ตอนที่แล้วตอนที่ 460 สี่สัปดาห์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 462 เคลื่อนพายุวังวนกระบี่

ตอนที่ 461 ต้องสู้


“ข้าขอร้องท่าน!  ท่านต้องฆ่านางให้ได้!”

เสียงอ่อนโยนและนุ่มนวลดังขึ้นพร้อมกับความเศร้าเสียใจของนางทำให้เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อนาง

บางทีข้าจะต้องตายในครั้งนี้  ข้าได้ยินว่าเมืองสามวิญญาณแข็งแกร่งมาก

เหวินเจียงฝืนยิ้ม  แต่ก้าวย่างของเขามั่นคง เขาไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องของนางได้เขาปกป้องนางมาทั้งชีวิต มองดูนางเติบโตกลายเป็นภรรยาคนอื่น ให้กำเนิดธิดาและในที่สุดเขาสามารถปกป้องนางจนกระทั่งนางตายจากไปจนถึงตอนนั้นเขากลายเป็นคนเฝ้าสุสานของนาง

แต่น่าเสียดาย

คดีเก่าของปีนั้นถูกพลิกอีกครั้งเด็กหญิงที่ถูกขับออกไปในปีนั้น กลายเป็นปรมาจารย์สายจักรกลผู้อาวุโสต้องการใช้ชีวิตซูซี่ชดใช้ให้เซรีน ดังนั้นเขาไม่สามารถนั่งเฉยโดยไม่ทำอะไร เขารู้ว่าเขาเองไม่มีโอกาสเข้าใกล้ผู้อาวุโส  แม้ว่าเขาจะเป็นเซียนนักสู้ไปแล้ว  แต่เรื่องของตระกูลอีวานลึกซึ้งมาก

ในบ้านหลังน้อยที่ดูทรุดโทรมเขาสามารถรู้สึกได้ถึงปราณเลือนราง

งั้นก็ต้องจัดการเซรีน

สายตาของเขาเย็นยะเยือก  สำหรับเขาคนเดียวที่ไม่อาจตายก็คือซือซือ  เขาคิดเรื่องอดีต  ผู้หญิงคนหนึ่งที่คล้ายกับซูซี่สตรีที่เขารักอย่างลึกซึ้งอุ้มทารกหญิงมาให้เขาขณะที่ใกล้ตายอยู่ที่ประตูบีบบังคับให้เขาต้องสาบานว่าจะปกป้องทารกหญิงเพื่อชีวิตนาง

แม้แต่ความโหดร้ายก็คล้ายกัน

หัวใจของเขาแข็งเหมือนหินมานาน  แต่เมื่อคิดย้อนไปกลับทำให้ใจของเขารู้สึกเจ็บปวด

ข้าไม่มีทางลืมนาง

นั่นยอดเยี่ยม

กำแพงบรอนซ์ที่สง่างามมีไฟส่องอยู่ภายในแยกออกจากภายใน เขาสามารถได้ยินเสียงตะโกนระหว่างฝึกฝนได้ชัด  สีหน้าของเขายังคงเย็นชา  ผนังบรอนซ์สูงไม่มีผลอะไรต่อเขา เขาพุ่งขึ้นไปบนกำแพงเมืองอย่างเงียบเหมือนกับเกลียวควัน

ร่างของเขายืนอยู่ในเงาอย่างเงียบงันไม่เผยปราณหรือแม้แต่การเคลื่อนไหวในอากาศ เขาเดินไปตามแนวมืดอย่างเงียบและไม่ได้ใช้ความพยายามอะไร  แต่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วมากเขาสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนในความมืด ด้วยพลังสายตาของเขามีความแหลมคมมาก

เขาไม่เห็นเซรีน

นางต้องซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปข้างใน

เขาลงมาจากกำแพงเมืองอย่างเงียบกริบ  เหมือนกับว่าเขาไม่มีน้ำหนักร่อนลงมาบนพื้นอย่างแผ่วเบา ไม่มีฝุ่นละอองฟุ้งแม้แต่น้อย

เมื่อเขาลงมาอยู่ที่พื้น  เขาพบว่าตนเองตกอยู่ในวงล้อมแล้ว

ช่างระวังตัวกันเสียจริง

เขาลอบชมเชยดูเหมือนระบบรักษาความปลอดภัยของเมืองสามวิญญาณจะเข้มงวดกว่าที่ข้าคิด แต่คนแปดคนที่ล้อมตัวเขาไม่อาจทำให้เขาแตกตื่นได้  เหตุผลที่เขาเลือกจะไถลตัวลงมาก็เพื่อประหยัดเวลา  เนื่องจากการแทรกซึมไม่ประสบความสำเร็จข้าก็แค่ตะลุยต่อไป ไม่มีอะไรแตกต่างกัน

สำหรับเขาการฆ่าคนเดียวหรือฆ่ายกเมืองไม่มีอะไรต่างกัน

นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาร่างของเขาหายไปทันที

วินาทีต่อมาเขามาปรากฏอยู่ต่อหน้าหนึ่งในนักสู้ นอกจากนักสู้ทั้งแปดแล้ว เขาแข็งแกร่งที่สุดอีกเพียงก้าวย่างเดียวเขาก็จะเข้าสู่ระดับเซียน แต่เพียงก้าวย่างเดียวในฐานะเซียนนักสู้ก็ต่างกันราวฟ้ากับดินแล้ว

นิ้วทั้งห้าของเขาเปลี่ยนสภาพเป็นกรงเล็บไม่มีความเคลื่อนไหวมาก  แต่รวดเร็วปานสายฟ้า

คู่ต่อสู้ช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด และมีแค่เพียงเวลายกพลองบรอนซ์ป้องกันไว้ข้างหน้าเขา  จากนั้นนิ้วทั้งห้ากางอยู่ในท่ากรงเล็บกลายเป็นสภาพเป็นอ่อนหยุ่นดุจสายลมชำแรกผ่านพลองและตรงเข้าอกของเขาทันที

ความเคลื่อนไหวคล่องแคล่วรัดกุมดังนั้นจึงกลายเป็นความเร็วที่เปลี่ยนแปลงได้ดังใจนึก  ไม่ว่านักสู้ระดับทองจะแข็งแกร่งมากเพียงไหนในกระบวนท่าเดียว เขาก็ตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายแรงทันที

ติง

กระบี่คู่มือกระแทกเข้ามาทันที มือกระบี่ที่อยู่ด้านข้างเขาใช้ปราณแท้คอยเกื้อหนุนส่งเสริมเขา

เหวินเจียงประหลาดใจความเร็วของกระบี่นับว่าดีทีเดียว แต่น่าเสียดายพลังยังอ่อนแอเกินไป

เขาเหยียดนิ้วสะบัดรับปลายกระบี่ด้วยนิ้วของเขา

ปง!

พลังมากกว่าหมื่นชั่งถูกปลดปล่อยออกมาทันทีกระบี่ร่วงทันที มือกระบี่ถูกกระแทกได้รับบาดเจ็บหนักและกระเด็นทันที

แต่ด้วยช่วงที่เสียเวลานี้เองนักสู้คนอื่นก็ฉวยโอกาสลงมือเคลื่อนไหว

เหวินเจียงไม่ตื่นเต้น  ฝ่ามือของเขาทั้งรุกและรับในรูปแบบรัดกุม  แต่พลังของเขาน่าทึ่ง  หลังจากผ่านไปห้าหรือหกท่าเหวินเจียงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

กระประสานงานของพวกเขามีแผนรัดกุมชัดเจนและมีมาตรฐานบางอย่าง...

ในช่วงสองสามท่าแรกเหวินเจียงรู้สึกเหมือนกับว่าเขาตกลงไปในใยแมงมุมเหมือนกับว่าเขายิ่งดิ้นรนมากขึ้น ก็ไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาของเขาได้อีกต่อไปเหมือนกับว่ามีเครื่องพันธนาการที่มองไม่เห็นอยู่รอบตัวของเขา

เขาไม่รู้ว่าในบริเวณใกล้เคียงยังมีสายตาอีกคู่หนึ่งกำลังดูการต่อสู้  ถังโฉ่วอยู่ในนั้นกำลังเพ่งสมาธิเต็มที่  นักสู้ระดับเซียนได้รับการยกย่องว่าเป็นกองทัพที่ทรงพลัง และสามารถส่งผลมีอิทธิพลต่อสงครามได้ง่ายและเขาจะต้องต่อต้านนักสู้ระดับเซียนให้ได้

ถังโฉ่วมีกระดาษอยู่ข้างหน้าเขาแผ่นหนึ่ง  บนนั้นเขียนหัวข้อเอาไว้

“กลยุทธที่จำเป็นเพื่อหยุดยั้งเซียนนักสู้”

เป็นกรณีศึกษาที่ดี...

ไข่หมี

ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในภายนอก

เมื่อคนหมื่นคนหยุดฝึกฝนกะทันหัน  ก็ต้องมีความหมายอย่างเดียวคือมีเรื่องเกิดขึ้น ถังเทียนกระวนกระวายทันที แต่วังวนกระบี่ดูเหมือนจะยังไม่หยุด

โธ่เว้ย!

แม้จะเจ็บปวดจากการขัดเกลาจิตวิญญาณยุทธแต่ก็ไม่สามารถเก็บรั้งความกังวลไว้ได้ เขาเกลียดที่เขาไม่สามารถหยุดและออกไปสู้ร่วมกับทุกคนทันที

ทุกคนออกไปรบแล้วข้าจะยืนอยู่ที่นี่มองดูเฉยๆ ได้อย่างไร?

เป็นเวลาสี่สัปดาห์แล้วนักสู้หมาป่ายังไม่เคยกลับมาเลย และถังเทียนรู้ว่าสถานการณ์ย่ำแย่  ตรงกันข้าม ใจที่กระสับกระส่ายของเขาสงบลงม่านตาของเขาที่มีรังสีกระบี่อยู่ภายในเป็นประกายแวววาวด้วยความมุ่งมั่น

จิตวิญญาณยุทธกำลังถูกขัดเกลาเหมือนกับสัมผัสรังสีกระบี่ด้วยมือเปล่า เหมือนกับว่ามือของเขากำลังจับอยู่บนคมกระบี่มันเจ็บปวดลึกจนทำให้เขาแทบสลบ ความปวดร้าวไม่ทราบว่ารุมล้อมมาจากที่ใดแต่มันหลั่งไหลมาจากวิญญาณของเขาตรงเข้าใส่จิตวิญญาณยุทธของเขา

เขาหยุดคิดสองสามวินาที  ก่อนที่จะค่อยๆ ใช้มัน  เขาได้แต่ปรับตัวให้เข้ากับความเจ็บปวดจากจิตวิญญาณยุทธของเขาและไม่สามารถหันเหความสนใจไปที่อื่นได้

ทุกๆรายละเอียดความเจ็บปวดนั้น แหลมคมและชัดเจน

นี่คือความเจ็บปวดจริงๆ...ถ้าเพียงแต่คนอื่นมาลองดูบ้าง...

“อ๊าาาาา...”

ถังเทียนเลือดขึ้นกรีดเสียงร้องสุดเสียง

จิ่งหาวที่นั่งคุ้มกันอยู่ใกล้ๆถังเทียนลืมตาเขาทันที เขาได้ยินเสียงร้องของถังเทียนแตกต่างออกไปจากปกติ  เกิดอะไรขึ้น?

ในเวลาอันรวดเร็ว  เขาสังเกตเห็นความปั่นป่วนในวังวนกระบี่...มันเพิ่มความเร็วขึ้น

ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็เข้าใจในที่สุด  ถังเทียนคลั่ง!

“อ๊า.......”

เสียงร้องโหยหวนที่อธิบายไม่ได้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด  แต่ก็มีแรงปรารถนาที่มิอาจอธิบายได้

จิ่งหาวตะลึง

ถังเทียน....

ความเร็วของวังวนกระบี่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป  จำนวนปริมาณรังสีกระบี่ที่น่าทึ่งยังคงหมุนอยู่รอบตัวถังเทียน รังสีกระบี่ทุกชิ้นพอกวาดผ่านจิตวิญญาณยุทธทำให้เขาสะดุ้ง

เผียะประกายแวววาวในดวงตาสว่างวาบทันที จิตวิญญาณยุทธของถังเทียนสั่นสะท้านหนักขึ้นทำให้ความเจ็บปวดหนักขึ้นและทำให้ถังเทียนความคิดว่างเปล่า

รอยประกายยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป

ขณะที่วังวนกระบี่ยังคงเพิ่มความเร็วต่อไป ประกายไฟก็ยังคงระเบิดออกมาจากจิตวิญญาณยุทธของเขา  ร่างของเขางอลงและสั่นรุนแรงเป็นเจ้าเข้า

มีเพียงม่านตาของเขาที่ยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและระห่ำ

ข้ารู้ว่าตอนนี้ข้าควรรอให้การขัดเกลาสำเร็จ ข้ารู้ว่าตอนนี้ข้าปลอดภัยมาก แต่เพราะเหตุนี้ นั่นจะกลายเป็นเรื่องที่มีเหตุผลยิ่งกว่า

แต่....

การฝึกอยู่ที่นี่อย่างสงบและมองดูพวกเจ้าทุกคนสู้  ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้!

ในช่วงเวลาที่อันตราย  การมองดูพวกเจ้าทุกคนขัดขวางและป้องกันให้ข้า  ข้าทำแบบนั้นไม่ได้!

ข้ามันคนงี่เง่ามากอยู่แล้ว

เนื่องจาก..เนื่องจากข้ามันระห่ำ พวกเจ้าทุกคนอยากหัวเราะเยาะข้าก็เชิญเลย!

“อ๊าาาาาา...”

ความคลั่งและความบุ่มบ่ามเสียงกรีดร้องมุ่งมั่นมันช่างกระชากใจและเสียดแก้วหูนัก

กระดูกหมีเดียวดายที่ลอยอยู่เหนือหัวถังเทียนและพลังดวงดาวหนาแน่นขึ้นกะทันหันทันที เหล่านักสู้ผู้กำลังสังเกตการณ์จากท้องฟ้าในสวรรค์วิถีประหลาดใจพบว่าเจ็ดดาวเหนือตรงส่วนที่เป็นรูปด้ามกระบวยมีการขยับอย่างเงียบๆ

พลังดวงดาวเพิ่มขึ้นพรวดพราด

วังวนกระบี่ระเบิดออก

จิ่งหาวถอยออกมาอย่างร้อนรนวังวนกระบี่ขยายออกมาเหมือนกับกลุ่มพายุหมุนรุนแรงทำลายทุกอย่างรอบตัว  เชือกที่ขึงอยู่ในไข่หมีขาดสะบั้นทันทีเศษเชือกปลิวว่อนอยู่ในอากาศและถูกบดทำลายทันที

แท่นเวทีถูกกระแทกพัง

ภายในไข่หมีอภิมหาวังวนกระบี่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

จิ่งหาวถอยห่างออกไปเกินกว่าสามสิบเมตรพายุวังวนกระบี่ยังคงขยายออกมาในระดับที่น่าตกใจความหนาแน่นของพลังกลุ่มดาวยังคงไหลเวียนเข้ามา ความเข้มข้นของพลังดวงดาวของกลุ่มดาวหมีใหญ่ดิ่งฮวบอย่างรวดเร็ว

จิ่งหาวถอยอีกครั้ง!

ปัง!

พายุวังวนกระบี่ทำลายไข่หมีหมดสิ้น  ทุกอย่างที่อยู่ภายในพายุถูกบดทำลายเรียบ

เมื่อเห็นประจักษ์ฉากภาพมหึมาข้างหน้า  ไม่ว่าจิ่งหาวจะแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ยังอดสูดหายใจหนาวเหน็บมิได้

พลเมืองเมืองพญาหมีใหม่รู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดพากันเดินออกมาทุกคน

หลงโส่วจิงขากรรไกรอ้าค้างเมื่อเห็นวังวนกระบี่ขยายออกมาจากระยะไกล  ด้านข้างเขานักสู้ทุกคนกำลังสั่นสะท้านสีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพเทิดทูน

ห่างจากไข่หมีไปราวๆห้าสิบลี้  บนเนินเขาเล็กเซียนนักสู้สามคนมองดูพายุวังวนกระบี่ขนาดมหึมา หน้าของพวกเขาซีดเผือด

“เจ้านั่น...เป็นคนหรือเปล่า?”  เซียนหมัดโต้วหย่งตะลึง สีหน้าขาวซีด

ไป๋ซือซือหน้าไม่มีสีเลือดเลยนางหันไปถามเหออี้หมิง “พี่เหอ, วิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณสามารถทำให้มีอานุภาพมากขนาดนั้นเชียวหรือ?”

เหออี้หมิงมีท่าทางหวาดกลัวเขารู้สึกได้แต่เพียงว่าปากและคอของเขาแห้งผาก “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน... นี่มันเกินคาด.. เกินกว่าจะคิดออกมันเป็นไปได้ยังไง? คนที่อยู่ข้างใน เขาไม่กลายเป็นเนื้อปั่นได้ยังไง?”

ปริมาตรของไข่หมีว่าน่าอัศจรรย์แล้วแต่ปริมาณของพายุวังวนกระบี่กลับทำลายไข่หมีจนพินาศสิ้น

ปิงเพิ่งนำยาพิษชุดใหม่มาจากเมืองสามวิญญาณตกตะลึงอยู่กับที่กับฉากภาพที่เห็นประจักษ์

ถังเทียนถูกกีดกันจากด้านนอกอย่างสมบูรณ์พายุวังวนกระบี่หนาแน่นทำให้เขาไม่สามารถเห็นหรือได้ยินอะไร  มีแต่เพียงแสงรัศมีที่ฉายออกมาจากกระดูกหมีเดียวดายด้านบนหัวของเขาซึ่งเป็นเหมือนแสงอาทิตย์ฉายลงมายังตัวของเขาทำให้เขารู้สึกอบอุ่น

จิตวิญญาณยุทธของเขามีประกายปกคลุม

สติของเขาเลือนรางแม้จะถูกความเจ็บปวดรุมกระหน่ำ ร่างของเขากระตุก แต่หน้าของเขาไม่มีร่องรอยว่าเจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อนตาที่ยังหลับของเขายังดูราบเรียบเช่นกัน

เขารู้สึกเหมือนกับว่าดิ้นรนอยู่ในทะเล  เหมือนกับช่วงที่จมอยู่ในน้ำช่วงถัดมาก็ผุดขึ้นสูดอากาศ จากนั้นก็สำลักน้ำทำให้เขามึนงงอยู่ในหัว

ภายในความยุ่งเหยิงยังมีเสียงเลือนรางเสียงหนึ่ง

“....สู้...”

สู้...

เปลือกตาถังเทียนกระตุก ในช่วงขณะต่อมาเขาก็ลืมตาที่ขาวโพลนอย่างสิ้นเชิง

สู้....สู้....

ร่างของเขาสั่นรุนแรงอย่างต่อเนื่อง  ในทันใดเหมือนกับช่วงเวลาที่สัตว์ร้ายได้กลิ่นเหยื่อ  เขาเงยหน้าและตีลังกากลับหลัง

สายตาที่ไร้ชีวิตของเขาหันหน้าไปยังด้านหนึ่ง เป็นด้านที่สามเซียนนักสู้ซ่อนตัวอยู่ที่เนินเขาเล็ก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด