ตอนที่แล้วตอนที่ 14-18 ทะเลสาบจันทรา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14-20  กองหน้ากล้าตาย

ตอนที่ 14-19 หมอกชมพู


ลินลี่ย์ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับแคลมป์ตัน แต่ไม่ว่ายังไงทั้งสามคนก็ต้องออกจากอสูรโลหะ  นี่เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้  แทบจะทันทีที่กลุ่มของลินลี่ย์เดินผ่านออกมา  แคลมป์ตันก็เห็นพวกเขาโดยบังเอิญ

ลินลี่ย์มองแคลมป์ตันด้วยหางตาอย่างระมัดระวังเช่นกัน

ขณะนี้เองลินลี่ย์อยู่ที่ทางออก ขณะที่แคลมป์ตันยืนอยู่ในท่ามกลางต้นหญ้าสูง  แต่ตอนนั้นเอง...

ทั้งสองคนสบสายตากัน!

“แย่แล้ว!”  ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

หน้าของลินลี่ย์ตอนนี้บิดเบี้ยว  แต่หน้าของแคลมป์ตันมีรอยยิ้ม

“ตอนนี้ข้าไม่ต้องการพัวพันกับเจ้าหัวล้านนั่น  ถ้าเขายังต้องการจะหาเรื่องทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็คือทุ่มกำลังสู้” ลินลี่ย์ไม่มีทางเลือกอื่นในตอนนี้ ทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้คือเข้าไปในกลุ่มกับผู้เข้าสอบเป็นอสูรที่เหลือ  ทุกคนบินลงมาจากอสูรโลหะรวมกลุ่มอยู่ที่พื้นซึ่งมีต้นไม้งอกงาม

“เฮ้..พวก..ดูสิ”  แคลมป์ตันสะกิดใครบางคนที่อยู่ใกล้  จากนั้นส่งสายตาไปทางข้างหน้า “นั่นคือเจ้าเด็กแสบที่หักหน้าข้าที่เมืองรอยัลวิง”

“เฮ้, เป็นสามคนนั่นจริงๆ ด้วย”  อสูรที่อยู่ข้างแคลมป์ตันยังคงมองมาทางลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ  หนึ่งในนั้นเริ่มหัวเราะ  “แคลมป์ตัน, เจ้าโชคดีจริง,ดูเหมือนว่าเจ้ามีโอกาสแก้แค้นแล้ว”

แคลมป์ตันหัวเราะน่ากลัว

“แต่เดิมข้าคิดว่าคงไม่มีโอกาส แต่ใครจะคาดคิดกันว่าเขาจะถูกส่งมาอยู่ต่อหน้าข้า?”  แคลมป์ตันไม่พลาดโอกาส

ในไม่ช้าผู้เข้าสอบเป็นอสูรทั้งหนึ่งพันก็ออกจากยานพาหนะทั้งหมด

พวกของลินลี่ย์อยู่ในกลางกลุ่มผู้เข้าสอบนี้

“ลินลี่ย์?” เรจิน่านั้นทักทายกลุ่มของลินลี่ย์ แต่พวกเขาเพียงแต่ยอมรับนางตามปกติ ไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ  เรจินาหงุดหงิด  นางอดงงไม่ได้ แต่นางจะรู้ได้ยังไงว่าทั้งสามกังวลเรื่องแคลมป์ตัน?

“พี่ใหญ่แคลมป์ตันกำลังเดินมาหา”  บีบีพูดทันที

ลินลี่ย์ก็มองดูเช่นกัน

แคลมป์ตันแค่นเสียงเย็นชาขณะเดินเข้ามา

“ถอยไป!”  ลินลี่ย์และอีกสองคนถอยหลังทันที  เมื่อเห็นเช่นนี้ แคลมป์ตันคำรามทันที  “เจ้าคิดจะหนีหรือ?”  ความเร็วของแคลมป์ตันเพิ่มขึ้นทันที เขาไม่พยายามจะปกปิดต่อไปพุ่งเข้าหากลุ่มของลินลี่ย์ด้วยใบหน้าที่ดุร้าย

“เมื่อเจ้ายังเป็นเทียมเทพ  เจ้าบังอาจสบถด่าใส่ข้า!” ความโกรธในใจของแคลมตันป์ที่ข่มเอาไว้สามสิบกว่าปีระเบิดออกมาในตอนนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าพวกเขาอยู่ในเมืองรอยัลวิง,  เขาคงลงมือไปนานแล้ว

“เดเลีย เจ้าถอยไปห่างๆ ทันทีและใช้มิติลมของเจ้าจำกัดเขาและชะลอความเร็วของเขา”  ลินลี่ย์พูดผ่านสำนึกเทพ  “บีบี, เราทั้งสองคนเตรียมตัวสู้”  สายตาของลินลี่ย์เปลี่ยนเป็นเย็นชาเนื่องจากแคลมป์ตันกำลังจะก่อเรื่อง...

อย่างนั้นก็ได้เวลาทุ่มกำลังสู้!

“ฆ่าไอ้เจ้าหัวล้านนั่น!” ตาของเขาบีบีทอประกายแวววาวเช่นกัน

“ฮึ่ม...” แคลมป์ตันคำรามอย่างเย็นชา และจากนั้นการเคลื่อนไหวของเขาชะงัก ขณะที่ในกลุ่มของลินลี่ย์ เดเลียถอยอย่างรวดเร็ว  แต่ลินลี่ย์กับบีบีไม่ถอย  กลับชะลอช้าลงรอให้แคลมป์ตันเข้ามาหา

“เจ้ากำลังทำอะไร!”  เสียงตะโกนเย็นชาสั่นสะท้านใจของแคลมป์ตัน

ขณะเดียวกันร่างหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าของแคลมป์ตัน

แม้ว่าใจของแคลมป์ตันจะคุกรุ่นไปด้วยความโกรธ  แต่เมื่อเขาเห็นคนผู้นี้  เขามีความรู้สึกกลัวทันที  เขาพูดด้วยความเคารพ  “ท่านโลซูส, ข้า...ข้า...”

“หือ?”

กลุ่มของลินลี่ย์มารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งมองดูด้วยความสับสน จู่ๆอสูรคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าของแคลปม์ตันขวางหน้าเขาไว้  อยู่ต่อหน้าอสูรผู้นี้แคลมป์ตันแสดงท่าทางกลัวมาก

“เขาเป็นใคร?” ลินลี่ย์มองดูอสูรผู้นี้ด้วยความสับสน

อสูรผู้นี้ไว้ผมสีน้ำตาลยาวสยายไม่ได้มัดไว้  แต่สายตาของเขาเยือกเย็นและดุร้าย

“แคลมป์ตัน, เจ้าต้องการฆ่าทั้งสามคนนี่หรือ?” โลซูสมองแคลมป์ตันอย่างเย็นชา

“ข้า...” แคลมป์ตันต้องการพูด แต่เขาไม่รู้ว่าควรอธิบายยังไง

โลซูสอสูรห้าด้าว

ในเส้นทางสู่ทะเลสาบจันทรานี้ผู้นำอสูรในปฏิบัติการนี้ก็คือโลซูสผู้นี้และคู่หูของเขาอีกสองคน เป็นอสูรห้าดาวทั้งคู่  ทั้งหมดมีสามคน!  นี่คือกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในกลุ่มอสูร

“ฮึ่ม, ข้าไม่สนใจว่าเจ้าคิดจะทำอะไร” โลซูสพูดเย็นชา “อย่างไรก็ตามการสู้รบจะเริ่มขึ้นอยู่แล้ว ถ้าเพราะแค่เจ้าฆ่าเทพแท้สามคน เจ้าจะสร้างระลอกพลังที่ดึงดูดความสนใจของเจ้าปราสาททะเลสาบจันทราจนทำให้เขาหนีไปโดยไม่ได้สู้ ภารกิจของเราก็จะล้มเหลว ถ้าเกิดเรื่องนั้นขึ้นอย่าตำหนิข้าว่าไร้เมตตาก็แล้วกัน!”

“ได้ ได้, ข้าเข้าใจ!”  หัวใจของแคลมป์ตันสะท้าน

ในใจของเขาเขาคิดอย่างเสียใจ “ข้าหลงลืมไปได้อย่างไรกัน!”  ระลอกพลังงานที่เกิดจากการสู้รบของพวกเทพเป็นที่ประจักษ์อย่างยิ่ง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ถ้าเทพชั้นสูงต้องสู้กับเทพแท้สามคน...การสู้รบอย่างนั้นจะสร้างระลอกพลังอย่างแน่นอน และทะเลสาบจันทราก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่กี่กิโลเมตร

เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น  จ้าวปราสาททะเลสาบจันทราก็จะสังเกตออก

ถ้าเจ้าปราสาทหนีไปอย่างนั้นภารกิจของโลซูสและอสูรอื่นถือว่าล้มเหลว

“ฮึ่ม.” โลซูสถลึงตามองและเดินจากไป

แคลมป์ตันถลึงตามองกลุ่มของลินลี่ย์อย่างหนักเช่นกัน  เขารำพึงกับตัวเอง  “ก็ได้, ถือว่าเจ้าโชคดีไป  อย่างไรก็ตาม เมื่อการสู้รบเริ่มขึ้น  ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งสามคนระบายความโกรธแน่นอนตอนนี้ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตยืนยาวอีกสักเล็กน้อย!”

หลังจากถูกโลซูสตำหนิ ความโกรธที่แคลมป์ตันมีย่อมไประบายลงกับกลุ่มของลินลี่ย์เป็นธรรมดา

“ทุกคน,เรารู้ว่าพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อรับการทดสอบเข้าเป็นอสูร”  เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของผู้ร่วมทดสอบทั้งพันคนรวมทั้งลินลี่ย์ด้วย  “เราต่างจากพวกเจ้า ภารกิจของเราคือฆ่าเจ้าของปราสาททะเลสาบจันทรา  ดังนั้นข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่บุ่มบ่ามใจร้อนรอให้เราฆ่าเจ้าปราสาททะเลสาบจันทราก่อน แล้วพวกเจ้าค่อยเคลื่อนไหว”

ลินลี่ย์และคนอื่นทุกคนรู้สึกตกใจ

“สำนึกเทพซึ่งครอบคลุมทุกคนไว้มิดชิด?  นี่ครอบคลุมพื้นที่อย่างน้อยหลายร้อยเมตร”

ในแดนนรกการใช้สำนึกเทพพูดเป็นเรื่องที่ยากมาก

เมื่อลินลี่ย์อยู่ในสุสานเทพเจ้าทันทีที่เขาผ่านเข้าประตูมิติและเมื่ออยู่ในสุสานเทพเจ้า  เขาตระหนักว่าพลังจิตระดับสูงสุดลดลงเหลือเพียงไม่กี่สิบเมตร ขณะที่ในทวีปยูลานกลับแผ่พลังจิตควบคุมได้ในระยะเกินพันกิโลเมตร

ในแดนนรกหนึ่งในพิภพระดับสูงข้อจำกัดยิ่งใหญ่มากกว่า

เมื่อลินลี่ย์มาถึงในแดนนรกตอนแรก  เขาเป็นเพียงเทียมเทพ  แม้ว่าวิญญาณของเขาจะค่อนข้างทรงพลัง  แต่สำนึกเทพก็ยังครอบคลุมระยะเพียงสิบเมตรเท่านั้น หลังจากดูดซับอะเมทิสต์ทั้งสิบเอ็ดชิ้นและบรรลุระดับเทพแท้สำนึกเทพของลินลี่ย์ก็ยังครอบคลุมเพียงระยะร้อยเมตร

“สำนึกเทพชั้นสูงน่าจะครอบคลุมพื้นที่พันกิโลเมตร”  นี่คือข้อสันนิษฐานของลินลี่ย์

โลซูสนั้นยังคงพูดผ่านสำนึกเทพต่อไป  “ตอนนี้,เรากำลังมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบจันทรา พวกเจ้าทุกคนจงตามเรามา”

และจากนั้น

โลซูสและอสูรสามดาวอื่นๆนำไปข้างหน้าทันที อสูรเกินยี่สิบคนบินขึ้นไปในอากาศทันทีตรงไปยังทะเลสาบจันทรา

ทันทีนั้นผู้เข้าร่วมสอบเป็นอสูรทั้งพันคนก็บินขึ้นในอากาศเช่นเดียวกันกลุ่มของลินลี่ย์รวมอยู่ในนั้นด้วย พวกเขาทุกคนบินตรงมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบ

“แคลมป์ตันลำพังยังไม่น่ากลัว  แต่ข้ากังวลเรื่องสหายของเขา”  ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง  “ที่ทะเลสาบจันทราข้าคาดว่าสหายเหล่านั้นคงไม่ช่วยเขา เมื่อการต่อสู้ดำเนินไป”

ลินลี่ย์มั่นใจเรื่องนี้แน่นอน  เนื่องจากพฤติกรรมของพวกเขาในปราสาทอสูร  และวิธีที่สหายเหล่านั้นทำยังมีขอบเขต  คงไม่มีใครสนิทกับแคลมป์ตัน

ทะเลสาบจันทรามีขนาดกว้างใหญ่มากความกว้างเกือบสิบกิโลเมตร มีสายลมพัดเอื่อยทำให้เกิดระลอกบนผิวทะเลสาบ ในใจกลางทะเลสาบมีปราสาทโบราณอยู่หลังหนึ่ง  ปราสาทหลังนี้มีขนาดกว้างหลายกิโลเมตรเช่นกัน  นับได้ว่าเป็นปราสาทขนาดใหญ่

อสูรเกินกว่ายี่สิบคนและผู้เข้าร่วมสอบคัดเลือกอยู่กลางทะเลสาบ

โลซูสและสหายของเขาสองคนคนหนึ่งมีผมสีม่วงสวมชุดดำ อีกคนหนึ่งมีผมสีฟ้าร่างกายกำยำ พวกเขาบินขึ้นไปในอากาศตรงเข้าไปยังปราสาทด้วยความเร็วสูง  และตามหลังพวกเขาเป็นพวกอสูร

“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์และพวกที่เหลืออีกพันหนึ่งไม่ลังเล  บินขึ้นไปในอากาศทันที

“ควั่บ!”

ร่างทั้งสามไปปรากฏอยู่เหนือปราสาททะเลสาบจันทรา  เป็นโลซูสและสหายทั้งสองคน

“พวกเขามีชีวิตอยู่จนได้เป็นอสูรห้าดาว  พวกเขาไวมาก” แคลมป์ตันและอสูรคนอื่นถอนหายใจทึ่งอยู่ในใจ

โลซูสลอยตัวนิ่งอยู่กลางอากาศจ้องมองไปที่ปราสาท “ข้าไม่ต้องการสู้ภายในปราสาท น้องสาม ผ่าปราสาทออกครึ่งหนึ่ง”

“ได้เลยพี่ใหญ่”  บุรุษร่างกำยำผมฟ้าพลิกมือปรากฏดาบสีดำอยู่ในมือ ดาบโค้งยาวเป็นแผ่นหนาอย่างน้อยหนึ่งฟุต  เปล่งรัศมีสีแดงอำมหิต  เห็นได้ชัดว่าดื่มเลือดยอดฝีมือมาค่อนข้างน้อย

ขณะกวัดแกว่งดาบดำนี้บุรุษหนุ่มร่างกำยำเคลื่อนไหวทันทีและเขาตวัดอาวุธของตัวเอง

“บึ้ม!”

เงาดาบสีดำมหึมาตัดผ่าใส่ปราสาท  ที่ใดก็ตามที่เงาดาบผ่านไป พื้นที่จะแยกออกเป็นสองส่วนสร้างระลอกคลื่นเหมือนกับแผ่นดินไหวพร้อมกับเกิดที่ว่างอากาศใต้เงากระบี่ น้ำในทะเลสาบแยกออกจากกันซึ่งเป็นผลมาจากระลอกพลัง  จากนั้นพื้นน้ำแยกออกและหายไปโดยสิ้นเชิง

และจากนั้นน้ำจากทั่วทุกที่ในทะเลสาบจันทราไหลทะลักไปท่วมเติมเต็มช่องว่าง

“บึ้ม!”

เงาดาบขนาดใหญ่ตัดผ่านปราสาท  กำแพงปราสาทเริ่มเปล่งแสงเป็นอักษรรูนสีดำที่ซับซ้อนปล่อยพลังเทพมหาศาลออกมา  อักษรรูนวิเศษเปล่งประกายต่อเนื่อง ทำให้พลังโจมตีอ่อนลง  แม้ว่าจะทรงพลังแต่ปราสาทก็ทนรับไว้ได้

หน้าของโลซูสและอีกสองคนเปลี่ยนไป

“ใครคือเจ้าของปราสาทนี้กันแน่?   ตัวของเขาเองได้เขียนวงเวทป้องกันไว้  หรือว่าเขาขอให้ใครบางคนมาช่วยทำให้?”  โลซูสมีสีหน้ากังวล  พลังโจมตีธาตุหยาบของน้องสามของเขาแข็งแกร่งที่สุดในสามคน

โลซูสรู้ว่าแรงฟันของดาบนั้นทรงพลังแค่ไหน  สามารถป้องกันดาบนั้นได้...วงเวทบนปราสาทเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญในการจัดสร้าง

ถ้าเขาสามารถเชิญยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามาจัดสร้างได้ แสดงว่าเจ้าของปราสาทนี้ต้องร่ำรวยมั่งคั่งอย่างมิต้องสงสัย

ถ้าเขาติดตั้งด้วยตนเอง อย่างนั้นภายในปราสาทนี้ก็คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน  จะต้องมีอันตรายแฝงอยู่ภายในนับไม่ถ้วน

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นงานระดับหกดาว!” โลซูสขมวดคิ้ว

อสูรที่อยู่ด้านหลังและเทพอีกนับพัน จ้องมองอย่างสับสน

“ปราสาทแห่งนี้ดูเหมือนไม่ธรรมดา”  บีบีพูดพลางเม้มปาก “มันคล้ายกับวงเวทที่ใช้ปกป้องวิหารเจิดจรัสที่เราเคยพบมาก่อน”

“ทั้งสองนั้นเป็นวงเวทเหมือนกัน  แต่วงเวทนี้มีพลังมากกว่าเป็นล้านเท่า” ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกว่าภารกิจนี้คงไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง “ดูเหมือนว่าเป็นความจริงที่มีคนจำนวนน้อยจากพันคนจะมีชีวิตรอดไปได้”

ขณะนั้นเองหมอกชมพูจู่ๆก็เริ่มปล่อยออกมาจากในปราสาท หมอกชมพูนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็วมาก คลุมไปทั่วผิวน้ำของทะเลสาบจันทรารวมทั้งอสูรทุกคนและผู้เข้าร่วมสอบเป็นอสูร

“หือ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว หมอกชมพูนี้หนาแน่นมาก ลินลี่ย์มองเห็นในระยะไม่กี่สิบเมตรรอบตัวเขา

“ซวบ!”  เสียงอาวุธแทงใส่ร่างของใครคนหนึ่ง

“บัดซบ ตายซะเถอะ!”

จากในระยะไกลระลอกพลังงานจากการต่อสู้จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น ทำให้กลุ่มของลินลี่ย์ตกใจ

ลินลี่ย์ต้องการใช้สำนึกเทพตรวจดู  ที่สำคัญสำนึกเทพของลินลี่ย์สามารถแผ่ขยายออกไปได้เกือบร้อยเมตร แต่ขณะที่ลินลี่ย์แผ่สำนึกเทพออกไปได้เล็กน้อย...

เขารู้สึกได้ทันทีได้ว่ารังสีอำมหิตในร่างของเขาเพิ่มขึ้นมาก  และวิญญาณของเขาได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เพียงแต่แสงสีฟ้าภายในทะเลจิตสำนึกของเขาเปล่งแสงขึ้น

“แย่แล้ว” ลินลี่ย์ทำใจให้ว่างเปล่าทันที

“ทุกคน!  อย่าใช้สำนึกเทพ และอย่าสูดเอาหมอกเข้าไปในร่างกาย”  เสียงของโลซูสดังขึ้น “หมอกชมพูนี้เป็นพิษที่ยอดฝีมือเทพระดับสูงผู้ฝึกมาทางวิถีมรณะสร้างขึ้น  มันถูกออกแบบมาเพื่อให้ดึงความรู้สึกอำมหิตในใจของทุกคนออกมา  ไม่ว่าพลังจิตวิญญาณของพวกเจ้าจะเป็นยังไงอย่าได้สัมผัสกับหมอกชมพู

สำนึกเทพคืออะไร?

สำนึกเทพไม่มีอะไรมากไปกว่าพลังจิตซึ่งแผ่ออกมารอบตัว เมื่อพลังจิตของยอดฝีมือแผ่ออกมาสัมผัสกับหมอกชมพู ก็จะได้รับผลทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด