ตอนที่แล้วตอนที่ 15-41 ติดอยู่ห้าร้อยปี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16-1 ศิลาดำ

ตอนที่ 15-42 รังสีร้อยแปดสาย


ร่างแยกธาตุดินศักดิ์สิทธิ์และร่างหลักทั้งสองต่างดูดซับการฝึกฝนในกฎธรรมชาติธาตุดิน แม้ว่าจะเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ไม่สามารถหาขั้นตอนเริ่มต้นของกระบวนการหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงได้!

ส่วนที่สำคัญที่สุดของการหลอมรวมเคล็ดลับทั้งสองก็คือจุดเริ่มต้น และทุกอย่างเป็นเรื่องของเวลา แต่ถ้าผู้ฝึกไม่พบขั้นตอนเริ่มต้น อย่างนั้นไม่ว่าท่านจะใช้เวลาไปมากเท่าใดก็คงไม่มีประโยชน์

ลินลี่ย์สิ้นเปลืองความคิดและความพยายามในการถอดรหัสวิธีที่เขาจะสามารถหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับทั้งสองเข้าด้วยกัน

แต่เคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงเป็นเคล็ดความรู้ลึกลับระดับสูง ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนักกับการหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลกกับเคล็ดแก่นธาตุดินเข้าด้วยกัน แต่การหลอมรวมเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงเข้ากับเคล็ดอื่นเป็นเรื่องยากมาก

“นี่ก็ไม่ได้ผล!” หลังจากใช้เวลาสามสิบปีโดยไม่พบขั้นตอนแรกในการหลอมรวมเคล็ดลึกลับทั้งสอง ลินลี่ย์เริ่มแตกตื่น “ถ้าข้าติดอยู่ที่นี่ ข้าคงจะใช้เวลาหมื่นปีโดยไม่สามารถก้าวหน้าได้แม้แต่น้อย ข้าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้!”

“เงื่อนไขที่อสูรอะเมทิสต์น้อยตั้งไว้ไม่ง่ายเลย” บัดนี้ลินลี่ย์เจ้าใจแล้วว่างานนี้ยากเย็นเพียงไหน ลินลี่ย์กัดฟันและตัดสินใจทันที “งั้นข้าจะลองทำแบบอ้อมดู!”

ร่างแยกธาตุดินของเขายังคงฝึกหนักเพื่อหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงเข้าด้วยกัน

ขณะที่ร่างหลักของลินลี่ย์ เขาพยายามหลอมรวมเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงกับเคล็ดแก่นธาตุดินเข้าด้วยกัน

เคล็ดแก่นธาตุดินหลอมรวมเข้ากับเคล็ดชีพจรโลกได้นานแล้ว ถ้าเขาสามารถหลอมรวมเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงเข้ากับเคล็ดแก่นธาตุดินได้อย่างนั้นก็อาจเป็นไปได้ที่เขาจะใช้การหลอมรวมนั้นดึงเอาเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงและเคล็ดชีพจรโลกเข้ามาใกล้กัน

เมื่อดึงเคล็ดเหล่านั้นเข้ามาใกล้กันแล้วเขาจะเริ่มเดินการขั้นตอนแรกได้

เมื่อบรรลุผ่านขั้นตอนแรกได้ เส้นทางจะเปิดกว้างรอเขาอยู่ข้างหน้า!

ปีที่ 38 ที่ลินลี่ย์ฝึกฝนอย่างขมขื่น

“การปล่อยให้เคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงและเคล็ดแก่นธาตุดินหลอมรวมกันเป็นเรื่องง่ายกว่ามาก” ลินลี่ย์ใช้เวลาแปดปีในการให้เคล็ดลึกลับทั้งสองค่อยๆ หลอมรวมกัน

เนื่องจากเคล็ดแก่นธาตุดินและเคล็ดชีพจรโลกได้หลอมรวมกันสำเร็จไปแล้ว โดยผ่านเคล็ดแก่นธาตุดิน ลินลี่ย์รู้สึกมีความมั่นใจในความสามารถของเขาในการหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงเข้าด้วยกัน

ปีที่ 46 ของการฝึกฝนอย่างยากลำบากของลินลี่ย์!!

“วิธีการอ้อมนี้สำเร็จได้ในที่สุด” ในที่สุดลินลี่ย์ก็เริ่มต้นหลอมรวมเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงและเคล็ดชีพจรโลกเข้าด้วยกัน พอเมื่อมีการเริ่มต้น ก็จะเป็นเรื่องง่ายในอนาคต

แม้ว่าเขาจะเริ่มต้นหลอมรวมเคล็ดเหล่านั้น และร่างเดิมของเขาและร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ยังคงฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ลินลี่ย์ก็ยังต้องใช้เวลายาวนานมากจึงจะบรรลุผ่านคอขวดเพื่อหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงเข้าด้วยกัน ทั้งสองนี้คือเคล็ดความรู้ลึกลับ

ปีนี้เป็นปีที่ 206 ของการฝึกฝนของลินลี่ย์!

นอกจากนี้เหตุผลที่ทำให้ฝึกฝนเร็วขึ้นเป็นเพราะวิญญาณของร่างหลักของลินลี่ย์ดูดซับแก่นพลังวิญญาณจากอะเมทิสต์มหาศาลและมีความแข็งแกร่งมาก

ปีที่ 206 หกของการถูกขังอยู่ในนี้ของลินลี่ย์ ภายในถ้ำในเทือกเขาอะเมทิสต์

“ครอกกกก....ฟี้....zzzzzzz”

เสียงกรนเบาดังก้องอยู่ในห้อง อสูรอะเมทิสต์น้อยยังคงนอนอยู่กับที่ และย่นจมูกในเวลาหลับเป็นครั้งคราวดูน่ารักมาก

ในท่ามกลางลูกโลกแสงสีม่วง ทั่วทั้งตัวของลินลี่ย์เปรอะไปด้วยรอยเลือดจากแรงกดดันบีดอัด แต่ปัจจุบันนี้ หน้าตาของลินลี่ย์ดูดีขึ้น “ในที่สุดข้าก็หลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับทั้งสองนั้นได้แล้ว” หลังจากใช้เวลา 206 ปีเต็มทั้งร่างหลักของเขาและร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาฝึกฝนด้วยกันในที่สุดเขาก็หลอมรวมเคล็ดทั้งสองเข้าด้วยกัน

ปัจจุบันนี้ลินลี่ย์สามารถหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงเข้าด้วยกันและเคล็ดแก่นธาตุดินเข้าด้วยกัน เพราะเคล็ดลึกลับทั้งสามมีองค์ประกอบธาตุทั่วไปที่เชื่อมโยงกันได้

“อย่างไรก็ตาม ข้ายังต้องรอจนกว่าจะได้รับความสุขจริงๆ” ลินลี่ย์ไม่ยอมเสียเวลา

เมื่อเขาเงยหน้ามอง เขาจ้องดูศิลาดำที่เปล่งแสงสีม่วงลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา

“พลังผลัก?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว

แม้ว่าเขาจะเริ่มหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงแล้วก็ตาม แต่ลินลี่ย์ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงวิธีตอบโต้รับมือกับพลังผลักออก!

“ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับอะไร? จะโต้ตอบพลังผลักออกได้ยังไง?” ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้น สามารถต่อต้านพลังผลักออกนี้ อย่างน้อยที่สุดเขาเองต้องสามารถสร้างสนามพลังโน้มถ่วงให้เต็มพลังผลักออก เพียงแต่เมื่อเขาเข้าใจอย่างสมบูรณ์เขาจะสามารถตอบโต้ได้!

แต่อย่างไรเล่า?

ลินลี่ย์ไม่รู้

“รีสเจมอสูรอะเมทิสต์น้อยนั้นกล่าวว่าตราบใดที่หลอมรวมเคล็ดลึกลับทั้งสองได้...” ลินลี่ย์ตะลึงทันที

เขาจำได้ถึงคำที่อสูรอะเมทิสต์เด็กพูดเอาไว้ “นี่คือเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงที่สร้างขึ้นหลังจากหลอมรวมกับเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงเข้าด้วยกัน และเสริมเทคนิคเล็กน้อยผสมเข้าไปด้วย...”

“มีเคล็ดเล็กน้อยบางอย่างผสานเข้าไปด้วย?” ลินลี่ย์พึมพำ

พลังโจมตีของเทคนิคบางอย่างขึ้นอยู่กับเคล็ดความรู้ลึกลับบางส่วน แต่จะประยุกต์ใช้เคล็ดความรู้ลึกลับได้อย่างไรก็ยังเป็นเรื่องสำคัญมาก

ตัวอย่างเช่น ในแดนนรกอาจมีอสูรสองดาวผู้หลอมรวมความรู้ลึกลับทั้งสี่ได้ แต่พวกเขาอาจใช้เคล็ดความรู้ลึกลับนั้นในรูปแบบที่ต่างกัน โดยปกติพลังโจมตีของพวกเขาจะแตกต่างกัน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการที่พวกเขาใช้โจมตีอาจทำให้พลังของเคล็ดความรู้ลึกลับเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าก็ได้!

“เพื่อสามารถสร้างแรงโน้มถ่วงเพื่อต้านแรงผลักน่ะหรือ? อย่างไรเล่า?” ลินลี่ย์ตรวจสอบแสงม่วงอย่างระมัดระวังด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะมองดูยังไง ทั้งหมดที่เห็นก็คือแสงม่วง ลินลี่ย์มองไม่เห็นอะไรเลย

“มันคืออะไรกันแน่?” ลินลี่ย์ครุ่นคิดซ้ำๆ กัน “จะใช้แรงดึงดูดและเปลี่ยนไปเป็นแรงผลักได้ยังไง?” พลังดึงดูดและพลังผลักถูกแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะไตร่ตรองอย่างไร ลินลี่ย์ไม่สามารถเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงระหว่างทั้งสอง

ลินลี่ย์จะรู้ได้ยังไง?

ว่าเมื่ออสูรอะเมทิสต์เด็กบอกว่าหมื่นปี จะเป็นเพราะเขามั่นใจว่าสำหรับเทพแท้ทั่วไป เป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากลูกโลกสีม่วงได้ภายในเวลาหมื่นปี

การหลอมรวมเคล็ดลึกลับสองอย่างในเวลาหมื่นปีไม่ใช่เรื่องยากเกินไป!

อัจฉริยะบางคนสามารถทำได้ในเวลาร้อยปี

อย่างไรก็ตาม ลูกโลกสีม่วงนี้มีคุณภาพที่พิเศษ มันไม่ใช่แค่เคล็ดความรู้ลึกลับเท่านั้น! แต่มีการใช้เคล็ดลึกลับในรูปแบบพิเศษ บางอย่างที่รีสเจมรู้สึกภูมิใจมากที่สุด

“จะใช้งานได้ยังไงกันแน่?”

ลินลี่ย์ไม่สนใจความทรมาน เขาหลับตาและนึกมโนภาพพลางตั้งสมมติฐานในใจของเขา

ร่างแยกธาตุดินของเขาและร่างหลักยังคงดูดซับการฝึกนี้ตลอดเวลา พวกเขาวิเคราะห์และไตร่ตรองครั้งแล้วครั้งเล่า.....เวลาผ่านไป

ปีที่ 482 ลินลี่ย์ยังติดอยู่ที่นี่!

หลังจากคิดอย่างอุตสาหะมาสองศตวรรษ ลินลี่ย์ก็ได้วิธีการใช้และหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดสนามพลังโน้มถ่วงได้อย่างทรงพลัง อย่างไรก็ตามลินลี่ย์ยังไม่สามารถหาแนวทางในการเปลี่ยนแรงดึงดูดให้เป็นแรงผลักได้

“จะทำยังไง?”

ลินลี่ย์แตกตื่น หลังจากไตร่ตรองมาสองศตวรรษ เขาก็ยังหาวิธีสร้างแรงผลักไม่ได้

“ข้าคิดทุกสิ่งทุกอย่างมานานแล้ว แต่ก็ไร้ประโยชน์ ข้าคิดทุกอย่าง จะทำยังไง? ข้าจะทำยังไงดี?” ลินลี่ย์จ้องมองรัศมีสีม่วงที่ล้อมตัวเขา เขาอดโกรธไม่ได้ “หรือว่าจะต้องบอกเดเลียจริงๆ ว่าข้าจะยอมสละร่างแยกธาตุดินนี้?”

ลินลี่ย์ไม่ต้องการสละร่างแยกธาตุดิน!

ไม่ใช่เพราะร่างแยกธาตุดินเป็นตัวแทนของชีวิต และไม่ใช่เพราะร่างแยกธาตุดินมีพลังโจมตีที่ทรงพลัง

แต่เป็นเพราะ

“ผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่!” ในใจของลินลี่ย์มีแต่ภาพของชายชราชุดขาวยาวหนวดเคราสีขาว “ปู่เดลิน...”

เป็นปู่เดลินที่แนะนำลินลี่ย์จนเข้าสู่เส้นทางกรฝึกเวทสายธาตุดิน ลินลี่ย์ยังรู้ว่าปู่เดลินมักต้องการจะบรรลุผ่านระดับเซียนกลายเป็นเทพ เพียงแต่ปู่เดลินไม่มีโอกาส ลินลี่ย์เองฝึกอย่างหนักจนในที่สุดก็กลายเป็นเทพในกฎธาตุดิน และตอนนี้เขาเข้ามาสู่พิภพชั้นสูงอย่างนรก!”

ลินลี่ย์คิดกับตนเอง “ปู่เดลิน ถ้าเขารู้ว่าข้ากลายเป็นเทพสายธาตุดินและเข้ามาในพิภพชั้นสูง เขาคงจะมีความสุขมากแน่นอน”

ร่างแยกธาตุดินของเขาไม่ใช่เป็นตัวแทนชีวิตสำหรับเขา

แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกถึงปู่เดเลินที่เขาไว้วางใจ!

เขาไม่ต้องการยอมสละออกไป!

“ไม่, ข้าจะยอมเสียไปไม่ได้! กฎธรรมชาติธาตุดินที่ข้าฝึกฝนมา ข้าจะไม่ยอมให้ร่างแยกธาตุดินตายแน่นอน” ลินลี่ย์พูดกับตัวเองอย่างนี้ และจากนั้นจ้องมองอสูรอะเมทิสต์น้อย “เป็นเวลาเกือบห้าร้อยปีแล้ว อสูรอะเมทิสต์น้อยให้เวลาข้าหมื่นปี ข้ายังมีเวลาเหลืออีกเก้าพันกว่าปี ข้าจะต้องสำเร็จแน่นอน ต้องสำ...

ความคิดของเขาชะงักอยู่เพียงครึ่งประโยค เขาจ้องมองอสูรอะเมทิสต์น้อยที่กำลังหลับ

หรือจะกล่าวตามตรง เขากำลังจ้องหนามบนหลังทั้ง 108 ของอสูรอะเมทิสต์น้อย!

ลินลี่ย์ตะลึงมอง ราวกับว่าเขาสูญเสียความคิด เขาพึมพำกับตอนเอง “108? แนวราบ?”

ทันใดนั้นใจของลินลี่ย์มีความคิดผุดวาบเหมือนประกายไฟ และจากนั้นลินลี่ย์หลับตา ขณะเดียวกัน...

ภายในใจของลินลี่ย์ เมื่อเขาเห็นแสงมโนภาพที่เกิดจากพลังเทพแสงรังสี 108 ประการแรกเขาจัดลำดับรังสี 108 เหมือนอย่างการจัดลำดับหนามหลัง 108 ของอสูรอะเมทิสต์ และจากนั้นสร้างมโนภาพอย่างต่อเนื่องพยายามดูว่าจะมีอะไรพิเศษเกิดขึ้น

รังสี 108 สายของพลังเทพซับซ้อนมาก

หลังจากใช้เวลาครึ่งเดือนสร้างมโนภาพ ลินลี่ย์รู้สึกดีใจ “ความจริงด้วยลำดับที่แตกต่าง พลังโน้มถ่วงก็เพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า” ลินลี่ย์รู้ดีว่าขณะที่ใช้เคล็ดสนามพลังโน้มถ่วง ผู้ใช้ค่อนข้างจะมุ่งเน้นต่อความเคลื่อนไหวของคนอื่น แต่ผลกระทบแทบจะไม่มากเท่าใด

แต่โดยการจัดการพลังในลักษณะนั้น ขีดจำกัดสูงสุดของพลังโน้มถ่วงจะเพิ่มขึ้นมหาศาลเป็นร้อยเท่า! แม้กระทั่งเทพชั้นสูงยังบินไม่ได้

“นั่นไม่ถูกต้อง มันยังไม่ทรงพลังเท่ากับแรงโน้มถ่วงในเทือกเขาอะเมทิสต์” ลินลี่ย์สงสัยเรื่องนี้ในใจ “และรอ แรงดึงดูดของภูเขาอะเมทิสต์ไม่ได้เน้นที่ดึงดูดลง แต่เป็นเหมือนลูกกลมที่ดึงดูดทั่วทิศ ไม่ว่าจะอยู่ทางทิศใดก็ตาม ผู้คนก็จะถูกดึงกลับมายังภูเขาอะเมทิสต์”

ลินลี่ย์ลืมตาและในต่อหน้าของเขารังสีม่วงซึ่งก่อตัวเป็นลูกกลม เขาเพียงแต่มองดู

“ราบ? กลม?” ลินลี่ย์พึมพำ แต่ดวงตาของลินลี่ย์เริ่มฉายประกาย “ใช่แล้วลูกกลม!!! ไม่ใช่แนวราบ!”

“แครก!”

กุญแจที่ล่ามความคิดของลินลี่ย์แตกสลาย

“ฮ่าฮ่า, งั้นก็ทำงานอย่างนี้เอง ฮ่าฮ่า ข้าไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง? อย่างไรก็ตาม... เมื่อถอนความคิดออกมาจากมโนภาพว่าแนวราบไปเป็นแนวโค้งก็ยากมากขึ้น” ลินลี่ย์สามารถคิดวิธีการที่แตกต่างมากขนาดนั้นได้ ถ้ามโนภาพการส่งผลบนแนวราบก็ต้องทำเป็นพันครั้ง จากนั้นมโนภาพและการตั้งสมมติฐานสำหรับพื้นแนวกลมโค้งจะต้องทำมโนภาพเป็นพันล้านครั้ง

หนึ่งพันกับพันล้าน

ความแตกต่างมากเกินไป

นอกจากนี้ลินลี่ย์ยังใช้การสร้างมโนภาพมากกว่าพันครั้งกับฉากภาพพื้นแนวเรียบ ดังนั้นจำนวนมโนภาพที่จำเป็นต้องซ้อนกับทรงกลมเป็นเรื่องยากขึ้นธรรมดา

“ถ้าข้าสุ่มคำนวณวิธีจัดการรังสีทั้ง 108 สายของพลังเทพจนหมด ถ้าข้าใช้เวลาล้านล้านปีก็คงทำไม่สำเร็จ” ลินลี่ย์เข้าใจว่าการใช้ทักษะประเภทนี้ไม่สำคัญว่าจะคำนวณทุกเรื่องออก แต่จำเป็นต้องมีความรู้แจ้งบางอย่าง

“อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ข้ารู้ว่าเคล็ดที่แท้อยู่ที่การจัดลำดับของหนามหลังของอสูรอะเมทิสต์น้อย” ลินลี่ย์ลืมตา และตรวจสอบหนามทั้ง 108 บนตัวอสูรอะเมทิสต์น้อยอย่างระมัดระวังพยายามจดจำอย่างหนักถึงความยาวและตำแหน่งของหนามหลังทั้ง 108

รังสีพลังเทพทั้ง 108 สายในใจของลินลี่ย์ยังคงเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง ขณะเดียวกันลินลี่ย์ยังเริ่มโคจรรังสีพลังเทพ 108 สายในตัวไปรอบร่างของเขา

การคำนวณและการสร้างมโนภาพทั้งหมด พลังเทพของลินลี่ย์รอบตัวของเขาเริ่มรับคำสั่งเช่นกัน ขณะที่เวลาผ่านไป พลังผลักก็เริ่มลดลง หรือกล่าวตรงๆ พลังผลักบีบอัดไม่ได้ลดลง แต่ลินลี่ย์สามารถสร้างส่วนตอบโต้ของพลังผลักได้ ขณะที่การคำนวณและการมโนภาพเริ่มจะใกล้ความเป็นจริงทุกที ปริมาณพลังผลักดันตอบโต้เพิ่มมากขึ้น

“หือ?” อสูรอะเมทิสต์น้อยลืมตาทันทีจ้องมองลินลี่ย์ เขาตกใจอย่างหนัก “นี่...เจ้าเด็กนี่ทำได้จริงหรือนี่..?”

อสูรอะเมทิสต์น้อยยืนขึ้นทันที เขาโกรธจัดจนจมูกบิดเบี้ยว “แค่เวลาเพียงห้าร้อยปี แต่เจ้าเด็กนี้กลับเริ่มเข้าถึงความเข้าใจพื้นฐานของไม้ตายสูงสุดของข้า ลอร์ดรีสเจมเสียได้” อสูรอะเมทิสต์น้อยจ้องมองรัศมีสีเหลืองน้ำตาลรอบร่างลินลี่ย์ เคล็ดความรู้ลึกลับของกฎธรรมชาติยังคงอยู่ในแสง

“ใช่แล้ว, นั่นคือวิธีที่ท่านทำได้!” ลินลี่ย์ดีใจและลืมตาขึ้น

ในทันทีที่เขาลืมตา เขาเห็นอสูรอะเมทิสต์กำลังโกรธจ้องมองเขา

“ท่านรีสเจม! ในที่สุดข้าก็ถึงระดับที่ท่านต้องการได้แล้ว” ลินลี่ย์ยิ้ม แม้ว่าปัจจุบันนี้ยังคงมีพลังผลักค้างอยู่ แต่หลักๆ เป็นเพราะอสูรอะเมทิสต์น้อยใช้พลังเทพระดับเทพชั้นสูง ขณะที่รูปแบบการใช้วิชาพวกเขาใช้ระดับเดียวกัน แน่นอนว่าอสูรอะเมทิสต์น้อยยังมีพลังมากกว่า

แต่หลังจากตอบโต้พลังผลักที่ยังตกค้างอยู่ ก็ไม่มีพลังผลักดันเหลืออยู่อีกต่อไป

ลินลี่ย์บินขึ้นไปเหยียดมือคว้าศิลาดำที่เปล่งรัศมีสีม่วง ทันใดนั้นลูกโลกแสงสีม่วงสลายหายไป

อสูรอะเมทิสต์เด็กยังคงจ้องมองลินลี่ย์อย่างเดือดดาล “เจ้าเด็กน้อย เจ้าสามารถเข้าใจไม้ตายของข้าได้จริงๆ หรือ?”

“ความจริง, ข้าต้องขอบคุณท่านรีสเจม ถ้ามใช่เพราะหนามหลังของท่าน ข้าคงไม่สามารถทำลายออกมาได้เร็วนัก” ลินลี่ย์ตอนนี้มีอารมณ์ดี อสูรอะเมทิสต์น้อยเข้าใจได้ทันที “แม่มันเอ๊ย! งั้นก็เป็นข้าเองสินะที่ช่วยเจ้า!” แต่อสูรอะเมทิสต์น้อยยังเข้าใจว่า..แม้ว่าลินลี่ย์จะเห็นหนามหลังของเขา จะมีสักกี่คนจะสามารถเชื่อมโยงว่าจะมีความสัมพันธ์กับสนามพลังโน้มถ่วง?

อสูรอะเมทิสต์น้อยรู้ดีว่าสนามพลังโน้มถ่วงนี้เฉพาะแบบเป็นความสามารถตามธรรมชาติของเขา การผสานกับหนามบนหลังของ พลังจะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

“ข้าจะรักษาสัญญา เด็กน้อย, ตอนนี้เจ้าไปได้” อสูรอะเมทิสต์พูดเสียงแข็ง

“อย่างนั้น..ท่านรีสเจม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” ลินลี่ย์ยังคงสุภาพ

“เอ่อ..หลังจากเจ้าไปจากเทือกเขาอะเมทิสต์ ข้าคงจะไม่พบเจ้าอีก ข้าตั้งใจจะใช้เวลาเล่รกับเจ้าสักหน่อย” อสูรอะเมทิสต์น้อยเม้มริมฝีปากขณะเขาถอนหายใจพูด

“ไปจากเทือกเขาอะเมทิสต์?” ลินลี่ย์ตะลึง เขาหันไปมองอสูรอะเมทิสต์น้อย

อสูรอะเมทิสต์น้อยชำเลืองมองเขา จากนั้นแค่นเสียงกล่าว “ข้าจะบอกเจ้าให้ก็ได้ เจ้าเชี่ยวชาญไม้ตายของข้าแล้ว สนามพลังโน้มถ่วงนี้ใช้เพื่อลดแรงดึงดูดจากเทือกเขาอะเมทิสต์ ขณะที่จิตวิญญาณของเจ้าได้รับผลจากเสียงลม ฮึ.. ด้วยศิลาดำนั่น เจ้าไม่ต้องกลัวอะไรเลย”

“ศิลาดำ?” ลินลี่ย์ก้มดูศิลาในมือของเขา

“ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือผูกสัญญาด้วยเลือด เฮ่ย.. แม่มันเถอะ! ข้ายิ่งพูดมากก็ยิ่งโมโห ข้าจะไม่เสียเวลาพูดกับเจ้าอีกแล้ว รีบๆ ไสหัวไปได้แล้ว” อสูรอะเมทิสต์น้อยไม่พอใจอย่างมาก

หัวใจของลินลี่ย์ยังคงมีข้อสงสัย “ผูกสัญญาด้วยเลือดกับศิลาดำ?” แต่แม้ว่าจะงง แต่ลินลี่ย์หยดเลือดลงในศิลาสีดำ หลังจากทำแล้ว ศิลาดำหลอมรวมเข้าไปภายในร่างของลินลี่ย์ หลอมรวมกับวิญญาณของลินลี่ย์โดยตรง ตอนนี้ลินลี่ย์สามารถรู้ได้ถึงรายละเอียดที่แปลกประหลาด

“ศิลาดำนี่..?”

ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าศิลาดำบรรจุพลังที่หนาแน่นอยู่ในภายใน เพียงแต่พลังซ่อนไว้ลึกมาก นอกจากนั้นลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงรังสีพลังวิญญาณ 108 สายโคจรอยู่ภายในและเปลี่ยนตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง

ลินลี่ย์รับรู้ถึงความประหลาดใจของเขา

เคล็ดลับไม้ตายที่ข้าพัฒนาขึ้นมาหลังจากใช้เวลาไตร่ตรองมากมายเป็นแค่หนึ่งในพื้นฐานเท่านั้น เป็นเคล็ดอย่างผิวเผินเท่านั้น

“ศิลาดำนี่คืออะไรกัน?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ ขณะเดียวกันเขาชำเลืองมองอสูรอะเมทิสต์น้อยอย่างประหลาดใจ “แม้ว่าอสูรอะเมทิสต์น้อยจะพูดว่าเขากำลังทรมานข้า แต่เขากลับให้ศิลาดำข้า ศิลาดำนี้ไม่ใช่ของธรรมดาแน่” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย

ทำไมอสูรอะเมทิสต์น้อยถึงได้ทำอย่างนี้?

“ขอบคุณ, ท่านรีสเจม” ลินลี่ย์กล่าวอย่างซาบซึ้งทันที

“ฮึ” อสูรอะเมทิสต์น้อยเพียงแต่เบือนหน้าไปทางอื่น

ลินลี่ย์ไม่เสียเวลาพูดต่อไป เขาใช้ทักษะเดินดินออกไปจากถ้ำทันที

อสูรอะเมทิสต์น้อยนั่งลงบนพื้นถ้ำ ทันใดนั้น...ผนังถ้ำศิลาเริ่มมีความเคลื่อนไหวกลายเป็นหน้าขนาดใหญ่

“เจมเจม, อะไรกัน แค่นี้ต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงด้วยหรือ?” หน้าศิลาเอ่ยปากพูด

“ฮึ..ข้าโมโห ถูกแล้ว” อสูรอะเมทิสต์น้อยชื่อรีสเจมพูดอย่างไม่พอใจ “และอีกอย่าง อย่าเรียกข้าว่าเจมเจม ในที่สุดข้าก็ได้ของเล่นชิ้นหนึ่ง และข้าเพิ่งจะได้แนวคิดทรมานเขา แต่เจ้าไม่ยอมปล่อยข้าเลย ทั้งยังให้ของขวัญชิ้นหนึ่งกับเขาอีก”

ริมฝีปากหินของผนังหินขยับเล็กน้อย “เจมเจม อย่าโกรธเลย ย้อนไปถึงวันเก่าก่อน ข้าเป็นหนี้ผู้นำตระกูลสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์...” แต่เขาพูดได้ครึ่งประโยค

“ข้าบอกเจ้าแล้ว อย่าเรียกข้าว่าเจมเจม!” อสูรอะเมทิสต์น้อยตะโกน และจากนั้นแค่นเสียงตบใส่ผนังทำให้ผนังหายไป

“ที่สำคัญหลายปีมานี้เขายังคงเป็นเหมือนเด็กน้อย” หน้าศิลานั้นพูดอย่างจนใจ และจากนั้นก็หายไปผนังหินกลับคืนสภาพปกติ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด