ตอนที่แล้วตอนที่ 15-11 ความลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15-13 จ้างใหม่

ตอนที่ 15-12 แจ่มแจ้งในธาตุลม


“ตระกูลบอยด์?” บีบีมีความคิด และเขาอดชำเลืองมองซาโลมอนที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้

แม้ว่าบีบีค่อนข้างเอะอะโวยวายแต่เขาก็มีสติปัญญาฉลาด เมื่อลินลี่ย์ช่วยชีวิตนีซ ซาโลมอนเพราะด้วยเหตุผลบางอย่างกลับเปิดเผยชื่อจริงเมื่อตอนขอบคุณลินลี่ย์ซาโลมอน บอยด์!

ขณะนั้นบีบีไม่ให้ความสนใจมากนัก

แต่ตอนนี้เขาได้ยินอีกครั้งหนึ่ง  บีบีเริ่มมีความสงสัย

“นีซคบหากับข้ามาเป็นเวลานาน  แต่นางไม่ยินดีจะบอกข้าว่านางมีนามสกุลเช่นใด!”  บีบีเริ่มสงสัย  “เมื่อเป็นเช่นนั้น นามสกุลต้องสำคัญมาก  ซาโลมอนเพียงแต่บอกพี่ใหญ่ข้า เนื่องจากตระกูลของเขาคือบอยด์..”

“หรือว่าบอยด์นี้จะเป็นชื่อเดียวกับบอยด์ที่ชายชราชุดเขียวอ้างถึง?”

บีบีลอบยิ้ม  ขณะเดียวกันก็มองดูลินลี่ย์ เพียงสามคนที่อยู่ด้วยเมื่อตอนซาโลมอนพูดถึงนามสกุลของเขา ก็คือลินลี่ย์บีบี และนีซ

“พี่ใหญ่.. หลับตาเริ่มเข้าฌานจริงๆหรือนี่?” บีบีไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จากนั้นบีบีมองดูแลร์มองต์ที่อยู่ไกลๆ ชายชราชุดเขียวและชายชราเขาขาว“ดูเหมือนว่าสถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไป แลร์มองต์จะโจมตีเพราะความโลภไหม?” บีบีรำพึงกับตนเอง

ความจริงตอนนี้สถานการณ์น่ากลัวต่อชายชราเขาขาวมาก

เขาไม่คาดเลยว่าชายชราชุดเขียวจะมาเปิดเผยเรื่องนี้อย่างเต็มใจ ชายชราเขาขาวเข้าใจว่าพลังของเขาด้อยกว่าแลร์มองต์อย่างห่างไกลกันมาก  ถ้าแลร์มองต์ต้องการโจมตีอย่างนั้น...

“ต่อให้คุณชายช่วย  เราก็ไม่สามารถรับมือแลร์มองต์ได้อยู่ดี”  ชายชราเขาขาวเข้าใจ  “นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่แลร์มองต์เท่านั้นที่ตาแดงด้วยความโลภเมื่อได้รู้ความลับ  พี่น้องเอ็ดเวิร์ดก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน”

พี่น้องเอ็ดเวิร์ดยังคงรับงานคุ้มกันพวกเขา  และยังไม่เปิดเผยความสามารถที่น่าตกใจใดๆ

อย่างไรก็ตามไม่มีใครในพวกเขาตายเลยสักคน  นี่บ่งบอกให้เห็นถึงพลังของพวกเขา

“ไม่ว่ายังไง ต่อให้ข้าตาย  ข้าไม่อาจเปิดเผยสถานะคุณชายได้”  ชายชราเขาขาวทำใจ

“โอว, เจ้าพูดถึงตระกูลบอยด์น่ะหรือ?”แลร์มองต์เลิกคิ้ว “ตระกูลบอยด์แห่งแคว้นโคล์ดคาล์มทวีปเจดโฟลทน่ะหรือ  เป็นตระกูลเก่าแก่จริง  แม้ว่าข้าจะอยู่ที่นี่ทวีปเรดบุด  ข้าก็ยังได้ยินชื่อเสียงของตระกูลบอยด์”

ชายชราชุดเขียวกล่าว  “แน่นอน เจ้าสามารถคาดคิดได้ว่าตระกูลบอยด์มีความมั่งคั่งเพียงไหน”

พี่น้องเอ็ดเวิร์ดมองหน้ากันเอง  และลอบสนทนากันทางสำนึกเทพ

“โอว, หลายอย่างชักจะยุ่ง”  บีบีมองดูพี่น้องเอ็ดเวิร์ดจากระยะไกล  จากนั้นมองดูแลร์มองต์ ก่อนสุดท้ายจะมองดูคนที่อ่อนแอที่สุดก็คือชายชราเขาสีขาว  “เฒ่าผู้นี้มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องตายแน่นอน  มีหลายคนมากเกินไปที่โลภสมบัตินี้”

ชายชราเขาสีขาวพูดอย่างไม่พอใจ“ท่านแลร์มองต์ ข้าเป็นผู้ว่าจ้างของท่าน  ท่าน...”

“บอกให้เจ้าหุบปากไงเล่า”  แลร์มองต์ชำเลืองมองเขาอย่างใจเย็น

ชายชราชุดเขียวอดหัวเราะไม่ได้  ขณะเดียวกันเขากล่าว  “แลร์มองต์ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว” ขณะที่เขาพูดชายชราชุดเขียวเตรียมจากไป

“ควั่บ!”

พลังกระบี่ดำแทงทะลุกะโหลกของชายชราชุดเขียว ตาของชายชราชุดเขียวเต็มไปด้วยความตกใจเหลือเชื่อและจากนั้นก็ล้มลงกับพื้น ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ชั้นเทพสุดท้ายของชายชราชุดเขียวตายในลักษณะนั้น

“นี่...?” ชายชราเขาขาว, เอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆ ตะลึงกันหมด

แลร์มองต์ชำเลืองมองชายชราชุดเขียวอย่างสงบ  “ข้าเพียงแต่ให้เจ้าบอกความลับกับข้าข้าไม่เคยตกลงว่าจะไว้ชีวิตเจ้าเป็นการแลกเปลี่ยนเจ้าฆ่าผู้ว่าจ้างของข้าไปคนหนึ่ง ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าได้ยังไง?”  และจากนั้นแลร์มองต์หันมามองชายชราเขาขาว

หน้าของชายชราเขาขาวเปลี่ยนเป็นซีดขาว

“ได้, ถ้าเจ้าต้องการฆ่าข้า  งั้นก็ฆ่าได้เลย”  เมื่อเห็นพลังของแลร์มองต์แล้วชายชราเขาขาวไม่พยายามต่อต้านแม้แต่น้อย เขาพูดอย่างสงบ  “เนื่องจากท่านฆ่าท่านสายลมได้ข้าก็พอใจแล้ว” ชายชราเขาขาวเตรียมตัวตายไว้แล้ว เขาพึมพำกับตนเอง  “คุณชายจากนี้ไปท่านต้องพึ่งตัวเองแล้ว”

“ถ้าข้าฆ่าเจ้า ใครจะจ่ายค่าจ้างของข้าเล่า?” แลร์มองต์ถาม

ชายชราเขาขาวประหลาดใจ

และจากนั้นแลร์มองต์เดินออกไปขณะที่พูดอย่างใจเย็น  “รีบๆ เตรียมอสูรโลหะ เราจะไปกันต่อ”

“เขาจะไม่ฆ่าข้าหรือ?”  ชายชราเขาขาวไม่อยากจะเชื่อ

ในบรรดาอสูรสิบกว่าคนที่รอดชีวิตจ้องมองแลร์มองต์อย่างประหลาดใจเช่นกัน  ต้องเข้าใจก่อนว่าทุกคนสนใจเรื่องเงินและทุกคนพบว่ายากจะทำใจไม่ให้เกิดความโลภต่อสมบัติความมั่งคั่งมหาศาลของตระกูลใหญ่  นอกจากนี้การฆ่าชายชราเขาขาวเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก

“เกิดอะไรขึ้นกับแลร์มองต์ผู้นี้?”  สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดมองหน้ากันเอง

ปฏิกิริยาของแลร์มองต์ทำให้พี่น้องเอ็ดเวิร์ดไม่สามารถวางแผนบุ่มบ่ามได้

“พี่ใหญ่, ตอนนี้ทนไปก่อน”

แลร์มองต์สามารถละเว้นความโลภได้  แต่สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดไม่ใช่  นี่คือสมบัติมหาศาลของตระกูลเก่าแก่ ชื่อเสียงของตระกูลบอยด์นั้นยิ่งใหญ่กึกก้องเหมือนฟ้าร้องกรอกหู

“รอสักครู่ก่อนออกไปได้ไหม?”  เสียงของซาโลมอนต์ดังขึ้น  “สหายของข้าอยู่ในภวังค์ฝึกฝน”

แลร์มองต์และสามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดชายชราเขาขาวและอสูรผู้โชคดีรอดชีวิตที่ยังเหลือมองดูกันทุกคน  ลินลี่ย์กำลังยืนนิ่งกับที่อยู่ในท่าเดิมร่างของเขาถูกล้อมรอบไปด้วยเกลียวสายลม เขากำลังฝึกอยู่จริงๆ ภาพเช่นนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นที่สุด

“เขาเพิ่งเริ่มฝึกอย่างนั้นหรือ?”  บรรดาอสูรที่โชคดีรอดชีวิตตะลึงกันหมดเริ่มฝึกทันทีทั้งที่เพิ่งดิ้นรนผ่านการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาหมาดๆ..เป็นเรื่องบ้าจริงๆ

“รอเขาเพียงคนเดียวน่ะหรือ?  ปลุกเขาซะ” พี่รองของพี่น้องเอ็ดเวิร์ดพูดอย่างไม่พอใจ  เขาเป็นอสูรห้าดาวแล้วยังต้องมารออสูรระดับเทพแท้น่ะหรือ? เขาไม่มีความอดทนปานนั้น

บีบีเมื่อได้ยินเช่นนั้นอดขมวดคิ้วไม่ได้

“น่าสนใจ, น่าสนใจ”  แลร์มองต์มองดูลินลี่ย์ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มน้อยๆ  “เรายังไม่ต้องรีบไปก็ได้  รอสักครู่เถอะ”

เนื่องจากเป็นการตัดสินใจของแลร์มองต์  สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดไม่พูดอะไรต่อไป

ทันใดนั้นอสูรผู้รอดชีวิตทำที่พักชั่วคราวในทะเลทราย  หลังจากสู้รบอย่างหนักครั้งนี้จำนวนเทพชั้นสูงมีแค่แลร์มองต์ สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดและซาโลมอน  ขณะที่เทพแท้รวมทั้งลินลี่ย์ด้วยมีรอดอยู่สิบสามคน

เวลาผ่านไป

พริบตาเดียวผ่านไปสามวัน  พวกอสูรมีความอดทนมากและไม่สนใจกับเวลาสามวันนี้แม้แต่น้อย

“พี่ใหญ่จะฝึกไปอีกนานเท่าไหน?” บีบีเมื่อเห็นลินลี่ย์อยู่ในสภาวะเข้าสมาธิชักจะตื่นเต้นขึ้น  “พวกอสูรยังไม่รีบร้อนอะไรมาก  แต่ถ้าเวลาผ่านไปนาน  พวกเขาคงจะหงุดหงิดมากกว่าเดิมแน่ แต่การรบกวนพี่ใหญ่ขณะที่เขากำลังฝึกฝนจะส่งผลใหญ่ต่อเขา”

บีบีเข้าใจว่าลินลี่ย์ตัดสินใจเข้าสมาธิฉับพลันย่อมต้องหมายความว่าเขาได้รู้แจ้งกะทันหัน

โอกาสแบบนี้ล้ำค่ามาก  เมื่อถูกรบกวนอาจเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเข้าสู่สภาวะแบบนี้อีก

“ครืนนน...”

ระลอกพลังของกฎธรรมชาติลงมาจากสวรรค์ห่อคลุมตัวลินลี่ย์ไว้

“เขาบรรลุระดับใหม่ได้!” ทุกคนรวมทั้งแลร์มองต์ลืมตามองดูลินลี่ย์ทันที  พวกเขาเข้าใจกันหมด การชะลอลงมาของกฎธรรมชาติเป็นเครื่องหมายว่าใครบางคนกำลังกลายเป็นเทพตามธรรมชาติ

ลินลี่ย์ลอยอยู่ในอากาศขณะเดียวกันร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมของเขาออกมาจากร่าง... เป็นลินลี่ย์ในชุดเขียวอ่อน

“ครืน...”

ประกายศักดิ์สิทธิ์คลุมไปด้วยแสงสีเขียวลอยออกมาจากหัวของลินลี่ย์แล้วลอยนิ่งอยู่ในกลางอากาศเหนือหัวเขา แก่นธาตุลมปริมาณมหาศาลภายใต้การนำของกฎธรรมชาติบรรจบรวมกับประกายเทพซึ่งเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงช้าๆ

ครู่ต่อมา...

ประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมระดับเทียมเทพเปลี่ยนไปเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมระดับเทพแท้

ระลอกพลังของกฎธรรมชาติลดลงและลินลี่ย์ลืมตา

“หือ...” ลินลี่ย์บรรลุผ่านระดับใหม่ได้ ตอนนี้เขาเห็นว่าคนกลุ่มใหญ่ล้อมรอบจ้องมองดูเขา

“ยินดีด้วยลินลี่ย์,เจ้าได้ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพแท้แล้ว” ซาโลมอนพูดพลางหัวเราะ

แลร์มองต์พยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน  เขามองดูลินลี่ย์ด้วยสายตาชื่นชม  “ทำได้ดีมาก เจ้าได้รับการรู้แจ้งระหว่างวิกฤติเป็นตายของชีวิตเชียวนะ”

แลร์มองต์ชื่นชมคนประเภทนี้ผู้บรรลุระดับใหม่ระหว่างวิกฤติเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายได้

เขาเองชอบการสู้รบและท้าทาย เงินน่ะหรือ? สำหรับแลร์มองต์เห็นว่ามีเงินเพียงพอใช้จ่ายแล้วสิ่งที่เรียกว่าสมบัติตระกูลบอยด์แลร์มองต์ไม่สนใจแม้แต่น้อย  เป้าหมายของแลร์มองต์ก็คือ...

การได้เป็นอสูรเจ็ดดาวและจากนั้นท้าทายเทพอสูร!

กลายเป็นหนึ่งใน108 เทพอสูรของแดนนรก!

สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดมองหน้าลินลี่ย์  พวกเขาเพียงแต่หัวเราะ  ก็แค่เทพแท้ มีอะไรน่าภูมิใจด้วยเล่า?  พี่น้องเอ็ดเวิร์ดไม่ได้ถือว่าลินลี่ย์จะมีความสำคัญอะไรเลยพวกเขามองดูชายชราเขาขาว  “เฮ้,เจ้าเด็กนี่บรรลุระดับใหม่แล้ว เราไปกันได้แล้ว”

“ก็ได้ ไปกันเถอะ”  ชายชราเขาขาวพูดทันที

“ออกไปหรือ?” ตอนนี้ลินลี่ย์ถึงได้ตระหนักว่าอสูรคนอื่นๆทั้งหมดฝืนใจรอเขาขณะเมื่อเขาเริ่มอยู่ในสมาธิ

“บีบี, ข้าเข้าสมาธินานเท่าใด?”  ลินลี่ย์ถามผ่านการติดต่อทางวิญญาณ

“สามวัน พี่ใหญ่ ท่านยอดเยี่ยมจริงๆ  ร่างแยกศักดิ์ธาตุลมของท่านถึงระดับเทพแท้แล้ว”  บีบีดีใจกับลินลี่ย์

ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจโล่งออก  “ก็ไม่แย่ แค่สามวันเอง”  ถ้าเขาฝึกเป็นเวลาครึ่งปีกับคนอื่นๆที่มาพร้อมกับเขา เขาคงรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก

แดนนรกในเทือกเขารกร้างภายในทวีปเรดบุด

อินนิโกยืนนิ่งกับที่ภายใต้น้ำตกมีเทพชั้นสูงสองคนอยู่ที่ด้านหลังของเขา

“ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าตระกูลบอยด์ยังมีผู้สืบทอด”  อินนิโกรำพึงกับตนเอง  “แม้ว่าเจ้าผู้นั้นจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในที่ตระกูลบอยด์เพียงครั้งเดียวแล้วถูกส่งออกมา..โชคดีที่ข้าจำเขาได้”

สถานะของซาโลมอนแม้แต่ในตระกูลบอยด์ก็เป็นความลับใหญ่

เนื่องจากเขาเข้าไปในตระกูลบอยด์เพียงครั้งเดียวก่อนที่จะถูกส่งออกมาทำให้น้อยคนนักที่จะรู้ว่าซาโลมอนเป็นใคร  มีน้อยคนมากที่รู้ว่าซาโลมอนด์มีความเชื่อมโยงกับตระกูลบอยด์

แต่อินนิโกต้องขอบคุณเหตุบังเอิญครั้งนั้น

และครั้งนี้เมื่ออินนิโกเห็นซาโลมอน  เขาเข้าใจได้ทันที

“มิน่าเล่าเจ้าแก่สองคนนั่นถึงได้หนีไปทวีปเรดบุด  จากนั้นก็พยายามจะกลับมา”  อินนิโกพูดกับตนเอง  “อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตอนนี้ข้ารู้จักพวกเขา  อย่างนั้น...”

“คุณชาย, เราควรจะทำอย่างไรต่อไป?”  บริวารทั้งสองด้านหลังของเขามองดูเขา

อินนิโกพูดอย่างเฉื่อยชา  “เราจะออกไปก่อน”  ขณะที่เขาพูดอินนิโกบินขึ้นเหนือด้วยความเร็วสูง และสองเทพชั้นสูงบินตามหลังเขาไปทันที

อสูรโลหะยังคงบินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง  มันหดขนาดลงอีกครั้ง  ที่สำคัญตอนนี้มีคนเหลืออยู่น้อยมาก

ในห้องของลินลี่ย์และเดเลียภายในอสูรโลหะ

“ด้าน ‘เร็ว’ และ ‘ช้า’ของสัจธรรมแห่งความเร็วมีการหลอมรวมเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วเพียงแต่พลังกระบี่โจมตีก็มีทั้งแข็งและอ่อนหยุ่นก็ยังคมชัดที่สุดเป็นพลังโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุด” ลินลี่ย์เข้าใจเหตุผลที่ที่ผู้เชี่ยวชาญกฎธาตุลมพบว่ากระบี่อ่อนหยุ่นเหมาะสมกับพวกเขา กระบี่อ่อนหยุ่นทำให้พวกเขาใช้พลังของเคล็ดลึกลับได้อย่างเต็มที่

หลังจากเห็นเจตจำนงกระบี่ของชายชราชุดเขียวและของแลร์มองต์แล้ว...

ลินลี่ย์ได้รับความรู้ใหม่เกี่ยวกับการใช้กระบี่ของเขาได้ดีขึ้น

“ยากจะหยั่งและดุดัน!” นี่เป็นพลังโจมตีที่ทรงกำลังที่สุดของสัจธรรมแห่งความเร็ว” ลินลี่ย์ยังคงวิเคราะห์ความรู้นี้ในหัวของเขา  เขาพยายามอย่างหนักในการสร้างพลังโจมตีของสัจธรรมแห่งความเร็วให้มีประสิทธิภาพมากและใช้งานได้ดีขึ้น

พลังโจมตีนี้อาศัยสัจธรรมแห่งความเร็ว

ปกติจะเป็นการโจมตีทางธาตุหยาบ

“ถ้าข้าผสานการโจมตีธาตุหยาบด้วยร่างมังกรของข้า..”  ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง  “ร่างแปลงมังกรมีความแข็งมากและในแง่ของพลังและความเร็ว ก็แทบจะอยู่ในระดับที่สูงล้ำ  ถ้าข้าใช้พลังในร่างมังกรแปลง  อย่างนั้นใช้พลังทั้งหมดผ่านกระบี่เลือดม่วงพลังก็จะเพิ่มมากขึ้น

เคล็ดความรู้ลึกลับเดียวกันเมื่อใช้โดยเทพชั้นสูงก็จะทรงพลังมากกว่าเมื่อเทพแท้ใช้ นี่เป็นเพราะเคล็ดความรู้ลึกลับถูกใช้ผ่านพลังเทพของเทพชั้นสูง

อย่างไรก็ตามหลังจากแปลงร่างมังกรพลังป้องกันของลินลี่ย์และความเร็วเพิ่มขึ้นมากมายกว่าเทพชั้นสูงธรรมดา  นี่คือร่างที่แข็งแกร่งพอๆ กับสมบัติเทพ

ลินลี่ย์ยังคงเริ่มรับความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นทุกทีทำให้พลังดาบโจมตีของเขาทรงพลังสูงสุด

ในพริบตาเดียวผ่านไปอีกสามเดือน

“โชคไม่ดี ไม่มีที่ให้ทดสอบในอสูรโลหะ”  ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง พลังกระบี่โจมตีของเขาตอนนี้สามารถตัดอสูรโลหะขาดได้  ถ้าพวกเขาต้องสู้กันที่นี่จริงๆ ...มีแนวโน้มว่าจะทำให้ชายชราเขาขาวและอสูรอื่นโกรธได้

“ลินลี่ย์” ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“หือ? โอว..ซาโลมอน เป็นเจ้าเอง” ลินลี่ย์เห็นว่าซาโลมอนรออยู่ด้านนอกประตูของเขา

เมื่อเห็นซาโลมอน  ลินลี่ย์คิดถึงเรื่องที่บีบีบอกเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อเขากำลังฝึกอยู่ เขาไม่ได้ยินชายชราชุดเขียวพูดเรื่องของตระกูลบอยด์  แต่เมื่อกลับเข้ามาในอสูรโลหะแน่นอนบีบีย่อมบอกเขาทุกอย่าง

“ซาโลมอนผู้นี้.. อาจเป็นประมุขตระกูลนี้กระมัง?”  ลินลี่ย์สงสัยในใจ

ซาโลมอนพูดพลางหัวเราะ  “ลินลี่ย์,มีบางอย่างที่ข้าอยากจะปรึกษากับเจ้า”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด