ตอนที่แล้วตอนที่ 514 - บทเพลงออกรบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 516 - พวกอ่อนแอไม่มีสิทธิ์

ตอนที่ 515 - เป้าหมายที่ต้องชนะคือ นักสู้ระดับฟ้า


คนของทวีปมังกรทะยานหรือ?

หัวใจของเย่ว์หยางสั่นสะท้านเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว

ทำไมศัตรูจึงเรียกเป็นชาวมังกรทะยานแทนที่จะเป็นชาวอเวจี หรือบางทีก็เป็นปีศาจเผ่าบูรพา? เป็นไปได้ไหมว่าตั้งแต่ยุคโบราณกาล ทวีปมังกรทะยานมีนักสู้ที่ทรงพลังมากที่สุด?

ก่อนที่เย่ว์หยางจะทันมีเวลาคิด เงาร่างหกสายก็พุ่งผ่านราชันย์ปีศาจใต้และผู้เฒ่าหนานกงที่กำลังยืนป้องกันทางผ่านแก้วผลึกอยู่ พวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วกว่าแสงเป็นร้อยเท่า พวกเขาไปปรากฏอยู่ที่กลางลานแก้วผลึกทันที ราชันย์ปีศาจใต้และผู้เฒ่าหนานกงสังเกตว่าอีกฝ่ายยังไม่มีท่าทีลงมือ ทั้งคู่จึงไม่ห้ามพวกเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขารีบกลับไปอยู่ข้างตัวเย่ว์หยาง

เงาร่างทั้งหกปรากฏอยู่ในเวทีสี่เหลี่ยม

พวกเขายืนเป็นรูปวงกลมเผชิญหน้ากับศัตรู เหมือนกับว่าพวกเขากลัวการโจมตีของศัตรู

เย่ว์หยาง, ราชันย์ปีศาจใต้และผู้เฒ่าหนานกงยังไม่เคลื่อนไหว พวกเขาตัดสินใจสังเกตการณ์เงียบๆ ก่อน

ราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้ารวมทั้งบริวารทั้งสองของพวกเขาพยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาไปสมทบกับจักรพรรดิใต้พิภพซึ่งเพิ่งจะโผล่ออกมาจากทางเดินแก้วผลึก ในขณะเดียวกันนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งที่เป็นมนุษย์และมิใช่มนุษย์จำนวนหลายสิบคนยืนหลบอยู่ในระหว่างนักรบโบราณปฏิเสธจะเปิดเผยสถานะของพวกเขา ลึกๆ แล้วพวกเขากลัวถูกศัตรูเปิดเผยสถานะพวกเขา นอกจากนี้ พวกเขายังไม่ต้องการบุกเป็นพวกแรก

นักรบโบราณกลับมาล้อมศัตรูทั้งหกไว้โดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะชนะในแง่ปริมาณ แต่ในแง่คุณภาพเมื่อเทียบกันแล้วพวกเขายังอ่อนอยู่

โดยพื้นฐานนั้นเทียบกันมิได้

คู่ต่อสู้ทั้งหกเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งทรงพลังกันทั้งหมด เป็นระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด คนที่มีพลังมากก็คือ บุรุษผมเงินคนหนึ่งที่ยังหลับตาอยู่ ทักษะของเขายังเหนือกว่าราชาเฮยอวี้มาก บุรุษที่ร่างงดงามผู้นี้มีผมยาวจนแทบถึงพื้นดูเหมือนจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสอง อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังจักษุญาณทิพย์ของเขา เย่ว์หยางสามารถเห็นได้ว่าพลังที่แท้จริงของเขาก็คือปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสาม แม้ว่าเขาจะสวมชุดบัณฑิตธรรมดา แต่ก็มีแรงกดดันจากตัวเขาที่มองไม่เห็น มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ของราชาเฮยอวี้

เย่ว์หยางไม่สามารถนึกภาพออกเลยว่า พลังของคนผู้นี้เวลาถูกปล่อยออกมาจะเป็นพลังแบบใด หากเขาใช้อาวุธชั้นศักดิ์สิทธิ์หรือชั้นเทพ

หากไม่นับบุรุษผมเงินยาวรูปงาม ก็ยังมีอีกสองคนซึ่งมีพลังแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชาเฮยอวี้

คนหนึ่งมีเปลวเพลิงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เขามีลักษณะคล้ายอสูรธาตุไฟ อย่างไรก็ตามเขาเป็นสิ่งมีชีวิตและเขาเป็นมนุษย์ที่แท้จริง

อีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างบุรุษที่มีเพลิงลุกไหม้ เขามีลักษณะคล้ายเป็นปกติ อย่างไรก็ตามภายใต้จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปแบบประหลาด ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยโลหะ

เย่ว์หยางรู้สึกว่าคนผู้นี้คล้ายกับคนเหล็กรุ่น T-1000 จากหนังเรื่องเทอมิเนเตอร์(ภาค 2) พวกเขามีความสามารถเปลี่ยนแปลงร่างได้อย่างอิสระ

ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือว่าคนผู้นี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ที่ทำจากซิลิคอน

เขาไม่ใช่หุ่นยนต์

รูปแบบชีวิตซิลิคอนนี้ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ ความแข็งแกร่งของเขาเทียบเท่ากับมนุษย์ที่ร่างกำลังลุกไหม้และราชาเฮยอวี้ พลังของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน

ความสามารถที่ซ่อนอยู่ของราชาเฮยอวี้ทำให้เขาดูทรงพลังมากกว่าบุรุษร่างเพลิงและบุรุษโลหะซิลิคอน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบในแง่พลังที่แข็งแกร่งที่สุด บุรุษผมเงินที่หลับตายังคงมีความแตกต่างแน่นอน

แม้ว่าร่างโลหะซิลิคอนไม่สามารถเทียบได้กับเหล็กไหลดาวตกของเขา แต่เย่ว์หยางมีแรงบันดาลใจอยากจะได้ชิ้นส่วนร่างกายเขาไปตรวจสอบค้นคว้า บางทีเขาอาจใช้ประโยชน์จากโลหะพิเศษจากตัวโลหะเหลวเพื่อผลิตอาวุธที่ดียิ่งขึ้นหรือสร้างตุ๊กตาหุ่นรบให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

นอกจากคนทั้งสามที่ยืนอยู่ข้างหน้าแล้ว ศัตรูอีกสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน

แต่ละคนล้วนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าทั้งนั้น พวกเขาอ่อนแอกว่าราชาเฮยอวี้ แต่เมื่อเทียบกับจักรพรรดิฟ้าและจักรพรรดิใต้พิภพแล้ว พวกเขาแข็งแกร่งกว่ามาก

คนที่สูงที่สุดในสามคนนั้น เป็นนักสู้ครึ่งมนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์…. ไซบอร์ก

เขาสูงถึงสิบเมตร

เย่ว์หยางไม่สามารถนึกภาพออกเลยว่า เลือดเนื้อจะทำงานเข้ากันได้ดีกับเครื่องกลโลหะให้ดีได้ยังไง

แม้ความจริงจะปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาก็ตาม

บางทีจักรวาลของเจ้าผู้นี้จะอยู่ในมิติเดียวกับคนที่ใช้เกราะชีวภาพ “กายเวอร์” อย่างนั้นหรือ?

เย่ว์หยางหันไปมองนักสู้ที่มีความสามารถเป็นระดับที่ห้า เขาเป็นตัวประหลาดครึ่งโครงกระดูก ครึ่งอสุรกาย ตั้งแต่สะเอวลงมาเขาไม่มีร่างกายท่อนล่าง ไม่มีแขนที่แท้จริงแต่อย่างใด มีแต่เพียงแขนพลังงานและมือกระดูกข้างหนึ่งอยู่ข้างหน้า มือที่เป็นกระดูกซ่อนพลังงานไว้ครึ่งหนึ่งซึ่งเรืองแสงสีฟ้าเลือนลาง การปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดรูปแบบต่างๆ สร้างความตกตะลึงให้กับจักรพรรดิใต้พิภพ

ทั้งนี้เพราะเขาตระหนักได้ว่าศัตรูผู้นี้ได้พัฒนาระดับพลังขึ้นมาสูงกว่าระดับราชาลิช คู่ต่อสู้ได้ผสานโครงกระดูก พลังงานและวิญญาณเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ

นักสู้คนที่หกเป็นมนุษย์อสูรที่มีความคล้ายกับเผ่าปีศาจบูรพา

เขาคือมนุษย์สมิงสูงสามเมตร

เขากับสมาชิกเผ่าปีศาจบูรพาไม่มีความแตกต่างกันมากนัก เมื่อใช้จักษุญาณทิพย์มองเข้าไป เย่ว์หยางพบว่าแม้แต่สายเลือดของเขาก็ยังมีความคล้ายคลึงกับเผ่าปีศาจบูรพา

มีความแตกต่างกันอยู่ก็คือ เจ้ามนุษย์สมิงร่างใหญ่และบึกบึนนี้มีสามตา

ที่กลางหน้าผากของเขามีม่านตาสีทองซึ่งมีขนาดเท่ากับกำปั้น มันไม่มีเปลือกตาสำหรับครอบคลุม แต่สามารถกลอกไปมามองดูคนได้ มนุษย์สมิงดูเหมือนจะไม่สนใจใคร นอกจากราชันย์ปีศาจใต้ มนุษย์สมิงจ้องมองนางและสูดกลิ่นอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะงงกับความจริงที่ว่าราชันย์ปีศาจใต้แห่งเผ่าปีศาจบูรพาจะมีลักษณะชีวภาพที่คล้ายกับเขา

“นี่มันอะไรกัน?” มนุษย์สมิงผู้สำรวจเหตุการณ์มองเห็นเด็กสาวยักษ์นอนอยู่บนพื้น เขาถึงกับมึนงง “อย่าบอกข้านะว่าพวกเจ้าสู้กับเทพธิดาศึกผู้ปกป้องทวีปมังกรทะยานและทำให้นางหมดสติ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” มนุษย์ไซบอร์กอดหัวเราะไม่ได้หลังจากได้ทราบข่าว เขาหัวเราะจนตัวงอ ควันขาวถูกปล่อยออกมาจากร่างจักรกลของเขา

“งี่เง่า, เจ้ากระดูกงี่เง่า…” อสุรกายกระดูกครึ่งร่างแค่นเสียงน่ากลัว เสียงเหมือนภูตผีคร่ำครวญ เขาเยาะเย้ยเย่ว์หยางและพวกที่เหลืออย่างไม่เกรงใจ

เย่ว์หยางพูดไม่ออก ความจริงทั้งหมดนี้เป็นเพราะการกระทำที่งี่เง่าของราชาเฮยอวี้ มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย

แต่ตอนนี้ ทุกคนต้องถูกคนนอกเยาะเย้ยหยันและขอบคุณเขา

ช่างน่าสมเพชจริงๆ!

แน่นอนว่าราชาเฮยอวี้แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร เขาจะไม่มีทางยอมรับความผิดพลาดนี้ต่อหน้าธารกำนัล ยิ่งกว่านั้น ยังมีศัตรูที่ทรงพลังอยู่ที่นี่ถึงหกคน เขายังคงไม่แน่ใจว่าพวกเขาต้องการจะทำอะไร ดังนั้นเขาจึงลอบป้องกันตนเองไว้ เขาตัดสินใจดูความเป็นไปของเหตุการณ์ก่อน

บุรุษรูปงามผมเงินที่ยังคงหลับตาและปิดปากเงียบมาตลอดจู่ๆ ก็เปิดปากพูด “ข้าหวงฉวนเป็นศิษย์คนโตของเจ้าสำนักกุยฉางแห่งแดนสวรรค์ ข้าได้ฝึกฝนอยู่ในแดนสวรรค์มาเป็นเวลาแปดร้อยปี ข้าได้รับเลือกจากแดนสวรรค์ตะวันออกให้เข้าร่วมสงครามโบราณ ขอเรียนถาม ใครเป็นผู้ได้รับเลือกจากแดนสวรรค์ตะวันตก?”

ผู้เฒ่าหนานกง, ราชาเฮยอวี้, จักรพรรดิฟ้า, จักรพรรดิใต้พิภพและคนที่เหลือมองหน้ากันและกันอย่างสับสน

ผู้ได้รับเลือกน่ะหรือ

แดนสวรรค์?

นับตั้งแต่จักรพรรดิอวี้สู้กับสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ย้อนไปหลายพันปี ก็ยังไม่มีข่าวว่ามีผู้ใดสามารถไปจนถึงแดนสวรรค์ได้ แล้วนี่มีการเลือกตัวแทนให้เริ่มสงครามโบราณได้อย่างไร?

“ผู้ได้รับเลือกอะไรกัน? ต้องมีคนเข้าแดนสวรรค์เพื่อเริ่มสงครามนี้ด้วยหรือ? เราไม่รู้อะไรเลย” ราชันย์ปีศาจใต้คิดว่าหีบสี่ใบที่นางได้เลือกก่อนนั้นคงเป็นต้นเหตุ นางรู้สึกผิดตั้งแต่ตอนนั้น นางรู้สึกว่าถ้านางไม่พาเย่ว์หยางและราชาเฮยอวี้ออกมาล่าสมบัติ เรื่องอย่างนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น เกี่ยวกับคำพูดของศัตรู ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับนาง ต้องมีเรื่องอื่นซ่อนอยู่ภายในเป็นแน่

“เป็นไปได้หรือว่าพวกเจ้ายังไม่เคยได้ไปแดนสวรรค์? เจ้าไม่รู้เรื่องบุคคลที่ได้รับเลือกหรือ?” มนุษย์สมิงสามตาตะลึง

“เจ้าพวกบ้านนอกเอ๊ย, พวกเจ้ามัวแต่ไปอยู่หลังเขาที่ไหนกัน? พวกเจ้าพยายยามจะเล่นตลกและทำให้ข้าขำจนตายใช่ไหม?” มนุษย์ไซบอร์กหัวร่อเกลือกกลิ้งกับพื้น น็อตสกรูในตัวเขาถึงกับคลายเกลียวหลุดออกมาเพราะหัวเราะหนักเกินไป

“ปรากฏว่าในศึกระหว่างแดนสวรรค์เหนือ, ใต้, ตะวันออกและตะวันตกคงต้องสาบสูญไปอย่างแน่นอน ก่อนต่อสู้ เจ้าต้องปล่อยให้เราฆ่าคนก่อนสามสิบคน เราแข็งแกร่งกว่าเราจึงมีสิทธิ์ได้คะแนนเพิ่ม ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น ขณะที่ไม่ว่าเจ้าจะสามารถผ่านสังเวียนมรณะได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า เราพวกตระกูลเพลิงไม่สนใจเป็นพันธมิตรกับพวกอ่อนแอ” มนุษย์เพลิงสั่งให้ราชาเฮยอวี้ส่งคนสามสิบคนให้ตั้งแต่เริ่มแรก

นักสู้ปราณก่อกำเนิดต่างเผ่าพันธุ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มนักรบโบราณต่างพากันหวาดกลัว

ในตอนนี้ แม้แต่ราชาเฮยอวี้ก็ยังไม่สามารถป้องกันตนเองได้

ทำไมเขาจึงต้องห่วงใยพวกนั้นด้วย?

การคุกคามของศัตรูเห็นได้ชัดว่าต้องการสร้างความเสียหายให้พวกเขา แต่พวกเขาไม่สามารถต่อต้านได้

แม้ว่าไม่มีใครยินดีจะตายที่นี่ แต่หลายคนเข้าใจดีแล้ว บางทีพวกเขาอาจมีปัญหาเพียงแค่พยายามหนี ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน ก็ต้องมีความสามารถ เมื่อมีพลังไม่พอ พวกเขาก็ต้องถูกกำจัดออกไป

เมื่อเผชิญกับการคุกคามของมนุษย์เพลิง ด้านราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าก็มีปัญหาเพิ่ม ไม่มีคนเพียงพอ

คนที่ศัตรูหมายถึงอาจไม่ใช่นักรบโบราณ แต่อาจเป็นพันธมิตรผู้ร่วมรบ อย่างไรก็ตาม แม้เพิ่มคนที่เข้ามาด้วย ก็มีเพียงยี่สิบห้าคน พวกเขาจะหาคนสามสิบคนได้ยังไง? แม้ว่าหลังจากศัตรูฆ่าคนไปสามสิบคนแล้ว จะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาจะไม่ตัดสินใจโจมตีพวกเขาเอง?”

“สังเวียนมรณะคืออะไร? พวกเจ้าอธิบายให้ชัดเจนได้ไหม?” เย่ว์หยางยังคงสับสน

“คนอย่างเจ้าไม่รู้อะไรจริงๆ หรือ?” มนุษย์สมิงสามตาทำหน้าอายแทน

“เรา.. ช่วงเวลาสองสามพันปี ก็ไม่มีผู้ใดเข้าแดนสวรรค์ได้อีกเลย” ผู้เฒ่าหนานกงพูดความจริง

“เป็นไปไม่ได้!” นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาทุกคนสงสัยทันที

“มนุษย์ชาวทวีปมังกรทะยานมักจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุด ไม่ว่าพวกเขาจะมีฝีมือสวะขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถเข้าแดนสวรรค์ได้! ยิ่งกว่านั้น ถ้าพวกเขาไม่สามารถเข้าแดนสวรรค์ได้ แล้วสงครามโบราณนี้เริ่มขึ้นได้ยังไง? เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!” คนที่เพลิงปกคลุมยังมั่นความคิดตัวเองเต็มที่

“ต้องมีคนจากแดนสวรรค์ถึงจะเริ่มสงครามโบราณนี้ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมสนามรบโบราณถึงได้ปรากฏที่นี่?” มนุษย์สมิงสามตาไม่เชื่อคำพูดของผู้เฒ่าหนานกง

“คนที่เริ่มสงครามโบราณ จะต้องเป็นคนที่ได้รับเลือก” มนุษย์ไซบอร์กกล่าวเสริม

“ถ้าเป็นคนที่ถูกเลือก อย่างนั้นเขาจะสามารถได้ยินเสียงจากรหัสโบราณ เขาจะสามารถนำเผ่าพันธุ์ทั้งหมดเข้าต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ..” คำพูดของมนุษย์สมิงสามตาทำให้เย่ว์หยางสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ เขาเป็นผู้ถูกเลือกหรือ? นั่นเป็นการพูดพล่อยๆ หรือเปล่า เขาไม่เคยเห็นแดนสวรรค์มาก่อน แล้วเขาจะเป็นคนเริ่มสงครามโบราณที่กล่าวถึงนี้ได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องไร้สาระชัดๆ!

“พวกท่านได้ยินเสียงรหัสโบราณกันหรือเปล่า?” เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นถามคำถามและหวังว่าราชาเฮยอวี้จะชูมือแบกรับความผิดไปเอง

“….” คนรอบๆ ตัวเย่ว์หยางพากันเงียบทั้งหมด

“เป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีผู้ได้รับเลือก คนที่ได้รับเลือกจะได้เป็นผู้นำของพวกเจ้า หากปราศจากผู้นำพวกเจ้าจะไม่มีทางเข้าใจกฎและข้อกำหนดต่างๆ สำหรับสงครามโบราณ พวกเจ้าจะกลายเป็นเนื้อที่ขึ้นเขียง ผู้ได้รับเลือกต้องอยู่ที่นี่ เขาต้องซ่อนตัวอยู่แน่นอน” มนุษย์เพลิงโบกมือ เพลิงพิโรธกระพือโหมขึ้นสู่ท้องฟ้า “ข้าไม่สนใจว่าจะมีผู้ได้รับเลือกหรือไม่ พวกเจ้ามันก็แค่กลุ่มที่อ่อนแอ ดังนั้นพวกเจ้าควรเจียมตัวว่าอ่อนแอ!”

“สู้เพื่อความตายของผู้คน ไม่มีทางยอมแพ้” ทัศนคติของผู้เฒ่าหนานกงหนักแน่นมั่นคง ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงไหน เขาจะไม่ยอมแพ้

“ขอให้หวงฉวนได้อธิบายหน่อยเถอะ..” บุรุษผมเงินพูดอย่างเนิบนาบ “พวกเจ้าอาจถูกดึงเข้าสู่สงครามโบราณโดยมิได้รับรู้อะไรเลย แต่ข้าสามารถยืนยันพวกท่านได้ว่านี่คือสมรภูมิมรณะ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ให้เผ่าพันธุ์ระดับต่ำจากแดนสวรรค์เหนือ, ใต้, ตะวันออกและตะวันตกสู้แลกชีวิตกัน ผู้ชนะจะได้รับสมบัติชั้นเทพ ผู้แพ้จะตกอยู่ในความตายนิรันดร์ถูกผนึกอยู่ในลานแก้วผลึกนับล้านล้านปี เว้นแต่ผู้แพ้จะมีความสามารถรวบรวมคะแนนในการรบที่มาถึง ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่พ้นไปจากชะตากรรมถูกทำลายได้ บางทีพวกท่านอยากจะรู้เหตุผลที่เราไม่ฆ่าพวกท่าน ทั้งที่เราก็เป็นศัตรูของพวกท่าน นั่นเป็นเพราะต่อให้เราฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด เราก็อาจรวบรวมคะแนนได้ไม่ถึงร้อย ศัตรูแรกที่เราต้องเผชิญหน้าก็คือเพชฌฆาตโบราณ ที่ถูกปล่อยออกมาโดยรหัสโบราณ เพื่อป้องกันเผ่าพันธุ์ต่างๆ แอบก่อตั้งพันธมิตร สมรภูมิโบราณจะปล่อยเพชรฆาตโบราณออกมาชั่วโมงละสิบตัว เพชฌฆาตโบราณเหล่านี้จะโจมตีไม่เลือก ภารกิจของพวกมันคือฆ่าผู้เข้าร่วมทุกคน ทุกครั้งที่พวกมันฆ่าผู้เข้าร่วมแข่ง พวกมันจะได้รับสหายเพชฌฆาตเพิ่มมาตนหนึ่ง พวกเจ้าที่มาจากทวีปมังกรทะยานสูญเสียโอกาสได้รับสมบัติชั้นเทพไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ตามกติกา พวกเจ้าต้องส่งคนสามสิบคนมาเพิ่มคะแนนให้เรา จากนั้นเราค่อยตัดสินใจว่าผู้ร่วมแข่งขันที่แข็งแกร่งที่เหลือจะได้เข้าร่วมสังหารเพชรฆาตโบราณและได้รับคะแนนพอที่จะออกไปได้หรือไม่”

“ถ้าเป็นกรณีอย่างนี้ ทำไมเราทุกคนถึงไม่ร่วมมือกัน รวมพลังให้ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วฆ่าเพชรฆาตโบราณ?” จักรพรรดิฟ้ารู้สึกว่าพวกเขาควรร่วมมือกันอย่างเต็มที่

อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็สามารถร่วมมือกันได้ในตอนนี้

คงจะไม่สายเกินไปที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายหลังจากทุกคนรวบรวมคะแนนได้ถึงร้อยแล้ว

แน่นอนว่าศัตรูต้องการทำลายพลังของเย่ว์หยางและคนอื่นๆ จากทวีปมังกรทะยาน การรวบรวมคะแนนให้ได้ไว้ก่อนจะเป็นประโยชน์ต่อการกดดันศัตรูขณะที่ใช้ในการหลบหนีได้ในภายหลัง อาจจะลดโอกาสของจำนวนเพชรฆาตโบราณไม่ให้เพิ่มขึ้นในภายหลัง

ปัญหาก็คือ ถ้าฝ่ายเย่ว์หยางฆ่าพันธมิตรสามสิบคน ก็เหมือนกับว่าต้องหักคะแนนออกไปสามสิบคะแนน และใครจะสามารถรอดชีวิตออกไปจากสมรภูมิมรณะนี้ได้เล่า?

“พวกเจ้าต้องเปลี่ยนคนที่ไร้ประโยชน์ให้เป็นคะแนนเพื่อพวกเรา นี่เป็นเงื่อนไขพื้นฐานมาก ถ้าเจ้าไม่ทำเช่นนั้น เราจะทำด้วยตัวเราเองและฆ่าพวกเจ้าทีละคน! พวกเจ้าไม่มีโอกาสต่อรองกับพวกเรา เรา ตัวแทนแต่ละฝ่ายมีการเตรียมพร้อมกับการรบครั้งนี้มาหลายร้อยปีแล้ว ทุกๆ ฝ่ายจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าสามคนเป็นอย่างน้อย แต่พวกเจ้ามีเพียงคนเดียว พวกเจ้าไม่มีทางต่อกรกับเราได้” มนุษย์เพลิงกระตือรือร้นที่จะฆ่า

“พวกอ่อนแอไม่มีสิทธิ์!” มนุษย์โลหะเหลวที่ไม่พูดอะไรจนบัดนี้พยักหน้าเห็นด้วย

“นอกเหนือจากคนผู้นี้ พวกที่เหลือไม่ค่อยมีประโยชน์นัก ข้าว่าเราฆ่าพวกมันให้หมดดีกว่า ป้องกันจำนวนเพชฌฆาตโบราณเพิ่มขึ้น” อสุรกายครึ่งกระดูกชี้ไปที่ราชาเฮยอวี้ด้วยท่าทีพิกล

เห็นได้ชัดว่ามีเพียงราชาเฮยอวี้เท่านั้นที่พวกมันยอมรับ คนที่เหลือจะกลายเป็นเหยื่อที่เสียสละของศัตรูเพื่อเพิ่มคะแนนของพวกเขา

ราชาเฮยอวี้ลอบชื่นชมยินดี

เขาปลอดภัย บางทีการปกป้องจักรพรรดิฟ้าและบริวารทั้งสองของเขา พยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาก็คงไม่เป็นปัญหา

สำหรับผู้เฒ่าหนานกง, จักรพรรดิใต้พิภพและเย่ว์หยาง ก็ช่างพวกเขาปะไร ตอนนี้เขาสามารถกำจัดพวกมันได้ทั้งหมด จะมีแค่เพียงหญิงสาวผู้ฉลาดอย่างราชันย์ปีศาจใต้ ถ้านางตายก็คงน่าเสียดาย ถ้านางยินดีเข้าร่วมกับเขา เขาอาจจะช่วยนางก็ได้ อย่างไรก็ตาม คงเป็นไปไม่ได้ เป็นเพราะเผ่าปีศาจบูรพามีลักษณะแน่วแน่มั่นคงมาก แม้ในสภาพสิ้นหวัง พวกเขาก็ยังยอมรับ พวกเขายินดีกอดคอท้าทายร่วมกัน นั่นเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตของชนเผ่าทั้งหมด

ไม่เป็นไร ถ้าบางอย่างไม่ได้เป็นของเขา ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับฝืนใจ

ยังไงก็ตาม ก็แค่สตรีคนเดียว…

ราชาเฮยอวี้เชิดคางด้วยความหยิ่งยโส เขาไม่มองผู้เฒ่าหนานกงและราชันย์ปีศาจใต้อีกต่อไป

จักรพรรดิฟ้ารีบไปยืนข้างเขาด้วยความชื่นชม เขาทำท่าทางราวกับว่าเขาเสียใจเหลือเกินที่พี่น้องของเขาต้องได้รับบาดเจ็บ

นักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งที่เป็นมนุษย์และมิใช่มนุษย์สิ้นหวังกันทุกคน พวกเขาไม่ต้องการแม้แต่จะมองสีหน้าของราชาเฮยอวี้ ราชาเฮยอวี้ผู้นี้ไม่น่านับถือเสียเลย ท่านหนานกงเป็นเพียงคนเดียวที่พวกเขานับถือเชื่อใจ แต่น่าเศร้าที่เขาไม่ได้เป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาไม่สามารถได้รับการยอมรับจากพวกเขา และไม่สามารถปกป้องทุกคนได้

อสุรกายผู้มีกระดูกครึ่งตัวควงนิ้วและชี้ไปที่ราชันย์ปีศาจใต้

ราชันย์ปีศาจใต้ร่างเริ่มสั่นสะท้าน

เย่ว์หยางก้าวขึ้นไปยืนขวางข้างหน้านางอย่างกล้าหาญ

“ข้าต้องการฆ่าสตรีก่อน แต่เด็กมนุษย์นี่ดูเหมือนจะมีความเห็นเป็นอื่น งั้นฆ่าเขาก่อนก็แล้วกัน” อสูรกายร่างกระดูกครึ่งเดียวหัวเราะอย่างชั่วร้าย

เย่ว์หยางยอมทนฟังพวกนี้เป็นเวลานาน หลังจากได้ยินเจ้ากระดูกขาวผู้นี้พูดว่าต้องการฆ่าเขา เขาถึงกับระเบิดอารมณ์โกรธออกมา “อะไรกันนี่, แสดงท่าทางอันธพาลแค่เพราะสารรูปอย่างเจ้า จะว่าคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิงน่ะเหรอ? ซุนหงอคงสามารถฆ่าปีศาจกระดูกขาวด้วยการฟาดสามที เขาก็สามารถจัดการเจ้าได้ ข้าก็ทำได้เหมือนกัน พอดีเลย หมาเฝ้าบ้านข้าจะได้ไม่ขาดแคลนกระดูกไว้แทะเล่นอีกต่อไป คุณชายอย่างข้า จะขอรื้อกระดูกเหม็นๆ ของเจ้าไปเป็นอาหารสุนัขของข้า”

“…..” ราชาเฮยอวี้และคนที่เหลือได้ยินเขาพูด ทุกคนถึงกับปากอ้าค้างไปตามๆ กัน

เจ้าเด็กนี่ หยิ่งเกินไปหรือเปล่า?

คู่ต่อสู้ของเขา อย่างน้อยก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง และด้วยร่างเล็กบอบบางอย่างเขา เขายังต้องการจะสู้กับพวกนั้นอีกหรือ?

ราชันย์ปีศาจใต้รีบกระทุ้งเย่ว์หยาง ส่งสัญญาณไม่ให้เขาวู่วาม

เย่ว์หยางกันนางออกไป “พวกเจ้าไปอยู่ห่างๆก่อน นักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า แล้วไงเล่า? ข้า..คุณชายผู้นี้ขอทุบนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าเอง!”

ทั่วทั้งลานเงียบกันหมด

ทุกคนพูดไม่ออก

จากมุมมองของฝ่ายตรงข้าม ถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่โง่เง่า เขาก็คงจะบ้าไปแล้วแน่นอน หรือไม่อย่างนั้นสมองของเขาก็คงผิดปกติ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงประเมินตัวเองสูงจนเกินไปจึงได้ท้าทายด้วยท่าทีเหลวไหลอย่างนั้น

อสูรกายร่างครึ่งกระดูกที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าถึงกับหัวเราะลั่น แต่เสียงหัวเราของเขาคล้ายกับภูตผีคร่ำครวญ “ข้าคือเวิ่งจินจากเผ่ากระดูก ข้าสามารถใช้นิ้วเดียวฆ่าเจ้าภายในวินาทีเดียว ข้าหวังว่าเจ้าจะระบุชื่อข้าได้ถูกนะ ข้าอยากรู้มากจริงๆ ว่าเจ้าเด็กน้อยผู้หยิ่งยโสไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำนี้ ชื่ออะไร หึหึ ฆ่าคนอ่อนแอในวินาทีเดียวไม่ค่อยน่าตื่นเต้น แต่เจ้าเป็นข้อยกเว้น เพราะเจ้าเป็นเด็กมนุษย์ที่ถือตัวจัดเกินไป เจ้ายั่วโมโหให้ข้าฆ่าเจ้า…”

“คุณชายผู้นี้คืออัจฉริยะอายุน้อยที่สุดและมีพรสวรรค์มากที่สุดของทวีปมังกรทะยานของเรา อายุเพียงยี่สิบปี เขาก็เป็นนักสู้อัจฉริยะด้วยตนเอง เขากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด และภายในไม่กี่ปี เขาก็บรรลุมาถึงระดับอย่างวันนี้ อาจกล่าวได้ว่าเขาคืออัจฉริยะพิเศษที่ปรากฏในรอบล้านปีก็ได้” ราชาเฮยอวี้ช่วยแนะนำเย่ว์หยางอย่างจริงใจ ราวกับว่าเขากลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ยินดีฆ่าเขา เขาเลือกข้อมูลที่สำคัญและดีที่สุดออกมา “คุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้ต่อสู้มาหลายศึกแล้ว และไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ไม่เพียงแต่เขามีอสูรที่แข็งแกร่งเท่านั้น เขายังได้รับสมบัติผนึกเทพแห่งจักรพรรดิอวี้ซึ่งเป็นของจักรพรรดิอวี้นักสู้อันดับหนึ่งชาวทวีปมังกรทะยานคนก่อน ทันทีที่คุณชายสามทำสัญญากับผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ได้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิอวี้คนใหม่ นักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง จะอยู่ในสายตาคุณชายสามได้ยังไง”

ตอนนี้ ศัตรูทุกคนจ้องมาทางเย่ว์หยางด้วยแววตาเหมือนกัน… เขาต้องตาย

บุรุษหนุ่มผู้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น.. มีเหตุผลใดที่จะปล่อยให้เขามีชีวตต่อไปเล่า?

*******************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด