ตอนที่แล้วตอนที่ 463 - บรรลุระดับใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 465 - ราชาฉลาม หนึ่งในสี่ราชันย์

ตอนที่ 464 - อยากได้สมบัติของข้าใช่ไหม?


เวลานี้เมื่อเย่ว์หยางมาถึงเกาะอัคคี เป็นธรรมดาอยู่นั่นเองที่เขาไม่อาจใช้สถานะของพ่อบ้านตัวแสบเหมือนครั้งก่อนได้ จึงได้แต่ใช้สถานะของไตตัน

หน้าของเขาสวมหน้ากากทองเจมินี่ ขณะที่เขาพกทวนทองฆ่ามังกรที่ห่อหุ้มไว้สะพายอยู่ที่ข้างหลังของเขา

เขามาถึงเกาะอัคคีโดยวิธีที่คล้ายกับตอนเข้าป้อมสายฟ้า

ชื่อของไตตันขจรไกลไปทั่วทั้งป้อมสายฟ้าแล้ว

เย่ว์หยางแตกต่างจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดทุกคนที่จะจ้างคนให้ช่วยกระพือข่าวพวกเขาด้วยความลำพองเมื่อพวกเขาจะทำการบางสิ่งบางอย่าง ผลก็คือทำให้มีแต่ภูมิภาคใกล้เคียงเท่านั้นถึงจะรู้เรื่องราวของพี่น้องไตตัน ในหอทงเทียนชั้นที่เจ็ดไม่มีผู้ใดรู้ถึงความดำรงคงอยู่ของพี่น้องไตตัน นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่ติดต่อค้าขายกับหอการค้าไตตันและรู้ด้วยว่าเขาฆ่าเยาถงได้ยังไง

นอกจากนี้ มีผู้คนจำนวนน้อยนิดที่รู้เรื่องว่าพี่น้องไตตันอยู่ในระดับชั้นของนักสู้ปราณก่อกำเนิด

สำหรับการปรากฏตัวของไตตันน้อย ยิ่งมีคนเป็นจำนวนน้อยนิดที่เคยเห็นเขาในป้อมสายฟ้าเป็นการส่วนตัว

ความคงอยู่ของพวกเขามีแต่เพียงข่าวลือ….

“ขอต้อนรับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติเข้าสู่เกาะอัคคีค่ะ” ขณะที่เย่ว์หยางเดินออกมาจากวงแหวนเทเลพอร์ต พนักงานนำเที่ยวรูปร่างเย้ายวนใจโค้งคำนับทันที แสดงว่านางยินดีรับใช้และนำทางให้เย่ว์หยาง นางคือไห่อิงอู่ แต่นางจำเย่ว์หยางไม่ได้แล้ว

“อึกทึกจังเลย, เกิดอะไรขึ้น?” เย่ว์หยางจงใจถามเช่นนี้

“คืออย่างนี้, ท่านอาคันตุกะผู้มีเกียรติ บางทีท่านยังไม่รู้ แต่ว่าสมบัติจะปรากฏอยู่ภายใต้หุบเหวทะเลลึกของเกาะอัคคี สมบัติลึกลับส่องแสงมาจากหุบเหวใต้ทะเลลึก หลังจากนั้นมานักสู้คนหนึ่งสังเกตเห็นได้ ก็เลยกระจายข่าวออกไป ดึงดูดผู้คนมาหาสมบัตินั้น จักรพรรดิสมุทรใจกว้างมาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มอบหมายให้สมาชิกของเกาะอัคคีคอยรับใช้บริการวีรบุรุษ ช่วยให้ทุกคนเสร็จสิ้นภารกิจการผจญภัยและทิ้งบทกวีการต่อสู้ที่สง่างามไว้” ไห่อิงอู่ตอบด้วยความนอบน้อมแต่ลอบประเมินอาคันตุกะผู้นี้ นางเห็นว่าความแข็งแกร่งของเขาแค่เพียงนักสู้สามัญระดับเจ็ด อย่างไรก็ตาม เขาสวมหน้ากากชั้นทองและสะพายอาวุธสมบัติอยู่ข้างหลังเขา เขาไม่กลัวจะถูกปล้นหรอกหรือ?

“หยุดพล่ามไร้สาระเถอะ เจ้าแค่ตอบคำถาม ทำไมที่นี่ถึงได้อึกทึกนัก” เย่ว์หยางขัดจังหวะนางอย่างกระด้าง โดยไม่มองนางเลย

“อ่า, ข้าต้องขออภัยท่านอาคันตุกะผู้มีเกียรติ คืออย่างนี้ เหล่าผู้กล้าทั้งหลาย วีรบุรุษผู้กล้าหลายคนต่างพากันมาตามหาสมบัติ และหลังจากต่อสู้เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว มีผู้ชนะสามคนจากเหล่าผู้กล้าเป็นร้อยๆ หนึ่งในผู้กล้าที่โชคดีได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ‘มุกควบคุมทะเล’ แต่น่าเสียดาย เขาปฏิเสธการร่วมแสดงความยินดีของเรา และออกไปจากเกาะเสียแล้ว สำหรับอีกสองคน พวกเขาจะได้รับสมบัติระดับทอง คนหนึ่งจะได้รับผลึกอัญเชิญปลาสิงโตหิน ขณะที่อีกคนจะได้สามง่ามแยกน้ำ ตอนนี้พวกเขากำลังรับการร่วมฉลองยินดีและการคุ้มครองจากเรา เพื่อทำการฉลอง ทั่วทั้งเกาะอัคคีในตอนนี้จะจัดงานเลี้ยงยามราตรี นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มีโคมไฟและป้ายสีสัน และนั่นเองที่ทำให้มีเสียงดังอึกทึก ถ้าเป็นการรบกวนอาคันตุกะผู้มีเกียรติ ได้โปรดให้ไห่อิงอู่เป็นตัวแทนพนักงานทั้งเกาะอัคคีขออภัยท่านด้วย” ไห่อิงอู่กำลังหยั่งเชิงเย่ว์หยาง นางสงสัยว่าเขามาที่นี่เพื่อตามล่าสมบัติ เพียงแต่เขามาสายเกินไป

“สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดในโลกก็คือ คนอื่นได้สมบัติดีๆ น่าเกลียดเกินไป” เย่ว์หยางคราง และผลักไห่อิงอู่หลบไปข้างๆ และสาวเท้ายาวจากมา

ไห่อิงอู่ตะลึง

ทั้งชีวิตของนางที่ผ่านมา นางไม่เคยพบบุรุษที่ต้านทานเสน่ห์ของนางได้ ถ้าเขามาจากเผ่าพันธุ์อื่นและไม่ชอบสตรีมนุษย์ อย่างนั้นก็ดีไป อย่างไรก็ตาม เขาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เขาทำเมินนางได้ยังไง?

เมื่อเย่ว์หยางผลักนางหลบไปข้างๆ นางรู้สึกตกใจและอายในขณะเดียวกัน

เป็นความรู้สึกอายจากการที่คุณค่าของตัวนางเองถูกลดค่าลง เสน่ห์ของนางลดน้อยลงตั้งแต่เมื่อใดกัน?

นางคิดว่าบางที เขาคงอิจฉามากเกินไปที่คนอื่นได้สมบัติ

ต้องใช่แน่

ถ้าความรู้สึกที่พ่อบ้านจอมลามกทำให้นางรู้สึกได้เมื่อตอนที่เขาสัมผัสอกและบั้นท้ายนางก็คือความรังเกียจ อย่างนั้นความรู้สึกที่บุรุษผู้นี้ทำกับนางก็คือความแค้น ไม่ว่าดีหรือเลว เจ้าพ่อบ้านจอมลามกผู้นั้นก็ยังชอบอกโตและบั้นท้ายกลมๆ ของนาง แต่บุรุษหน้ากากผู้นี้ทำให้นางรู้สึกอายลึกๆ และเขาเมินนางโดยสิ้นเชิง ไห่อิงอู่ต้องการวิ่งเข้าไปร้องกรี๊ดใส่เขาอย่างโมโห แต่ในที่สุดนางก็อดกลั้นไว้

เพื่อประโยชน์ต่อแผนใหญ่ของจักรพรรดิสมุทร นางต้องอดทน

ไห่อิงอู่กัดฟันแน่น

“เอ่… หน้ากากที่เจ้าหนุ่มหน้ากากสวมอยู่เป็นสมบัติชั้นทองนี่” ทหารรับจ้างสองสามคนเดินเข้ามา พวกเขาเมาแล้วและบางทีเตรียมจะออกไป เพราะพวกเขาไม่ได้รับสมบัติอะไรเลย เมื่อบุรุษคนที่เดินนำพวกเขาออกมาเห็นเย่ว์หยาง จึงเกิดความโลภขึ้นและชี้ไปที่เย่ว์หยางอย่างตื่นเต้น

“อย่างนี้แย่แน่…” เมื่อไห่อิงอู่เห็นนัยน์ตาละโมบของทหารรับจ้าง นางรู้ว่าการต่อสู้คงมิอาจหลีกเลี่ยงได้

“ทิ้งหน้ากากระดับทองไว้แล้วคุกเข่าต่อหน้าข้า จากนั้นปู่คนนี้จะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อไป” เมื่อบุรุษสองสามคนสังเกตว่าบุรุษหน้ากากข้างหน้าพวกเขาเป็นแค่นักสู้ระดับเจ็ด พวกเขาจึงมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาก ในกลุ่มคนทั้งห้า มีสองคนเป็นนักสู้ระดับเจ็ด อีกสองคนเป็นนักสู้ระดับแปด และมีเพียงคนเดียวที่อ่อนแอ เป็นนักสู้ระดับหก ว่ากันตามความแข็งแกร่งแล้ว พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาสามารถเอาชนะเย่ว์หยางได้ ดังนั้นกิริยาท่าทางของพวกเขาจึงหยิ่งยโสมากยิ่งขึ้น

“เจ้าควรจะทิ้งสมบัติที่ห่อไว้ข้างหลังของเจ้าด้วย” นอกจากนี้นักสู้ระดับแปดอีกคนรับรู้ได้ถึงถึงพลังผันผวนของสมบัติที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้

ไห่อิงอู่ลอบตื่นตระหนก

ถ้านางเปิดเผยพลังระดับเตรียมปราณก่อกำเนิดของนางแล้วเข้าไปขัดขวางพวกเขาไว้ อย่างนั้นก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร

อย่างไรก็ตาม เพื่อแผนการใหญ่ของจักรพรรดิสมุทร นางจะเปิดเผยพลังของนางได้อย่างไร?

นางมองดูทั้งสองฝ่ายอย่างช่วยอะไรไม่ได้และรู้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ บุรุษหน้ากากมีสมบัติมากมาย แต่พลังของเขาไม่มากพอ ดังนั้นเขาต้องมีผู้หนุนหลังที่ทรงพลังคนหนึ่งบางทีเขาอาจเป็นบุตรของนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งก็เป็นได้ ถ้าเขาถูกฆ่าที่นี่ อย่างนั้นพลังที่หนุนหลังของเขาจะต้องโกรธเกรี้ยว ตอนนี้มีเวลาเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมงสำหรับแผนการใหญ่ของจักรพรรดิสมุทรและจักรพรรดิสมุทรก็กำลังจะมาถึงแล้ว สถานการณ์เลวร้ายมาก

พวกเขามีเวลาปกป้องสมบัติลับอย่างยากลำบากและใช้แผนการหลอกล่อตบตาของพวกที่มาผจญภัย

ตอนนี้ คงจะดีที่สุด ถ้าไม่มีปัญหามากไปกว่านี้

ขณะที่ไห่อิงอู่กังวลอย่างหนัก ทันใดนั้นนางเห็นร่างสามร่างเคลื่อนไหวมาบนฟ้า

เมื่อไห่อิงอู่เห็น นางส่งสัญญาณมือทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือ

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่ร่างทั้งสามก็ยังลงมา

เป็นสัญญาณมือลับของกลุ่มจักรพรรดิสมุทร ในกรณีที่มีคนใช้สัญญาณนี้ขอความช่วยเหลือ ตราบใดที่เป็นเป็นพวกเผ่าพันธุ์มนุษย์น้ำ พวกเขาจะเพิกเฉยไม่ได้

ทั้งสามคนลงมายืนบนพื้น คนทางซ้ายมือหัวโตตัวเล็กอ้วนน่าเกลียด คนกลางเป็นขุนพลเผ่าปลาเย็นที่สง่างามสวมเกราะเกล็ดปลา คนขวามือเป็นบุรุษผอมสูงตาตี่เล็กสวมชุดผ้าซาตินสีเขียวเข้มสวมหน้ากากทองที่มีของเหลวเหนียวทำให้คนที่เห็นหมดความอยากอาหาร

“เกิดอะไรขึ้น? ข้ากำลังจะไปต้อนรับจักรพรรดิสมุทร การรบกวนของเจ้าจะสร้างผลกระทบโดยรวม เจ้าปลาชั้นผู้น้อยใช้สัญญาณระดับทะเลอันตรายเรียกเรามาตามใจชอบ ช่างไม่รู้จักสถานะของตนเองเสียเลย” เจ้าอ้วนที่น่าเกลียดตวาดใส่ไห่อิงอู่

“รายงานท่านขุนพลสมุทรทั้งสาม เรื่องเป็นอย่างนี้….” ไห่อิงอู่รีบรายงานสถานการณ์ระหว่างเย่ว์หยางกับพวกทหารรับจ้าง

ไม่ไกลออกไป เย่ว์หยางกำลังแกะห่อสมบัติช้าๆ

พวกทหารรับจ้างประเมินว่าเขาคงไม่ยอมมอบสมบัติให้ง่ายๆ และคงต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาล้อมเย่ว์หยางไว้ทันทีกักเขาไว้ให้อยู่ตรงกลาง

การต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้น

ขุนพลทั้งสามเห็นสถานการณ์เช่นกันและขุนพลผู้แข็งแกร่งที่สวมเกราะเกล็ดปลาโบกมือเขาแสดงว่าไม่สนใจ ขุนพลตัวผอมหัวเราะลั่นอย่างชั่วร้ายแสดงว่าเขาก็ไม่สนใจเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เขาจะฆ่าทหารรับจ้างทันทีที่พวกเขาได้รับสมบัติ วิธีนี้เขาก็จะพูดได้ว่าล้างแค้นให้เย่ว์หยาง และขณะเดียวกัน เขายังได้รับสมบัติอีกด้วย อย่างไรก็ตามขุนพลอ้วนที่ตวาดไห่อิงอู่ยืนขึ้นแล้วตะโกนไปทางพวกทหารรับจ้าง “พวกเจ้าทำอะไรกัน?”

พวกทหารรับจ้างถูกขัดจังหวะโดยขุนพลปลาหัวโตโดยไม่ทันได้เตรียมตัวมาก่อน

เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าบุรุษหน้ากากนี้มาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์น้ำ?

โชคดีที่ นักสู้ระดับแปดตอบสนองได้ทัน และพูดอย่างคลุมเครือว่า “ขุนพลต้าโถว ข้าคือไป่จูเป็นหลานเขยของหลางเยีย ขุนพลเผ่าปูเสฉวน ระหว่างรับจัดงานแต่งงาน ข้ายังได้ดื่มอวยพรกับท่านด้วย เป็นไปได้ยังไงที่ท่านลืมข้าเสียแล้ว? วันนี้ไม่ใช่ว่าเราต้องการจะทำลายกฎของเกาะอัคคี แต่ว่าเป็นเพราะเจ้าบุรุษสวมหน้ากากนี้เป็นศัตรูของข้า เขาฆ่าพี่น้องของเผ่าพันธุ์ข้า แล้วยังข่มขืนน้องสาวของเผ่าพันธุ์ข้า เนื่องจากเราพบกันในวันนี้ ข้าจะปล่อยให้เขาหนีไปได้ยังไง? ขุนพลต้าโถว โปรดพิทักษ์ความยุติธรรมด้วย”

ขุนพลหัวปลาที่น่าเกลียดเกาหัวล้านของตนเองและพึมพำ “อย่างนั้นหรอกหรือ? เราดื่มฉลองด้วยกันหรือ? ทำไมข้าจำไม่ได้… เอาล่ะ เมื่อเป็นอย่างนั้น ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป”

เมื่อไห่อิงอู่ได้ยินเช่นนี้ นางตกใจแทบตาย

เจ้าอ้วนนี้โง่เกินไปหรือเปล่า? ทำไมเขาถึงเป็นขุนพลได้นะ?

พวกที่เชื่อเจ้าไป่จูคนนี้งี่เง่าชัดๆ อย่างไรก็ตาม เจ้าขุนพลหัวปลาอ้วนหน้าโง่ผู้นี้ ยังเชื่อเขาได้จริงๆ ไห่อิงอู่พูดไม่ออก

ถ้านางไม่ห่วงสถานะของนาง ไห่อิงอู่คงจะแฉการโกหกของไป่จูแล้ว

อย่างไรก็ตาม นางอดทนจนถึงที่สุด

เพื่อไม่ให้มีผลต่อแผนการใหญ่ของจักรพรรดิสมุทร.. เฮ้อ.. บุรุษหน้ากากผู้นี้ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับนางแม้แต่น้อย ต่อให้เขาตาย แค่เพียงอาคันตุกะคนหนึ่งตาย อย่างมากก็มีปัญหาเพียงไม่กี่อย่างในอนาคต นางก็คงแค่อดทนไว้ เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงแผนใหญ่ของจักรพรรดิสมุทร ไห่อิงอู่ก้มหน้าเงียบ นางรู้สึกว่าบุรุษหน้ากากจะถูกฆ่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกทหารรับจ้างฆ่าตาย แต่ขุนพลปลิงคงไม่ปล่อยเขาไว้แน่ ดูเหมือนว่าขุนพลปลิงกำลังมองเขาเหมือนกับพยัคฆ์จ้องดูเหยื่อของตนเอง ขณะที่เขาน้ำลายหกเพราะสมบัติของเขา บางทีเขาอาจจะลงมือในช่วงวิกฤติที่สุดในนามของการล้างแค้น

นั่นหมายความว่าบุรุษหน้ากากจะตายจริงๆ

ไห่อิงอู่ถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆ รู้สึกว่าไม่สามารถแบกรับไว้ได้

แม้ว่าบุรุษหน้ากากผู้หยิ่งยโสจะเมินตัวนางในก่อนหน้านั้น แต่นางไม่ต้องการเห็นเขาตาย ทั้งที่เขาเพิ่งมาถึงเกาะอัคคี

“เฮ้, เจ้าบัดซบ เจ้าคือโจรร้ายที่น่ากลัว คนผิดชั่วร้ายจะหนีไม่ได้และในวันนี้เราจะจับเจ้าให้ได้แน่ เวลาตายของเจ้าใกล้มาถึงแล้ว” พอเห็นว่าขุนพลทั้งสามไม่สนใจ ทหารรับจ้างหัวเราะลั่นกันอย่างสนุกสนาน นี่คือเวลาตายของบุรุษหน้ากาก

“พวกเจ้าต้องการสมบัติข้าใช่ไหม? ข้าจะให้เจ้าก็ได้” เย่ว์หยางแก้ห่อผ้าช้าๆ

และด้วยความเร็วกว่าแสง เขาเคลื่อนไหวทันที

ทหารรับจ้างคนหนึ่งกำลังหัวเราะลั่น

แต่ทันใดนั้น เสียงหัวเราะของเขาขาดหายขณะที่ทวนทะลวงผ่านลำคอเขาไปแล้ว…

ม่านตาของไห่อิงอู่หดแคบอย่างรวดเร็ว นางตกใจเพราะนางเห็นไม่ชัดว่า ทวนทองถูกร่ายรำอย่างไร, แม้แต่เงาภาพก็ไม่เห็น นางเห็นแต่ตอนที่ทวนทะลวงผ่านคอหอยทหารรับจ้างผู้นั้นไปแล้ว

ทหารรับจ้างที่เหลือชะงักค้างราวกับถูกสาปเป็นหิน เพราะคนที่เพิ่งถูกสังหารไป เป็นนักสู้ระดับแปด และแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา

เขาถูกศัตรูสังหารฉับพลันจริงๆ หรือนี่?

อย่างนั้นบุรุษหน้ากากผู้นี้มีพลังแข็งแกร่งระดับใดกัน?

*******************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด