ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0133
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0135

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0134


บทที่ 41 ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ, เดินทางไกล (3)

* * *

หันหลังกลับไปมอง ฉันเห็นที่ราบกว้างสุดลูกหูลูกตา สลับแซมไปด้วยเนินเขาเล็กใหญ่

ถ้าต้องพึ่งพาม้าและสองขาเดิน ต่อให้ผ่านไปหลายเดือนก็คงยังมาไม่ถึงที่นี่

แต่เราสองคนมาถึงในพริบตาด้วยไบฟรอสต์

ฉันจมอยู่กับทิวทัศน์ตรงหน้า จนกระทั่งถูกลมหนาวปลุกจากภวังค์

ฉันหันไปมองลิลี่

ดวงตาสีแดงของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน ไม่สมกับเป็นลิลี่เท่าไร

และฉันรู้จักสายตานั้นดี เป็นสายตาที่พบได้บ่อยขณะเตร็ดเตร่อยู่ในดินแดนห่างไกล

สายตาของคนคิดถึงบ้านเกิด

แน่นอน อารมณ์จากดวงตาลิลี่เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน คล้ายกับมันถูกข่มไว้

“แวมไพร์คือเผ่าพันธุ์บนภูเขาหิมะ”

ลิลี่เปิดปาก

ฉันไม่ค่อยได้ยินเกี่ยวกับบ้านเกิดลิลี่มากนัก เพราะไม่เคยถาม และลิลี่ก็ไม่ค่อยเล่า

ลิลี่ทิ้งอดีตอันไม่น่าจดจำไว้ที่บ้านเกิด

จากมุมมองของฉัน ไม่มีความจำเป็นต้องขุดคุ้ยขึ้นมา

ยังคิดถึงบ้านเกิดสินะ…

ท่าทางชัดเจนขนาดนี้

ลิลี่หันไปทางทิศเหนือ จุดที่พวกเรายืนอยู่มีความสูงค่อนข้างมาก ช่วยให้เห็นทิวทัศน์ภูเขาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา

บางส่วนถูกบดบังด้วยเมฆ

ฉันไม่ชินกับภาพที่ก้อนเมฆบดบังอะไรสักอย่าง อาจเคยเห็นบ้างขณะนั่งเครื่องบิน แต่ตรงนี้สูงเพดานการบินมาก

“บ้านเกิดของข้าอยู่ตรงนั้น”

ฉันได้แต่นึกสงสัยว่า สายลมจากเทือกเขาแห่งนี้พัดไปถึงป่าเบอร์มิวด้าได้ยังไง

ลมพัดได้ไกลแค่ไหน?

แต่ก็ช่วยอธิบายว่า เหตุใดป่าถึงดำรงชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแห้งแล้ง

“ถ้าคราวหน้ามีโอกาส ไว้ไปด้วยกันนะ”

“…ได้หรือ?”

“แม่ของเธออยากให้เป็นแบบนั้น”

ลิลี่พยักหน้า ก้มมองกุญแจทองเหลืองที่ห้อยคอ

“อื้อ”

“ฉันเป็นฝ่ายขอร้อง ไม่ต้องขอบคุณกัน”

“…ข้าไม่ได้ขอบคุณ”

ลิลี่จ้องหน้าฉัน

ฉันยังคงมองรูปปั้นปีศาจและยักษ์บนยอดเขา

ถ้าจะพูดให้เกินจริงสักนิด หัวไหล่ของทั้งยักษ์และปีศาจ คล้ายกับกำลังลอยอยู่ในเขตอวกาศมากกว่าท้องฟ้า ยากที่จะจินตนาการว่าใครเป็นคนสร้างขึ้นมา

“รูปปั้นใคร? ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ น่าจะเป็นตำนานสำคัญของโลกนะ เธอพอรู้จักไหม?”

“ปฐมสงคราม… เคยได้ยินมาว่า เทือกเขาโนมิน่ามีภูมิประเทศทำนองนั้น”

“ภูมิประเทศแบบไหน”

“สนามรบที่ปีศาจและยักษ์ปะทะกันครั้งแรกในยุคต้นกำเนิด เป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนยุคทองนานมาก เป็นศึกระหว่างปีศาจไร้นามและปฐมผู้ปกครอง”

“ไหนว่ามังกรเป็นทายาทรุ่นแรกของเทพ แล้วทำไมยักษ์ถึงเป็นปฐมผู้ปกครอง? ยักษ์แข็งแกร่งกว่ามังกรอีกหรือ”

ดูยังไงก็ไม่ใช่

ฉันหวนนึกถึง ‘เบรธ’ ของกิโฮเต้อีกครั้ง

ไม่ว่ายักษ์จะแข็งแกร่งเพียงใด แต่จะโจมตีได้หนักหน่วงยิ่งกว่าเบรธนั้นอีกหรือ?

เทียบกับคราเค่น ฉันสามารถโค่นมันได้ตามลำพัง แต่กับกิโฮเต้แล้วไม่มีวี่แวว

“ยักษ์ไม่ใช่ลูกหลานเทพ พวกเขาปกครองโลกก่อนที่ทายาทรุ่นแรกของเทพจะถือกำเนิด เป็นเหตุผลว่าทำไมยักษ์ถึงเป็นอริกับลูกหลานเทพ”

“…พวกไดโนเสาร์สินะ”

“ไดโนเสาร์?”

“ไม่มีอะไร”

ฉันนึกขึ้นได้ว่า ยักษ์ทั้งหมดที่เคยพบเจอ ล้วนเป็นพวกก้าวร้าวยกเว้นดีโอเน่

…มีตำนานแบบนี้อยู่ด้วยสินะ

ไม่สิ คนโบราณอาจจะเห็นว่ายักษ์ก้าวร้าว ก็เลยแต่งตำนานขึ้นเอง

ตำนานส่วนใหญ่ก็ถูกเขียนขึ้นทำนองนี้

แต่ก็เป็นเหตุผลทำให้มันน่าสนุก

เบื้องหน้าพวกเราเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่ชวนให้ขบคิด

ยอดเขาสูงตระหง่านคล้ายหัวสว่าน วิหารมหึมาที่สร้างบนยอดเขา

อีกทั้งยังมีแม่น้ำที่ตัดผ่านหุบเขาด้านล่าง และเขื่อนที่ส่องประกายสีทองใกล้ๆ กัน

เป็นทิวทัศน์ที่งดงามมาก

แต่ก็ไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่เราสองคนจะรับชมและครุ่นคิดได้นานนัก

“ลงกันก่อนเถอะ ที่นี่หนาวเกินไป”

“เอาเสื้อข้าไหม”

“อย่าทำเป็นเก่ง อากาศที่นี่หนาวเกินไป”

“…ข้าไม่ได้ทำเป็นเก่ง เผ่าพันธุ์ของเราเกิดมาพร้อมกับความหนาว อากาศแบบนี้ไม่เคยสร้างปัญหาให้ร่างกาย”

จากนั้น เราสองคนมองลงไป

ในตำแหน่งห่างไกล ใต้ก้อนเมฆ มีภูมิประเทศที่ดูสบายๆ เหมาะแก่การพักอาศัย

คิดถึงตรงนี้ ฉันเริ่มพบปัญหา

“…เจ้ามีวิธีหรือยัง”

“วิธี?”

“วิธีลงจากที่นี่”

ฉันเข้าใจว่าทำไมลิลี่ถึงถาม

ทางลาดชันที่ปกคลุมด้วยหิมะ ทอดยาวลงไปถึงด้านล่าง

ถ้าเดินเท้าตามปกติอาจต้องใช้เวลาหลายวัน สำหรับลิลี่คงเป็นเรื่องง่ายเพราะคุ้นชินกับความหนาวและภูเขาสูง แต่กับฉันไม่ใช่ การเดินลงจะสิ้นเปลืองพลังกายอย่างมาก

…ได้เวลาทำการทดลองแล้ว

“ลิลี่ ขึ้นหลังเรลิกซิน่า”

“…ตอนนี้?”

“ใช่”

ลิลี่มองด้วยสายตางุนงง แต่ก็ทำตามที่ฉันพูดอย่างว่าง่าย

“รู้ไหมว่าสิ่งใดสำคัญที่สุด ขณะมุ่งหน้าไปให้ถึงจุดหมาย ในดินแดนห่างไกลซึ่งยังไม่มีใครค้นพบ”

“อาหาร? น้ำ?”

“การกำหนดเส้นทาง”

ถ้าเดินทางส่งเดช ไม่นานก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เดินต่อไปไม่ได้ จะกลับก็ไม่ได้

ยิ่งถ้าขาดทักษะสังเกตสิ่งรอบข้าง ก็ยิ่งมีโอกาสสูงที่จะจบไม่สวย

“…สรุปว่า”

“เราต้องกำหนดจุดหมายให้ชัดเจน และรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด ว่ามีสิ่งใดอยู่ระหว่างจุดปัจจุบันกับปลายทาง และมีความเสี่ยงอะไรบ้าง… นี่คือข้อแตกต่างของความฉลาดและประสบการณ์”

“…สรุปว่า”

ฉันหันหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง ด้านล่างมีเขื่อนที่ส่องประกายสีทอง สันเขื่อนกว้างจนสามารถใช้เป็นสะพาน

และเหนือสิ่งอื่นใด ตัวเขื่อนคือร่องรอยอารยธรรมโบราณ

“…ที่นั่นเหมาะกับการเป็นจุดหมายแรกของเรา”

“…สรุปว่า”

“จะให้สรุปอะไรอีก?”

“…เจ้าสั่งให้ข้าขึ้นหลังม้า และมัดข้าไว้กับม้าเพื่ออะไร!”

“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น? มันคือเชือกนิรภัย ฉันทำเพื่อให้เธอไม่บาดเจ็บไง”

หลังจากตรวจสอบเงื่อนที่ผูกลิลี่ ฉันขึ้นหลังเรลิกซิน่าตามไป

“สิ่งสำคัญอันดับสุดท้ายก็คือ ต้องรู้ขีดความสามารถของเพื่อนร่วมงาน และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

ฉันยังไม่ลืม ในตอนที่เรลิกซิน่าวิ่งแข่งกับกิโฮเต้จากเกาะท้องฟ้า

ตอนนั้นเรลิกซิน่าเคลื่อนไหวได้ดีจนผิดคาด

โดยเฉพาะการไถลไปตามเนินเขา เพื่อดูดซับแรงปะทะขณะกระโดดลงจากเกาะท้องฟ้า

“เรลิกซิน่าไม่ใช่แค่ม้า”

“เจ้าคิดจะทำอะไร…”

“เรลิกซิน่า”

“กรร!”

“ไปกันเลย!”

“โฮก—!”

เรลิกซิน่าคำถามพร้อมกับกระทืบพื้นเพื่อพุ่งลงเนินลาดชัน

ลิลี่ไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้อง เธอจดจ่ออยู่กับการโน้มตัวไปข้างหน้าและจับอานม้าแนบแน่น

* * *

สนามรบแห่งแรก

เป็นชื่อที่ถูกตั้งให้กับดินแดนซึ่งเป็นจุดปะทะแรกระหว่างยักษ์และปีศาจ

อาจฟังดูน่ากลัว แต่ในความเป็นจริงค่อนข้างสงบสุข

บนสันเขื่อน ชายชราและหญิงสาวที่ดูเหมือนจะเป็นลูกสาวกำลังเดินผ่าน

“จำเป็นต้องตรวจสอบเขื่อนแบบนี้ทุกครั้งเลยหรือ ไม่มีอะไรทำเลย น่าเบื่อมาก…”

“ได้ทำงานง่ายๆ แบบนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว! นังเด็กไม่รู้จักโต!”

“โอ๊ย! เลิกเขกหัวสักที! ข้าโตป่านนี้แล้ว ทำไมยังถึงยังโดนเขกหัวอยู่อีก?”

“ทีหลังอย่าพูดทุกสิ่งที่คิด”

หญิงสาวลูบหน้าผากพลางพ่นลมหายใจด้วยใบหน้าหงุดหงิด

“เฮ้อ…”

“อย่างน้อยก็ที่นี่ก็ไม่อันตราย นี่เป็นคำสั่งจากท่านหัวหน้าอัศวิน อย่าบ่น”

“จ้า~ จ้า~”

ในเมื่อตอบโต้อะไรไม่ได้ เธอจำใจเดินตรงไปพลางตอบประชดประชัน

ด้านหน้าคนทั้งสองคือยอดเขาขนาดมหึมาที่คอยค้ำจุนเขื่อน

หญิงสาวจ้องมองสักพักก่อนจะพูด

“…พ่อเคยบอกใช่ไหม บนเขาลูกนั้นทั้งแห้งและอบอุ่น?”

“ใช่”

“เคยไปหรือยัง”

ชายแก่ส่ายหน้า

“ไม่มีใครข้ามภูเขาลูกนี้ได้ หากจะข้ามก็ต้องอ้อมไปทางฝั่งตะวันตก”

“กำลังจะบอกว่า ไม่เคยมีใครเหยียบยอดเขานั่นมาก่อน?”

“ใช่ ถ้าไม่มีมังกรหรือเหยี่ยว ก็ไม่มีทางขึ้นไปบนยอดเขาได้ ภูเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงมานานแล้ว ถึงได้ฉายาว่า ‘คนแก่ที่ไม่ขยับ’”

“…เป็นชื่อที่น่าเบื่อจัง”

ทันใดนั้น

ครืน!

เกิดแรงสั่นสะเทือนพร้อมกับแผ่นดินไหว

มนุษย์เพศหญิงรีบจับราวเขื่อนและยึดร่างตัวเองให้แน่นเป็นอันดับแรก จากนั้นก็หันไปมองพ่อ

ชายแก่กำลังก้มมองอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำอยู่เต็ม

สีหน้าเผยความตึงเครียด

ครืน—!

“งูที่หลับอยู่ในเขื่อน…”

“หา?”

หญิงสาวถามด้วยเสียงงุนงง

“ยังไม่ถึงเวลาที่งูตัวนั้นจะตื่นสักหน่อย…”

มีงูยักษ์หลับใหลอยู่ที่ก้นเขื่อน

เสียงเมื่อครู่เกิดจากการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดยักษ์ซึ่งจะตื่นเป็นเวลา เว้นเสียแต่จะถูกยั่วยุ

ผิวน้ำเริ่มกระเพื่อม เงาดำที่ส่ายไปมาใต้น้ำเผยตัวครู่หนึ่งก่อนจะหายไป

ผิวหนังที่เหี่ยวย่นของชายแก่กำลังขนลุกซู่

ตามที่ลูกสาวพูด ยังเหลือเวลาอีกนานกว่างูจะตื่น ตอนนี้เป็นช่วงเวลาปลอดภัย

พวกตนจึงไม่ควรเห็นงู

แต่ผิดไปจากความคิดของชายแก่ งูบรรจงโผล่หัวพ้นผิวน้ำอย่างเชื่องช้า

งูที่หัวใหญ่เท่าบ้าน ยกศีรษะขึ้นโดยไม่มีท่าทีหวาดหวั่น

น้ำไหลลงจากกลางกระหม่อม ดวงตาที่ค่อยๆ ลืมขึ้น มิอาจระบุได้ว่ากำลังมองไปทางไหน

ลิ้นแลบออกมาเล็กน้อย เป็นนัยว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้มีสติ

งูนำศีรษะพาดกับสันเขื่อนราวกับต้องการพยุงตัว

ตึง!

แรงสะเทือนแล่นผ่านปลายเท้า ขณะเดียวกัน ทั้งชายแก่และลูกสาวที่เหม่อลอยไปสักพักต่างได้สติ

“ป…เป็นไปไม่ได้”

“พ่อ… พ่อ! ทำยังไงกันดี?”

หญิงสาวเผยสีหน้าหวาดผวา แต่พยายามครองสติไว้จนถึงที่สุด

“ต้องแจ้งหมู่บ้านเดี๋ยวนี้… ต้องบอกกองอัศวินด้วย”

“…”

…นี่มันเรื่องบ้าอะไร

ชาแก่ไม่ได้พูดคำสุดท้ายออกไป

งูเลื้อยขึ้นมาบนสันเขื่อนแล้ว หากมันออกจากอ่างเก็บน้ำและลงไปข้างล่างเขื่อน ชาวบ้านด้านล่างที่อพยพไม่ทันจะเกิดหายนะ

“ฟ่อ—”

งูแลบลิ้นยาวพลางชะโงกหัวลงไปข้างล่าง ราวกับตรวจพบเหยื่อจำนวนมากที่นั่น

สายตาจ้องไปทางหมู่บ้านอย่างแม่นยำ เกล็ดที่ปกคลุมผิวหนังทั้งเปียกและมันเงา

ทันใดนั้น

แรงสั่นสะเทือนแปลกประหลาดพุ่งผ่านอากาศ ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่ลม แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น ทั้งสองได้พบกับทิวทัศน์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“…?”

ตอนแรกคิดว่าภูเขาถล่ม แต่ไม่นานก็ตระหนักว่าเป็นหิมะถล่ม

คลื่นหิมะที่เริ่มจากยอดเขา ไถลลงมาพร้อมกับควันสีขาว

เพราะดูแล้วไม่อันตราย ทั้งสองจึงไม่ได้แตกตื่น แต่ฉากตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่จะยืนมองอย่างไร้อารมณ์

“…คนแก่ที่ไม่ขยับ…”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่…”

ในสายตาหญิงสาว ฉากตรงหน้าอาจไม่ได้อลังการนัก แต่สำหรับชายชราที่ยึดมั่นกฎของโลก ภาพนี้น่าพรั่นพรึงเหนือพรรณนา

ตลอดชีวิตของชายแก่ที่อาศัยอยู่บนโลกมานานกว่าหกสิบปี ภูเขาลูกนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้แต่ครั้งเดียว

แล้วทำไมหิมะถึงถล่ม?

นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ

คลื่นหิมะเข้าใกล้พื้นดินในเวลาอันสั้น อากาศเย็นพัดผ่านไปทั่วเขื่อน

จนกระทั่งหิมะอยู่ไม่ห่าง ทั้งสองเพิ่งตระหนัก

ความจริงที่ว่า หิมะถล่มครั้งนี้รุนแรงกว่าที่คิด

ซ่า—!

คลื่นหิมะไม่ได้หยุดเมื่อกระทบเขื่อน แต่ยังคงไหลไปตามผิวน้ำอย่างเกรี้ยวกราด

หิมะระลอกหลังที่ตามมา ช่วยเสริมพลังทำลายและความเข้มข้น

“…?”

งูรู้สึกถึงภัยคุกคามที่ย่างกรายเข้าหา แต่สาเหตุที่ยังไม่ขยับตัว เพราะมันไม่คิดว่าจะมีสิ่งใดทำอันตรายตนได้

โครม!

คลื่นหิมะพุ่งปะทะหัวงูด้วยความเร็วสูงประหนึ่งหมู่ป่า

คลื่นหิมะหลายระลอกกระแทกหัวงูอย่างต่อเนื่อง

ศีรษะที่พาดอยู่กับสันเขื่อนเริ่มสั่นสะท้าน งูยักษ์เริ่มมึนงงเพราะแรงปะทะ

หญิงสาวและชายชราต่างอ้าปากค้างหลังจากเห็นภาพตรงหน้า

หิมะกระเซ็นปะทะผิวหนังทั้งสองรุนแรง

เสียงที่ไม่ควรได้ยิน ดังมาจากภายในพายุหิมะ

“เรลิกซิน่า! วิ่งต่อไป! ถ้าถูกไล่ทัน พวกเราจะกลายเป็นเนื้อแช่แข็งกันหมด!”

“กรร—!”

ท่ามกลางควันสีขาวกลุ่มใหญ่

ท่ามกลางคลื่นหิมะถล่ม มนุษย์คนหนึ่งโผล่ออกมาพร้อมกับม้าที่มีแผงขนลุกไหม้

“เราชนะแล้ว!”

“จ…เจ้า… เจ้า! ครั้งนี้เราต้องคุยกัน! ข้าพูดจริงนะ!”

“อะไรนะ? ไม่ได้ยินเลย!”

“อย่าตีเนียน! พวกเราหยุดวิ่งแล้ว!”

“อ๊ะ! แก้วหูถูกแช่แข็งแน่เลย”

“…พ่อ”

ชายแก่ทำได้เพียงยืนมองฉากนั้น

อีกฝ่ายคือมนุษย์ผู้พูดภาษาที่ตนไม่เข้าใจ

ทั้งที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน

ในใจชายชรากำลังหวนนึกถึง

ตำนานของเทพที่ลงมาจากยอดเขา ‘คนแก่ที่ไม่ขยับ’ ด้วยร่างมนุษย์

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (3/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด