่นกว่าเดิม พวกนางคิดว่าถือดีมากเพราะเป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดหรือ? นี่คือวังเทียนหลัว และเขาเป็นหัวหน้าองครักษ์ เขาต้องทำหน้าที่ของเขา ต่อให้พวกนางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ตาม! ยิ่งกว่านั้นทุกคนในทวีปมังกรทะยานรู้กันว่าองครักษ์ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ที่จะให้คนเข้าไปในมิติลวง ดังนั้นถ้าพวกนางไม่รู้เรื่องนี้ แม้ว่าพวกนางจะไม่ใช่ศัตรู แต่พวกนางก็ไม่ใช่พันธมิตร พวกนางควรไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ ถ้าพวกนางต้องการตาหาเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และเสวี่ยทันหลาง ทำไมพวกนางต้องมาตามหาพวกเขาที่วังเทียนหลัวด้วย? สตรีสองนางนี้ ไม่รู้อะไร พวกนางเป็นมิตรจริงๆ หรือ? พวกนางสองคนน่าสงสัย ไม่ควรปล่อยให้พวกนางเข้าไป

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว หัวหน้าองครักษ์เกราะทองชี้ไปที่ทหารทั้งหมดเตรียมตัวสู้

สตรีสวมหน้ากากพยายามระงับความโกรธอย่างหนัก “เราเป็นมิตรจริงๆ ถ้าพวกเจ้าทุกคนไม่ยินดีส่งข้อความให้ อย่างนั้นเราจะไปปราสาทตระกูลเย่ว์ วงแหวนเทเลพอร์ตอยู่ที่ไหน?”

หัวหน้าองครักษ์เกราะทองคิดว่า พวกนางจะเป็นมิตรได้อย่างไร ถ้าพวกนางไม่รู้กระทั่งวงแหวนเทเลพอร์ตของวังเทียนหลัว

เขายิ่งเคร่งครัดการพูดของเขามากกว่าเดิม

ถ้าไม่ใช่เพราะช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพลังของเขากับของพวกนาง เขาคงคร่ากุมสตรีต้องสงสัยทั้งสองคนและรายงานให้เบื้องบนทราบไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีสัมผัสรู้ทั้งหกที่รวดเร็ว นางรู้สึกว่ามีการสนองตอบแปลกประหลาดก่อนที่นางจะเข้ามิติลวง ภายใต้สัมผัสรู้ทั้งหกที่ยอดเยี่ยมของนาง นางข่มความต้องการพบเย่ว์หยางและหันมาดู

“สมบัติชั้นเทพหรือนี่?” สตรีสวมหน้ากากปะการังตะลึงเมื่อนางมองเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน

“ดาบเทพจักรพรรดิอวี้, นางคือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน” เด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์วิ่งมาหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทันที

“บังอาจ…” หัวหน้าองครักษ์เกราะทองโกรธเพราะคิดว่าพวกนางกำลังจะลอบสังหารองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและชิงสมบัติชั้นเทพ เขาชักกระบี่และฟันใส่ทันที

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกมือนางและชี้ขึ้นในอากาศ

ปราณของนางเบี่ยงเบนวิถีดาบยักษ์ของหัวหน้าองครักษ์เกราะทองทันที

ในขณะเดียวกัน คทาปลาวาฬขาวก็เข้ามากันศีรษะเด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์ไว้ นางถลาเข้าไปในอ้อมอกขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แล้วร้องไห้ไม่หยุดและตื่นเต้นเกินกว่าจะพูดออกมาได้ ดูเหมือนนางต้องการพูดและไม่สามารถทำได้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกสับสนจึงจูงมือนางข้างหนึ่ง และอีกทางหนึ่งก็ขอให้หัวหน้าองครักษ์เกราะทองถอยไป “นางไม่มีเจตนาร้าย.. พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? เกิดอะไรขึ้น?”

ทักษะหกสัมผัสรู้ของนางสามารถรู้สึกได้ดีว่าสตรีทั้งสองคนี้ไม่มีเจตนาฆ่า ดังนั้นพวกนางจึงไม่ใช่มือสังหารที่กองกำลังนรกดำส่งมาแน่นอน

แต่นางไม่เข้าใจว่าพวกนางมาด้วยเรื่องอะไร

สตรีที่สวมหน้ากากปะการังตื่นเต้นเช่นกันเมื่อนางเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แต่นางรีบข่มใจทันทีและแสดงความเคารพนาง “ทูลองค์หญิง, เนื่องจากที่นี่มีคนมาก เราไม่สะดวกเปิดเผยสถานะของเรา แต่เราไม่มีเจตนาร้าย”

“องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ข้าไม่ใช่คนเลว, นายท่านตกอยู่ในอันตราย รีบไปช่วยเขาเถอะ..” เด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์เก็บความอัดอั้นไว้ไม่ได้ นางจึงเปิดเผยทุกอย่างขณะที่นางกังวล องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่ายหน้าขณะที่นางได้ยิน นางรีบปิดปากสาวลูกครึ่งเอลฟ์ทันที “เข้าใจแล้ว เราไปคุยกันต่อข้างใน ไม่ต้องพูดอะไรที่นี่แล้ว” จากนั้นนางหันไปทางประตูวัง “พวกเจ้าทุกคนผลัดกันเฝ้ายามประตูวังไว้ อย่าให้ใครออกไป ไม่ว่ายังไงก็ตาม”

“พะย่ะค่ะ!” แม้ว่าหัวหน้าองครักษ์เกราะทองจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้ดีถึงความรุนแรงของปัญหา ขณะที่เขาตะโกนส่งทหารยามที่รู้สึกสับสน “พวกเจ้าทุกคนฟังให้ดี จากนี้ไปเราต้องตื่นตัวสูงสุด พวกเจ้าทุกคนมากับข้าเดี๋ยวนี้ เข้าไปในห้องกักกัน จะไม่มีใครติดต่อกับคนข้างนอก ผู้ฝ่าฝืนจะถูกมองว่าเป็นจารชนและจะถูกฆ่าโดยไม่ลังเล!”

ก่อนที่ทหารยามจะได้ทันตั้งตัว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็พาสาวลูกครึ่งเอลฟ์พร้อมกับสตรีที่สวมหน้ากากปะการังเข้าไปในวัง

พวกนางวิ่งตลอดทางผ่านเข้าวังและเข้าไปในมิติลวง

******************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด