ตอนที่แล้วตอนที่ 471 เสียงสั่น  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 473 ความทรงจำสีเทา  

ตอนที่ 472 หัวใจสองดวง


หรือว่าข้าคิดไปเอง?

ต้องคิดไปเองแน่ๆ, ข้าคิดถึงนางมากเกินไป นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ข้าหูแว่ว

ใบหน้าของถังเทียนมีรอยยิ้มขัดแย้งในตัวเอง  ความคิดกลับมาอยู่กับตัว และเขาลอบถอนหายใจและเตรียมเดินออกไป

“พี่เทียน....”

เสียงนุ่มนวลเรียกออกมาอีกครั้ง ถังเทียนสะดุ้งเหมือนถูกฟ้าผ่าจนเขาหยุดนิ่ง  แต่ชั่ววินาทีต่อมา เขาหันควับทันที เขาตะโกนเสียงสั่น “เชียนฮุ่ย, ใช่เจ้าหรือเปล่า?  ใช่เจ้าจริงๆ หรือเปล่า?”

แสงสว่างสลัวจากประตูดวงดาวบรอนซ์ สว่างเด่นอยู่ในความมืด เหมือนแสงอาทิตย์ส่องผ่านฟ้ายามราตรี

“พี่เทียน!”

เสียงดังมาจากประตูดวงดาวบรอนซ์เต็มไปด้วยความดีใจและตื่นเต้น  ถังเทียนแน่ใจแล้วว่าเสียงนั้นดังออกมาจากภายในประตูดวงดาวบรอนซ์

เพียงก้าวเดียว เขาวิ่งไปหยุดอยู่ต่อหน้าประตูดวงดาวบรอนซ์  เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เขาตะโกน “เชียนฮุ่ย เจ้าอยู่ไหน?  เจ้าอยู่หลังประตูดวงดาวหรือเปล่า? ออกมาได้ไหม?”

“ข้าติดอยู่ในสมรภูมิโบราณ ประตูดวงดาวไม่สมบูรณ์ ดังนั้นข้าไม่สามารถผ่านไปได้ ทำได้แต่เพียงส่งเสียงออกไปเท่านั้น”

ใบหน้าเชียนฮุ่ยมีแววอบอุ่นและยิ้มหวาน ใช่เสียงนี้แน่ เสียงที่ดึงดูดความสนใจนี้ ซึ่งนางยินดีเก็บไว้ในความทรงจำทั้งชีวิต

รู้สึกดีจริงๆ

เสี่ยวหลานเงื้อดาบยักษ์และฟันลงบนพื้น และแค่นเสียง “เสียงคนรักท่านนี่ดังจริงๆ นะ”

อาซิ่นผงกศีรษะเห็นด้วย มือของเขาลูบคาง  “อย่างนั้น นี่ก็คือสิ่งที่ทำให้แม่ทัพดูเหมือนกับไร้เหตุผล  ท่านแม่ทัพงดงามสมบูรณ์แบบ เห็นได้ชัดว่าข้ายังดีกว่าเขา...”

“เจ้า, เจ้าไส้ศึกดาวแมงป่อง?” เสี่ยวหลานมองเขาอย่างเหยียดหยาม

อาซิ่นโกรธ “ยัยผู้หญิงเหม็น คิดว่าข้ากลัวเจ้าจริงๆ เหรอ...”

เสี่ยวหลานเอียงคอไปด้านหนึ่ง และเงื้อดาบยักษ์ด้วยท่าทีที่ถือดี ด้วยท่าทางอำมหิตคุกคามให้คนอื่นกลัวนาง

“หือ นี่คือการสู้กันระหว่างลูกผู้ชาย!”  อาซิ่นพูดอย่างหนักแน่นและยืนยัน ขณะที่เขาก้าวถอยหลังไปอย่างเงียบๆ สองสามก้าว

“เฮ้, เขาควรจะเป็นผู้รับสืบทอดกองทัพดาวกางเขนใต้ของเจ้าใช่ไหม”

คำพูดของเสี่ยวหลานทำให้อาซิ่นตัวแข็ง

ผู้รับสืบทอดกองทัพดาวกางเขนใต้....

นัยน์ตาของอาซิ่นดูลึก ทันใดนั้นเขาเบะปากพูด “แล้วเจ้าเล่า? เจ้ากำลังมองหากองทัพคนแบกงูใช่ไหม?”

เสี่ยวหลานฟันดาบใส่พื้นตามปกติ ดาบจมลงไปในพื้นถึงครึ่งหนึ่ง  นางยืนขึ้น สายลมพัดไล้ผ่านหน้าของนาง ผมสั้นของนางพัดพลิ้วตามสายลม ขณะที่นางมองไปที่สมรภูมิโบราณที่ว่างเปล่า  นางพึมพำกับตนเอง “ข้าจะติดตามแม่ทัพ  กองทัพดาวคนแบกงูบางทีอาจพินาศไปนานแล้ว ถ้าท่านแม่ทัพไม่ต้องการข้าอีกต่อไป  ข้าค่อยคิดอีกที”

ระหว่างนั้นทั้งสองเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง

ตอนนี้เองมีเสียงดังออกมาจากประตูดวงดาว

“เชียนฮุ่ย, ใช่เจ้าหรือเปล่า?  ข้าคิดถึงเจ้ามาก  ตั้งแต่เจ้าจากไป ข้าคิดถึงเจ้าทุกวัน  คิดจะตามหาเจ้าอยู่ตลอด!”  ถังเทียนตื่นเต้นมาก  เขาไม่รู้ว่าเสียงของเขาดังขึ้นทุกที

หลังจากคิดมานานทั้งวันทั้งคืน ความคิดถึงก็สะสมและรู้สึกว่าไม่สามารถรอได้  พวกเขาไม่ต้องการชักช้าแม้แต่วินาทีเดียว

เขาต้องการบอกเล่าเรื่องราวให้เชียนฮุ่ยฟังมาก  จึงกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว  เขาหันหน้าเข้าหาประตูดวงดาวบรอนซ์ที่มีแสงอ่อน  เหมือนกับเมื่อครั้งที่เขาอยู่บนยอดเขานอกเมืองซิงฟง แล้วหันหน้ามองดูเมืองแสงของเมืองซิงฟง ดูแสงไฟในเมือง ดูแสงดาวยามราตรี เขาจะตะโกนสุดเสียง “เชียนฮุ่ย ข้าคิดถึงเจ้ามาก คิดถึงมาก คิดถึงมากจริงๆ....”

เหมือนกับว่ามีเสียงภายในตัวเขาพูดว่า ด้วยวิธีนี้แหละ!  ถูกแล้ว, นี่คือวิธีที่ถูก! เจ้าชอบนาง อย่างนั้นเจ้าต้องบอกนางดังๆ ใช้พลังทั้งหมดของเจ้าและตะโกนบอกนาง!

บอกนาง เจ้าคิดถึงนางมากเพียงไหน!

บอกนาง, ว่าเจ้าชอบนางมากเพียงไหน!

เจ้ายังจะลังเลอะไร, เลิกเป็นอีแอบเสียที, พูดออกมา นี่คือสิ่งที่ข้าเป็น  บอกนางไปดังๆ!

ยิ่งข้าพยายามมากขึ้น พูดให้ดังมากขึ้น นางก็ได้ยินชัดมากขึ้น...

คำพูดตรงๆ ไม่มีเสริมแต่ง พูดตรงตามความรู้สึกไม่มียั้ง  คำพูดซ้ำง่ายๆ ไม่ปะติดปะต่อ ความจริงก็คือไม้ตายในโลกนี้  เป็นคำที่กระทบกำแพงที่กั้นล้อมหัวใจของเชียนฮุ่ยจนพังทลาย ดวงตานางเต็มไปด้วยน้ำตาจนมองเห็นภาพไม่ชัดเจน

นางเอามือปิดปากเพื่อไม่ให้ร้องออกมาดังๆ ขณะที่หลั่งน้ำตาออกมาอย่างมิอาจกลั้นไว้ได้

ความยากลำบากที่ผ่านมาสองสามปี  ความคับข้องหมองใจที่นางต้องอดทน แรงกดดันที่กดทับนาง  นางต้องทำเป็นฝืนใจยิ้มแย้มสดชื่น  ไม่ว่าท่านจะอ่อนแอเพียงไหน ก็ต้องทำเป็นเหมือนกับว่าไม่มีอะไร ท่านต้องสงบใจไว้ ไม่ว่าท่านจะกลัวแค่ไหนก็ตาม...

นางเรียนรู้การฝืนควบคุมตัวเองมานานแล้ว  นางเป็นประมุขตระกูลซ่างกวน นางคือเทพนักสู้สตรีที่ไร้เทียมทาน

หลงตามลำพังอยู่ในสมรภูมิโบราณที่ห่างไกล ไม่รู้ว่าจะออกไปยังไง ไม่รู้ว่าจะตั้งความหวังไว้ที่ไหน  แม้แต่ความเปลี่ยวเหงาก็มีรสชาติของความสิ้นหวัง ใครจะรู้ว่าหลังจากนางตายแล้ว นางยังจะติดอยู่ในสนามรบนี้  นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมาก

ภายในร่างที่สมบูรณ์ของนาง นางปกปิดซ่อนอาการบาดเจ็บไว้นานแล้ว  สิ่งที่ทำให้นางอดทนอยู่ได้ก็คือบุรุษหนุ่มผู้งี่เง่าและง่ายๆ คนนี้ ความรู้สึกถึงตัวเขาที่รุนแรงยึดโยงหัวใจนางไว้

ไม่ได้เห็นเขา ข้าจะตายได้ยังไง?

เชียนฮุ่ยไม่รู้ว่าทำไมน้ำตานางถึงยังไหลอยู่  นางเพียงแต่รู้ว่านางมีความสุขมาก  สุขเกินกว่าจะพูดออกมา  นางไม่เคยรู้สึกมีความสุขอย่างนั้นมาก่อน

นี่กระมังคือความสุข?

ข้าชอบจริงๆ....

เสี่ยวหลานและอาซิ่นตกใจกับคำตะโกนที่ตรงๆ ไม่ซับซ้อน  แต่ทั้งสองคนหัวเราะไม่ออก  เพราะคำพูดซ้ำๆ ไม่ปะติดปะต่อ อารมณ์ที่พลุกพล่าน ไม่ค่อยเข้าใจ ไม่มีมารยาอย่างนั้น มีทั้งอัจฉริยะ และกล้าหาญมาก!

“ลูกผู้ชายตัวจริง!”  เสี่ยวหลานอดยกย่องไม่ได้ ปัง  นางเตะด้ามดาบอย่างมิอาจควบคุมอารมณ์ตัวเองได้

สีหน้าอาซิ่นไม่เปลี่ยน แต่ดวงตาเขาเหมือนกับยิ้ม ผู้รับสืบทอดกองทัพ มีบุคลิกภาพอย่างนั้น ไม่เลวเลย....

ถังเทียนไม่รู้ตัวว่าตะโกนอยู่นานเท่าใด และเมื่อเขาหยุด เขารู้สึกโล่งใจมาก

แค่นั้น....

ที่ประตูดวงดาวบรอนซ์อีกด้านหนึ่งค่อนข้างจะเงียบ......

ข้าทำให้เชียนฮุ่ยกลัวหรือเปล่า?  ถังเทียนสับสน   เขาเรียกย้ำ “เชียนฮุ่ย...”

“ข้ามีความสุขมาก!  พี่เทียน, ข้าคิดถึงท่านมากเช่นกัน!”  เสียงไพเราะของเชียนฮุ่ยดังออกมาจากด้านหลังประตูดวงดาวบรอนซ์  ทำให้ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก

ฮ่าฮ่าฮ่า, เชียนฮุ่ยบอกว่านางคิดถึงข้าด้วย... ฮ่าฮ่าฮ่า....

ถังเทียนยิ้มแย้มอย่างโง่งม  อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าแข้งขาอ่อน  เกิดอะไรขึ้น...

เชียนฮุ่ยกำลังยิ้มอ่อนหวานอยู่หลังประตูดวงดาวบรอนซ์  น้ำตานางหยุดไหลแล้ว ขณะที่พี่เทียนผู้โง่งมเอาแต่ตะโกนโหวกเหวก นางเอามือกุมหน้าส่ายศีรษะ คำพูดนั้นทำให้นางมีความสุข มีเรื่องราวมากมายที่นางต้องการแบ่งปันเล่าให้พี่เทียนฟัง  แต่ทันใดนั้นนางนึกขึ้นได้ว่ามีคนอยู่หลังนาง นางพูดนุ่มนวลกับถังเทียน “พี่เทียน รอข้าสักเดี๋ยวนะ”

นางหันไปทำเป็นไม่สนใจเสียงประหลาดๆ ของทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังนาง นางกระแอมและสั่ง “เอ่อ, ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าทั้งสองอยู่ตรงนี้  พวกเจ้าทั้งสองพาคนไปค้นดูในระยะห้าสิบเมตรอีกครั้ง จะได้ไม่พลาดอะไรบางอย่างไป”

อาซิ่นพึมพำ  “ภายในห้าสิบเมตรเราตรวจสอบดูหมดแล้ว...”

มือข้างหนึ่งคว้าคอเขาไว้แน่น เสี่ยวหลานพลิกตัวขึ้นหลังม้าของนาง อีกมือหนึ่งถือดาบยักษ์  นางแลบลิ้นล้อเชียนฮุ่ยและออกไปพร้อมกับอาซิ่น

“เฮ้ เฮ้ เฮ้ รีบปล่อยข้าเลยนะ...”

เสียงของอาซิ่นดังลอยลม

เชียนฮุ่ยเช็ดน้ำตารอบใบหน้านาง แต่นางยังคงยิ้มแย้มเต็มใบหน้า

แสงสลัวจากประตูดวงดาวบรอนซ์จุดประกายในหัวใจของคนทั้งสอง ทำให้ความรู้สึกที่โหยหาลอยผ่านข้ามเขาข้ามน้ำเป็นพันแห่ง

……

“ตอนนี้ข้าเป็นเจ้าปกครองกลุ่มดาวหมีใหญ่แล้ว ฮะฮะ ข้าแข็งแกร่งขึ้นแล้วนะตอนนี้! ความจริงข้าก็ยังงงๆ ตัวเองอยู่เหมือนกัน ตอนแรกข้าแค่ต้องการตามหาเจ้าเท่านั้น แต่หลังจากสู้ไปสู้มา ก็กลายเป็นอย่างนี้เฉยเลย มันแปลกมาก โอว.. เหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะลุงปิงช่วยทำงานอย่างหนัก  ลุงปิงมีใบหน้าเหมือนกับไพ่เลย แต่เป็นคนดีมาก  เสี่ยวเฮ่อก็ดีเหมือนกัน, เสี่ยวซิ่วซิ่ว เจ้านี่โง่กว่าข้าเสียอีก โอว.. ลืมไปยังมีโง่กว่าข้าอีกคน อาโมรี่ไงล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า...”

……

ส่วนใหญ่เป็นถังเทียนที่จ้อไม่ยอมหยุด  เชียนฮุ่ยได้แต่ฟังเงียบๆ แต่ยิ่งนางได้ฟังนางก็ยิ่งทึ่งและยิ่งปลาบปลื้มขึ้นมาก

จากเรื่องที่เล่ามาซึ่งดูเหมือนไร้สาระทั้งหมด นางสังเกตว่าถังเทียนเผชิญอันตรายมากมาย และหลายครั้งก็เฉียดตาย

อย่างนั้น ข้าไม่ใช่คนเดียวที่กำลังสู้

เชียนฮุ่ยรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ดวงตาที่สงบของนางจริงจังมากขึ้น

งั้นเรามาสู้ด้วยกัน!

นางเริ่มสงสัยสถานการณ์ของสวรรค์วิถี  อิทธิพล อำนาจและทุกอย่างของถังเทียน ถังเทียนเองยังพูดไม่ชัดอยู่หลายส่วน ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องชี้แจงทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างช้าๆ

ในไม่ช้าข้อมูลมากมาย สถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงภายนอกปรากฏชัดเจนในใจของเชียนฮุ่ยมากขึ้น

สถานการณ์ดีกว่าที่นางคาดไว้ พลังของพี่เทียนก้าวหน้ามากมาย อย่างไรก็ตาม นั่นยังไม่เพียงพอ!  เมื่อนางคิดถึงเบาะแสที่เลือนรางที่นางพบ  หัวใจของซ่างกวนเชียนฮุ่ยสั่นสะท้าน  ความสามารถในปัจจุบันของพี่เทียนยังไกลจากคำว่าพอ

“พี่เทียน, กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์มีสมบัติดวงดาวอย่างหนึ่งชื่อว่าดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์  มันคือของสำคัญสำหรับเรา”  ซ่างกวนเชียนฮุ่ยกล่าว

ถังเทียนได้ยินเสียงของเชียนฮุ่ยจริงจัง  “ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์เหรอ? ก็ได้ ข้าจะจำเอาไว้”

เชียนฮุ่ยยิ้ม  “พี่เทียน, ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับท่านก็คือสะสมพลังมากขึ้น  เพราะการต่อสู้ระหว่างกลุ่มดาวราชสีห์และสมาพันธ์ชาวยุทธจะต้องเข้มข้นขึ้น สำหรับกลุ่มดาววาฬ พี่เทียนไม่จำเป็นต้องกังวล ทันทีที่สมบัติเซียนออกไปจากกลุ่มดาว  ความเชี่อมโยงระหว่างทั้งสองจะลดลงอย่างมากมาย  ตราบใดที่พี่เทียนหาตาของพลังดวงดาวในกลุ่มดาววาฬเจอและใช้ตาของพลังดวงดาวปรับแต่งสมบัติดวงดาวของกลุ่มดาววาฬ  อย่างนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะลบล้างสมบัติเซียนได้  พี่เทียนท่านต้องจำไว้อย่างหนึ่ง  สมบัติดวงดาวที่แข็งแกร่งกว่าย่อมต้องดีกว่า..  การสำรวจเจ็ดดาวเหนือควรทำให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะมันเคยมีชื่อเสียงมาก”

“โอว เข้าใจแล้ว!” ถังเทียนพยักหน้าไม่หยุด แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเชียนฮุ่ยจะมองไม่เห็นเขา  แต่คำพูดของเชียนฮุ่ย เขาจดจำไว้ในใจได้เสมอ  เขาเชื่อมั่นสติปัญญาของเชียนฮุ่ยอย่างไม่มีเงื่อนไขเสมอ

“ข้าก็จะทำให้ดีเหมือนกับพี่เทียน, พยายามต่อไป!”  เชียนฮุ่ยยืนขึ้น กำหมัดของนาง  นางเต็มไปด้วยจิตใจคิดจะสู้อีกครั้ง  “เชียนฮุ่ยก็ต้องพยายามอย่างหนักเหมือนกัน  แม้ว่าข้าจะไม่สามารถออกไปได้  แต่เราต้องรีบ ยิ่งทำทุกอย่างให้สำเร็จได้เร็วก็ยิ่งได้เปรียบ เพื่อประโยชน์ของเราในอนาคต!”

ความจริงข้าอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้จริงๆ...

ไม่, เชียนฮุ่ย เพื่ออนาคตที่ดีกว่า เจ้าต้องกล้าหาญ  เจ้าต้องพยายามอย่างหนัก

“ข้าจะต้องหาดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์ให้ได้”  ถังเทียนพูดเสียงจริงจังกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

ต่อให้เซียนครอบครองมันอยู่  ข้าก็จะไปชิงเอามาให้ได้

ไม่มีใครห้ามข้าได้!

ประตูดวงดาวบรอนซ์มีแสงสลัว แต่หัวใจของชายหนุ่มและหญิงสาวเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง พวกเขาใส่ใจกันและกัน จิตวิญญาณนักสู้ลุกโชน  ต่อให้พวกเขาสู้กับคนทั้งโลก พวกเขาก็ไม่กลัว

“อย่างนั้นเราจะพบกันในอีกสามเดือน ณ ที่เดิม โอว พี่เทียน ห้ามสายนะ”

“ไม่.อย่างแน่นอน!”

“หึหึ ไว้พบกันตอนนั้น”

“แน่นอน!”

(เชียนฮุ่ยอยู่ในดินแดนที่มีแต่ผีล้วนๆ แม้แต่เสี่ยวหลานก็เป็นวิญญาณที่ยังไม่ไปผุดเกิด)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด