ตอนที่แล้วตอนที่ 15-12 แจ่มแจ้งในธาตุลม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15-14 ภูเขาไฟ

ตอนที่ 15-13 จ้างใหม่


ลินลี่ย์มีความคิดอย่างหนึ่ง  ทำไมซาโลมอนนี้จู่ๆ ก็มามองหาเขา?

“ซาโลมอน!ตอนนี้ภรรยาข้าฝึกอยู่ข้างในห้อง เอาอย่างนี้เถอะ ไปคุยกันข้างนอก” ลินลี่ย์พูดพลางยิ้ม

หน้าของซาโลมอนดูเป็นมิตรดี  “ก็ได้” ขณะที่เขาพูด เขาเดินออกมาจากห้องพร้อมกับลินลี่ย์

ลินลี่ย์คาดเดากับตนเอง  “ชื่อของซาโลมอนก็คือซาโลมอน บอยด์ บีบีบอกข้าไว้เช่นกันเมื่อคนพวกนั้นพยายามจะฆ่าชายชราเขาดำและชายชราเขาขาวเป็นเพราะทั้งสองคนเป็นบ่าวรับใช้ที่เก่าแก่ของตระกูลบอยด์และเก็บมรดกของตระกูลบอยด์ไว้กับตัว! แต่จากที่เห็นสมบัติอาจเก็บไว้กับซาโลมอนก็ได้”

“อย่างไรก็ตาม ถ้าซาโลมอนนี้เป็นสมาชิกตระกูลบอยด์จริงๆ เขาควรจะเก็บไว้เป็นความลับ ทำไมเขาจะต้องมาเปิดเผยสถานะของเขาต่อข้า?”

ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ

ทั้งสองคนก้าวเดินเข้าไปในห้อง ซาโลมอนแผ่สนามพลังเทพของเขาทันทีป้องกันไม่ให้เสียงรั่วไหลออกไป

“เชิญ เชิญนั่งก่อน” ซาโลมอนพูดอย่างสุภาพและจากนั้นเขานั่งด้วยเช่นกัน

ลินลี่ย์กล่าว  “ซาโลมอน!ทำไมท่านถึงเรียกข้าออกมา?”  ขณะที่เขาพูดลินลี่ย์มองดูซาโลมอน

หน้าของซาโลมอนสลดเขาถอนหายใจเบาๆ

“ลินลี่ย์!  ข้าคิดว่าเจ้าอาจจะเดาส่วนนี้ออก”  ซาโลมอนถอนหายใจพร้อมกับพูด

ลินลี่ย์ไม่ปฏิเสธเช่นกัน  เขาพยักหน้า “ถูกแล้ว  ก่อนที่เขาจะตาย  ข้าได้ยินบุรุษชุดเขียวพูดบางอย่างเกี่ยวกับตระกูลบอยด์?  หรือว่าตระกูลบอยด์นั่นกับท่านจะ...”

ซาโลมอนพยักหน้า  “ถูกแล้ว,ข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลบอยด์ เป็นทายาทตระกูลบอยด์จริงๆ”

ลินลี่ย์สะดุ้งในใจ

จริงๆด้วย!

และซาโลมอนผู้นี้ไม่ใช่สมาชิกธรรมดา  เขาเป็นทายาทและผู้รับสืบทอด

“ตระกูลบอยด์ความจริงเป็นตระกูลใหญ่”  ซาโลมอนพูดช้าๆ “ในแคว้นโคล์ดคาล์มเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดตระกูลใหญ่  แต่แน่นอนมันเป็นเรื่องยากที่ตระกูลใหญ่จะคงอยู่ได้ตลอดไปโดยไม่สูญสลาย  ภายใต้กลไกลับและฝ่ายตรงข้าม  ตระกูลบอยด์ของข้าก็ถูกโค่นและทำลายในที่สุด”

“บิดาของข้า..คือประมุขของตระกูลบอยด์!”  ซาโลมอนพูดเบาๆ

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

“ความจริง, ข้ารู้สึกว่ามันเกิดขึ้น  เมื่อบิดาข้าเดินทางท่องเที่ยวในแดนนรกและพบกับมารดาข้า  ข้าเป็นแค่ลูกนอกสมรส”  ซาโลมอนแค่นเสียง  “ในตระกูลบอยด์คงเป็นเรื่องยากมากที่สถานะของคนอย่างข้าจะกลายมาเป็นทายาทได้”

ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว  เขารำพึงกับตัวเอง “ข้าไม่คาดเลยว่าเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นในแดนนรกด้วยเช่นกัน  ดูเหมือนว่าชีวิตของซาโลมอนในตระกูลบอยด์จะไม่ค่อยดีนัก”

แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่เคยพบกับเรื่องนี้ด้วยตนเอง  แต่เขาก็ยังได้ยินมาบ้าง

สถานะครึ่งๆกลางๆ จะด้อยกว่าคนที่เป็นทายาทสายตรง

“ปีนั้นนีซและข้าไปเยี่ยมที่ทวีปเจดโฟลท  แต่ในการเดินทางครั้งนั้น...”  ซาโลมอนมีสีหน้าบิดเบี้ยว  “เราถูกตะเพิดออกมาตรงๆ!”

ลินลี่ย์ตกใจเล็กน้อย

ตะเพิด?

“ข้าเองได้อยู่ที่ตระกูลบอยด์เพียงวันเดียวก่อนจะถูกไล่ให้ออกไป”  ซาโลมอนหัวเราะอย่างขมขื่นใจ  “ข้ากลับมาทวีปเรดบุดหลังจากนั้นข้าก็ได้ทราบว่าเป็นเพราะบิดาข้า หัวหน้าตระกูลที่เป็นคนจัดการให้ไล่ข้าและน้องสาวออกไป ท่านพ่อรู้ตัวนานแล้วว่าตระกูลกำลังเผชิญกับอันตรายน่ากลัว”

“เวลานั้นเมื่อข้ากลับมาทวีปเรดบุดเป็นท่านพ่อส่งข้าไปให้อาจารย์ ได้เรียนได้ศึกษาจากเขา”  ซาโลมอนพูดพลางถอนหายใจ

ลินลี่ย์แค่ยืนฟังอยู่กับที่

“ความจริง...” ซาโลมอนพูดหนักแน่น  “ตระกูลบอยด์จบสิ้นไปแล้วธุรกิจบางอย่างในสิบเมืองใหญ่ของแคว้นโคล์ดคาล์มถูกกลืนถูกยุบ  อย่างไรก็ตามมรดกสมบัติมากมายมหาศาลที่ตระกูลบอลด์สะสมมานับไม่ถ้วนยังถูกปกปิดไว้บ่าวทาสเก่าแก่ผู้ซื่อสัตย์ของตระกูลเราเอามันไปได้และมุ่งหน้ามายังทวีปเรดบุดนำมามอบให้ข้า”

ลินลี่ย์พูดอย่างจนใจ  “ซาโลมอน, ทำไมถึงพูดเรื่องนี้กับข้า?”

แม้ว่าการบอกเรื่องลับอย่างนี้มาจากความเชื่อใจแต่ก็สร้างแรงกดดันชนิดหนึ่งให้กับลินลี่ย์

ซาโลมอนมองดูลินลี่ย์  เขาพูดอย่างใจเย็น “ข้าเชื่อใจเจ้า ขณะเดียวกันข้าไม่ต้องการให้บีบีและน้องสาวข้านีซมีความเข้าใจผิดระหว่างพวกเขา  ดังนั้นจะดีที่สุดอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน”

ลินลี่ย์ได้แต่ต้องมองตระกูลบอยด์อย่างใกล้ชิดมิได้  จากนั้นเขาพยักหน้าเล็กน้อย

เรื่องบางอย่างเช่นนี้จะทำให้บีบีเพิ่มความสงสัยขึ้นแน่นอน  ถ้าไม่ทำให้ชัดเจน ก็อาจทำให้เกิดความคลางแคลงใจระหว่างบีบีกับนีซก็ได้

“ซาโลมอนผู้นี้ควรคบเป็นสหายสนิท”  ลินลี่ย์พยักหน้า ชะตาเช่นนี้...แน่นอนว่าเขาเองมองว่าเงินก็ทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่ไม่มีทางที่เขาจะปล้นหรือฆ่าสหายเพื่อเงินแน่

ซาโลมอนยังคงพูดต่อไป

“เมื่อเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งหลังจากที่ข้าได้รับมรดกนี้ เมื่อข้ารู้สึกว่าพลังของข้าถึงระดับที่แน่นอนแล้ว ข้าพาบ่าวทั้งสองและน้องของข้ากลับไปยังทวีปเจดโฟลท  ข้าไม่คาดเลยว่า...หลังจากผ่านไปนานหลายปีก็ยังมีคนรอเราอยู่ที่นี่” ซาโลมอนถอนหายใจ

ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น  “ซาโลมอน,มรดกของทั้งตระกูลย่อมทำให้เกิดความโลภมากมาย ดังนั้นจะเป็นยังไงกันเล่าต่อให้ผ่านไปสิบล้านปี?”

สำหรับยอดฝีมือผู้สามารถอยู่มาได้หลายร้อยล้านปีรอสักหมื่นปีนับว่าไม่มีอะไรเลย

“นับว่ายุติธรรมพอ”

ซาโลมอนพูดต่อ  “ลินลี่ย์, วันนี้, ข้าเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟังเพราะประการแรกเลยข้าไม่ต้องการให้มีความเข้าใจผิดกันระหว่างเราทั้งสองคน ที่สำคัญน้องสาวของข้าต้องการจะใช้ชีวิตร่วมกับน้องชายเจ้า”  นี่เป็นไปเช่นนี้เพราะลินลี่ย์แสดงออกมาตลอดว่าบีบีคือน้องชายของเขา

และในความเป็นจริงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็เป็นเหมือนญาติสนิทอยู่แล้ว

“ประการที่สอง, ลินลี่ย์!  ข้าหวังว่าในอนาคตเจ้าจะช่วยดูแลน้องสาวของข้าด้วย” ซาโลมอนพูดอย่างสุดฝืน “แม้ว่าเมื่อข้ากลับไปยังทวีปเจดโฟลท ข้ายังจะต้องถูกความยากลำบากรุมเร้า  แต่ข้ามีน้องสาวเพียงคนเดียว...ข้าไม่ต้องการให้นางตกอยู่ในอันตราย!”

“ได้เลย, ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้”  ลินลี่ย์ตอบได้ไม่ลังเล  “ตราบใดที่ข้า ลินลี่ย์ไม่ตายข้าจะปกป้องน้องสาวของเจ้าแน่นอน”

ในแดนนรกคนที่ลินลี่ย์ใส่ใจอย่างไม่ต้องสงสัยก็คือบีบีและเดเลียภรรยาของเขา แม้จะต้องทำเพื่อประโยชน์กับบีบี ลินลี่ย์จะต้องป้องกันนีซให้ได้

“นั่นทำให้ข้าโล่งใจแล้ว”  ซาโลมอนพยักหน้าและหัวเราะ  “ลินลี่ย์ เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าจะไม่รบกวนเจ้าอีกต่อไป  เจ้าคงจะยุ่งแน่”

ลินลี่ย์ออกจากที่พักของซาโลมอน

หลังจากลินลี่ย์ออกไปแล้วหน้าของซาโลมอนทิ่ยิ้มอยู่แต่เดิมพลันขรึมลง ตาของเขาพลันดุร้าย “ข้าบอกเล่าเรื่องให้เขาฟังไปมากมาย แต่ลินลี่ย์ยังคงปกปิดความลับจากข้า ฮึ่ม.. เขาคิดว่าข้าไม่รู้ สมาชิกสำคัญของตระกูลสี่อสูรเทพหรือ?...”

ซาโลมอนรู้ดีว่าประวัติศาสตร์ของตระกูลสี่อสูรเทพเป็นเช่นไร

“ตระกูลสี่อสูรเทพครั้งหนึ่งชื่อเสียงของพวกเขาเคยสั่นสะเทือนพิภพชั้นสูง  แม้ว่าพวกเขาจะตกต่ำลง  แต่พวกเขายังมีคนมีฝีมือโดดเด่นในแดนนรก”  ซาโลมอนรำพึง “หลังจากแปลงร่างแล้ว เกล็ดมังกรของเขาเป็นสีฟ้าทองและรัศมีของเขาน่ากลัวมาก เขาจะต้องเป็นสมาชิกสำคัญอย่างแน่นอน”

ภายในปราสาทร่างมังกรของลินลี่ย์ดูดซับหยดน้ำสีฟ้าและจากนั้นเขาโจมตีใส่เทพชั้นสูง  ซาโลมอนปรากฏตัวและเห็นร่างแปลงของลินลี่ย์

ซาโลมอนในฐานะทายาทของตระกูลบอยด์เคยฝึกฝีมือลับๆกับยอดฝีมือที่บิดาของเขาร้องขอ จึงเป็นธรรมดาที่เขารู้ความลับของแดนนรกอยู่หลายเรื่อง  ซาโลมอนก่อนนั้นบอกชื่อของเขากับลินลี่ย์โดยตรงเพราะเขาตั้งใจจะผูกมิตรกับลินลี่ย์

ตระกูลบอยด์?ตอนนี้ลืมไปได้เลย, แม้เมื่อพวกเขายังอยู่ในอำนาจระดับสูง พวกเขาเพียงแต่นับได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่ของแคว้นโคล์ดคาล์มเท่านั้น  เมื่อเทียบกับสี่ตระกูลอสูรเทพ พวกเขายังด้อยกว่าห่างไกล

สุดยอดฝีมือคนไหนในแดนนรกเล่าที่ไม่ได้ยินชื่อเสียงยิ่งใหญ่ของตระกูลสี่อสูรเทพแดนนรก? และนี่ยังเกี่ยวกับสี่ตระกูลอสูรเทพที่ยังอยู่ในสภาวะตกต่ำ

เมื่อตระกูลสี่อสูรเทพมีพลังอำนาจเต็มที่ อิทธิพลของพวกเขาดังก้องไปทั่วทั้งสี่พิภพชั้นสูง

ในใจของซาโลมอนลินลี่ย์จะต้องปกปิดความลับต่อเขาแน่นอน เขาจะรู้ได้ยังไงว่าลินลี่ย์รู้เรื่องราวของสี่ตระกูลอสูรเทพเพียงน้อยนิด?

อสูรโลหะบินพุ่งไปข้างหน้า  ในพริบตาใช้เวลาบินผ่านไปอีกสามเดือน

“นี่ช่างน่าเบื่ออย่างแท้จริง”

ลินลี่ย์ถอนหายใจกับตัวเอง  “เกี่ยวกับการดำเนินการโจมตีด้วยเคล็ดกระบี่ ‘สัจธรรมแห่งความเร็ว’  ข้ามีความมั่นใจบางส่วนแล้ว  เพียงแต่ไม่มีประสบการณ์จากการฝึก  ข้าไม่แน่ใจ แต่ภายในอสูรโลหะ ไม่มีทางทดสอบได้เลย” สิ่งที่ลินลี่ย์ต้องการทำตอนนี้ก็คือหาที่ว่างและใช้ทดสอบฝีมือ

เขาต้องการตรวจสอบพลังโจมตีของเคล็ดสัจธรรมแห่งควมเร็ว

“ทุกท่าน, โปรดมารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่”  เสียงหนึ่งดังขึ้นทันที

“ที่ห้องโถงใหญ่?” ลินลี่ย์อดสงสัยไม่ได้  “ตัดสินจากเสียง น่าจะเป็นเสียงของบุรุษเขาขาว”

เดเลียกำลังฝึกหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ของนางตกใจตื่น  “ลินลี่ย์ชายชราเขาขาวขอให้เราไปรวมตัวที่ห้องโถงไม่ใช่หรือ?”  ลินลี่ย์จูงมือเดเลียและหัวเราะ  “ข้าจะไปรู้ได้ไงว่าเกิดอะไรขึ้น?  ไปดูกันเถอะ” ขณะที่เขาพูดทั้งสองคนออกจากห้อง

ภายในห้องโถงใหญ่ของอสูรโลหะ  กลุ่มอสูรยืนอยู่ด้วยกัน  ทั้งหมดนั้นมองดูชายชราชุดขาว

ชายชราเขาขาวพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส  “ทุกท่าน!  เราจะถึงเมืองอิลลานไม่นานนี้  เราจะหยุดอยู่นอกเมืองอิลลาน  ทุกท่านสามารถพักได้ภายในอสูรโลหะ  หลังจากผ่านวิกฤติการณ์สองครั้ง  มีอสูรหลายคนตายไป  และพ่อครัวทั้งสองของเราก็ตายด้วยเช่นกัน  เวลานี้ ข้าจะเข้าเมืองไปเชื้อเชิญพ่อครัวใหม่มาอีก  และจะจ้างอสูรจากปราสาทอสูรเพิ่มอีกสักหลายคน”

“จ้างอสูรเพิ่ม?”พวกอสูรในหอประชุมไม่มีใครคัดค้าน

การเดินทางครั้งนี้อันตรายจริงๆ แต่ภารกิจคุ้มกันภัยจะไม่มีอันตรายได้ยังไง?  ถ้าไม่มีอันตราย ทำไมจึงต้องการมีอสูรช่วยคุ้มกันเล่า

พวกอสูรความจริงยินดีต้อนรับให้มีอสูรมาสมทบ

“เร็วๆ นี้ข้าเบื่อจะตายอยู่แล้ว  คงจะดีถ้าได้เข้าเมืองบ้าง  เราสามารถไปพักกันได้”  ทันใดนั้นพวกอสูรดูเหมือนเริ่มหัวเราะกันทันที

“พี่ใหญ่ เมื่อเข้าไปในเมืองอิลลาน  เราจะหาร้านอาหารดีๆ ในเมืองกินกัน”  บีบีลูบปากขณะพูด  “ตั้งแต่สองพ่อครัวถูกฆ่าระหว่างที่โจรโจมตีแล้ว  ผ่านไปนานแล้วข้ายังไม่ได้กินอะไรดีๆ เลย”

ทุกคนกำลังปรึกษากันกับพวกของเขาเอง

ชายชราเขาขาวพูดเสียงดัง  “ขณะเดียวกันข้าขอร้องทุกท่านให้รั้งอยู่ในอสูรโลหะ และอย่าได้เข้าไปเมืองอิลลาน”  คำพูดเหล่านี้ทำให้เกิดความไม่พอใจทันที

“ทำไมไม่ได้เล่า?”  อสูรคนหนึ่งพูดขึ้น

ผู้อาวุโสเขาขาวพูดอย่างใจเย็น  “ข้าหวังว่าทุกท่านคงจะเข้าใจ  หลังจากสู้รบที่ปราสาททราย ข้าคาดว่าพวกท่านทุกคนคงรู้เรื่องเกี่ยวกับกิจการตระกูลบอยด์แล้ว  ข้าไม่ต้องการให้ข้อมูลนี้กระจายออกไป  ดังนั้นแม้ว่าพวกท่านจะไม่อยู่ในอสูรโลหะ  แต่อย่างน้อยพวกท่านไม่อาจเข้าเมืองได้

ความจริงในบรรดาอสูรที่มีอยู่นี้มีอสูรบางคนต้องการจะปล่อยข่าวนี้ออกไป

ความลับของตระกูลบอยด์?

ลินลี่ย์พยักหน้าด้วยตนเองเป็นความจริง  ถ้าบางคนกระจายความลับนี้ออกไป  ทุกคนจะพบอันตรายในระหว่างทาง

“ข้าพอจะเข้าใจเหตุผลเช่นนี้” พี่ใหญ่ของสามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดพูดอย่างใจเย็น  “ไม่ต้องกังวลใจ  ตั้งแต่พวกเรายอมรับภารกิจนี้  เราจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้เป็นธรรมดา  แม้ว่าเราจะทำการเพื่อประโยชน์ตัวเองเราก็จะไม่เปิดเผยออกไป เราทั้งหมดจะอยู่นอกเมืองและไม่เข้าไปในเมือง  ท่านแลร์มองต์ ท่านจะว่ายังไง?”

แลร์มองต์พยักหน้า  “ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง  ต้องไม่คุยกับคนนอกจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น”

ผู้อาวุโสเขาขาวดีใจ  “ขอบคุณพวกท่านทั้งสี่”

เมื่อมีสามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดและแลร์มองต์พูดออกมาอย่างนั้น  อสูรคนอื่นก็ไม่มีข้อคัดค้านอีกต่อไป

ครู่ต่อมาขณะมองผ่านหน้าต่างพวกเขาทุกคนเห็นเมืองใกล้เข้ามาทุกที อสูรโลหะหยุดที่ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ว่างเปล่าอยู่ห่างเมืองสิบกิโลเมตร  ชายชราเขาขาวมุ่งหน้าเข้าประตูเมืองด้วยตนเอง  ขณะที่คนอื่นรั้งอยู่ในอสูรโลหะ

พวกเขาพักอยู่ในพื้นที่รอบอสูรโลหะ

“ข้าหวังว่าทุกคนคงจะวางตัวอย่างฉลาด” พี่ใหญ่ของพี่น้องเอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่งามสง่าพูดขึ้นอย่างไม่มีอารมณ์  “ถ้าใครบางคนติดต่อกับคนนอกอย่าตำหนิข้าไร้เมตตาล่ะ”

“ฮึ่ม...น่าเบื่อจริงๆ”  บีบีแค่นเสียงเบาๆ  “เราถึงเมืองแต่ไม่ได้เข้าเมือง”

หน้าของลินลี่ย์ยังคงยิ้ม  “นี่ก็ดีแล้ว ข้าจะมีโอกาสทดสอบวิชากระบี่ตอนนี้เลย” ลินลี่ย์เดินไปในพื้นที่ว่าง จากนั้นชัดกระบี่เลือดม่วงและเริ่มทดสอบวิชากระบี่ เท่าที่เขาห่วงก็คือกลัวว่าจะมีคนจำกระบี่เลือดม่วงได้ ลินลี่ย์ตั้งใจเปลี่ยนลักษณะกระบี่เลือดม่วงเล็กน้อย

อันที่จริงมีกระบี่ยาวสีม่วงอยู่มากมาย และสมาชิกของคนผู้ที่ได้พบกับอสูรเลือดม่วงแทบนับได้ด้วยมือข้างเดียว  หลังจากลินลี่ย์ปรับเปลี่ยนแล้วรัศมีของกระบี่เลือดม่วงเปลี่ยนไป  ยังจะมีใครเล่าที่ยังจำกระบี่เลือดม่วงได้อีก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด