ตอนที่แล้วตอนที่ 464 เหออี้หมิงเอาชีวิตรอด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 466 ความเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์

ตอนที่ 465 ละเลงเลือด


เสียงดังมาจากหลังผาข้างหน้าพวกเขาเสียงนั้นดังเข้ามาใกล้ทุกทีได้ยินชัดเจนมาก ฝูเยี่ยนมีประสบการณ์มากมายฟังเสียงก็รู้ว่ากองทหารจำนวนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้ามาและไม่ใช่จำนวนน้อยอย่างแน่นอน

“เตรียมสู้!”

อสูรดวงดาวหรือ?

เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นภูตอสูรประเภทแมลงบิน?

ฝูเยี่ยนคิดว่าเขาน่าจะเดาถูกประมาณ 80-90% ขณะนั้นมีเงาพุ่งออกมาจากหลังภูเขา

ไวมาก!

ฝูเยี่ยนสั่นสะท้าน หางตาของเขากระตุกเซียนนักสู้!  ความเร็วของฝ่ายตรงข้ามต้องเป็นนักสู้ระดับเซียนแน่นอน  เดี๋ยวก่อน ฝูเยี่ยนรู้สึกว่าคนที่ตรงเข้ามารูปลักษณ์คุ้นตา เขาจ้องเขม็งและจำได้ว่าคนผู้นั้นคือ เซียนกระบี่เหอ!

แต่ว่า...

ท่านเหออยู่ในสภาพทุลักทุเลอย่างหนักเสื้อผ้าฉีกขาดรุ่งริ่ง ดินโคลนเปรอะไปทั้งตัว แม้แต่รองเท้าก็หลุดหายไป  ฝูเยี่ยนไม่อยากเชื่อสายตาของเขา  คนผู้นี้คือท่านเหอที่เขาเคารพนับถือหรือนี่?ถ้าเขาไม่รู้จักมาก่อน เขาคงคิดว่านั่นคือขอทานตามท้องถนน ไม่, ต่อให้เป็นขอทานของกลุ่มดาววาฬก็ยังสะอาดกว่าเจ้าผู้นั้นเยอะ

คนผู้นี้... ไม่นะ, เขาคือท่านเหอ...

เดี๋ยวก่อน นั่นคือท่านเหอ!

ฝูเยี่ยนค่อยรู้สึกตัวใครกันที่สามารถทำให้เซียนกระบี่ตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนั้น?  ทันใดนั้นสายตาของเขามองตรงไปข้างหน้า

บึ้ม!

หน้าผาที่อยู่ข้างหน้าระเบิดโดยไม่มีคำเตือน ก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตรงเข้าหาพวกเขาเหมือนฝนตก แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะหลบยังไงพวกเขายืนตะลึงกันหมดทุกคน พวกเขายืนมึนงงและมองดูเงามหึมาที่วิ่งเข้าหาพวกเขา

รังสีกระบี่นับพันหนาแน่นก่อตัวเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่  อยู่ต่อหน้าพายุ พวกเขาดูเหมือนตัวเล็กนิดเดียวเงาจากพายุปรากฏอยู่ในสายตาพวกเขา ความกลัวอย่างไม่มีใดเปรียบผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจพวกเขา  พวกเขาหน้าซีด ตัวสั่นโดยสัญชาตญาณ

“ฆ่า!”

ฝูเยี่ยนตะโกนประโยคนี้โดยสัญชาตญาณพิสูจน์ว่าเขามีคุณสมบัติเป็นผู้นำทหาร

ด้วยความคุ้นเคยกับคำสั่งทำให้นักรบก้าวออกมาโจมตีด้วยสัญชาตญาณของพวกเขาเองรังสีกระบี่และดาบหนาแน่นพุ่งออกมาจากด้านหลังของฝูเยี่ยนบรรจบกันเป็นพลังโจมตีขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาพายุวังวนกระบี่

อนิจจา ผลที่ออกมาสร้างความผิดหวังให้ฝูเยี่ยน

การโจมตีของพวกเขาไม่อาจทะลวงพายุวังวนกระบี่ไม่ได้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวแม้แต่น้อย  เสียงหวีดหวิวที่แหลมคมเต็มทั้งฟ้าและดินทำให้ศีรษะของพวกเขามึนชารังสีกระบี่ที่หมุนปั่นด้วยความเร็ว ปั่นจนกระทั่งพวกเขาไม่อาจยืนหยัดมั่นได้

เมื่อถึงเวลานี้ สายเกินกว่าจะหลบหนี

ตาของฝูเยี่ยนแดงก่ำ  เขาคำราม “ป้องกัน!”

เสียงคำรามของเขาในพายุนั้นเบา  แต่ช่วยให้คนที่สิ้นหวังมีประกายแห่งความหวังและไขว่คว้าไว้

กำแพงคิงคองล้อมรอบกองทัพไว้หนาแน่นทุกคนกระตุ้นปราณแท้ของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง กำแพงคิงคองส่องแสงเป็นประกายสีทอง มีอักขระสีทองลอยอยู่บนผิว

กำแพงคิงคองเมื่อฝึกจนถึงระดับสูงสามารถสร้างอักษรจารึกสีทอง นี่สร้างความกล้าให้ผู้คนสองสามเท่า พวกเขาอาจจะรอดก็ได้

ฝูเยี่ยนต้องการให้ขบวนทัพทั้งสามสื่อสารถึงกันได้  ดังนั้นระยะห่างระหว่างขบวนทัพพวกเขาจึงไม่มากกว่า100 เมตร กองทัพทั้งสามตั้งท่าป้องกันที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวของพวกเขา

พายุหมุนวังวนกระบี่ทำลายทุกอย่าง รังสีกระบี่หมุนอยู่วงนอกกำแพงคิงคองเหมือนกับพายุฝน  เสียงที่ดังหนาแน่นป้องกันทุกคนไม่ให้ได้ยินอะไร

ประกายไฟแพรวพราวกระจายไปทั่วทุกมุมของกำแพงคิงคองแสงสว่างเจิดจ้าจนไม่มีใครเห็นอะไรได้ชัดเจน

ในสภาพที่ล่อแหลมทุกคนปล่อยเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งกระตุ้นปราณแท้กันอย่างสุดชีวิต มันคือความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดอยู่ได้

กำแพงคิงคองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและดูเหมือนกับจะพังทลายได้ทุกเมื่อ

ความตั้งใจจะเอาชีวิตรอดของมนุษย์นั้นน่ากลัวนัก  ขณะที่รัศมีแสงเริ่มฉายไปที่นักสู้ในกองทัพทุกคน  พวกเขาแทบจะบรรลุพลังก้าวหน้าในช่วงเวลาอย่างนั้น

สวรรค์ยังไม่ทอดทิ้งเรา

ฝูเยี่ยนตอนแรกรู้สึกได้  เขาเป็นผู้นำทหารและควบคุมรังสีได้ทั้งหมด ปราณแท้ที่ส่งผ่านมาจากนักสู้ทุกคนปะทุออกทันที  กำแพงคิงคองซึ่งเดิมทีกำลังจะพังทลายกลับมั่นคงอย่างน่าอัศจรรย์

ขบวนของสามกองทัพเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายกับสิ่วสามเล่ม พวกเขากระแทกพายุวังวนกระบี่อย่างดุเดือด

รังสีกระบี่ปะทะกับกำแพงคิงคองอย่างต่อเนื่องด้วยปริมาณของรังสีกระบี่ที่เพิ่มขึ้น สภาพของพายุวังวนกระบี่ที่แต่เดิมยังมั่นคงเริ่มมีท่าทีเบาบาง

พลังพายุวังวนกระบี่ค่อยๆอ่อนลง แต่กำแพงคิงคองสามกองทัพถึงขีดจำกัดแล้ว แม้ว่าคนจะมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถก้าวหน้าได้ในเรื่องความเป็นความตาย

เมื่อจำนวนคนเพิ่มพลังลดลงหัวใจของฝูเยี่ยนตกลงไม่หยุด

กำแพงคิงคองสั่นสะเทือนหนักขึ้นทุกที  แรงสั่นสะท้านเพิ่มมากขึ้น  ปราณแท้ที่มาจากพวกเขาทุกคนค่อยๆ เสื่อมโทรมลง

เสียงเปราะแตกดังออกมาชัดเจนฝูเยี่ยนหลับตาอย่างสิ้นหวัง

เราทำอะไรลงไป!

ในเวลาใกล้เคียงกันกำแพงคิงคองของอีกสองกองพลแตกทำลายพร้อมกัน

ในเวลานี้พายุรังสีกระบี่ที่เบาบางระเบิดออกมาเสียงดังสนั่น ขณะที่รังสีกระบี่นับไม่ถ้วนกวาดออกไปรอบๆพร้อมกับเสียงระเบิด

รังสีกระบี่กวาดไปทั่วพื้นที่ทุกซอกทุกมุมของสนามรบไม่มีเหลือแม้แต่ที่เดียว

โลหิตมากมายฉีดพุ่งกระจายพร้อมกันเมื่อมองจากมุมมองบนอากาศ กลับเหมือนเหมือนดอกไม้โลหิตที่เบ่งบานเต็มที่

มีร่างหนึ่งลอยอยู่เลือดเนื้อด้านล่าง

ไม่มีเสียงหวีดหวิวแสบแก้วหู  ไม่มีประกายแสง มีแต่หุบเขามรณะที่เงียบสงัดด้านบนดอกไม้โลหิต เด็กหนุ่มลอยตัวอยู่ในท่ายืนเงียบๆ ไม่มีความวิตกกังวลอยู่ดวงตาใบหน้าของเขาว่างเปล่าตัดกับภาพโลหิตที่อยู่ใต้เท้าเขาเต็มไปด้วยความงามที่แสนหฤโหด

“...สู้....”

เสียงกระซิบของเด็กหนุ่มเบาและไม่สามารถได้ยิน

ร่างของเด็กหนุ่มร่วงลงมาบนพื้นอย่างไร้พลัง

จิ่งหาวตาเหลือกทันที  เขามาปรากฏข้างตัวถังเทียนทันทีและกอดเขาไว้

ทุกคนตกใจกับภาพนี้

สีหน้าของโต้วหย่งซีดเผือด  เขาฝืนยิ้มซึ่งดูแล้วน่าเกลียดกว่าร้องไห้เสียอีก เขาพูดกับไป๋ซือซือ“ดูเหมือนว่าเราไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องจะคิดบัญชีกับกลุ่มดาววาฬยังไงอีกต่อไปแล้ว”

เสียงของเขาสั่นเครือและมือของเขาสั่นสะท้าน

เขาเคยฆ่าคนอย่างมากมายมาก่อน แต่ฉากภาพข้างหน้าเขาทำให้เขาตกตะลึงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนชีวิตของนักสู้ช่างอ่อนแอเหมือนกับมดแมลง

ดอกไม้โลหิตบานค่อยๆเต็มพื้นที่ทั่วหุบเขา

ไป๋ซือซืองอตัวอาเจียนทันที

สีหน้าของเหออี้หมิงซีดขาวและงุนงง   ตอนแรกเขายังมีพลังกรีดร้องเพื่อชีวิตแต่เมื่อเห็นฉากนองเลือดในสมรภูมิด้วยตาตัวเอง เขาทรุดตัวลงกับพื้น

“คราวนี้ลำบากจริงๆ”  ปิงตบหน้าผาก เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

เขาไม่เคยใส่ใจกับกองพลปลาวาฬทั้งสาม  เนื่องจากเขาเตรียมการจับพวกเขาไว้นานแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดว่าถังเทียนจะมีพลังพอทำลายกองพลปลาวาฬทั้งสามทัพได้

ก็คงจะไม่เป็นไรหรอกถ้าจะพูดว่าแค่ทำลาย  แต่ฉากภาพข้างหน้าที่ปรากฏต่อสายตานั้นนองเลือดและโหดอำมหิตเกินไป  ปิงเข้าใจความเป็นจริง  เขาคือคนที่ปีนป่ายออกมาจากกองซากศพ  ในยุคเวลาของเขา ไม่ว่าในสนามเพลาะใดๆ  ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดเหตุนองเลือดได้เสมอ

แต่ที่เหลือเล่า?

สงครามใหญ่เป็นเพียงบทนำนักสู้ส่วนใหญ่ในสวรรค์วิถีเติบโตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่สงบ การฆ่าและการต่อสู้ของนักสู้เป็นเรื่องปกติทั่วไปไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก

อย่างไรก็ตามฉากภาพก่อนนั้นผ่านไปนานแล้ว  สมบัติมากมายกระจายไปทั่วทุกมุมสวรรค์วิถี

หลังจากต่อสู้ถังเทียนมีฉายาที่ดุร้ายมากมายว่า เพชฌฆาตหมู่

ปิงพ่นควันเป็นวงมุมปากของเขากระตุก  แต่ก็ยังดีการฆ่ากองทัพทั้งสามด้วยตัวคนเดียว ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้ แม้แต่พญาราชสีห์เลโอนก็ยังทำไม่ได้เมื่อตอนเขายังอายุน้อย  หลังจากต่อสู้ สมาพันธ์ชาวยุทธในช่วงเวลาสั้นๆคงไม่กล้ามาทำอะไรพวกเขาแน่นอน

สำหรับพวกเขาเวลาคือสิ่งสำคัญที่สุด

พวกเขาต้องการเวลาเพื่อให้นักสู้ของพวกเขาเติบโตขึ้น  ต้องการเวลาเพื่อจัดตั้งอาวุธจักรกลวิญญาณใหม่ต้องการเวลาเพื่อฝึกฝนเซียนนักสู้ของพวกเขาเอง แม้แต่ครึ่งก้าวจะสำเร็จชั้นเซียนก็ตาม

โอวบางทีสามคนนี้...

ปิงชำเลืองมองโต้วหย่งและคนที่เหลือซึ่งยืนเบียดกันอยู่ในระยะไกล

ปิงซึ่งเป็นคนแรกในบรรดาคนที่เหลือรู้สึกตัวก่อนเริ่มคิดก้าวต่อไปของเขา กลุ่มดาววาฬจบสิ้นแล้ว ด้วยการทำลายสามกองพลปลาวาฬ พวกเขาถูกมัดไปแล้วและจะถูกทำลาย ตอนนี้พวกเขาถือความได้เปรียบแล้ว

คนกลุ่มหนึ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วเป็นกองทหารที่ไม่คุ้นเคยและทุกคนระมัดระวัง

อาเดรียนพาเด็กหนุ่มร่างผอมเข้ามาหาปิง

“นี่คือผู้น้อยหลูตี๋เขานำพากองพลทหารพรานข่ายมาลี้ภัย”

ตาของหลูตี๋บวม  ไม่ใช่แต่เพียงเขาเท่านั้น  เนื่องจากเบ้าตาของอาเดรียนก็บวมเช่นกัน

ปิงตะลึง  เขาให้อาเดรียนไปแนะนำหลูตี๋ให้ยอมแพ้ แต่ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับทั้งสองทำให้กลายเป็นเช่นนั้นดังนั้นเขาอดถามไม่ได้  “เกิดอะไรขึ้น?”

อาเดรียนหลั่งน้ำตาพูดพลางสะอื้น “กลุ่มดาวนายพรานตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูแล้ว  ท่านเจ้าดวงดาวตายแล้ว!”

ปิงตะลึง  สีหน้าของเขาเคร่งขรึม  เขาตบไหล่ของอาเดรียน หันไปคุยกับหลูตี๋“เจ้ามาได้เวลาจริงๆ ไปช่วยคนก่อน”

จากนั้นหลูตี๋และอาเดรียนจึงได้เห็นสถานการณ์ในหุบเขาได้ชัดทั้งสองคนตกตะลึงทันที

“นี่คือ?” หลูตี๋ถามเสียงสั่นเครือ  ฉากภาพข้างหน้าเขาน่าอนาถเกินไปเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสมรภูมิที่น่าสังเวชขนาดนั้น

“นี่เป็นฝีมือของเจ้าเด็กบ้าถัง”  น้ำเสียงของปิงซับซ้อน

“เขาเพียงคนเดียวหรือ?”  อาเดรียนตาเบิกกว้างเหมือนกับว่าไม่สามารถทำใจเชื่อได้  “เขา..เขาอยู่ในวังวนกระบี่เพื่อขัดเกลาจิตวิญญาณยุทธของเขาไม่ใช่หรือ?”

“มันคือวังวันกระบี่นั้น” ปิงส่ายศีรษะ  “เจ้าจะรู้เมื่อถึงเวลา มาช่วยคนก่อน ไม่รู้ว่าเราจะช่วยได้สักกี่คน”

อารมณ์ของปิงซับซ้อน

ไม่มีผู้นำทหารที่ชอบสิ่งทำลายจนส่งผลเสียสมดุล  แม้ว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะแต่ก็ทำให้การเตรียมการของเขาไม่มีความหมายต่อไป

ชนะก็ดีเหมือนกัน  เขาหัวเราะให้ตัวเอง เขาไม่ใช่ถังโฉ่วจึงไม่สนใจกลายเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียง

ไม่มีอะไรผิดปกติกับเจ้าเด็กห้าวถัง  แม้ว่าเขาจะล้มลงหมดสติแต่ลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ และหายใจของเขามั่นคงเหมือนกับว่า... เขาหลับสนิท...

เจ้าเด็กโง่นี่!

แม้กระทั่งการรบก่อนนี้ก็ได้ข้อสรุป กองกำลังหมาป่าและกองพลทหารราบโจมตีประตูดวงดาวสองสามแห่งและตัดทางถอยของกลุ่มดาววาฬ

อาเฮ่อ,หลิงซิ่ว, อาโมรี่และหานปิงหนิง และนักสู้ชั้นทองของกลุ่มดาวมังกรต่างนำกองโจรหมาป่าและเริ่มขับไล่ศิษย์ตระกูลสูงส่งที่ต้องการบรรลุความสำเร็จจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ให้กลับบ้านไป

เมื่อกองทัพทั้งสามถูกทำลายและประตูดวงดาวถูกยึดครอง  พวกเขาจึงกลายเป็นเต่าที่ถูกขังอยู่ในโอ่ง

พวกศิษย์เหล่านั้นสามารถต่อสู้ในการรบที่ป่าเถื่อนได้  แต่พวกเขาจะตื่นเต้นเมื่อพบกับอันตราย สถานการณ์กลายเป็นสิ้นหวังยิ่งขึ้นจนหัวใจพวกเขาเริ่มกระวนกระวาย

ไม่มีใครรู้ว่าใครยอมแพ้ก่อน  เนื่องจากผู้คนเริ่มยอมแพ้คนแล้วคนเล่า

ที่สถาบันหมาป่าฟ้าพวกนักเรียนที่เพิ่งได้เปลี่ยนชุดจักรกลต่างก็โกรธโวยวาย  พวกเขายังไม่ทันได้ลงเวทีต่อสู้เลยเจ้าพวกสวะเหล่านี้ก็ยอมแพ้เสียแล้ว

ขณะนั้นคำสั่งใหม่ก็ส่งมาถึงอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด