ตอนที่แล้วChapter 70 : บ้านแห่งความตะกละ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 72 : สิ้นสุด – ธุรกิจ

Chapter 71 : แสงศักสิทธิ์


หลังออกมาจากบ้านแห่งความตะกละการเดินทางส่วนที่เหลือก็ทั้งราบลื่นและน่าเบื่อในคราเดียวกัน พวกเขาไม่พบเจอหีบสมบัติใดๆอีกและพบเพียงมอนสเตอร์ศิลาที่ค่อนข้างอ่อนแอไม่กี่ตัวเท่านั้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นลวดลายทรงกลมที่ดูสับสนและเปล่งแสงจางๆออกมาอยู่ห่างไกลออกมา

พวกเขารู้ทันทีเลยว่านี่คืออาคมเคลื่อนย้ายสำหรับใช้เพื่อออกจากดันเจี้ยนแห่งนี้เพราะระบบได้แจ้งเตือนเช่นนั้น

“ขอบคุณที่ช่วยมาตลอด เดี๋ยวฉันจะออกไปก่อนแล้วหลังจากนี้ค่อยมาคุยกัน”

หญิงสาวผมยาวเองก็ได้รับแจ้งเตือนจากระบบเช่นเดียวกัน เมื่อเจ้าหล่อนเห็นอาคมเคลื่อนย้ายที่อยู่ไม่ไกลเจ้าหล่อนก็เอ่ยลาโจวเฉินและเดินตรงไปยังอาคมอย่างไม่รีรอ

เมื่อเงาร่างของเธอเหยียบลงไปบนอาคมเคลื่อนย้ายและหายตัวไปโจวเฉินก็อดถอนหายใจออกมาในใจไม่ได้ หญิงสาวคนนี้ไม่ได้สนใจในหีบสมบัติเลยซักนิดจริงๆและยิ่งไม่มีใจที่จะต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อหีบสมบัติเลยด้วย

“ลักษณะทางกายภาพของเธอก็ดูไม่แย่และอาวุธเองก็ไม่เลว หรือจะเป็นสายเปย์?”

เมื่อนึกไปถึงสีหน้าราบเรียบของหญิงสาวตอนที่เอ่ยบอกว่าจะแลกอาวุธระดับทองแดงขั้นกลางหรือเงินสองล้านเหรียญมังกรกับหนังสือหนึ่งเล่มโจวเฉินก็รู้สึกว่าเจ้าหล่อนอาจจะมีวิธีในการหาทรัพยากรของตัวเองโดยที่ไม่ใช่การสู้กับมอนสเตอร์แบบเขา

“หาหีบสมบัติต่อดีกว่า ถ้าไม่มีอะไรแล้วจริงๆก็ค่อยออกไปจากที่นี่”

โจวเฉินดึงความคิดของตัวเองกลับมาและจดจำตำแหน่งที่ตั้งของอาคมเคลื่อนย้ายเอาไว้ในใจก่อนจะหมุนกายจากไป

เดิมทีเขาวางแผนว่าจะย้อนกลับไปยังชั้นที่สองเพื่อเสาะหาหีบสมบัติแต่ตอนนี้เขาเสียพลังกายไปมากและอาวุธเองก็ได้รับความเสียหาย เมืองใต้ดินแห่งนี้เองก็ขนาดไม่ใช่เล็กและเขาก็รู้สึกได้ว่าไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานนักไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาเอาได้

หลังจากออกตามหาอีกซักพักแล้วไม่พบเจอสิ่งใดโจวเฉินก็ตัดสินใจหยิบมันเผาออกมากิน

เขาได้เจ้าสิ่งนี้มาจากภารกิจเซอร์ไววัลที่ป่าแห่งความเงียบ ในตอนนั้นเขาได้อาหารมาเยอะมากและมันเผานี่ก็คือส่วนที่เหลือมาจากตอนนั้น

หลังจากเติมพลังงานแล้วเขาก็ออกตรวจสอบรอบๆจตุรัสใต้ดินที่มีขนาดกว้างใหญ่สุดประมาณแห่งนี้ต่อ ระหว่างทางเขาได้ทำลายมอนสเตอร์ศิลาด้วยขวานไปอีกหลายตัวและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้พบคนคุ้นเคยสองคน ชายหนุ่มร่างกำยำที่ใช้กระบองและโล่กับชายวัยกลางคนท่าทางเจ้าเล่ห์

ดวงตาของคนทั้งสองเปล่งประกายขึ้นมาทันทีที่เห็นโจวเฉินและจากนั้นก็รีบเอ่ยกับเขาว่า

“น้องชายพวกเรามารวมทีมกันดีไหม?”

ชายร่างกำยำที่เดิมทีไม่ค่อยพอใจโจวเฉินนักเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสอพลอ

“ไปด้วยกันอย่างน้อยก็ยังระวังหลังให้กันได้นะ”

ชายวัยกลางคนยิ้มให้โจวเฉินเช่นกัน

“ไม่จำเป็น”

โจวเฉินปฏิเสธไปโดยไม่ต้องคิด

“ฉันชินกับการทำอะไรคนเดียวมากกว่า”

เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้วเขาก็หมุนกายจากไปทันที ชายร่างกำยำและชายท่าทางเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นดังนี้ก็รู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาและทำได้เพียงออกตามหาอาคมเคลื่อนย้ายกันต่อเพียงสองคน

หลังจากนั้นซักพักโจวเฉินก็ยังคงไม่พบหีบสมบัติเพิ่มเติม ระหว่างทางเขาพบเพียงมอนสเตอร์ศิลาเท่านั้นซึ่งพวกมันก็ถูกเขาจัดการเช่นเดิม ก่อนที่ไม่นานนักเขาจะได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมา

เขาหันไปตามที่มาของเสียงและเห็นร่างของสตรีตัวเล็กกำลังวิ่งเข้ามา

หญิงสาวตัวเล็กคนนี้กำลังถูกเงาร่างประหลาดและมีท่าทางดุร้ายไล่ล่า

โจวเฉินลองเพ่งมองและพบว่าเงาร่างเล็กๆที่กำลังวิ่งมานั้นเป็นหญิงสาวตัวเล็กที่เขาเคยช่วยเอาไว้ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งตอนที่เธอถูกพวกตัวกินสมองโจมตี มาตอนนี้เขาไม่เห็นชายหนุ่มท่าทางสุภาพที่อยู่กับอีกฝ่ายก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนเงาร่างดุร้ายที่ไล่ตามมาจากทางด้านหลังนั้นเป็นสตรีสองคนที่โจวเฉินกำลังตามหาอยู่ พวกนั้นได้เผยร่างที่แท้จริงออกมาแล้ว ร่างกายของพวกเธอแตกหักพังทลายและผสมผสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็นอสูรร้ายน่าหวาดหวั่นที่มีหัวเละๆสองหัว สี่แขนและสี่ขาราวกับอสูรในตำนาน

“ทั้งสองคนนี้ตายไปนานแล้วจริงๆด้วย ให้เดาก็น่าจะตายด้วยเงื้อมมือของนักรบศิลาตัวนั้นนั่นแหละ”

โจวเฉินสังเกตุลักษณะน่าหวาดหวั่นที่พวกนั้นแสดงให้เห็นและประเมินออกมาคร่าวๆ

“วิ่ง!”

หญิงสาวร่างเล็กวิ่งค่อนข้างเร็วมาก เจ้าหล่อนหันมาเตือนเขาหนหนึ่งก่อนจะวิ่งผ่านไป

โจวเฉินไม่สนใจคำกล่าวของเธอและไม่ได้หลบหนีด้วยเช่นกัน กลับกันเขายังคงยืนนิ่งและสังเกตดูมอนสเตอร์ที่กำลังพุ่งเข้ามา

“เจ้าตัวนี้ค่อนข้างประหลาดอยู่เหมือนกันแต่ก็น่าจะทำลายทิ้งได้ โชคไม่ดีที่กระบี่กับดาบที่ทั้งสองคนเคยใช้ดูเหมือนจะหายไปแล้ว”

โจวเฉินพบว่าอสูรร้ายที่เกิดขึ้นมาจากซากศพของสตรีทั้งสองนั้นไม่มีอาวุธที่ทั้งสองคนเคยใช้ติดอยู่กับตัวอีกต่อไป ดูแล้วอีกฝ่ายน่าจะสูญสิ้นสติสัมปชัญญะหลังจากกลายเป็นอสูรและไม่อาจใช้อาวุธได้ ไม่อย่างนั้นแล้วโจวเฉินคงได้กำไรเพิ่มอีกนิดหน่อยจากการชิงอาวุธพวกนั้นมา

อสูรร้ายที่ก่อตัวขึ้นจากซากศพยิ่งมาก็ยิ่งเข้าใกล้โจวเฉินมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นดูจากทิศทางที่หัวเละๆทั้งสองหัวเล็งมาแล้วเห็นได้ชัดเลยว่าเป้าหมายของมันเปลี่ยนมาเป็นโจวเฉินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โจวเฉินเองก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขารีบหมุนตัวและออกวิ่งทันที เขาวางแผนว่าจะใช้เจ้าสิ่งนั้นจัดการกับเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้

นั่นก็เพราะว่าเขาเคยมีประสบการณ์มาแล้วว่าเจ้าตัวพวกนี้มันอึดขนาดไหนเมื่อครั้งตอนที่สู้กับชายหนุ่มผมเทาที่กลายร่าง การโจมตีปกติแทบจะไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลยถ้าอยากจะจัดการพวกมันต้องทำลายทิ้งให้เด็ดขาด

มอนสเตอร์ตัวนี้เองก็ค่อนข้างเร็วแต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับโจวเฉิน เขาไม่จำเป็นต้องเปิดใช้สกิลย่างก้าวสายลมด้วยซ้ำไม่เช่นนั้นแล้วเจ้ามอนสเตอร์นี่คงถูกสะบัดจนหลุดเป็นแน่

ยี่สิบนาทีให้หลังโจวเฉินก็นำเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้มาถึงสิ่งก่อสร้างที่ทำจากหินแห่งหนึ่งหรือก็คือบ้านแห่งความตะกละนั่นเอง

เจ้านี่แหละคือขุมกำลังหลักที่เขาวางแผนจะใช้ในการจัดการกับมอนสเตอร์ตัวนี้

อ๊า!

หัวเละของสตรีทั้งสองหัวของอสูรซากศพส่งเสียงกรีดร้องชวนหดหู่ออกมา ขาทั้งสี่ข้างของพวกมันวิ่งกวดเข้าใส่โจวเฉิน โจวเฉินที่ยืนนิ่งๆอยู่หน้าบ้านแห่งความตะกละมองดูมอนสเตอร์ที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆด้วยสายตาเฉยเมย จากนั้นในตอนที่เขากับมันอยู่ห่างกันราวๆสามเมตรเขาก็พลันเปิดใช้สกิลย่างก้าวแห่งสายลมและกระโดดขึ้นไปด้านบน ทำให้เจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้พุ่งผ่านจุดเดิมที่เขาอยู่และทะลุผ่านประตูของบ้านแห่งความตะกละเข้าไป

เจ้ามอนสเตอร์ที่เกือบจะหลุดเข้าไปด้านในพยายามใช้รยางค์ทั้งแปดของมันคว้าขอบประตูเอาไว้เพื่อไม่ให้หลุดเข้าไปลึกกว่านี้

“ดูเหมือนเจ้านี่จะเป็นภัยกับแกจริงๆสินะ...”

โจวเฉินเข้าใจได้ทันที เห็นแบบนี้เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าบ้านแห่งความตะกละนั้นสามารถทำลายเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ได้แน่นอน เขาเปิดใช้งานสกิลลอยตัวของย่างก้าวแห่งสายลมก่อนจะพุ่งเข้าใส่ร่างของมอนสเตอร์ซากศพที่ยืนขวางประตูบ้านแห่งความตะกละเอาไว้และใช้หอกกระแทกเข้าไปที่ร่างของมันอย่างแรง

ด้วยความช่วยเหลือของโจวเฉินเจ้ามอนสเตอร์นี่จึงหลุดเข้าไปด้านในในที่สุด ประตูเองก็ปิดลงดัง ‘ปัง’ จนทำให้ปลายหอกของโจวเฉินแตกกระจายไปด้วย

โจวเฉินไม่มีเหตุผลให้ต้องเสียใจเพราะผ่านไปอีกซักพักหอกนี้มันก็คงพังยับอยู่แล้ว

หลังจากประตูของบ้านแห่งความตะกละปิดลงเสียงอื้ออึงก็ดังตามขึ้นมาเหมือนเช่นคราวก่อนราวกับเสียงยักษ์กำลังเคี้ยวอาหาร

กระบวนการนี้นานกว่าครั้งที่แล้ว โจวเฉินไม่คิดจะรอจึงหันกายและจากมาทันที เขาคิดว่าจะลองออกตามหาหีบสมบัติต่ออีกซักหน่อย ถ้ายังไม่เจออะไรอีกก็คิดว่าจะออกจากที่นี่ซักที

ยังไงก็ตามเพียงเดินออกไปได้ไม่เท่าไหร่ในหัวของเขาก็พลันมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา

[ตรวจพบว่าท่านมีส่วนร่วมในการสังหาร ‘สิ่งผิดปกติ’ ทั้งหมดในดันเจี้ยนแห่งนี้ ภารกิจลับเสร็จสิ้น : สังหารพวกสิ่งผิดปกติ...รางวัล : คัมภีร์สกิล – แสงศักสิทธิ์]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด