ตอนที่แล้วตอนที่ 474 สร้างเมืองอันห่าว (สวัสดิภาพ)  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 476 ข้ารู้ว่านี่ไม่สมควร

ตอนที่ 475 สามเซียน


การผสานพลังของกลุ่มดาววาฬ, ทำให้ความหนาแน่นพลังดวงดาวของกลุ่มดาวหมีใหญ่เพิ่มขึ้นชัดเจน ระดับปัจจุบันสูงอย่างน่าตกใจ 39% ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มดาวระนาบกลาง

แม้ว่าความเข้มข้นของพลังดวงดาวจะไม่สามารถนำผลประโยชน์ขนาดใหญ่มาให้กลุ่มดาวหมีใหญ่ก็ตาม  แต่เมื่อมองดูในระยะยาวก็ถือว่าเป็นพื้นฐาน พลังดวงดาวหนาแน่น จะดึงดูดนักสู้มามากขึ้น และลดระยะเวลาการฝึกฝนสำหรับนักสู้ท้องถิ่น

ผลประโยชน์ระยะยาวทั้งหมดนี้ พอกลุ่มดาวหมีใหญ่กลืนกลุ่มดาววาฬก็ไม่เกิดแรงกระเพื่อมที่ใหญ่เกินไป ก็แค่ว่าผู้คนกำลังเยาะเย้ยกงชิงซึ่งกำลังทนทุกข์กับผลของการกระทำของตัวเองจากในอดีต

สำหรับกลุ่มดาวหมีใหญ่ พลังดวงดาวที่หนาแน่นเป็นประวัติการณ์ทำให้หัวใจของประชาชนมั่นคงอย่างรวดเร็ว  แม้กระทั่งนักสู้หลายคนก็หวังจะเปิดพื้นที่กันทุกคน และเมื่อความหนาแน่นของพลังดวงดาวถึงระดับตำหนักระนาบสุริยุปราคาซึ่งสูงตั้งแต่ 50% ขึ้นไป จากนั้นพวกเขาก็จะสามารถสร้างเมืองสมบัติได้

เมืองสมบัติก็คือเมืองที่มีสมบัติดวงดาวป้องกัน  เมืองอย่างนั้นไม่ว่าความเข้มข้นของพลังดวงดาว หรือความปลอดภัยและการป้องกันจะได้รับการปรับปรุงพัฒนาขึ้น

เหตุผลที่สิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาสามารถรักษาความสง่างามและความมั่นคงไว้ได้ก็เพราะความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดกับเมืองสมบัติ  สมบัติเซียนควบคุมพลังความเข้มข้นของดวงดาวทั้งหมด  แต่ความจริง สมบัติเซียนทุกชิ้นของกลุ่มดาวเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ใหญ่โต  และเมืองสมบัติใช้จุดนั้นเป็นประโยชน์  สมบัติเซียนเป็นศูนย์กลางของพลังดวงดาว  สมบัติทองเป็นปุ่มข้อสำคัญสำหรับสมบัติเซียน ขณะที่สมบัติเงินเป็นปุ่มข้อระดับกลาง และสมบัติบรอนซ์เป็นกิ่งก้าน

การสร้างเมืองสมบัติจะทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากพลังดวงดาวในระดับสูงสุดได้ และเมื่อเผชิญกับการโจมตี ไม่เพียงแต่เมืองสมบัติจะใช้พลังดวงดาวที่รายล้อมอยู่ได้เท่านั้น  แต่จะได้รับการสนับสนุนผ่านเครือข่ายพลังดวงดาวขนาดมหึมาอีกด้วย

นั่นคือเหตุผลสำคัญที่สิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาแข็งแกร่งกว่าสิบตำหนักระนาบกลางมาก

แน่นอนว่าผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มดาวหมีใหญ่เข้าใจชัดเจนมาก ผลไม้แห่งชัยชนะมากมายจำเป็นต้องใช้เวลานานในการค่อยๆ ย่อยสลาย  ถ้าการย่อยทำได้ไม่ดี ก็จะมีอันตรายหลายอย่างและทำให้เกิดปัญหาตามมา  โชคดีที่พวกเขามีหลงโส่วจิงและผี่ผา  พวกเขาทุกคนมีความอดทนและละเอียดรอบคอบ  ภายใต้การสะสางของพวกเขา กลุ่มดาวหมีใหญ่ยังคงเติบโตแข็งแกร่งต่อไป

เมื่อถังเทียนกลับมากลุ่มดาวหมีใหญ่  เขาพาเด็กชายอายุเจ็ดขวบมาด้วยคนหนึ่ง  เขาคือหลานของผู้เฒ่าหลิน ชื่อว่าอาเฉ่า  ผู้เฒ่าหลินเอ็นดูรักใครอาเฉ่ามาก อาเฉ่าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาตั้งแต่เล็ก ดังนั้นผู้เฒ่าหลินให้เขาติดตามเรียนรู้อยู่ข้างตัวถังเทียน

ผู้เฒ่าหลินเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะตระกูลหลินให้ความช่วยเหลือรับใช้กลุ่มดาวหมีใหญ่มากมายอย่างนั้น แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ทำผิดต่อกงชิงและกลุ่มของเขาด้วย

เขาได้รับแต่งตั้งจากถังเทียนให้เป็นเจ้าเมืองอันห่าว  และเขารู้ ไม่ว่าจะเป็นพลังของเขาหรือตำแหน่งของเขาในองค์การวิญญาณมืด  สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่สำคัญ  เขาได้รับแต่งตั้งเพราะมิตรภาพที่ดีระหว่างกัน สำหรับตระกูลหลิน นับเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่มาก

กลุ่มยอดฝีมือระดับเซียนที่มีชื่อเสียงรายล้อมอยู่รอบตัวถังเทียน ดังนั้นสำหรับอาเฉ่าการได้ติดตามจะทำให้มีโอกาสเรียนรู้ได้มากกว่าอยู่ในตระกูลหลิน

กระบี่สวัสดิกะมีที่ให้กลับแล้ว และสามารถได้พบกับผู้เฒ่าหลินอีกครั้งและยังพาหลานชายของเขากลับมาด้วย ทำให้ถังเทียนมีความสุขมาก

แต่เวลาเป็นเรื่องสำคัญ  เมื่อปัญหากลุ่มดาววาฬได้รับการคลี่คลาย จึงได้เวลาสืบค้นเจ็ดดาวเหนือเสียที

เขารีบกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

*********

“มันรู้สึกแปลก” จิ่งหาวเคลื่อนมือเท้าของเขา  ร่างของเขาให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างมาก เขาเป็นมือกระบี่ที่ไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งมากนัก  นอกจากเย่เฉาเกอผู้บ้าคลั่ง มีมือกระบี่น้อยคนมากที่อาศัยเรี่ยวแรงล้วนๆ

เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังที่ไม่เคยมีมาก่อนในร่างของเขา  กระบี่ในมือของเขาให้ความรู้สึกที่เบามาก  เขาลองแทงไปข้างหน้าเบาๆ ชี่... กระบี่เคลื่อนไหวราวสายฟ้า

ไวมาก!

ไม่ต้องใช้ปราณแท้แต่อย่างใด  ความเร็วในการแทงกระบี่ของเขารวดเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก  แต่จิ่งหาวขมวดคิ้ว  วิชากระบี่ของเขาให้ความสำคัญต่อความแม่นยำและการควบคุมมาก  แม้ว่าความเร็วของกระบี่จะเร็วมาก แต่เขายังควบคุมได้ไม่ดี

ชี่ ชี่ ชี่ รวดเร็วมาก  เขาหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน  เขาต้องการเวลาทำความคุ้นเคยกับร่างกายแบบใหม่ของเขา

เขาดูดซับการขัดเกลาไว้ได้สำเร็จ

อย่างช้าๆ แสงรัศมีเริ่มเป็นประกายอยู่บนกระบี่ของเขา รังสีแสงนั้นนุ่มนวลแต่ไม่แพรวพราว หลังจากลดการแปลงพลังงานแล้ว ร่างของเขาไม่มีปราณแท้เหลืออยู่แม้แต่น้อย รังสีอ่อนๆ นั้นความจริงก็คือพลังดวงดาวที่ตัวกระบี่ดูดซับมาจากรอบๆ

แสงกระบี่ตรงมากไม่มีงอแม้แต่น้อยราวกับว่าวาดวัดด้วยไม้บรรทัด

แสงกระบี่ดูดีมากขึ้นและในที่สุด สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือแสงลายเส้นเหมือนเขียนด้วยดินสอ ราวกับเส้นด้าย แสงกระบี่เส้นด้ายยังคงอยู่ในอากาศโดยไม่หายไป

แสงกระบี่มีจำนวนมากขึ้นตัดขวางเป็นทั้งแนวตั้ง แนวนอน  เหมือนกับว่าอากาศที่อยู่หน้าเขาถูกตัดจนทิ้งริ้วรอยแผลเอาไว้

จิตวิญญาณยุทธของจิ่งหาวติดตามการเปลี่ยนแปลงของรังสีกระบี่และยังคงเปลี่ยนต่อไป

คนที่เป็นสักขีพยานมองดูอยู่ด้านข้างต่างแสดงสีหน้าปลาบปลื้มกันทุกคน  เนื่องจากจิตวิญญาณของจิ่งหาวยังคงหดตัว

เจตจำนงที่ชัดเจนซึ่งมิอาจอธิบายได้ลอยออกมาจากร่างของจิ่งหาว

“นั่นคือ... ภูตกระบี่!”  เหออี้หมิงพึมพำ ความรู้สึกกระตือรือร้นปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา

“ภูตกระบี่!”  เซียนนักสู้คนอื่นสะดุ้งในตอนแรก จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนทันที

ภูตกระบี่พบเห็นได้ยากและจะอยู่ในสนามพลังวิญญาณ  เพราะสนามพลังวิญญาณก็คือกระบี่เล่มหนึ่ง! จิตวิญญาณยุทธเปลี่ยนภายในกระบี่ และกลายเป็นภูตกระบี่ เมื่อก่อตัวกลายเป็นภูตกระบี่ก็หมายความว่านักสู้ผู้นั้นเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับแก่นแท้ของกระบี่  มีแต่มือกระบี่ที่บริสุทธิ์ที่สุดจึงจะสามารถสร้างภูตกระบี่ขึ้นมาได้  ภูตกระบี่ก็คือสนามพลังวิญญาณที่มือกระบี่ทุกคนโหยหาทั้งวันทั้งคืน!

ให้ความสนใจแต่กระบี่ ปล่อยวางทุกสิ่งอย่างอื่น

จิ่งหาวสร้างภูตกระบี่ได้ แล้วจะไม่น่าทึ่งได้อย่างไร?

ในประวัติศาสตร์  สมาชิกของมือกระบี่ผู้สามารถสร้างภูตกระบี่แทบจะนับคนได้แต่หนึ่งในพวกเขาจะเป็นสุดยอดอยู่ในรุ่นนั้นเป็นเซียนกระบี่ผู้น่ากลัวที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์

คนที่มีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็คือเหออี้หมิง  เขาเองก็เป็นมือกระบี่เองและไม่มีใครเข้าใจชัดมากกว่าเขาว่าการสร้างภูตกระบี่นั้นยากเย็นเพียงใด

จิ่งหาวลืมตา  สายตาของเขาจริงใจ แต่ไม่มีใครกล้าดูแคลนเขา  จากการถือกำเนิดของภูตกระบี่  ก็หมายความว่า  ตราบเท่าที่เขายังไม่ตาย  เขาจะกลายเป็นหนึ่งในนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

จิ่งหาวเต็มไปด้วยความดีใจ  เขาไม่ได้คิดว่าการลดการแปลงพลังจะทำให้เขาสามารถสร้างภูตกระบี่ได้ ไม่มีปราณแท้  แม้ว่าเขาจะไม่คุ้นเคยมากนัก  แต่ก็ทำให้เขาไม่ถูกจำกัดไว้ ปราศจากข้อบังคับและจำกัด จึงทำให้เขาสงบลง สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นสาระที่แท้จริงของกระบี่

“ขอแสดงความยินดีด้วยน้องจิ่ง”  ไป๋ซือซือเป็นคนแรกที่ร่วมแสดงความยินดีกับเขา ก่อนที่คนที่เหลือจะทำตาม เซียนกระบี่คนหนึ่งกับภูตกระบี่ได้รับความเคารพนับถือไม่ใช่อาชญากรรม

จิ่งหาวหัวเราะ  “ขอบคุณ, ขอบคุณ!”

“ภูตกระบี่อะไรกันนี่?”  เหออี้หมิงถามทันที

ใบหน้าของคนที่เหลือเปลี่ยนไปทันที  เหออี้หมิงกำลังยุ่งกับหัวข้อต้องห้าม การบรรลุขอบเขตใหม่ของผู้อื่นไม่ควรสอบถามกันอย่างธรรมดา

จิ่งหาวมองดูเหออี้หมิง  เขาสามารถเห็นอารมณ์หลงใหลในดวงตาของเหออี้หมิง ความหลงใหลกระบี่  เขาตอบอย่างใจเย็นด้วยเสียงสุภาพ  “กระบี่ไม่ใช่พลังงาน  กระบี่ก็คือกระบี่”

คำตอบของจิ่งหาวผิวเผิน  แต่ก็ทำให้นักสู้ชั้นเซียนมีทีท่าไตร่ตรอง

ทันใดนั้นเองคลื่นปราณที่แตกต่างกันสองสายแผ่มาจากด้านหลังทำให้พวกเขาตกใจ

รัศมีสงบเย็นของอาเฮ่อเต็มไปด้วยสีเหมือนอาทิตย์อัสดงค์   กระเรียนดำตัวหนึ่งบินวนอย่างต่อเนื่อง เสียงร้องสดใสของกระเรียนได้ยินชัด เมฆและหมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่ดูลึกลับเหมือนกับปราชญ์เมธีลึกลับจากแดนตะวันออก

รัศมีของหลิงซิ่วแตกต่างออกไป ลำแสงทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า มีดวงดาวแพรวพราวอยู่โดยรอบและรัศมีรอบตัวเขาสว่างระยิบระยับ เสียงของกระพรวนลมสามารถได้ยินชัดในสายลม เพลงศึกดังกึกก้อง “หอกเงินพึงนุ่มราวหิมะ บริสุทธิ์ราวปุยเมฆ กระพรวนลมเขาแกะเอย สายลมเย็นไม่มีทางหยุดเสียงเจ้าได้....”

ทุกคนตกตะลึง

ระดับเซียน!

ทั้งสองคนเลื่อนชั้นนักสู้เป็นระดับเซียน

นั่นเป็นไปได้อย่างไร?

เป็นไปได้อย่างไร!

ระดับเซียนกลายเป็นเหมือนกับผักที่เติบโตอยู่ริมทางแล้วหรือนี่?  ในวันเดียวกัน  สถานที่เดียวกัน นักสู้สามคนบรรลุเป็นเซียน!  และเซียนนักสู้ในที่นั้นมีความรู้กันทุกคน เพราะเหตุผลบางประการ พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสนามพลังวิญญาณของอาเฮ่อได้  แต่แสงและปราณทำให้พวกเขารู้ว่าต้องไม่ใช่สนามพลังวิญญาณธรรมดา

และสนามพลังวิญญาณของหลิงซิ่ว  พวกเขาจะไม่รู้จักได้ยังไง?  นั่นได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกที่แท้จริงของกลุ่มดาวแกะ หอกดาราแห่งกลุ่มดาวแกะ

ก่อนหน้านี้มีเรื่องเล่าลือมากมายเกี่ยวกับวิชาหอกของหลิงซิ่ว  แต่ในทันใดนั้นทุกคนสามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าวิทยายุทธที่หลิงซิ่วฝึกนั้นก็คือหอกดาราแห่งกลุ่มดาวแกะ

พวกเขารู้แน่นอน เพราะมีปฏิกิริยาจากกลุ่มดาวแกะซึ่งปรากฏขึ้นในท้องฟ้า  หมายความว่ากลุ่มดาวแกะได้รับข่าวนี้แล้วแน่นอน

พวกที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมกำลังคิดถึงว่ากลุ่มดาวแกะจะมีปฏิกิริยาเช่นไร? เข่นฆ่าตลอดทางหรือ? จอมห้าวถังไม่ใช่คนที่ใครจะตอแยได้ง่ายๆ และกลุ่มดาวหมีใหญ่ในปัจจุบันก็ยากจะตอแยมากขึ้น  นอกจากนี้ กลุ่มดาวแกะตกต่ำมาเกินร้อยปีแล้ว รากฐานของพาหนะขนดำเสื่อมโทรม ยังมีกี่คนที่ยังระลึกถึงความสง่างามของพาหนะน้ำแข็งเงินได้? ชักจะน่าสนใจเสียแล้ว

“เย้ เย้ เย้! ตอนนี้พวกเจ้าเป็นเซียนกันหมดแล้ว!” ถังเทียนโผล่เข้ามาทันที  เขาดูมีความสุขมาก  ไม่คาดเลยว่าจะได้รับข่าวดีขนาดนั้นตอนกลับมา

“ปฏิบัติการของฝ่าบาทราบรื่นหรือไม่?” ติงม่านจับคำพูดแรกได้ และยิ้มให้

จากนั้นเซียนนักสู้คนอื่นๆ รู้สึกตัวทันที พวกเขาลอบหงุดหงิด ถูกสตรีนางนี้ชิงเสนอหน้าไปแล้ว จิ่งหาว อาเฮ่อและหลิงซิ่วบรรลุเป็นนักสู้ชั้นเซียน พลังของกลุ่มดาวหมีใหญ่เพิ่มขึ้นมากอีกครั้ง  นอกจากนี้สนามพลังวิญญาณของทุกคนก็ไม่ธรรมดา

ถ้าท่านคิดว่าทุกคนมีความหยิ่งภูมิใจสถานะเซียนของพวกเขา ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าใช้ความเป็นเซียนชิงความได้เปรียบแล้ว  แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเซียน  แต่ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างเซียนอยู่  พลังของพวกเขาอาจจะแข็งแกร่งมากกว่าทั้งสามคนที่เพิ่งจะกลายเป็นเซียน  แต่พวกเขาไม่มีพื้นที่สำหรับความก้าวหน้าต่อไปอีกแล้ว  ส่วนจิ่งหาวและอีกสองคนมีศักยภาพไม่จำกัด

สิบปีข้างหน้า พวกเขาคงไม่อาจเทียบกับทั้งสามคนนี้ได้แน่นอน และที่ยิ่งกว่านั้น อาจใช้เวลาไม่ถึงสิบปีก็ได้

“ฮ่าฮ่า ข้าพบกับสหายเก่า เรื่องก็เลยราบรื่น!” ถังเทียนไม่เห็นว่าเป็นเรื่องน่าอายที่เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น แต่กลับมีความสุขแทน

อาเฮ่อและหลิงซิ่วยังคงต้องการเวลาปรับตัวก่อนที่พวกเขาจะสามารถออกไปจากห้อง และจิ่งหาวจำเป็นต้องทำสนามพลังของเขาให้มั่นคง และถังเทียนกลับไปเตรียมตัวก่อน

เขาวางแผนสืบสำรวจเจ็ดดาวเหนือหลังจากอาเฮ่อและหลิงซิ่วออกมา

เวลาเป็นสิ่งสำคัญ และเขาไม่ต้องการจะเสียไป

“หยาหยา! เสี่ยวเอ้อ!”

ก่อนที่จะเข้ามาถึงลานฝึกซ้อม ถังเทียนตะโกนลั่น ตอนนี้ เขาเตรียมจะพาเจ้าตัวเล็กทั้งสองไปกลุ่มเจ็ดดาวด้วย

หมัดเหล็กกลืนแสงของหยาหยานั้นมีความพิเศษไม่ธรรมดา และเขามีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เมื่อเสี่ยวเอ้อไม่อยู่ในร่างของเขา ถังเทียนตระหนักได้ว่าสัญชาตญาณของเขาลดลงอย่างมาก  ใครจะรู้ว่าเขาจะพบอะไรที่เจ็ดดาวเหนือ ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวอย่างระมัดระวัง

ที่สำคัญมากกว่า ถังเทียนไม่ต้องการเสียเวลาอะไรทั้งนั้น  ได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องเล็ก  แต่ถ้าบาดเจ็บแล้วทำให้พบกับเชียนฮุ่ยช้าไม่ทันกำหนดนัด  เขาไม่ยอมจะให้เป็นเช่นนั้น

เมื่อเขาส่งเสียงดังเข้ามาในลาน เขาก็ต้องตะลึงหลังจากเห็นเสี่ยวเอ้อ

เสี่ยวเอ้อลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าสวมสูทลินินสีฟ้าขลิบทอง รองเท้าผ้าสีดำ  นอกจากมีใบหน้าที่เยือกเย็นแล้ว  ร่างกายขนาด 10 เซ็นติเมตรของเสี่ยวเอ้อยังดูน่ารักอีกด้วย

แต่สายตาของถังเทียนถูกดึงดูดอยู่ที่ร่มซึ่งมีดวงดาวปกคลุมอยู่มือของเสี่ยวเอ้อ

นะ..นั่น นั่นคือ ระ..ร่มแห่งกลุ่มดาวหมีใหญ่!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด