ตอนที่แล้วตอนที่ 502 มารโลหิตวิลเลียม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 504 วางแนวป้องกัน

ตอนที่ 503 ความเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์


เมื่อรอยประทับเข้าไปในร่างของถังเทียน  เขาสั่น ใบหน้ากระตุกเอามือกุมท้อง “โอ๊ะ..ท้องข้า...”

เขารีบวิ่งไปที่ห้องสุขาโดยไม่พูดอะไร

สีหน้าของเสี่ยวเอ้อแข็งค้างเขาคิดถึงความเป็นไปได้นานัปประการ แต่ปฏิกิริยาต่อหน้าเขาไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดเอาไว้เลย

เสียงปลดปล่อยพลังที่เกิดขึ้นในห้องสุขาได้ยินจากที่ไกลนึกถึงในอดีต เขาเคยผายลมจนพื้นทะลุเป็นรูมาแล้ว แล้วพอคิดถึงแรงระเบิดในห้องส้วมเสี่ยวเอ้อสงสัยว่าเจ้าผู้นี้คงทำส้วมพังไปแล้วกระมัง

โอว เรื่องส้วมยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ  ข้าไปห่างๆ เลยจะดีกว่า...

เสี่ยวเอ้อเผ่นหนีทันที

หลังจากนั้นชั่วขณะถังเทียนก็เดินกุมท้องออกมา หน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “เสี่ยวเอ้อ, มาที่นี่เดี๋ยวนี้!”

เมื่อคิดดูแล้วเสี่ยวเอ้อจำได้เกี่ยวกับสถานะของพวกเขา... แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถต่อต้านคำสั่งถังเทียนได้และควบคุมไม่ได้อย่างสิ้นเชิง  เขาลอยเข้าหาถังเทียน

เรื่องที่น่าอายแบบนี้ ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วนี่ข้าต้องทนแบบนี้ตลอดไปหรือนี่?

เสี่ยวเอ้อตัดสินใจเปิดเผยสถานะของเขา  “ความจริงข้าคือ...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบมือข้างหนึ่งคว้าตัวเขาไว้ทันที เสี่ยวเอ้อเพียงแต่รู้สึกว่าท้องฟ้าหมุนติ้วและหน้าเขาจูบพื้นอีกครั้ง

โธ่...โธ่เว้ย!

เสี่ยวเอ้อรู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็นผ้าขนหนูที่กำลังถูกบิดและฟาดกับพื้น  ที่อยู่เหนือเขาคือถังเทียนที่พ่นคำผรุสวาทออกมาเป็นชุด

“ความจริงแล้วเจ้าไม่ตั้งใจน่ะเหรอ?  ความจริงเจ้าจงใจต่างหากเล่า!”

“ก็เมื่อตอนที่เจ้าอยู่ต่อหน้าเจ้าวิลเลียมนั่นเจ้ายังกล้าอวดอำนาจต่อข้า ข้าจดหนี้ไว้แล้ว ข้าจะชำระคืนเดี๋ยวนี้!”

“ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหมกะอีแค่ขยายขนาดตัวได้? ฮึ่ม.. ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!”

……

ปิงซึ่งหายหัวไปทั้งวันเพิ่งโผล่มาอีกครั้ง  เขากำลังพ่นควันเป็นวงแล้วพูดทัก “เฮ้, พวกเจ้ากำลังสนุกอยู่เชียวนะ”

ถังเทียนเห็นหยาหยา และกล่าว “ดูสิหยาหยายังว่าง่ายมากกว่าอีก!  หยาหยาเจ้าต้องสั่งสอนความประพฤติเสี่ยวเอ้อให้ดีดีล่ะ”

พูดจบเขาโยนเสี่ยวเอ้อไปหาหยาหยา  หยาหยาคว้าเสี่ยวเอ้อได้ก็เผ่นหนีพ้นสายตาถังเทียน

“ความก้าวหน้าในเจ็ดดาวเหนือเป็นไปด้วยดี”  ปิงกระโจนลงมาจากกำแพงและคุย “ถังโฉ่วตีเมืองอาเลียธได้และฆ่าเซียนไปสี่คน  แต่พวกเขาก็ต้องพักสองสามวันกองพลทหารราบของทาร์ตันบาดเจ็บสูญเสียเป็นส่วนใหญ่ และจำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้น”

ถังเทียนประหลาดใจ  “อาโฉ่วแข็งแกร่งมากนักหรือ?”

“สหาย..เจ้าฝึกฝนตนเองให้ยิ่งขึ้นไปดีกว่า”  ปิงดุจากนั้นสังเกตเห็นรอยตราที่มือของถังเทียน และกล่าว “เฮ้, มีอะไรอยู่บนมือของเจ้า?

“ข้าไม่รู้,ลุงรู้จักไหม?” ถังเทียนถามด้วยความสงสัย “ข้าขายวิชาแสงอรุณไปและได้รับจิตวิญญาณเซียนมาเขาชื่อวิลเลียมหรืออะไรนี่แหละ  เขาบอกเรื่องข้อตกลงบางอย่างโอว ใช่แล้ว เสี่ยวเอ้อจู่ๆ ก็ตัวโตแล้วก็เล็กลง...”

ปิงสับสนกับคำพูดจับต้นชนปลายไม่ถูกของถังเทียนเขายกมือห้าม “หยุด!”

ถังเทียนเงียบ

ปิงคิดชั่วขณะ จากนั้นทำสีหน้าจริงจังแล้วก็สั่นศีรษะ “ไม่เคยได้ยินมาก่อน”

ถังเทียนตอบ “โอว” จากนั้นพูดต่อ  “เมื่อครู่ข้าสับสนกับเสี่ยวเอ้อไปหน่อยและตอนนี้ข้ามีเจ้านี่ด้วย”

มือซ้ายของถังเทียนมีตราประทับรูปดาบเล่มหนึ่ง ถังเทียนพลิกฝ่ามือขวาและเพลิงสีแดงก็หุ้มรอบหมัดของเขาฝ่ามือซ้ายฟันใส่อากาศ วูบ.. รังสีดาบโปร่งใสบางสายหนึ่งปรากฏวาบในอากาศ

“ไม่มีระลอกพลังงานจากสิ่งนั้น!”  ปิงขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าข้าเคยเห็นสิ่งแปลกประหลาดนั้นจากที่ไหนสักแห่ง”

เขาคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นส่ายศีรษะ  “ข้าจำไม่ได้ว่าจากที่ใด”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเทียนกล่าว  “ไม่สำคัญ ข้าจะค่อยๆคิดเรื่องนี้เอง”

“จริงสิเมื่อเร็วๆ นี้การรบของสมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาวราชสีห์ทวีความรุนแรงขึ้นมาก”

เพียงแค่นั้น หน้าของปิงจริงจังมากขึ้น

ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างสมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาวราชสีห์ครั้งล่าสุด  ทั้งสองฝ่ายอยู่ในกองทัพทั้งหกและมีเซียนนักสู้ราวหกสิบคน  ขนาดของการสู้รบเริ่มขยายวงขึ้นมากกว่าความขัดแย้งใดๆ ในอดีต

ความขัดแย้งที่ขยายตัวรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลันทำให้ทั่วทั้งสวรรค์วิถีกังวล   และพวกเซียนสูญเสียความสนใจประจำวัน  เซียนเกินกว่า 60 คนจู่ๆก็ขัดแย้งกันมากขนาดนี้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

สงครามเริ่มเข้าสู่ในช่วงเวลาของเซียน

พลังทำลายล้างของเซียนกล้าแข็งรุนแรงมาก  ดังนั้นเป็นเวลานานมาแล้ว  พวกเซียนถือกองกำลังรบมาตรฐานสูงและคอยทำหน้าที่ปราบปราม  สำหรับเซียนทั้งหกสิบคนที่ร่วมอยู่ในการสู้รบนับว่าเพียงพอจะทำลายดาวได้ทั้งดวง

****************************

ข่าวนี้ทำให้หลงปัวไม่อาจนั่งเฉยอยู่ได้  และพวกเขากลับไปยังสมาพันธ์ชาวยุทธ

หรงปัวมองดูเย่เฉาเกอและกล่าว  “เฉาเกอ ถ้าเจ้าต้องการจะอยู่ที่นี่  ข้าจะไม่ว่าอะไร  แต่เจ้าต้องจำเอาไว้ ทรัพยากรของสมาพันธ์ชาวยุทธมีมากกว่าเมื่อเทียบกับภายนอกอย่าลืมรากเหง้าและไล่ตามแต่อนาคตล่ะ”

เย่เฉาเกอตอบด้วยความเคารพ  “เฉาเกอเข้าใจ”

เขารู้ว่าผู้อาวุโสหมายความว่าอะไรและเมื่อผู้อาวุโสออกเดินทางก็หมายความว่าเขาสูญเสียการปกป้องคุ้มครอง  เขาเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ระดับเซียน  พลังแสงสางของเขายังไม่เชี่ยวชาญ และยังคงมีเซียนมากมายรวมตัวกันอยู่ในเมืองหานกู่ และเขาไม่รู้ว่ามีคนที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาอยู่กี่คน

เซียนอิสระทุกคนเป็นเซียนมานานแล้ว พลังของพวกเขาลึกล้ำมากกว่าที่เขาจะโต้แย้งได้ในเวลานี้  มีหลงปัวอยู่กับเขา ก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาเป็นธรรมดา แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสนั้นกลับไปยังสมาพันธ์แล้ว แม้ว่าจะมีผู้คนอาจกลัวสถานะของเขาในสมาพันธ์ชาวยุทธ  ถ้ามีข้อพิพาท สถานะดังกล่าวคงช่วยได้ไม่มาก

หลงปัวเห็นว่าทัศนคติของเย่เฉาเกอมั่นคงและไม่มีอะไรต้องแนะนำต่อ  แม้ว่าเขาจะโปรดปรานเย่เฉาเกอ  แต่เย่เฉาเกอในปัจจุบันนี้ยังอ่อนแออยู่และไม่สามารถช่วยเขาได้มาก ดังนั้นการปล่อยเขาไว้ให้ขัดเกลาตัวเองอยู่ที่นี่ก็ดีด้วยเช่นกัน

ไม่เพียงแต่หรงปัวต้องไปจากเมืองหานกู่เท่านั้น  ผู้อาวุโสมู่ก็รีบร้อนออกไปในวันเดียวกันเทียบกับการรบแล้ว เมืองหานกู่ยังจะมีค่าพอหรือ?

มีเซียนอีกมากที่ออกไปในเวลาเดียวกันบรรดาเซียนเหล่านั้น บางพวกก็ถูกกลุ่มดาวเรียกกลับไป  บางพวกก็รู้สึกว่าเป็นโอกาสดีและต้องการหาทางเข้าร่วมกับผู้มีอำนาจอิทธิพล

แม้ว่าจะมีคนหลายคนที่จากไป  แต่บรรยากาศในเมืองหานกู่ก็เริ่มรุนแรงขึ้น  ไม่มีภูเขาใหญ่สองลูก  ผู้อาวุโสหรงปัวและผู้อาวุโสมู่เซียนหลายคนจึงรู้สึกเบาใจขึ้น

จวนเจ้าเมือง

ชางหยางหวี่มองดูศิษย์ทั้งสองและกองซากศพและถอนหายใจ  “ในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถกลับมาได้”

ฟู่จงซานกล่าวเสียงเบา “ศิษย์สืบสวนแล้วมีคนอยู่สองสามคนที่กระทำการบางอย่างในเมือง พวกเขาใช้สมบัติวิญญาณสิบสองชิ้นและระงับคลื่นเย็นและสมบัติของเราชั่วคราว  นั่นคือวิธีทำให้การปกป้องเมืองเราหายไป”

“ผู้อาวุโสจากสมาพันธ์ชาวยุทธและองค์การวิญญาณมืดจากไปแล้ว  พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวต่อไป”  ชางหยางหวี่มองดูฟู่จงซาน“อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?”

ในที่สุดเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องที่เขากังวลมากที่สุด ก่อนนั้นเขาใช้กลยุทธกับสมาพันธ์ชาวยุทธเพื่อข่มเซียนอิสระ  มหาอำนาจใหญ่ทั้งหมดไม่กลัวว่าเขาจะหนี  พวกเขามั่นใจในพลังของตนเอง ตราบใดที่พวกเขารู้ว่าผู้คนยินดีร่วมมือกับพวกเขา  แต่ในกลุ่มเซียนอิสระยังมีทั้งคนดีและคนเลว  หลายคนอาจจะทุ่มเสี่ยงอย่างหมดหวังและใช้วิธีการเอาเปรียบซึ่งเป็นเรื่องที่ชางหยางหวี่กังวลที่สุด

พวกเซียนอิสระมีทั้งพยัคฆ์หมอบและมังกรซ่อน ดังนั้นชางหยางหวี่จึงคิดถึงตำแหน่งของเมืองหานกู่อย่างระมัดระวัง  แต่จริงๆ แล้วพวกเขาพบวิธีการทำลายแผนการของเขาและสิ่งที่ทำให้ชางหยางหวี่กังวลมากขึ้นก็คือเซียนอิสระหลายคนทำงานด้วยกัน

มีผู้แทรกซึมเข้ามาในจวนเจ้าเมืองในคืนก่อน  ทหารยามหลายคนบาดเจ็บล้มตายไป ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันได้รับบาดเจ็บ  มันยุ่งเหยิงไม่เพียงแต่ในจวนเท่านั้น  แต่ทหารยามโดยรอบเมืองก็ประสบความสูญเสียด้วย

“อาจารย์ไม่ต้องห่วงศิษย์สบายดี”  ฟู่จงซานส่ายศีรษะในดวงตาของเขาปรากฏแววไม่สบายใจ บาดแผลในร่างของเขาเป็นเพราะฝีมือศิษย์คนที่สามหลี่รั่ว เขาไม่เคยคิดว่าศิษย์น้องที่สนิทที่สุดจะทรยศหักหลัง

หยางเฮ่าหรันมีสีหน้าโกรธเคือง  “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าหลี่รั่วจะเป็นคนแบบนั้น!”

“เขาสมคบคิดกับองค์การวิญญาณมืด  ข้าเห็นถงเก๋อ”  รังสีฆ่าฟันวาบผ่านในดวงตาของฟู่จงซาน  “เจียงหยางเป็นเด็กดี แต่น่าเสียดายที่ต้องมาทุกข์ทนด้วยเงื้อมมือแผนการชั่วร้าย! เหตุการณ์ยุ่งเหยิงในคืนก่อน ไม่ใช่แค่คนกลุ่มเดียวที่มา”

ชางหยางหวี่พึมพำกับตัวเอง “ข้าไม่เคยคิดว่าสถานการณ์จะกลายเป็นแบบนี้  หรือว่านี่คือพรหมลิขิต?”

ทันใดนั้นเขาเงยหน้า “เรียกหน่วยป้องกันจากในเมืองและที่ทำการซึ่งพวกเขาประจำทั้งหมดกลับมา  ให้ศิษย์ที่ฝึกในค่ายนอกทั้งหมดเข้ามาด้วย”

อาจารย์ตั้งใจจะปกป้องจนถึงที่สุดหรือ?

ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันมองหน้ากันเอง  ทั้งสองคนไม่คัดค้าน การลอบโจมตีจากเมื่อคืนก่อนฆ่าหน่วยป้องกันไปหลายคน  ดังนั้นพวกเขาจึงขาดกำลังคน  พวกเขากังวลแต่ว่าศิษย์ในค่ายฝึกจะอ่อนแอเกินไปในการต่อสู้เช่นนั้นพวกเขาไม่มีประโยชน์

แต่ในปัจจุบันนี้  พวกเขาไม่มีทางอื่นที่ดีกว่า

ในตอนกลางวัน เมืองหานกู่มองดูปกติ ชางหยางหวี่ไม่ต้องเปลืองความพยายามในจุดที่ตั้งเมืองเลย แม้ว่าคู่ต่อสู้จะสามารถทำให้เมืองหานกู่ต้องสูญเสียการป้องกัน  แต่พวกเขามีเวลาไม่มาก

ค่ายฝึกถูกเรียกเข้ามาในเมือง  แต่ว่าไม่ได้ทำให้พวกเซียนกลัวพวกเขา นี่คือความพยายามครั้งสุดท้ายของชางหยางหวี่  ศิษย์ที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมด  พวกเขาจะมีอะไรดี?

เมื่อพวกเขาเข้าไปในเมือง  ศิษย์ชั้นนอทุกคนหน้าซีดด้วยความกลัวทำให้หลายคนหัวเราะ

“ข้าได้ยินว่าเมื่อคืนก่อนมีเรื่องวุ่นวายและหลายคนตาย”  ติงเฉินพูดเบาๆ กับถังเทียนเขาชื่นชมไป่อาโฉ่วมาก คนอื่นยังคงคิดบุกรุกเข้าไปในจวนเจ้าเมือง แต่เจ้านายเขาปะปนเข้าไปในจวนโดยไม่มีใครรู้และไม่มีเรื่องลำบาก

เทียบกับศิษย์คนอื่นที่สูญเสียการควบคุมตนเองในชั้นของพวกเขา  ชั้นของติงเฉินมั่นคงมากกว่า  ทุกคนรู้พลังของเจ้านายไป่อาโฉ่ว

เป็นเซียนนั่นจะยากขนาดไหน?

และมีเซียนมากมายหลายคนคงจะเป็นเหมือนพายุใหญ่แน่ ถังเทียนคิด เขาจำเป็นต้องได้ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์และพวกเซียนในที่นั้นคือคู่ต่อสู้ของพวกเขาทุกคน

ดูเหมือนการสู้รบจะโหดร้ายรุนแรงมากขึ้น!

ถังเทียนกำหมัด แต่เขาไม่ได้ขลาดกลัวเมื่อสองสามวันก่อนเขาได้รับเพลิงปีศาจ และในที่สุดเขาก็เข้าใจขึ้นมาบ้างเพลิงปีศาจคืออะไร

มันไม่ใช่เพลิงปีศาจ

ตราประทับของวิลเลียมอยู่บนเพลิงปีศาจ แต่ร่างมีพลังเป็นศูนย์ของถังเทียนมีผลขับไล่พลังงานที่แข็งแกร่ง พลังงานในส่วนที่เป็นตราประทับถูกขับออกจากร่างของถังเทียนและสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือกฎวิญญาณที่บริสุทธิ์

พูดตามตรงก็คือเป็นเพลิงปีศาจที่ไม่มีพลังอยู่เลย

การค้นพบครั้งนี้เกินความรู้ของถังเทียนไปมาก

ตามที่ควรเป็น  กฎและพลังงานไม่สามารถแยกกันได้  กฎทั้งหมดมีผลต่อการควบคุมพลังงานให้ดี  ทำให้พลังงานที่ใช้มีผลมากขึ้น

แต่วันนี้ถังเทียนตระหนักว่ากฎหนึ่งที่อยู่ต่อหน้าเขาซึ่งไม่มีพลังงาน,โอวไม่ใช่, มีสองกฎ ประทับดาบ ดูเหมือนจะมีระดับที่สูงกว่า

เขายังไม่เข้าใจเต็มที่  เปลวเพลิงหมายความว่าอะไรกันแน่ แต่เขารู้สึกโดยสัญชาตญาณว่ามันคือพลังที่แข็งแกร่งทรงพลังแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด