ตอนที่แล้วตอนที่ 19 : บ่มเพาะร่างกาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 : ขั้นชำระเส้นปราณ

ตอนที่ 20 : สายฟ้าดับสูญตกสวรรค์


“ท่านแม่ ข้าทำได้!”

ดาวิสอุทานออกมาด้วยความดีใจอย่างมาก

“เจ้าทำให้แม่ภูมิใจแล้ว ดาวิส”

แคลร์ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

“ยินดีด้วยฝ่าบาท! ฝ่าบาทผ่านก้าวแรกของการบ่มเพาะพลังรวดเร็วกว่าทุกคนที่ข้ารู้จักแล้ว”

เฮนดริกสันพยักหน้ายอมรับ เขาไม่คิดเลยว่าเด็กที่ดูไร้เดียงสาคนนี้จะมีความอดทนต่อความเจ็บปวดได้อย่างมากมายจนไม่น่าเชื่อ

“ขอบคุณนะเฮนดริกสัน”

เฮนดริกสันพยักหน้าอย่างยินดียิ่งกว่าเดิม เจ้าชายไม่เรียกเขาว่า ‘คุ’ แล้ว

ดาวิสออกมาจากอ่างอาบน้ำ เขายืดเหยียดแขนขาด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เฮนดริกสันพูด

“ดี ไม่เหมือนกับระบบบ่มเพาะอีกสองระบบที่ท่านต้องสะสมพลังและก้าวหน้าอย่างช้า ๆ การบ่มเพาะร่างกายเพียงต้องการทรัพยากรและความตั้งใจในการก้าวหน้า แต่มันจะยากขึ้นและยากขึ้นเมื่อท่านไปต่อ…”

เขาส่ายหน้าอย่างเศร้าใจว่ามันยากที่เขาจะทะลวงพลังไปสู่ขั้นทองที่เป็นขั้นที่ห้าของการบ่มเพาะร่างกาย

“ดาวิส มีอุปกรณ์วัดพลังอยู่ตรงนั้น ไปชกมันสิ”

แคลร์กล่าว

ดาวิสไปที่อุปกรณ์ที่แม่ชี้และปล่อยหมัดตามปกติ

*ปั้ง!-*

[532 กิโลกรัม]

ดาวิสกำหมัดและชกไปสุดแรง

*ปั้ง!-*

[1021 กิโลกรัม]

‘โว้ว! ให้ตายเถอะ สุดยอดไปเลย!’

ดาวิสตื่นเต้นในใจขณะที่มองตัวเลข

“ดาวิส ใช้วิชาชั้นแรกของเคล็ดร่างทรราชสิ”

แคลร์ยิ้มและมองสิ่งที่เขาทำได้

ดาวิสพยักหน้าและเริ่มรวบรวมพลังไปที่มือขวา พลังสีน้ำตาลแดงปกคลุมแขนขวาและเขาก็ปล่อยหมัดไปข้างหน้าด้วยพลังทั้งหมดที่มี

[5164 กิโลกรัม]

“ดีมาก! พละกำลังอย่างเดียวฝ่าบาทก็เทียบเท่าผู้บ่มเพาะขั้นสัมฤทธิ์ระดับต่ำแล้ว กับผู้ที่บ่มเพาะวิชาชั้นธรณี ฝ่าบาทเทียบได้กับผู้บ่มเพาะขั้นทองแดงระดับสูง!”

เฮนดริกสันกล่าว

ขั้นทองแดงคือขั้นแรกของการบ่มเพาะร่างกายส่วนขั้นสัมฤทธิ์คือขั้นที่สองของการบ่มเพาะร่างกาย มันมีสี่ระดับที่แยกออกจากกัน นั่นคือระดับต่ำถึงระดับสุดยอด

“แต่ถ้าข้าเจอกับผู้บ่มเพาะขั้นทองแดงระดับต่ำที่บ่มเพาะวิชาบ่มเพาะชั้นนภาเหมือนกัน มันจะไม่เสมอหรอกรึ?”

“ใช่แล้วฝ่าบาท แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายบ่เมพาะวิชาอะไรเพราะแม้แต่วิชาชั้นนภาก็มีระดับที่ต่างกัน…”

“แน่นอน มันรวมถึงพลังในการต่อสู้ด้วย”

เฮนดริกสันพูดเสริม

ดาวิสถอนหายใจและคิด

‘ดูเหมือนว่าข้าจะแข็งแกร่งแค่การบ่มเพาะวิญญาณนะ’

“แต่พอถึงเวลาที่ท่านถึงขั้นทอง ท่านจะมีร่างทรราชซึ่งจะเพิ่มทั้งพละกำลังและพลังป้องกันเป็นสองเท่า”

“ถึงตอนนั้นจะไม่มีใครในขั้นเดียวกับท่านที่สู้กับท่านได้ มันถึงถูกตั้งชื่อว่าทรราช!”

เฮนดริกสันประกาศอย่างภูมิใจ

“หืม? ข้าสำเร็จร่างทรราชตอนนี้ได้เลยหรือไม่?”

ดาวิสถามด้วยความสงสัยด้วยใบหน้าสับสน

“อาณาจักรลอเรตมิได้มีทรัพยากรเช่นนั้น แม้จะมีมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีเบาะแสของผลทรราชลึกลับเลย ข้าจะแจ้งองค์จักรพรรดิเมื่อเราเจอมันในอนาคต”

ดาวิสตาเป็นประกาย

‘ดูเหมือนว่าข้าจะมีหวังให้แข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว’

“เอาล่ะ ฝ่าบาทแค่ต้องบ่มเพาะเช่นนี้จนกระทั่งถึงระดับสุึดยอด ถ้าท่านรู้สึกว่าติดขัดเมื่อใด ท่านมาหาข้อที่ห้องนี้ได้ในตอนเช้า เวลาอื่นข้าจะไม่ว่าง”

เฮนดริกสันแจ้ง

“ได้เลย!~”

ดาวิสพยักหน้า

“ดาวิส ไปกันเถอะ”

แคลร์กอดดาวิส

“อื้มม…”

ทั้งสองเดินออกไป

แคลร์แอบยิ้มเมื่อเห็นเขาแกล้งทำเป็นเด็กตั้งแต่ต้นจนจบ นางส่ายหน้าและรู้สึกตลก

======

ณ ที่พำนักราชินี

“พี่ชาย!”

เด็กสาวตัวน้อยกระโดดโลดเต้นในเปล

เด็กน้อยเกือบขวบครึ่งสูงเจ็ดสิบหกเซนติเมตร ใบหน้ายังคงอวบอ้วนและน่ารักเป็นอย่างมากด้วยดวงตาสีม่วงเปล่งประกายให้ความรู้สึกลึกลับ เส้นผมสีบลอนด์สั้นปรกคออย่างอ่อนนุ่ม

“คลาร่า! พี่ชายเจ้ามาแล้ว!”

ดาวิสรีบวิ่งไปหาน้องสาวและดึงแก้มพร้อมกับจี้คอเบา ๆ

“ฮะฮะฮ่า…อย่านะ ฮ่าฮ่า‘

คลาร่าหัวเราะอย่างน่ารัก

ดาวิสอุ้มน้องสาวมากอดไว้ในอ้อมแขน เขาหันไปมองแคลร์

“ท่านแม่ ข้าขอโทษ ข้าไม่น่าเป็นตัวพาโชคร้ายมาเลย”

ดาวิสรู้สึกผิดอย่างมากในตอนนี้

“ไม่เป็นไร อย่างน้อย…มันก็เป็นเรื่องดี”

แคลร์ถอนหายใจบางเบา

คลาร่านั้นมีดวงตาพิเศษตั้งแต่เกิด หลังจากหนึ่งปีที่เกิดมา พวกเขาเพิ่งจะค้นพบว่าดวงตาของคลาร่านั้นเป็นส่องแสงประกายออกมา ทั้งสามตื่นตระหนกอย่างมากและต่อมาพวกเขาก็ทำการสืบค้นและหารือจนใจเย็นลงได้

ดูเหมือนว่าคลาร่าจะมีสิ่งพิเศษที่เรียกว่าเนตรเหนือจริง

เนตรเหนือจริงนั้นเป็นคุณสมบัติพิเศษ ผู้ที่ครอบครองเนตรจะมองผ่านอุบายลวงหลอกได้ และถ้าคลาร่าใช้พลังได้อย่างสมบูรณ์แบบก็จะไม่มีใครโกหกต่อหน้านางได้

“ปัญหาเดียวก็คือตาของคลาร่าส่องแสงขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ น้องยังเป็นเด็กอยู่เลยยังไม่รู้วิธีควบคุมมัน”

แคลร์อดกังวลไม่ได้

“มันจะไม่เป็นไรนะแม่ พอน้องโตแล้วก็น่าจะควบคุมได้เอง เพราะบันทึกในห้องสมุดก็บอกว่าคนที่มีเนตรเหนือจริงคือผู้ที่ถือกำเนิดมาเพื่อปกครอง”

ดาวิสพูดอย่างมั่นใจ

“อื้ม จริงของเจ้า”

แคลร์พยักหน้า แต่ใบหน้าแสดงความรู้สึกอื่น

บางที อาจจะเป็นชะตาของแม่ที่ห่วงใยลูกของนาง

“ท่านแม่ วันนี้พักก่อนเถอะ ข้าจะเริ่มบ่มเพาะรวมแก่นแท้พรุ่งนี้”

“ถ้าลูกพูดอย่างนั้น…”

นางยิ้มและคิดว่าต่อให้บอกให้เขาเลิกล้มความคิด เขาก็คงไม่ฟัง

“แต่แม่ต้องเล่าเรื่องสมบัตินั้นที่เรามีในคลังสมบัติให้ข้าฟังนะ”

ดาวิสขอด้วยความตื่นเต้นเพราะแค่ชื่อของมันก็ฟังดูน่าประทับใจแล้ว

“ก็ได้”

แคลร์หัวเราะออกมา ลูกชายของเขาเริ่มที่จะสนใจเรื่องสมบัติและของที่เหมือนกันแล้ว

‘อืม ใครจะไม่สนกันล่ะ?’

แคลร์ส่ายหน้า

“สายฟ้าดับสูญตกสวรรค์ถูกเก็บมาจากจักรพรรดิคนก่อนของเรา เขาคือปู่ของเจ้า เขาคนเดียวออกเดินทางและเก็บมันมาจากภูเขาสายฟ้าตกสวรรค์ที่ไกลจากอาณาจักรของเรามาก แต่ระหว่างการต่อสู้ น่าเศร้าที่เขาประมาทสายฟ้าดับสูญตกสวรรค์จึงบาดเจ็บอย่างรุนแรง แต่เขาก็เก็บธาตุสายฟ้าชั้นนภามาได้”

“งั้น ปู่ของข้าที่เป็นอดีตจักรพรรดิก็ตายเพราะบาดแผลนั้นน่ะสิ? เป็นไปได้ยังไง? เขาแข็งแกร่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าท่านพ่ออีกนะ!”

ดาวิสไม่อยากจะเชื่อว่าแค่การบาดเจ็บจะทำให้เขาถึงแก่ชีวิตได้

ปู่ของเขาบ่มเพาะทุกระบบจนถึงขั้นห้ายกเว้นการบ่มเพาะวิญญาณ

“โชคร้ายที่สายฟ้าดับสูญตกสวรรค์มีคุณสมบัติทำลายล้างและกัดกร่อน เขาพ่ายแพ้แก่บาดแผลกัดกร่อนที่สายฟ้าดับสูญตกสวรรค์ทิ้งเอาไว้บนร่างกาย”

แคลร์ถอนหายใจ

“ถ้าท่านปู่เดินทางไปเก็บมันมา เขาก็น่าจะรู้คุณสมบัติของสายฟ้าดับสูญตกสวรรค์สิ ข้าไม่เชื่อว่าจักรพรรดิที่ปกครองทั้งอาณาจักรมาหลายสิบปีจะไม่สืบเรื่องของมันมาก่อนนะ”

ดาวิสส่ายหน้า เขาคิดว่ามันแปลก

แคลร์ถอนหายใจอีกครั้ง

“ที่จริงแล้วเขาน่าจะสืบมาก่อน แต่ข้อมูลมันล้าหลังเกินไป ทีแรกเขาไปเพื่อเก็บสายฟ้าดับสูญสงบชั้นธรณีระดับสุดยอดให้เจ้าชายคนแรกที่เป็นลูกของเขา แต่พอถึงเวลาที่ไปถึงที่นั่น มันก็ได้พัฒนาเป็นสายฟ้าดับสูญตกสวรรค์ชั้นนภา ทุกอย่างจึงเลยเถิด”

นางส่ายหน้าด้วยความเศร้า ความรู้สึกอันซับซ้อนแล่นผ่านดวงตานาง

‘อาจเป็นเพราะเรื่องนั้น ข้าถึงได้อาศัยอยู่ที่นี่อย่างไร้ปัญหา…’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด