ตอนที่แล้วตอนที่ 504 วางแนวป้องกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 506 ป้อมประตูเดี่ยว

ตอนที่ 505 เสียงร้องโหยหวนหมื่นปี


ระหว่างทางกลับลานด้านตะวันออก  สายตาของศิษย์ทุกคนที่มองเขาแปลกประหลาดมากเหมือนกับว่าพวกเขามองเห็นสัตว์ประหลาด

ถังเทียนไม่สนใจผ่านไปสองชั่วโมงก็สร้างความทรมานให้กับเขา แต่เมื่อคิดดูแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องทึ่งจริงๆ เซียนอื่นๆและเขาไม่มีความแตกต่างกัน พวกเขาต้องการดวงตาเซกซ์แทนส์กันทุกคน แต่เดี๋ยวนี้เขามาช่วยสำนักชางหยางป้องกันคนพวกนี้

กลับไปลานทิศตะวันตก ถังเทียนรู้สึกคลายใจ

ติงเฉินและคนที่เหลือเห็นความสามารถของเจ้านายใหญ่ของพวกเขาแล้ว  จึงไม่มีความคลางแคลงใจเขาเป็นธรรมดา  แต่ชั้นเรียนอื่นจะแตกต่างออกไป  ติงเฉินมักฝึกฝนด้วยทัศนคติที่จริงจัง  เขาต่างจากศิษย์คนอื่นๆ  ติงเฉินเชื่ออย่างแน่วแน่ว่า ลูกพี่อาโฉ่วสามารถนำพาพวกเขารอดชีวิตได้อย่างแน่นอน

ดังนั้นพอได้ติดตามซักซ้อมรับเหตุการณ์จากปิง  พวกเขาฝึกฝนอย่างหนักแน่นจริงจังก็เพื่อชีวิตตัวพวกเขาเอง

"สถานการณ์ชัดเจนมาก"  ปิงปรากฏตัว เขาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล  "แนวป้องกันนี้อ่อนเหมือนเต้าหู้  ไม่สามารถป้องกันการลอบโจมตีได้"

"งั้นจะให้ข้าทำยังไง?"  ถังเทียนผายมือ

"ข้าก็คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน"  ปิงกล่าวต่อหลังจากที่คิดแล้ว  "ทำไมเราไม่ลงมือก่อน?  เนื่องจากเราเป็นคนวางแนวป้องกันเอง  ข้าสำรวจพื้นที่ไว้แล้ว  ดวงตาเซกซ์แทนส์น่าจะอยู่ใต้ดิน"

ถังเทียนตาเป็นประกาย  "ใต้ดิน?"

"ใช่แล้ว"  สีหน้าของปิงเข้ม  "มีทางเข้าอยู่แน่นอน  เราแค่ต้องหาให้เจอ  คืนนี้นับเป็นโอกาสที่ดี  เพราะการเคลื่อนไหวมากเกินไปในคืนก่อน  เจ้าพวกโง่ข้างนอกคงไม่เคลื่อนไหวในช่วงเวลาสองวันนี้  ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันได้รับบาดเจ็บ พวกเขาต้องรีบฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอยู่ในตอนนี้  นี่คือช่วงเวลาที่สำนักชางหยางอ่อนแอที่สุด"

"นั่นก็มีเหตุผล!" ถังเทียนกระตือรือร้นเพราะคำพูดของปิงทันที

ท้องฟ้าถูกความมืดมิดยามราตรีครอบคลุม

ถังเทียนออกไปเงียบๆเขาเข้าไปในอาคารใหญ่ ปิงจำได้ดีถึงชั้นแนวป้องกันทั่วทั้งจวนที่ทำการไว้ในใจ  เขาไม่ต้องเตือนให้คนอื่นรู้ก็มาถึงลานใหญ่

ทันใดนั้น ถังเทียนชะงักค้างอยู่กับที่

หัวเต่าหมอกตัวมหึมาอยู่ต่อหน้าเขา  ไม่มีสัญญาณของมันเลยแม้แต่น้อยและเขาไม่ได้ยินเสียงอะไร

ปัง

เต่าหมอกสลายกลายเป็นหมอกและหดตัวเข้าไปในประตูหมอกทันที

"เชิญเข้ามา!"

เสียงแหบของชายชราดังออกมาจากภายในประตู

ถังเทียนตกใจ แต่หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เขาก้าวผ่านประตู เมื่อผ่านเข้าประตูหมอกเข้าไป ฉากภาพข้างหน้าเขาทำให้เขาสีหน้าเปลี่ยนไปทันที  บรรยากาศกลายเป็นเย็นยะเยือกอย่างน่าประหลาด

จากนั้นเขายืนแข็งอยู่กับที่อีกครั้ง  เขาตะลึงเมื่อเห็นแถวผู้คนข้างหน้าเขา

"ไป่อาโฉ่ว!"

ฟู่จือหงเห็นคนได้ชัดเจนนางร้องออกมาอย่างตกใจ นางไม่เคยคาดคิดว่าคนที่เข้ามาตอนกลางคืนจะเป็นไป่อาโฉ่วจริงๆ

ถังเทียนรู้สึกว่าเลือดทั้งตัวเขาขยายตัว ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันที่บาดเจ็บเต็มไปด้วยพลังชีวิตและเยือกเย็น  ราศีที่สง่างามทำให้ผมขนบนตัวเขาลุกชัน

ความสามารถของฟู่จงซานไม่ใช่สิ่งที่เขาสู้ได้และรังสีของหยางเฮ่าหรันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหยั่งได้

ยังมีคนแก่อีกคนหนึ่งร่างของเขาไม่มีราศี แต่สามารถลอยอยู่ในอากาศได้อย่างง่ายดาย ความรู้สึกที่ผิดธรรมดาทำให้ถังเทียนหลั่งเหงื่อตั้งแต่ศีรษะยันเท้า

กับดัก? ลอบทำร้าย?

"เรารอเจ้าจนในที่สุดจริงๆ!"  ชายชราเอ่ยปาก  เขามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่น  เขายิ้ม "คืนสู่รูปลักษณ์เดิมด้วยเถอะ"

ฟู่จงซานและหยางเฮ่อหรันยืนขนาบซ้ายขวาเปล่งปราณเย็น ถังเทียนรู้สึกริมฝีปากแห้ง ลุงปิงงี่เง่า ทีอย่างนี้ไม่กล้าปรากฏตัวเลย เล่นไม่ซื่อเลย ดีแต่พูดว่ามีโอกาสดี  โอกาสดีให้เดินไปติดกับดักอย่างนี้น่ะหรือ...

สิ่งที่ทำให้หัวใจของถังเทียนหดหู่ยิ่งขึ้นก็คือ  เขาไม่สามารถใช้เคลื่อนย้ายพริบตาได้   ในถ้ำเต็มไปด้วยคลื่นเย็น  การเคลื่อนในพริบตาไม่เหมาะที่จะใช้เลย

เเย่จริง!

เขาไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นมานานมากแล้ว

"ได้โปรดเชื่อใจเรา  เราไม่มีความเป็นปฏิปักษ์"  ชายชราหัวเราะ

ไม่ใช่ปฏิปักษ์...

อย่างนั้นสองคนที่ยืนเฝ้าเปล่งรังสีอำมหิตอยู่ตรงนั้นเล่า  พวกเขาเป็นแบบนั้นตั้งแต่เกิดหรือ?

แน่นอนถังเทียนไม่กล้าพูดเช่นนั้น  แม้ว่าเขาจะงี่เง่า  แต่เขาไม่โง่ในสถานการณ์เช่นนั้นซึ่งตัวเขาเองไม่มีอิสระ การยั่วโมโหหรือสร้างความยุ่งยากมีแต่จะหาที่ตาย  ดวงตาเซกซ์แทนส์ยังหาไม่พบ  ก่อนที่จะได้พบกับเชียนฮุ่ยเขาจะไม่ยอมตาย

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไม่หยุดในเวลาอันรวดเร็ว เขาเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริง

ฟู่จอหงเหม่อมองถังเทียน  ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย  รังสีฆ่าฟันฉายวาบอยู่ในดวงตาของพวกเขา  คนผู้นี้แปลงลักษณะปะปนเข้ามาในจวนเขาต้องไม่มีเจตนาที่ดีแน่

ชายชราตรวจสอบอยู่ระยะสั้นๆ  สีหน้าของเขาตื่นเต้น  "เจ้าดูคล้ายเขาจริงๆ  เจ้าน่าจะใช้แซ่ถังใช่ไหม?  เจ้าชื่ออะไร?"

ถังเทียนตัวสั่น  ตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้า  ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันตกตะลึง  ตอนนี้บุรุษหนุ่มข้างหน้าพวกเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง  ตลอดทั้งตัวของเขาเปล่งกลิ่นอายประหลาด

"ข้าชื่อถังเทียน"  ถังเทียนตอบเสียงเบา

"ถังเทียน!  เจ้ากลุ่มดาวหมีใหญ่!"  ฟู่จือหงโพล่งออกมา  นางตะลึงไปหมด นางคิดว่าไป่อาโฉ่วจะมาจากที่ยิ่งใหญ่แห่งใดแห่งหนึ่ง  แต่นางไม่เคยคิดว่าจะใหญ่ถึงขนาดนั้น

เนื่องจากไพ่ถูกหงายลงบนโต๊ะหมดแล้ว  ถังเทียนไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป

ปิงลอยตัวออกมา, หยาหยากระโดดไปนั่งบนไหล่ซ้ายของถังเทียนทำหน้าตาตลก เสี่ยวเอ้อถือร่มดวงดาวและลอยตัวอยู่ข้างถังเทียนด้วยท่าทีเยือกเย็น

ฟู่จงซานและหยางเฮ่อหรันสีหน้าเปลี่ยนไปพร้อมกัน  พวกเขาจะไม่รู้จักชื่อของถังเทียนได้ยังไง?  ปัจจุบันนี้ชื่อของถัเงทียนโด่งดังคับฟ้าเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง พวกเขาไม่คิดเลยว่าเจ้าปกครองกลุ่มดาวหมีใหญ่จะลอบปะปนเข้ามาในจวนด้วยตัวเอง

นี่... ทำให้คนยากจะทำใจเชื่ออยู่บ้าง

ฟู่จือหงตกใจอย่างหนัก นางเหม่อมองจ้องดูเด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้านาง  ใบหน้าเยาว์วัยขนาดนั้นดูจริงจังทันที  ราศีของเขาไม่ด้อยไปกว่าบิดาและอารองของนางเลย

เด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้านางนี้อาศัยกำลังตนเองผลักดันกลุ่มดาวชั้นสามอย่างกลุ่มดาวหมีใหญ่ขึ้นไปเบียดอยู่ในระดับเดียวกับสมาพันธ์ชาวยุทธ, องค์การวิญญาณมืดและสิบสองกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคา

ฟู่จือหงแสวงหาปาฏิหาริย์มาโดยเฉพาะ  นั่นก็ใช่แล้ว ในสายตาของนาง นั่นคือปาฏิหาริย์ ไม่มีทางเกิดขึ้นซ้ำสอง!

เด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้านาง...

เขายังดูเยาว์วัยมากกว่านาง ทันใดนั้นนางจำพลันนึกถึงความคิดของนางในวันหนึ่งว่าอัจฉริยะในโลกนี้มีอยู่จริงหรือ?

จริงแท้แน่นอน....

"กลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่ใช่อนาคตของเจ้า"

คำพูดของชางหยางหวี่สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน

ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันตะลึงค้าง  ฟู่จือหงตั้งตัวไวที่สุดนางเเทบจะไม่มีเสียงพูด แต่นางรีบใช้มือปิดปาก แต่สายตาของถังเทียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในเวลาอันรวดเร็วฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันจึงได้รู้ตัว  พวกเขาสีหน้าเปลี่ยน

ถังเทียนงงกับคำพูดของชางหยางหวี่  เขาไม่คิดอะไรมากจึงถามย้อน "ทำไมล่ะ?"

ชางหยางหวี่ยิ้ม  แต่ไม่ตอบคำถามเขา  "ข้ารอเจ้ามานานมากและในที่สุดวันนั้นก็มาถึง วันนั้นเมื่อเจ้ามาซ่อมที่กำแพงลานด้านตะวันตก  เต่าหมอกก็ได้กลิ่นปราณของเจ้าแล้ว"

"ปราณของข้า?"  ถังเทียนสับสน

"ถูกแล้ว"  ชางหยางหวี่พูดอย่างใจเย็น  "แต่ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์ยังไม่สำเร็จ  มันจะอันตรายมาก  ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเสี่ยงอันตรายเร็วเกินไป  แต่สถานการณ์คับขันมาก ข้าไม่แน่ใจว่าข้าจะอยู่จนถึงวันนั้นหรือไม่  ดังนั้นข้าจึงเชิญเจ้ามาที่นี่  แม้ว่านี่อาจทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในอันตราย  แต่ข้าคิดว่า ด้วยชะตากรรมของเจ้า มีแต่เจ้าจึงจะรับภาระนี้ได้"

ถังเทียนหรี่ตาและถามย้ำทีละคำ  "ท่านรู้หรือว่าข้าเป็นใคร?"

"เจ้าคือลูกชายของเขา"  ชางหยางหวี่ยิ้ม

ฟู่จงซาน หยางเฮ่าหรันรู้สึกแต่เพียงมีประกายอยู่ข้างหน้าของพวกเขาและถังเทียนก็หายไป ทั้งสองคนตกใจ พวกเขาวิ่งไปขวางอยู่หน้าชางหยางหวี่ แต่สายลมกระโชกผ่านเขาไป

เป็นไปได้อย่างไร...ไว้มาก

ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันสีหน้าเปลี่ยน

บุรุษหนุ่มปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชางหยางหวี่เหมือนสายลมพัด  มือของเขาสัมผัสร่างของชางหยางหวี่และจับเขาไว้

แต่ในวินาทีถัดมา ม่านตาของเขาหดลีบลงมือของเขาทะลุผ่านร่างชางหยางหวี่ไป

วูบบแม้แต่ร่างของเขาก็ผ่านร่างของชางหยางหวี่ไป เหมือนกับผ่านกลุ่มหมอก

นี่คือ...

ร่างของถังเทียนปลิงทะลุออกหลังไปถึงผนังน้ำแข็ง  เขาหันหน้ามาทางชางหยางหวี่ทำหน้ามุ่ย

"ขอโทษจริงๆ  เข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร"  ชางหยางหวี่ปลอบโยนเขาโดยไม่ประหลาดใจ  "เขาช่วยชีวิตข้าไว้ และทิ้งมรดกไว้ให้ข้าและจากนั้นก็ให้ข้าช่วยเขารักษาของไว้สองสามอย่าง  เขาบอกว่าถ้าเขาไม่สามารถกลับมาได้  ลูกชายของเขาจะมา  ข้าสัญญากับเขาไว้   ผ่านไปสิบหกปีเจ้าก็มา

ถังเทียนเหม่อมองชางหยางหวี่

"เจ้าดูเหมือนเขามาก"  ชางหยางหวี่ระลึกได้  "โอว, เขามีขุนพลวิญญาณซึ่งทรงพลังมากอยู่ข้างกายเขา  นอกจากดวงตาเซกซ์แทนส์แล้ว  เขายังให้ข้าช่วยดูแล้โลงน้ำแข็ง  โปรดตามข้ามา

ชางหยางหวี่ลอยไปที่ผนังน้ำแข็ง  เขาบอกถังเทียน  "โปรดหยดเลือดลงข้างบน"

ถังเทียนทำหน้ามุ่ยไม่พูดอะไร  และกรีดนิ้วหยดเลือดสองสามหยดลงบนโลงน้ำแข็ง ผนังน้ำแข็งละลายหายไปอย่างรวดเร็วและโลงน้ำแข็งโปร่งใสปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคน

แน่นอน มันคือตัวเขาเอง...

"นี่คือขุนพลวิญญาณที่เขาส่งมอบให้ข้า  เป็นขุนพลวิญญาณที่ได้รับความเสียหายหนัก  เขาเลือกที่นี่โดยตรง เพราะมันทำให้ขุนพลวิญญาณที่ได้รับความเสียหายหนักไม่หายไป  ขุนพลวิญญาณนี้เก่าแก่มากแล้ว  เขามักจะร้องโหยหวนและสิบหกปีมานี้เขาไม่เคยหยุด  อย่ากลัวเลยกล่าวกันว่าเขาร้องโหยหวนอย่างนั้นมาหมื่นปีแล้ว"

ปิงเบนสายตาไปที่ขุนพลวิญญาณที่อยู่ในโลงน้ำแข็ง  เหมือนกับว่าเขาถูกสายฟ้าฟาดจนตะลึงงัน

เหมือนกับเขาถูกพลังวิชาอะไรสักอย่างบุหรี่ในมือร่วงลงพื้น เขาไม่มีความรู้สึกทางร่างกายขณะจ้องมองโลงน้ำแข็งอย่างว่างเปล่า

โลงน้ำแข็งตั้งตรง มีร่างขุนพลวิญญาณที่ผอมบางร่างหนึ่งอยู่ภายใน  ขาของเขาทั้งสองหายไปแล้ว  แขนทั้งสองผอมแห้งเหมือนตะเกียบ เขากำลังชักกระตุกเหมือนว่าไขว่คว้าอะไรบางอย่างในอากาศใบหน้าตอบซูบเพ่งมอง กำลังพึมพำคำพูดอย่างบ้าคลั่ง

"ประแจ,  ประแจ  หยิบประแจมาให้ข้าหน่อย  ปั๊ดโธ่ เร็วๆ หน่อยสิโว้ย..."

"ไอ้ข้อต่อนี่เสียหายหนักเหลือเกิน   เอาส่วนหมายเลขสามมาทำข้อต่อ  ทุกคนเร็วเข้า เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งล้ม..."

"ข้าไม่ไป!  ข้าจะไม่ไป!  ถ้าข้าจากไป ใครจะช่วยเจ้าซ่อม..."

"ชุดหมายเลย 261 เสียหายหนัก  ผู้บัญชาการ, อย่าเพิ่งตายนะ  อาซิ่นอย่าตายนะ, เจ้าหนูอย่าตาย...."

ทันใดนั้นเขายกแขนทั้งสองและตะโกนเชิดชู  "กองทัพดาวกางเขนใต้ จงเจริญ!"

ปิงเหม่อมองขุนพลวิญญาณ  น้ำตาหลั่งไหลอย่างมิอาจกลั้นไว้ได้ ลุงวัยกลางคนคุกเข่าลงกับพื้นร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็ก

"เฮ้, เจ้าหนูน้อยในนามของลั่วซือเมื่อเจ้าโตขึ้น ข้าจะสร้างอาวุธจักรกลให้กับเจ้า"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด