ตอนที่แล้วตอนที่ 462 เคลื่อนพายุวังวนกระบี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 464 เหออี้หมิงเอาชีวิตรอด

ตอนที่ 463 หัวใจไร้กังวล


สีหน้าของจางหมิงเฮ่อแน่วแน่ พวกนักสู้ที่มากับเขาทุกคนเป็นนักสู้ฝีมือดีจากตระกูล การจู่โจมของกลุ่มดาววาฬครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะลุงของเขานั่นเอง และไม่มีใครคาดว่าเขาจะติดอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ (จางหมิงเฮ่อ-หนึ่งในเจ็ดอัจฉริยะรุ่นเยาว์สมาพันธ์ชาวยุทธ)

ตั้งแต่ถังเทียนปรากฏออกมาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ยและได้รับฉายาว่าหินลับมีดของสมาพันธ์ชาวยุทธ อัจฉริยะของสมาพันธ์ชาวยุทธทุกคนเริ่มถูกเมินจากสายตาผู้คนทุกคน  บรรดาอัจฉริยะที่พึงพอใจเดิมได้รับผลกระทบมากและกลับไปฝึกฝนที่บ้านเดิมอย่างจำใจ

พวกที่หนุนพวกเขาอยู่ข้างหลังจะประเคนทรัพยากรและควบคู่กับพรสวรรค์ที่สูงส่งของพวกเขาอีกทั้งความพยายามของตัวพวกเขาเอง พลังของพวกเขาจึงเพิ่มสูงขึ้น

แต่เมื่อเทียบกับถังเทียนผู้เฉิดฉายพวกเขาแทบจะเลือนหายไปในทันทีเมื่อเทียบกัน

อัจฉริยะผู้หยิ่งยโสถูกเด็กบ้านนอกจากดาวชนบทที่ห่างไกลพรากชื่อเสียงไปตั้งแต่เมื่อใดกัน?นอกจากนี้ ความสำเร็จในการรบของถังเทียนยังเป็นของจริงแท้  โค่นล้มกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้ทั้งยังมีข่าวลือว่าถังเทียนเอาชนะนักสู้ระดับเซียนได้คนหนึ่ง  แต่จางหมิงเฮ่อและพวกที่เหลือมีข้อมูลของเขาเองและรู้ว่าข้อมูลนี้จริง

แต่งั้นถ้าเขาเป็นเซียนนักสู้แล้วจะเป็นยังไง?

ความรู้สึกต้องการต่อสู้เต็มอยู่ในหัวใจจางหมิงเฮ่อ  พลังปัจจุบันของเขาถ้าสู้กับเซียนนักสู้ที่อ่อนแอที่สุด มีโอกาสที่จะเอาชนะได้น้อย เขารู้ว่าเซียนนักสู้ที่ถังเทียนเอาชนะไม่ได้มีความก้าวหน้ามากนักหลังจากได้เป็นนักสู้ชั้นเซียน

จางหมิงเฮ่อเชื่อว่ากลยุทธของกลุ่มดาววาฬนั้นเป็นไปได้  เขาได้ถามน้องเจ็ดของเขามาก่อน น้องเจ็ดคิดว่าแผนการนี้ดีและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงมากและพวกเขามีคนสนับสนุนจำนวนไม่น้อย

แต่ไม่มีใครทราบว่าสถานการณ์กลับชะงักงันสถานการณ์ที่ตระกูลจางไม่มีหวังเลย สงครามพิษของกลุ่มดาวหมีใหญ่ ได้บอกกล่าวให้สวรรค์วิถีได้รู้ถึงวิธีใช้พิษทำสงคราม

แต่จางหมิงเฮ่อคิดว่าเป็นวิธีการที่สกปรก  สงครามหมายถึงการวัดพลังกันที่แท้จริง   ตามมาด้วยความนิยมของกำแพงคิงคองในที่สุดพวกเขาก็สามารถพ้นจากภาวะชะงักงัน

และประกาศจากเมืองสามวิญญาณถึงองค์การวิญญาณมืดยังคงส่งต่อไปให้สมาพันธ์ชาวยุทธอย่างรวดเร็วเช่นกันดังนั้นทุกคนคิดว่า จำเป็นต้องถอนหนามยอกที่สร้างความเจ็บปวดออกมาเพื่อบังคับให้กลุ่มดาวหมีใหญ่สู้ด้วยพลังที่แท้จริงพวกเขาจำเป็นต้องกำจัดวิธีสกปรกของพวกเขา

เมื่อสมาพันธ์ชาวยุทธเอาจริงความสามารถด้านปัญญาของพวกเขาก็แสดงออกมา ความขัดแย้งระหว่างเซรีนและตระกูลอีวานถูกเปิดเผยและแม้รู้ว่าผู้อาวุโสตระกูลอีวานขอให้บิดาของเซรีนยอมรับความผิดพลาดของเขา  พวกเขาจับรายละเอียดได้รวมทั้งความโกรธของซูซี่ในครอบครัวนางและการกระทำของเหวินเจียง

เดิมทีพวกเขาไม่ได้มองว่าเหวินเจียงเป็นตัวละครที่มีความสำคัญอะไรและคิดว่าเป็นผู้อาวุโสที่ไร้ชื่อเสียง แต่พวกเขาคาดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสคนหนึ่งจะจำเหวินเจียงได้

หมาป่าเดียวดายเหวินอี้เจียง

เซียนนักสู้ที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงแล้วจู่ๆก็หายไป ทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธแตกตื่นฮือฮา

เมื่อรู้ว่าเหวินเจียงแทรกซึมเข้าไปในเมืองสามวิญญาณสมาพันธ์ชาวยุทธก็เคลื่อนไหว  จางหมิงเฮ่อยังไม่ได้เคลื่อนไหวเพราะในสายตาเขาปลาเล็กน้อยไม่ควรค่าให้เขาต้องลงมือ

เขามั่นใจการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น

เหวินเจียงคือนักสู้ระดับเซียนกับจางหมิงเฮ่อที่ใกล้จะบรรลุระดับเซียนแล้ว จางหมิงเฮ่อไม่เชื่อว่าเมืองสามวิญญาณจะสามารถต้านทานนักสู้ชั้นเซียนและนักสู้ที่อีกครึ่งก้าวก็จะเข้าสู่ระดับชั้นเซียน  นอกจากนี้ เขามีนักสู้ชั้นทองสี่คน  ทุกคนเป็นมือดีที่สุดในตระกูลจาง

น่าเสียดายที่ถังเทียนไม่อยู่ใกล้ๆ  ถ้าไม่อย่างนั้นคงคุ้มค่าที่ได้ปะทะฝีมือกับถังเทียน

จางหมิงเฮ่อปรากฏตัวที่ประตูหน้าอย่างเกียจคร้านด้วยความมั่นใจและผ่อนคลาย

ทันใดนั้นเสียงเพลงดังขึ้นทำให้เขาหยุดอยู่กับที่  เขาเงยหน้าขึ้นมองที่หอคอยที่สูงที่สุด มีร่างสีขาวกำลังลอยอยู่ข้างหน้า

นั่นคือ...คุณชายขลุ่ยวิเศษ!

จางหมิงเฮ่อหรี่ตา สมาพันธ์ชาวยุทธได้รับรายงานเมืองสามวิญญาณอย่างละเอียด เมืองสามวิญญาณมีนักสู้ผู้แข็งแกร่งอยู่ไม่กี่คน  แต่พวกเขามีนักสู้สายดนตรีอยู่สองคนคือเฒ่าบอดซอกำศรวลและคุณชายขลุ่ยวิเศษ

จางหมิงเฮ่อไม่เห็นเฒ่าบอดซอกำศรวลอยู่ในสายตา นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีที่ระดับต่ำขนาดนั้นไม่คู่ควรกับเขา  นอกจากเขาสูงอายุแล้ว  เขาไม่มีศักยภาพเท่าใดนัก และคงจะมีปัญหาในฐานะผู้พิทักษ์

แต่เขาสงสัยเกี่ยวกับคุณชายขลุ่ยวิเศษปรมาจารย์สายสำเนียงเพลงผู้ที่ครั้งหนึ่งได้รับการยกย่องและมีชื่ออย่างมาก  กล่าวกันว่าเขาคือตำนาน  ความแข็งแกร่งลึกๆ ของเขาไม่มีใครรู้

น่าเสียดายเขาเป็นแค่ขุนพลวิญญาณที่ได้รับความเสียหาย...

จางหมิงเฮ่อสายหัว  ถังเทียนไม่รู้วิธีใช้ของต่างๆ ของเขาอย่างสมควรจากวิธีที่จางหมิงเฮ่อเห็น การใช้ขุนพลวิญญาณอย่างคุณชายขลุ่ยวิเศษเพื่อต้านศัตรู ผู้ไม่แข็งแกร่งพอบุกทำลายแนวของศัตรูไม่ใช่การใช้ที่ถูกต้อง  ขุนพลวิญญาณอย่างคุณชายขลุ่ยวิเศษเหมาะกับการเป็นครูบาอาจารย์มากที่สุด ยังมีทำนองดนตรีโบราณน้อยเกินไปซึ่งมีแต่ผู้ประพันธ์ดั้งเดิมเท่านั้นที่รู้ นั่นคือจุดที่ขุนพลวิญญาณที่ได้รับความเสียหายสามารถฉายประกายได้

เขาเหมือนกับเทพบุตรจากภาพวาดจริงๆ!

จางหมิงเฮ่อนักสรรเสริญและเสียใจอยู่บ้าง  น่าเสียดายเขาไม่ใช่ขุนพลวิญญาณของข้า

ท่าทีชื่นชมของจางหมิงเฮ่อเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีนักสู้รอบๆ ตัวเขาทะยานขึ้นในอากาศพุ่งตรงเข้าหาขลุ่ยวิเศษ

ขณะที่ท่วงทำนองเพลงดังอ้อยอิ่งออกมา  หน้าของคุณชายขลุ่ยวิเศษมีความปลาบปลื้มและพอใจ

ทำนองเจ็ดสังหารเขาสำเร็จไปหกทำนองนานแล้ว แต่เขายังไม่พอใจกับทำนองที่เจ็ดและเขายังด้อยปัญญาเพื่อให้บรรลุทำนองที่เจ็ด จนแทบตกอยู่ในอาการคุ้มคลั่ง  เขาเพียงแต่สำเร็จทำนองที่เจ็ดเมื่อเขาตาย

ข้าไม่ยินยอมสูญสลายไปเพราะข้าต้องการเล่นมันกระมัง?

ข้าก็มีความหลงใหลของตนเองด้วยเช่นกัน...

ข้าไม่เคยคิดว่าข้าจะมีโอกาสเล่นเพลงนี้  ความจริงมันรู้สึกดีมาก

สุภาพบุรุษตอนนี้พวกเจ้าจะได้ฟังทำนองที่เจ็ดของข้า หัวใจไร้กังวล

ขณะที่ทำนองเพลงดังออกมาจากขลุ่ยบรอนซ์ของเขาแสงที่คล้ายกับควันพลุ่งออกมา แสงหลากสีลอยอยู่ในอากาศเหมือนกับต้นอ่อนที่งอกจากเมล็ด สีเขียวกลายเป็นต้นไม้  สีแดงกลายเป็นดอกไม้ สีน้ำเงินกลายเป็นท้องฟ้าสีทองกลายเป็นดวงอาทิตย์...

เมื่อเพลงเริ่มบรรเลง  จางหมิงเฮ่อยังคงสงสัยจนกระทั่งเขาตระหนักได้ทันทีว่าท้องฟ้าด้านหลังคุณชายขลุ่ยวิเศษกลายเป็นสีฟ้าทำให้เขาสั่น

แสงรอบๆตัวเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

สวรรค์ที่งดงามและท้องฟ้าต้นไม้เก่าแก่และทุ่งหญ้าเขียวขจีสว่างไสวด้วยแสงตะวันไล้อบอุ่นนุ่มนวลท้องฟ้าสีน้ำเงินมีเมฆงามลอยละล่อง บุปผาชาติงดงามนับไม่ถ้วนผลิบานทะเลสาบสะท้อนประกายระยิบระยับอยู่ไกลๆ ทำนองขลุ่ยที่ยอดเยี่ยมอ้อยอิ่งอยู่ในหู  ท่วงทำนองไพเราะจนอธิบายไม่ถูกทำให้จางหมิงเฮ่อกลายเป็นเหมือนคนโง่  ความกังวลในใจของเขากระจัดกระจายหายไปในสายลม

เขาลืมเรื่องราวในอดีต เขารู้แต่เพียงว่ารู้สึกพอใจจนอธิบายไม่ถูก  เขานั่งลงบนพื้นหญ้าทำให้เขารู้สึกสบายยิ่งขึ้น

นุ่มมาก...ข้าอยากหลับ...

เขาจำไม่ได้ว่าเขามีเรื่องที่ต้องทำ แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างหนักเพียงไหนเขาก็จำไม่ได้  ในเวลาอันรวดเร็ว  ความทรงจำนั้นหายไป  หน้าของเขายิ้มพึงพอใจเหมือนกับต้องการจะหลับ

ทันใดนั้นเครื่องประดับรูปลูกสุนัขที่ห้อยอยู่ที่เอวเขาเปล่งแสงเรืองรอง  รัศมีทองซึมเข้าไปในร่างของเขา

จางหมิงเฮ่อสั่นไปทั้งตัว  หน้าเขามีท่าทีเจ็บปวดแต่เขารีบสลัดออกจากภาพลวงตาทันที

แย่แล้ว!

ข้าเชื่อฟังตามมันหรือนี่...

ความเย็นยะเยือกผุดขึ้นในใจเขา  ถ้าไม่ใช่เพราะสมบัติของเขาคอยปกป้องไว้ เขาคงตายไปแล้วเขากำเครื่องประดับรูปลูกสุนัขไว้แน่น ดูเหมือนรูปลูกสุนัขจะมีภูมิหลังที่หลากหลาย มันคือสุนัขคำนึงสมบัติชั้นทองของกลุ่มดาวสุนัขเล็ก   ในฐานะกลุ่มดาวตำหนักระนาบกลาง สมบัติชั้นทองของกลุ่มดาวสุนัขเล็กจะเป็นของธรรมดาได้อย่างไร?  ความจริงมีจิตวิญญาณยุทธโบราณผนึกอยู่ในนั้นมีพลังดวงดาวหล่อเลี้ยงทุกวัน มันจึงแข็งแกร่งกว่าในอดีตมาก  จางหมิงเฮ่อเลี้ยงดูด้วยเลือดและพลังงานของเขาดังนั้นมันจึงเชื่อมกับหัวใจของเขา

สมาพันธ์ชาวยุทธได้ค้นคว้าวิจัยสมบัติดวงดาวมาอย่างเข้มข้น แต่สมบัติที่ต้องอาศัยเลือดและพลังงานหล่อเลี้ยง ถือเป็นวิธีการนอกรีต  อย่างไรก็ตามวิธีที่อันตรายมากนี้กลับได้ผลดีมาก

เพลงยังคงไม่หยุดทำให้หน้าของจางหมิงเฮ่อมองดูว่างเปล่า  แต่หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็สั่นอีกครั้งและจากนั้นชั่วขณะเขาก็มึนงงอีก มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เขารู้สึกแปลก

เมื่อเหวินเจียงได้ยินเพลงเขาเป็นเหมือนแมวที่รู้สึกถึงอันตรายขนทั้งตัวลุกชัน เขาเป็นนักสู้ระดับเซียน ดังนั้นสัญชาตญาณของเขาจึงเด่นชัดกว่าจางหมิงเฮ่อมาก

เซียน!

พวกเขามีเซียนนักสู้!

ก่อนที่เขาจะทันมีเวลาตั้งตัวรอบตัวเขาเปลี่ยนไป ฉากภาพต่อหน้ากลายเป็นมีชีวิตชีวาทุกสิ่งเงียบสงบไม่มีรังสีฆ่าฟัน แต่ทำให้ขนและผิวเขามึนชา

สนามพลังวิญญาณอะไรกัน?

รอบตัวเหวินเจียงมีประกายรังสีวงกลมดำ มันคือสนามพลังวิญญาณวงล้อคู่แย้ง  ในพื้นที่นี้ เขาสามารถโจมตีได้ดั่งใจไม่มีการสะดุดติดขัดระหว่างเปลี่ยนกระบวนท่าสู้

ในบรรดานักสู้หลายคนบางทีพวกเขามีวิชาต่อสู้ที่ย้อนแย้งกันและกัน ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ แต่สนามพลังวิญญาณของเขาจะทำให้เขาใช้วิชาต่อสู้ทั้งหมดนั้นได้อย่างสมบูรณ์

วิชาเหล่านั้นเหมือนกับกงล้อที่หมุนอยู่ข้างหนุนเสริมกันจึงมีชื่อว่าวงล้อคู่ย้อนแย้ง

วงล้อคู่ย้อนแย้งมีการใช้งานง่ายๆแต่ทรงพลังมาก มันเป็นการละเมิดตรรกะพื้นฐานของวิชาต่อสู้  วิชาต่อสู้ที่ตรงกันข้ามย้อนแย้งกันจะทำให้ศัตรูพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้ระยะประชิดจะช่วยให้เปล่งประสิทธิภาพเต็มที่

วงล้อคู่ย้อนแย้งเป็นสนามพลังวิญญาณที่ใช้ในรูปแบบรุกต่อสู้และไม่มีผลทางต่อต้าน

เหวินเจียงสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเพลงกำลังกัดกร่อนสนามพลังวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่องเมื่อสูญเสียการปกป้องของสนามพลังวิญญาณ เขาอาจแค่รอให้พวกเขามาจับเขา

ตาของเหวินเจียงเปล่งประกายเยือกเย็น เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องลุยเข้าหาศัตรูของเขา  ขอเพียงเข้าประชิดเขาก็สามารถปลดปล่อยแสดงอานุภาพสนามพลังวิญญาณของเขา

เขาเผชิญหน้ากับที่ว่างข้างหน้าและเร่งความเร็วเข้าหาเหมือนสายฟ้า

ในช่วงเวลาสั้นๆเขาใช้วิทยายุทธที่ขัดแย้งกันถึงสี่วิชา สี่รูปแบบรังสีแสงมีทั้งรวมตัวและกระจายตัว

ปัง!

แรงระเบิดรุนแรงทำให้เขายืนไม่มั่นคง  แต่ภาพลวงตาข้างหน้าเขามีรูปรากฏ

รูข้างหน้าค่อยๆเล็กลงๆ เหวินเจียงไม่สนใจอะไรอื่นตรงเข้าหารูที่กำลังเล็กลงนั้น

มีดาบและกระบี่ในมือคนผู้หนึ่ง อาวุธเป็นประกายแพรวพราวและปรากฏที่รู

แม้ว่าพลังของคู่ต่อสู้ไม่สามารถเทียบกับเขาได้ แต่มีวิชาของสองคนที่ใช้ออกเต็มกำลังไม่มียั้งพลังไว้

พวกเขาต้องการบีบบังคับให้เขาถอยกลับไป

เหวินเจียงตวาดลั่นเหยียดแขนขาอยู่ในกลางอากาศ แสงรัศมีสิบหกสายกระทบมีดและกระบี่

นักสู้ทั้งสองร้องลั่นขณะที่พวกเขากระเด็นไปไกล

เหวินเจียงหน้าซีดออกมาจากช่องนั้นและเขาถอนหายใจโล่งอก

สนามพลังวิญญาณประเภทภาพลวงตาจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อสร้างให้สำเร็จ  และเขาไม่สามารถจัดการให้ทันเวลาดังกล่าว  เหวินเจียงเงยหน้ามองดู  สายตาเขามองเห็นขลุ่ยวิเศษที่ลอยตัวอยู่ในหอคอยที่สูงที่สุด

ขลุ่ยวิเศษหลับตาขณะเป่าขลุ่ยเส้นสายแสงพรั่งพรูออกมาจากตัวเขา

นักสู้สองสามคนกระโจนเข้าหาเหวินเจียงอย่างดุร้าย

หาที่ตาย! ตาของเหวินเจียงกระพริบอย่างรุนแรง

ขณะที่เขาเตรียมกำจัดกระสุนมนุษย์นี้สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด