ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 140 สวรรค์ในนรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 142 พิพากษา

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 141 ความตายของเฉียนเยี่ยนเหนิง


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 141 ความตายของเฉียนเยี่ยนเหนิง

แปลโดย iPAT  

ประกายสายฟ้าส่องสว่างขึ้นในห้องโถง แต่มันไม่สามารถซ่อนแสงไฟสีแดงสองดวงที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน

เฉียนเยี่ยนเหนิงถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว เขามองสัตว์ประหลาดที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะอุทาน “ปะ...ปีศาจ!”

เขาไม่สามารถสัมผัสถึงปราณปีศาจแต่แรงกดดันมหาศาลของฝ่ายตรงข้ามทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก

จิตใจของเขากลายเป็นยุ่งเหยิง เขาไม่เคยคิดว่าจอมยุทธ์ขั้นสองวัยเยาว์ที่ดูอ่อนแอจะสามารถแปลงร่างได้ นี่เป็นความสามารถที่เกินกว่าจินตนาการของเขาไปโดยสิ้นเชิง

หลี่ฉิงซานยืดตัวขึ้นเล็กน้อย เขาที่แหลมคมบนศีรษะของเขาเกือบถึงคานเพดาน เขาก้มหน้าลงและมองไปที่เฉียนเยี่ยนเหนิงก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่เหมือนโลหะขูดกัน “ข้าบอกให้หยุด! เหตุใดไม่ฟังข้า!?”

เฉียนเยี่ยนเหนิงคำรามอย่างบ้าคลั่ง ปราณดาบสองเล่มพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานราวกับเขากำลังดิ้นรนหลบหนีการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

แต่ก่อนที่ปราณดาบจะสัมผัสร่างของหลี่ฉิงซาน พวกมันก็ถูกปิดกั้นด้วยโล่แสงรูปกระดองเต่าและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ด้วยการปะทะกับปราณปีศาจ พวกมันล้มเหลวในการควบแน่นขึ้นมาอีกครั้ง

เฉียนเยี่ยนเหนิงเอื้อมมือไปที่กระเป๋าร้อยสมบัติโดยสัญชาตญาณ ภายในยังมียันต์ที่สามารถช่วยชีวิตเขาและเม็ดยาที่สามารถพลิกสถานการณ์

อย่างไรก็ตามกรงเล็บที่แหลมคมกลับชี้ไปที่หน้าผากของเฉียนเยี่ยนเหนิงและบังคับให้เขาหยุดเคลื่อนไหว เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับนิ้ว การเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามรวดเร็วมากจนเขาไม่สามารถตอบสนอง

เฉียนเยี่ยนเหนิงกล่าวเสี่ยงสั่น “เจ้าต้องการสิ่งใด? ข้าสามารถให้เจ้าได้ทุกอย่าง! อย่าฆ่าข้า!”

หลี่ฉิงซานคว้ากระเป๋าร้อยสมบัติมาจากเฉียนเยี่ยนเหนิงและนำดาบเล่มเล็กออกมา

ใบหน้าของเฉียนเยี่ยนเหนิงผสมผสานระหว่างการประจบประแจงและความหวาดกลัว แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็พังทลายลงเหมือนหน้ากาก

หลี่ฉิงซานทะลวงหน้าออกของเฉียนเยี่ยนเหนิงด้วยดาบเล่มเล็กโดยไม่ลังเล นี่ไม่ใช่บาดแผลร้ายแรงสำหรับจอมยุทธ์ขั้นห้าแต่เพียงพอที่จะทำลายความสามารถในการต่อสู้ส่วนใหญ่ของเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชายชรามีอายุมากกว่าร้อยปีแล้ว

ดวงตาของเฉียนเยี่ยนเหนิงเบิกกว้าง เขาอ้าปากค้างราวกับต้องการกล่าวบางสิ่ง

หลี่ฉิงซานสะบัดนิ้วและทำให้คางของเฉียนเยี่ยนเหนิงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

หลังจากนั้นหลี่ฉิงซานก็ถอยหลังไปสองสามก้าวและค่อยๆกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ เขากล่าว “มาต่อกันเถอะ อย่าลืมว่าข้ากำลังจะฆ่าเจ้า!”

หลังจากสูญเสียกระเป๋าร้อยสมบัติ ปราณดาบ และได้รับบาดเจ็บจากการถูกแทงหน้าอก เฉียนเยี่ยนเหนิงก็เหมือนสัตว์ร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ไร้กรงเล็บ และปราศจากคมเขี้ยว ทั้งหมดที่เขาสามารถทำคือปล่อยเสียงคำรามที่ฟังไม่ได้ศัพท์

ราวกับเขารู้ว่าการหลบหนีเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเฉียนเยี่ยนเหนิงจึงรวบรวมพลังปราณที่เหลืออยู่และพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานอย่างบ้าคลั่ง

ก่อนที่เฉียนเยี่ยนเหนิงจะเข้าถึงตัวหลี่ฉิงซาน ดาบวายุก็ฟาดลงมา

เฉียนเยี่ยนเหนิงไม่ได้พยายามหลบมัน เขาควบแน่นปราณดาบสีทองและส่งมันพุ่งเข้าไปที่ซี่โครงของหลี่ฉิงซาน

“ปัง!” ดาบวายุของหลี่ฉิงซานตัดผ่านปราณดาบของเฉียนเยี่ยนเหนิงและทิ้งรอยเลือดไว้บนไหล่ของฝ่ายหลัง

จากนั้นหลี่ฉิงซานก็สะบัดดาบไปที่ลำคอของชายชราขณะที่เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดสองครั้งที่ซี่โครงของเขา

ปราณดาบของเฉียนเยี่ยนเหนิงตัดผ่านชุดผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่สามารถหยุดลูกธนู มันยังสามารถทะลวงชั้นพลังปราณของหลี่ฉิงซาน อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถเจาะผ่านชั้นผิวหนังของเขา

ทั้งสองโจมตีอย่างหนักหน่วง ไม่มีฝ่ายใดล่าถอยหรือพยายามหลบเลี่ยง ในพริบตาพวกเขาก็โจมตีฝ่ายตรงข้ามไปแล้วนับสิบครั้ง

ชุดเครื่องแบบผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ขาดรุ่งริ่งขณะที่ร่างของเฉียนเยี่ยนเหนิงเต็มไปด้วยเลือด

ดวงตาของเฉียนเยี่ยนเหนิงกลายเป็นสีแดงราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังบ้าคลั่ง

“บึม บึม บึม บึม!” เสาและโครงสร้างอาคารพังทลายลง ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่ว

ร่างของหลี่ฉิงซานถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นแต่ดวงตาของเขายังสงบนิ่ง การโจมตีที่บ้าคลั่งของฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถทำร้ายเขา ขณะเดียวกันการต่อสู้ทำลายล้างเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการ

จอมยุทธ์ขั้นห้ากำลังจะตาย เขาเหมือนสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังต่อสู้ดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย

หลี่ฉิงซานค้นพบว่าด้วยความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขั้นสอง มันยากที่จะเอาชนะเฉียนเยี่ยนเหนิง

พลังปราณของเขาถูกทำลาย เขาไม่สามารถโต้กลับ ในที่สุดกำปั้นที่พุ่งเข้าปะทะหน้าอกของเขาก็ส่งเขาบินไปไกลถึงสามสิบเมตร อย่างไรก็ตามเขายังไม่ลืมที่จะกล่าวว่า “ทรงพลังนัก!”

เห็นได้ชัดว่าเขามีเหตุผลในการทำเช่นนี้ เขาต้องการฆ่าเฉียนเยี่ยนเหนิงในที่สาธารณะ ไม่ใช่ฆ่าด้วยการโจมตีเดียว เขาจงใจสร้างความวุ่นวายเพื่อกำจัดข้อสงสัยเกี่ยวกับการเสียชีวิตของจ้าวเหลียงฉิง นอกจากนั้นเขาก็ต้องการซ่อนตัวตนในฐานะปีศาจของเขา

เขาต้องการให้ศัตรูเข้าใจผิดคิดว่าเขาอ่อนแอ สิ่งนี้จะทำให้เขามีเวลาเติบโตได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตามเมื่อหลี่ฉิงซานมองไปรอบๆ เขากลับตกตะลึง

กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่ว เลือดสีดำไหลนองพื้น ศพนับพันทั้งชาย หญิง เด็ก และคนแก่กองรวมกันอยู่บนเฉลียงและขั้นบันได

แขนขาของศพถูกแยกออกจากร่างกาย ใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนยังเบิกกว้างแม้พวกเขาจะตายไปแล้ว หลี่ฉิงซานติดอยู่ในการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายกับเฉียนเยี่ยนเหนิง เขาไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องด้านนอก แม้เขาจะเคยฆ่าคนมามากและเชื่อว่าตนเองคุ้นเคยกับการนองเลือด แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ด้วยตาของตนเอง เขาก็ยังรู้สึกตกใจ

ผู้ใดทำทั้งหมดนี้?

ดวงจันทร์โผล่ออกมาจากกลุ่มเมฆอีกครั้ง รอบข้างเงียบสงัด ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วของแมลง ราวกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่นั่นกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เฉียนหรงจื่อถือแส้แยกแม่น้ำและส่งผู้เหลือรอดลงไปนอนไร้ชีวิตรวมอยู่กับกองซากศพ

เฉียนหรงฮุ้ยล่าถอยออกไปอย่างยากลำบาก “อย่า หรงจื่อ! เราไม่เคยมีความคับข้องใจ!” เขาถูกดึงเข้าสู่การสังหารหมู่ตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยความแข็งแกร่งในฐานะจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง เขาจึงรอดชีวิตมาได้ อย่างไรก็ตามพลังปราณของเขาหมดแล้วขณะที่ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ตอนนี้เขาไม่เหลือแรงสู้อีกต่อไป

เฉียนหรงจื่อตอบ “ฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสี่ปีก่อน วันที่สิบห้าเดือนสิงหา เจ้าเรียกข้าว่าโสเภณี”

เป็นเพียงเวลานี้ที่เฉียนเยี่ยนเหนิงตามหลี่ฉิงซานออกมา เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน

เฉียนหรงจื่อมองกลับไปที่เฉียนเยี่ยนเหนิง นางกล่าวด้วยความพึงพอใจ “ฮ่าฮ่า ท่านปู่ ตอนนี้ท่านเห็นหรือยัง? ลูกหลานของท่านตายหมดแล้ว!”

ด้วยเสียงคำรามที่บ้าคลั่งของเฉียนเยี่ยนเหนิง เขาพุ่งผ่านหลี่ฉิงซานและตรงเข้าหาเฉียนหรงจื่อ

หลี่ฉิงซานถือดาบวายุไว้ในมือแต่เขาไม่ได้กวัดแกว่งมันออกไป หญิงชั่วสองหน้าผู้นี้วางแผนต่อต้านเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วเหตใดเขาต้องช่วยนาง?

เขาเฝ้ามองเฉียนหรงจื่อนำยันต์สามแผ่นออกมาและยิงลูกไฟใส่เฉียนเยี่ยนเหนิง

อย่างไรก็ตามก่อนที่เฉียนหรงจื่อจะได้เฉลิมฉลอง นางก็เห็นเฉียนเยี่ยนเหนิงพุ่งผ่านเปลวไฟเข้าไปหานางราวกับคนบ้า

ในที่สุดเฉียนหรงจื่อก็แสดงความหวาดกลัวออกมา แต่นางไม่หนี นางฟาดแส้แยกแม่น้ำออกไป

ทันใดนั้นเถาวัลย์สีเขียวก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นและรัดขาของเฉียนเยี่ยนเหนิงเหมือนอสรพิษ ชายชราฉีกเถาวัลย์ออก แต่เขาก็หยุดชะงักเมื่อแสงสีฟ้าทะลวงหน้าอกของเขา มันเป็นบาดแผลเดิมที่หลี่ฉิงซานฝากเอาไว้ ตอนนี้เลือดทะลักไหลออกมาจากบาดแผลราวกับเขื่อนแตก

เฉียนเยี่ยนเหนิงเดินเซไปข้างหน้าอีกสองสามก้าวขณะที่เถาวัลย์สีเขียวงอกขึ้นมาจากพื้นและรัดพันร่างกายของเขาอีกครั้ง ยิ่งดิ้นก็ยิ่งไร้พลัง

ปรากฏว่าเตียวเฟยกลับมาถึงในจังหวะนี้ เถาวัลย์สีเขียวคือทักษะลับของเขา

หลี่ฉิงซานเดาว่าเตียวเฟยอาจเรียนรู้ทักษะนี้มาจากภูเขาสุราองุ่นเขียว

เฉียนหรงจื่อดูเหมือนจะไม่เคยคิดเช่นกันว่าการโจมตีของนางจะได้ผล นั่นทำให้ใบหน้าของนางกลับมาร่าเริงและบ้าคลั่งอีกครั้ง แต่นางยังไม่รีบจัดการเขา นางล่าถอยออกไปและกล่าว “ท่านปู่ ภรรยาและลูกๆของท่านล้วนอยู่ที่นี่ ท่านเห็นพวกเขาหรือไม่? ดูสิ พวกเขาอยู่ข้างเท้าของท่าน! โอ้ ท่านเตะหัวนางบำเรอสุดที่รักของท่านแล้ว แต่นั่นไม่สำคัญอีกต่อไปเพราะข้าช่วยท่านสังหารคนทรยศของตระกูลเฉียนทั้งหมดไปแล้ว ท่านคิดอย่างไร? นี่เป็นการตอบแทนความเมตตาที่ตระกูลเฉียนมีต่อข้า!”

เฉียนเยี่ยนเหนิงกรีดร้อง แต่เขาใช้พลังทั้งหมดไปแล้ว เขาจ้องเฉียนหรงจื่อราวกับต้องการกรีดเนื้อเฉือนหนังของนางออกมา

เฉียนหรงจื่อยังยิ้มกว้างและกล่าวต่อ “ท่านเคยสัญญากับข้าว่าท่านจะให้ข้าเป็นผู้นำตระกูลเฉียน แน่นอน ข้ารู้ว่าท่านโกหก ท่านจะให้คนนอกมีอำนาจเหนือคนในครอบครัวของท่านได้อย่างไร? แต่ตอนนี้ไม่มีผู้ใดที่สามารถสืบทอดตำแหน่งของท่านได้อีกแล้ว ดังนั้นข้าจะรับสืบทอดตำแหน่งนี้เอง”

จากนั้นนางก็แสดงออกราวกับกำลังทุกข์ใจ “แต่ตอนนี้ตระกูลเฉียนไม่เหลือใครแล้ว มันไม่ประโยชน์ที่จะเป็นผู้นำอีกต่อไป ข้าขอคืนตำแหน่งให้ท่าน ท่านเป็นผู้นำคนแรกและจะเป็นผู้นำคนสุดท้ายของตระกูลเฉียน”

ทุกถ้อยคำของเฉียนหรงจื่อเหมือนดาบหรือหอกที่แทงเข้าไปในหัวใจของเฉียนเยี่ยนเหนิงและทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง อย่างไรก็ตามคางของเขาถูกบดขยี้ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถกล่าวสิ่งใด เขาเงยหน้าขึ้นและพ่นเลือดออกมาก่อนที่เถาวัลย์จำนวนมากจะกลืนกินร่างกายทั้งหมดของเขาเข้าไป