ตอนที่แล้วตอนที่ 11 อุจิวะอันเสื่อมทราม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13 ทำตามขั้นตอนแรก

ตอนที่ 12 เพิ่มพลัง


กลับมาในบริเวณตระกูลอุจิวะหลังจากฝึกกับนารูโตะและซาสึเกะ เขาตัดสินใจตรวจสอบว่าทำภารกิจสำเร็จหรือไม่หลังจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา

'เควส' เขาพูดในใจของเขาและเข้าไปในส่วนที่เสร็จสมบูรณ์และพบว่า

ภารกิจเพื่อนของตัวเอก 2 : เป็นเพื่อนกับตัวละครหลัก 2 ตัวในโลกนี้ ให้รางวัล 300 แต้ม + รางวัลเพิ่มเติม (ขึ้นอยู่กับตัวละครที่เป็นเพื่อน) (เสร็จสิ้น)

 

เควสเพื่อนของสัตว์หาง 1: เป็นเพื่อนกับสัตว์หางตัวแรกจากโลกนี้: รับรางวัล 500 แต้ม + รางวัลเพิ่มเติม (ขึ้นอยู่กับสัตว์หางที่เป็นเพื่อน) (เสร็จสิ้น)

 

ภารกิจเส้นทางของโฮคาเงะ 1 : ได้รับผู้ติดตามที่ไว้ใจได้หนึ่งคนซึ่งจะไม่หักหลังคุณ : ให้รางวัล 1,000 แต้ม + รางวัลเพิ่มเติม (เสร็จสิ้น)

 

ภารกิจเส้นทางของโฮคาเงะ 2: ได้รับผู้ติดตามที่ไว้ใจได้สองคนที่จะไม่หักหลังคุณ: ให้รางวัล 3,000 แต้ม + รางวัลเพิ่มเติม (เสร็จสิ้น)

เขารู้สึกประหลาดใจกับภารกิจทั้งหมดที่เขาทำสำเร็จ และในขณะเดียวกันก็ดีใจกับภารกิจหนึ่งโดยเฉพาะ นั่นคือภารกิจเส้นทางของโฮคาเงะ ถ้าเขาจำไม่ผิด ต้องขอบคุณมินาโตะและคุชินะ และการรู้ว่าระบบนั้นได้บอกอะไรกับเขา นั่นหมายถึงเขาสามารถไว้วางใจพวกเขาทั้งสองคนได้ในอนาคตซึ่งดีมาก

'รับรางวัลทั้งหมด' เขาพูดในใจและได้รับการแจ้งเตือน

*คุณได้รับ 4800 แต้ม จักระของอาชูร่า , ผู้สืบทอดของคุรามะ , การปรับปรุงระบบประสาท , พรสวรรค์ในการปิดผนึกขั้นสูง*

 

จักระของ อาชูร่า : เพิ่มความชำนาญในการใช้พลังงานธรรมชาติแก่ผู้ใช้อย่างมหาศาล

ผู้สืบทอดของคุรามะ : เพิ่มความสามารถของร่างกายและจักระขึ้น 2 ระดับและเพิ่มความสามารถทางร่างกายและจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น

การปรับปรุงระบบประสาท : เพิ่มปฏิกิริยาและความเร็วในการคิด 25 เท่า

พรสวรรค์ในการปิดผนึกขั้นสูงเป็นสิ่งที่อธิบายได้ในตัว และเขาไม่ลังเลเลยที่จะใช้ทุกอย่างทีละอย่าง เริ่มจากใช้จักระของอาชูร่า เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาก่อนที่จะหยุดที่หน้าผาก และเขารู้สึกว่ามีสมาธิมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  ในไม่ช้าเขก็เริ่มรู้สึกถึงพลังงานชนิดใหม่ในอากาศที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนซึ่งมันแตกต่างจากธาตุปกติ และสัมผัสได้ถึงความปรารถนาอันแรงกล้าจากร่างกายของที่ต้องการดูดซับมัน แต่เขาก็ห้ามตัวเองไว้เพื่อจะใช้ไอเท็มอื่นต่อไปก่อน

ต่อไปเขาใช้ผู้สืบทอดของคุรามะ เขารู้สึกทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของเขากำลังถูกแผดเผา แต่ก็ไม่เจ็บปวดด้วยเหตุผลบางอย่าง ร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆกล้ามเนื้อที่เริ่มขยายใหญ่ขึ้นและแน่นขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังเกิดขึ้นภายในร่างกายของเขา ความหนาแน่นของกระดูกเพิ่มขึ้นจนน่ากลัว เส้นประสาทผิวหนังและช่องจักระของเขายังคงสลายตัวและสร้างใหม่ อวัยวะต่างๆของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เลือดในตัวเขากำลังควบแน่น ส่วนจิตวิญญาณของเขา เขาไม่รู้ว่าได้ว่าเปลี่ยนไปยังไง แต่เขารู้สึกว่ามันเชื่อมโยงกับร่างกายนี้มากขึ้น ทำให้เขารู้สึกดีมากกว่าเดิม

กระบวนการนี้กินเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนที่มันจะจบลง เขารู้สึกว่าความแตกต่างระหว่างตัวเขาในตอนนี้กับก่อนหน้านี้นั้นเหมือนกลางวันและกลางคืน ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาแข็งแกร่งขึ้นจนน่ากลัว

ในตอนนี้เขายังมองเห็นได้ชัดเจน การได้ยินของเขาเองก็เช่นกัน และเขาสามารถดมกลิ่นต่างๆได้ในรัศมีอันกว้างใหญ่รอบๆตัวเขา นอกจากการเปลี่ยนแปลงไปของประสาทสัมผัสแล้ว พละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวที่แล่นผ่านทุกตารางนิ้วในร่างกายของเขาเองก็เพิ่มขึ้น ทำให้เขารู้สึกไร้เทียมทานแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขายังสามารถแกร่งได้มากกว่านี้อีกหลายเท่า

เมื่อเขารู้สึกว่ากำลังหลงไหลไปกับพลังใหม่ของตัวเขาเอง เขาจึงรีบสงบสติอารมณ์และอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดว่าความเสี่ยงที่ได้ทำไปนั้นคุ้มค่าจริงๆ

'ฉันบอกได้เลยว่าปฏิกิริยาตอบสนองและความเร็วในการคิดของฉันนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเพิ่มพลังครั้งนี้ ฉันอยากจะรู้แล้วว่าขีดจำกัดของปรับปรุงระบบประสาทนั้นมันมากมายแค่ไหน!!?' เขาคิดในขณะที่ได้เริ่มใช้มันอย่างรวดเร็วเพราะรอไม่ไหวแล้ว

จู่ๆเขาก็รู้สึกปวดประสาทไปหมด และครั้งนี้ มันทำให้เขาเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อน เพราะการเพิ่มพลังครั้งก่อนไม่มีเจ็บปวดด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนักเพราะเขาเป็นลมและล้มลงบนพื้นไปแล้ว

- 24 ชั่วโมงต่อมา-

เขาตื่นขึ้นมาในห้องที่เขาไม่คุ้น และด้วยประสาทสัมผัสใหม่ของเขา เขาได้ยินเสียงผู้หญิงในอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเขาจำได้ว่าคืออุจิวะ มิโคโตะ "บาโคริโอ้คุงจะไม่เป็นไรจริงๆเหรอ เขาอยู่ในสภาพนี้มาทั้งวันแล้วนะ"

ชายที่เธอคุยด้วยตอบด้วยท่าทางมั่นใจ "ไม่ต้องห่วงหรอก มิโคโตะ หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากแล้ว และเขาคงจะฟิ้นขึ้นในเร็วๆนี้"

มิโคโตะถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะมองไปที่สามีของเธออย่างเป็นห่วง "นี่คุณ คุณคิดว่ามีคนทำร้ายบาโคริโอ้คุงหรือเปล่า?"

ฟุงาคุมีประกายอันตรายในดวงตาของเขาชั่วครู่ก่อนที่เขาจะพูดว่า "เราจะรู้เมื่อบาโคริโอ้ตื่นขึ้นเท่านั้น อย่าเพิ่งคิดอะไรในตอนนี้มากนัก"

ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากบันได และไม่นานนักพวกเขาก็ดีใจ มิโคโตะรีบวิ่งไปหาเด็กคนนั้นและกอดเขาแน่นทั้งน้ำตา

เมื่อมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่กอดเขาและบอกเขาว่าเธอเป็นห่วงมากแค่ไหน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าหัวใจที่เย็นชาของเขานั้นอบอุ่นขึ้น เขาก็ลูบหลังเธอและพูดว่า "ตอนนี้ผมไม่เป็นไรแล้ว มิโคโตะซัง ไม่ต้องห่วงครับ"

ฟุงาคุมองมาที่เขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ฉันดีใจที่นายไม่เป็นอะไรมาก พวกเราเป็นห่วงจริงๆรวมทั้งซาสึเกะเองก็ด้วย"

เขาผละออกจากอ้อมกอดของมิโคโตะแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น "ขอบคุณที่เป็นห่วงผมครับ มันทำให้ผมมีความสุขจริงๆ" ฟุงาคุพยักหน้าให้ แล้วเราก็นั่งรวมกันที่โต๊ะอีกครั้ง ก่อนที่เขาถามด้วยความสงสัย "แล้ว ตอนนี้ซาสึเกะอยู่ไหน?"

มิโคโตะหัวเราะเบาๆและพูดว่า "เขาเป็นห่วงหนูมาก เขาต้องการให้แน่ใจว่าหนูจะได้รับยาที่ดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงไปซื้อเอง แม้ว่าตอนนี้หนูจะดีขึ้น แต่ก็ควรจะทานยาในเผื่อไว้สักหน่อย เข้าใจไหม?" มิโคโตะพูดจบด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

ทันใดนั้นฟุงาคุก็พูดอย่างจริงจัง "บาโคริโอ้คุง ทำไมนายถึงได้เป็นแบบนั้นไป มีใครทำอะไรนายหรือเปล่า?"

'ทุกอย่างมันช้าลงมาก' เขาคิดขอบคุณความเร็วในการคิดใหม่ของเขา เขาจึงคิดได้หลายสาเหตุในทันที เขาจึงเลือกคำพูดที่น่าเชื่อถือที่สุดโดยบอกไปว่า "เมื่อเร็วๆ นี้ผมซื้อตุ้มน้ำหนักและฝึกกับซาสึเกะกับนารูโตะตลอดทั้งเช้าโดยที่สวมมันด้วย ดังนั้นเมื่อผมกลับถึงบ้าน ผมรู้สึกเหนื่อยมาก และทันทีที่ถอดมันออก ผมก็หมดสติไปโดยไม่รู้ตัว"

เมื่อได้รู้สาเหตุที่ทำให้เขาเป็นลมไปว่าไม่ได้เกิดจากมีใครทำร้าย ทำให้พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในขณะเดียวกัน มิโคโตะก็โกรธ แต่เธอก็สงบสติอารมณ์และพูดว่า "บาโคริโอ้คุง ทำไมเธอถึงฝึกอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้?"

เขาพูดว่า "เพราะผมอยากแข็งแกร่งขึ้น"

ความโกรธของเธอเพิ่มขึ้นอีกครั้งและเธอพูดว่า "เธออายุแค่ 5 ขวบ เธฮไม่ควรกังวลเกี่ยวกับความแข็งแรงของตัวเองเลย"

เขามองเธออย่างลึกซึ้ง "มิโคโตะซัง สำหรับผมมันชัดเจนมากอนาคตของตระกูลนั้นไม่ได้เป็นในทิศทางที่ดีและผมต้องการความแข็งแกร่งเพื่อการเปลี่ยนแปลงมันและใช้ความแข็งแกร่งนั้นปกป้องคนที่ผมห่วงใย"

เมื่อมองดูความจริงจังของเขา ทั้งมิโคโตะและฟุงาคุก็พูดไม่ออก เพราะแม้แต่อิทาจิก็ไม่ได้แสดงสติปัญญาระดับนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้มิโคโตะรู้สึกแย่ที่ได้ยินแบบนั้น ส่วนฟุงาคุโกรธเขามากในขณะที่ฟุงาคุถามอย่างจริงจัง "บาโคริโอ้ นายรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลในหมู่บ้านนี้มากแค่ไหน?"

'ผมรู้มากกว่าคุณแน่นอน' เขาคิดในใจแล้วตอบว่า "ฉันรู้มากกว่านั้นอีกเยอะเลยล่ะ"

'มาดูกันว่าเด็กคนนี้จะคิดอย่างไร บางทีเขาอาจจะช่วยฉันหาวิธีจัดการกับสถานการณ์ในตระกูลตอนนี้จริงๆก็ได้' ฟุงาคุคิดด้วยความรู้สึกเศร้าใจในชีวิตขณะที่ต้องปรึกษาเรื่องสำคัญกับเด็ก5ขวบ

“เอาล่ะ จะให้ผมเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด