ตอนที่แล้วตอนที่ 453 ถังอี้ผู้น่ากลัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 455 ธุรกิจครั้งใหญ่

ตอนที่ 454 อาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ


ไข่หมี

จิ่งหาวดูเหมือนกับว่าเขาถูกฉุดขึ้นมาจากน้ำ  ใบหน้าของเขามีแววอ่อนล้า  แต่ดวงตายังคงสดใสดุจดวงดาว

การหอบหายใจจากคนห้าหมื่นคนพร้อมกันทำให้เกิดเสียงดังครืนเหมือนฟ้าคำรามทุกคนเหงื่อท่วมตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า วิธีการฝึกฝนแบบใหม่จำเป็นต้องให้ทุกคนรักษาระดับสมาธิที่สูงส่งไว้ในช่วงเวลาสั้นๆให้ได้

อาซิ่วอยู่ใกล้ๆ จิ่งหาว หน้าของเขาซีดเผือดมีไอน้ำระเหยออกมาจากทั่วตัวของเขา เขาต้องคอยสนับสนุนจิ่งหาวเหมือนเป็นผู้ช่วยแรงกดดันทั้งหมดจิ่งหาวรับเอาไว้ แต่แม้ว่าสิบเปอร์เซ็นต์ของคนห้าหมื่นสองพันคนสำหรับเขาแล้วเป็นแบบทดสอบที่หนักหนามาก

มันทรมานทุกครั้ง แต่อาซิ่วกัดฟันอดทน เขารู้ว่ามันคือบททดสอบกำลังใจและถ้าเขาสามารถทนผ่านไปได้  พลังของเขาก็จะทะยานเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน  อาจารย์ให้ตำแหน่งสำคัญกับเขาเชื่อใจเขาและฝึกฝนเขา

อาซิ่วมองดูจิ่งหาวใจของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม แรงกดดันที่จิ่งหาวแบกรับไว้ยังมากกว่าเขาหลายเท่า  ทุกครั้งที่การฝึกจบลง  จิ่งหาวจะดูเหมือนกับปลาที่ถูกดึงขึ้นจากน้ำ  แต่ว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนจบสีหน้าของเขาไม่ค่อยเปลี่ยนไปมาก

เป็นคนที่อดทนดีเหลือเกิน!

การกระทำของจิ่งหาวส่งผลต่ออาซิ่วอย่างมากดังนั้นเขาต้องทนให้ได้

นักสู้ทุกคนที่อยู่บนเชือกลุกขึ้นกันหมดและทยอยกันออกไปอย่างเป็นระเบียบ จิ่งหาวหลับตาพักเพื่อฟื้นฟูกำลังกายและรอการฝึกรอบต่อไปนี่พิสูจน์ได้แล้วว่าวิธีฝึกของอาเดรียนเต็มไปด้วยประสิทธิภาพมาก เขาสามารถรู้สึกถึงปราณแท้ของเขาได้อย่างชัดเจนและควบคุมได้ดียิ่งขึ้น

“การผสานกันได้อยู่ที่72%”  อาเดรียนกล่าวอย่างใจเย็น  “ประสิทธิภาพการฝึกเพิ่มขึ้น 8% นั่นอยู่ในระดับที่ดีมาก”

ผลของการฝึกเพิ่มขึ้น 8% จิ่งหาวผงกศีรษะ อัตราการเพิ่มขนาดนั้นถือว่าทรงประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

สมกับที่เป็นอธิการบดีพรานนักล่าแห่งสถาบันอันดับหนึ่งแห่งกลุ่มดาวนายพรานจริงๆมาตรฐานการอบรมขัดเกลานักสู้ของเขามีคุณภาพสุดยอดอย่างแท้จริง

“ถ้าเราสามารถเพิ่มการผสานกันได้ถึง90% หรือสูงกว่านั้น ประสิทธิภาพการฝึกจะเพิ่มขึ้นถึง 15%”  เสียงสงบของอาเดรียนเต็มไปด้วยความคาดหมายเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกเป็นปัญหาที่เจอกันทั้งโลก และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง15% นั่นเป็นความสำเร็จอย่างงดงาม มีแต่เพียงองค์กรใหญ่อย่างสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา,สมาพันธ์ชาวยุทธหรือองค์การวิญญาณมืดก็มีวิธีสำเร็จที่ดีกว่า

แต่น่าเสียดายอัตราการเติบโตไม่สามารถใช้ได้ทั่วโลก หากไม่มีวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณของถังเทียนพวกเขาจะไม่สามารถสร้างเขตพลังดวงดาวที่หนาแน่นได้และหากไม่มีจิ่งหาวและความอดทนของเขา ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้

แม้แต่นักสู้ผู้เข้าร่วมฝึกฝนก็เพียงแค่ค้นพบแต่ไม่ต้องการต่อเนื่อง

แม้ว่าวิธีการของเขาจะดี แต่ข้อกำหนดก็สูงมากและทุกช่วงของการฝึกต้องให้พวกเขาใช้พลังและความแข็งแรงกันทุกคน จึงจะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการฝึกฝนระดับสูงได้  นักสู้ชาวหมาป่าไม่บ่นและฝึกกันอย่างเงียบทุกคน

ตอนเริ่มแรกนักสู้ชาวอันโดรเมดาและนักสู้ชาวดาวมังกรพากันบ่นไม่พอใจตรงกันข้ามกับนักสู้ชาวหมาป่า  อาเดรียนจัดการย้ายนักสู้ที่แสดงความอึดอัดคับข้องใจไปด้านหลังทันทีและนั่นเป็นการปิดโอกาสของนักสู้สองกลุ่มดาวทันที และหลังจากนั้นนักสู้ชาวหมาป่าแสดงพลังใจที่น่าประหลาดและสอดคล้องกัน ทำให้นักสู้จากกลุ่มดาวอื่นกดดันมากขึ้นบวกกับถูกตระกูลที่สนับสนุนตักเตือนอย่างหนัก ทัศนคติว่าการฝึกในไข่หมีเป็นเรื่องดีสิ่งที่อาเดรียนทำนั้นไม่เคยเห็นประจักษ์มาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นถังเทียนหรือจิ่งหาวนักสู้ทุกคนล้วนน่าสรรเสริญ ขอเพียงพวกเขาทุกคนรวมตัวกันและฝึกฝนตามก็สามารถได้ผลสำเร็จเช่นนั้นได้

ในเวลาอันรวดเร็วนักสู้กลุ่มใหม่ก็เข้ามานั่งประจำตำแหน่งอีกครั้ง

จิ่งหาวฟื้นฟูพลังเรียบร้อยมีพลังชีวิตเต็มเปี่ยมอีกครั้ง อาเดรียนมองดูอาซิ่วซึ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมอาเดรียนจดบันทึกความก้าวหน้าของอาซิ่วไว้

ถังเทียนสามารถรองรับวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณได้นานก็ยิ่งดี...

ความคิดนั่นแว่บผ่านเข้ามาในใจของอาเดรียนทำให้เขาหัวเราะหึหึทันทีถังเทียนอดทนมาถึงหกสิบวันแล้วกล่าวโดยทั่วไปวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณหายากที่จะคงอยู่เกินห้าสิบวัน ของถังเทียนอาจจะสั้นกว่าเนื่องจากความหนาแน่นของวังวนกระบี่รอบตัวเขา  พูดอีกอย่างก็คือความเข้มข้นในการขัดเกลามากเป็นประวัติการณ์และส่วนใหญ่น่าจะขัดเกลาจิตวิญญาณยุทธของเขาสำเร็จมาก่อน

ข้าสงสัยจริงๆจิตวิญญาณยุทธของถังเทียนจะเป็นยังไงหลังจากขัดเกลาสำเร็จแล้ว

จากนั้นอาเดรียนกลับมาเพ่งความสนใจต่อทิ้งความคิดฟุ้งซ่านไว้เบื้องหลังและตวาด “เริ่มได้!”

*******

ฮัวเฉินหวินยืนอยู่ที่ประตูไม่ไกลจากที่ถังอี้ยืนเฝ้า  ถังอี้ทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นฮัวเฉินหวินไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งสองยังคงเงียบ แต่ฮัวเฉินหวินรู้สึกได้ถึงแรงกดดันหนาแน่น  รังสีฆ่าฟันมีอยู่รอบตัวถังอี้ทำให้เขาสงสัยว่าถังอี้จะปลดปล่อยพลังดาบใส่เขา

ถังอี้มองดูอยู่เป็นเวลานานรู้สึกจนใจ  ผู้อาวุโสสำนักบอกไว้ก่อนแล้ว จะมีอาคันตุกะสำคัญมาเยี่ยม...

เขารู้สึกเบื่อ ทั้งยังรู้สึกอึดอัดมากกับความเงียบเขาตัดสินใจพูดเปิดหัวข้อสนทนา “แม่ทัพถังอี้ ท่านต้องยืนเฝ้าที่นี่ด้วยตนเองหรือ?”

ถังอี้ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอะไรไม่แม้กระทั่งกระพริบตา

ข้าถูกละเลยเสียแล้ว....

ฮัวเฉินหวินเงียบไปชั่วครู่จากนั้นอ้าปากเอ่ยอีก  “แม่ทัพถังอี้วันนั้นพลังของท่านน่าตกใจจริงๆ!ข้าไม่เคยคาดว่าแม่ทัพถังไม่เพียงแต่เป็นผู้บัญชาการที่โดดเด่นแล้วแต่วิชาดาบของท่านก็ทรงพลังมาก

ถังอี้ยังคงเงียบต่อไป

ข้าถูกละเลยอีกแล้ว

ฮัวเฉินหวินมองดูถังอี้เงียบๆ ก็ได้ข้าก็เบื่อเหมือนกัน

ทันใดนั้น ถังอี้ลืมตา

ในที่สุดก็มีความเคลื่อนไหวจนได้หรือ?ฮัวเฉินหวินถอนหายใจโล่งอกขณะที่เขาเชิดหัวมองถังอี้

เอ๋?

ทันใดนั้นฮัวเฉินหวินตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติมือซึ่งเดิมทีจับอยู่ที่ดาบ มือที่เดิมทีพาดอยู่บนดาบเลื่อนมาจับด้ามดาบทันที ถังอี้ซึ่งแต่เดิมเหมือนกับรูปปั้นเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายยืนรอเตรียมลงมือทันที

ขณะนั้นเองคนกลุ่มหนึ่งปรากฏเข้ามาในสายตาของเขา  ดูเหมือนพวกเขาเดินตรงมาที่ฐาน

ถังอี้มีนัยน์ตาเป็นประกายเงื้อดาบฟันขาม้าที่น่ากลัว

ฮัวเฉินหวินสะดุ้งและมีปฏิกิริยาทันทีสีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นแตกตื่น “เดี๋ยวก่อน...”

คลื่นรังสีดาบปรากฏทันที  แสงแพรวพราวครอบคลุมทั่วตัวเขาทันที  ใจของฮัวเฉินหวินว่างเปล่า  เขากุมศีรษะไม่ต้องการเชื่อสายตาตนเอง

โอว ไม่นะ!

ผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบ ฮัวเฉินหวินค่อยรู้สึกตัว  เมื่อเขารู้สึก รังสีดาบก็หายไปแล้วและร่องลึกยาวตรงจากขาถังอี้ยืดยาวออกไป...

ฮัวเฉินหวินกลั้นหายใจหันหน้าไปมอง เมื่อเขาเห็นร่องยาวขยายไปถึงเท้าบุรุษตัวใหญ่ร่างหนึ่ง เขาผ่อนคลายทันที  ในช่วงเวลานั้นเหมือนกับว่าเขาโบยบินจากนรกขึ้นสู่สวรรค์

ปัง!

รังสีดาบแพรวพราวครอบคลุมสายตาเขาอีกครั้ง  ฮัวเฉินหวินที่เพิ่งคลายใจได้ตะลึงค้างอีกครั้งเขาใช้มือทั้งสองกุมศีรษะ สีหน้าท่าทางชะงัก

เมื่อรังสีดาบหายไปอีกครั้งฮัวเฉินหวินสั่นสะท้านทันที เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปเขาวิ่งไปอยู่ข้างหน้าถังอี้แล้วตะโกน “อาคันตุกะ!  เราเป็นอาคันตุกะ!”

ดาบของถังอี้หยุดค้างกลางอากาศ

“ถังอี้,อย่าเสียมารยาท!” เสียงปิงดังมาจากด้านหลัง

ถังอี้ลดดาบลงทันทีและหลีกไปยืนด้านข้าง

“เร็วๆนี้มีเรื่องยุ่งยากมาก ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาข้ากังวลอยู่บ้าง ข้าขออภัยจริงๆที่เข้าใจผิด ข้าคือปิง ยินดีต้อนรับ!”ปิงคำนับขออภัย

บุรุษร่างใหญ่ผู้รับดาบของถังอี้ยืนหันข้างเผยให้เห็นร่างของผู้อาวุโสด้านหลังสีหน้าของเขาดูไม่ดีขณะที่เขามองดูถังอี้ ใจเขาลอบสะท้าน

รังสีดาบที่ทรงพลังเหลือเกิน...

ห่างจากระดับเซียนแค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น   จิตวิญญาณยุทธขนาดนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ...

ใบหน้าเย็นชาของผู้อาวุโสมีรอยยิ้มทันที “เป็นแม่ทัพที่กล้าหาญและมีวิชาโดดเด่นยิ่งนัก  มิน่าเล่าหนุ่มชาวฟ้าถึงได้ไร้เทียมทานและสามารถยึดกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้”

ปิงยิ้มอย่างมีมารยาท “กลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นดินชนบทและคงเป็นเรื่องตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกท่าน หมื่นหัตถกรรมแห่งดาวคันชั่งนั่นคือแดนจาริกของช่างฝีมือแห่งสวรรค์วิถีอย่างแท้จริง”

“ท่านปิงชมเชยเกินแล้ว”  ผู้อาวุโสหน้าเย็นชากล่าว “วิชาจักรกลเมืองสามวิญญาณโดดเด่นเป็นเอกในสวรรค์วิถีและวัตถุประสงค์การมาเยี่ยมชมของเราครั้งนี้เราถือทัศนคติที่รอบคอบและเราหวังว่าท่านปิงและอาจารย์เซรีนจะใจกว้างให้คำแนะนำบ้าง”

“คำพูดของผู้อาวุโสเซียวทำให้เรารุ่นผู้เยาว์รู้สึกละอายใจนักเชิญ เชิญเข้ามาเถิด” ปิงพูดทันที

ผู้อาวุโสเซียวมองดูปิงและยิ้ม  สำหรับปิงนั้นสามารถเปิดเผยสถานะของเขาได้  นั่นพิสูจน์ถึงความพร้อมของพวกเขาแต่ก็เป็นไปตามคาดของเขา

กลุ่มคนเดินสนทนาและคุยกันขณะที่พวกเขาเข้าไปในฐาน

สนามฝึกฝนในฐานทัพที่มีชีวิตชีวาดึงดูดสายตาคนกลุ่มนี้ทันที  เมื่อเห็นพวกเขาสนใจปิงรู้ว่าเขาต้องการซื้ออย่างมากจึงอธิบายและแนะนำอย่างสุดฝีมือทันที

“การฝึกนี้หมายถึงการเพิ่มขีดความเร็วของนักสู้สายจักรกล  ความคล่องตัวของอาวุธจักรกลวิญญาณต้องอาศัยฐานจากจักรกลเป็นหลักไม่ใช่วิชาตัวเบาดังนั้นเพื่อให้พวกเขาสามารถกระตุ้นพลังของอาวุธจักรกลวิญญาณได้ดี พวกเขาจำเป็นต้องเข้าอบรมการฝึกฝนแบบดั้งเดิมนี้...”

“นี่คือการฝึกความสามารถในการตอบสนอง  เป้าหมายก็คือเพิ่มความคุ้นเคยของนักสู้สายจักรกลกับอาวุธจักรกลวิญญาณ อาวุธจักรกลวิญญาณแตกต่างจากอาวุธจักรกลรุ่นเก่าอย่างสิ้นเชิง อาวุธจักรกลวิญญาณคือเรือนร่างที่สามารถเข้าใจได้เนื่องจากตัวมันมีจิตวิญญาณยุทธ และส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับนักสู้สายจักรกลก็คือพัฒนาการสื่อสารระหว่างพวกเขากับจิตวิญญาณยุทธเนื่องจากจิตวิญญาณยุทธของอาวุธจักรกลก็ต้องการเติบโตเช่นกัน...”

……

“โอว,พวกนี้คือหมูสี่ตัวของตระกูลอีวาน...”

ฝีเท้าของทุกคนสับสนทันทีและหยุดพร้อมกัน  พวกเขาหันไปมองดูคนสี่คนที่ถูกมัดอยู่กลางแสงไฟและในทันใดนั้นกลายเป็นความเงียบที่น่าอึดอัด

“พวกเขาคือคนของตระกูลอีวานจากกลุ่มดาววัวหรือ?”  ผู้อาวุโสเซียวถามหลังจากพิจารณาแล้ว

“อาใช่แล้ว” ปิงลูบคางแววตาชื่นชมและหัวเราะ “ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของตระกูลอีวานมีสถานะที่เข้มแข็ง  ข้าสงสัยจริงว่าคนเหล่านี้จะแลกเปลี่ยนเหรียญดาวได้เท่าใด”

ถือโอกาสในช่วงเวลานี้ฮัวเฉินหวินอธิบายความคับข้องใจระหว่างตระกูลอีวานและเซรีนให้พวกเขาฟัง

ผู้เฒ่าเซียวมีความรู้สึกร่วมกับทุกคน  แต่ไม่แสดงความรังเกียจ  แม้ว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นในตระกูลโง่ๆบ่อยก็ตาม แต่จับคนแขวนประจานไว้อย่างนั้นน่าละอายจริงๆ

คนทั้งสี่ถูกแขวนประจาน ล้วนหน้าแดงกันทุกคน

ผู้เฒ่าเซียวหัวเราะ  แม้ว่าตระกูลอีวานจะทรงอำนาจ  แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดทำให้เขากลัว  เขายังคงเดินชมฐานต่อไป

ปิงเดินพาคณะทัวร์ชมฐานใช้เวลาสองชั่วโมงเต็มก่อนจะสรุป  ในกระบวนการทั้งหมดนี้สายตาของผู้เฒ่าเซียวเต็มไปด้วยความสนใจ

หลังจากนำชมเสร็จ ปิงพาพวกเขาไปที่หอประชุมใหญ่เพื่อดื่มชาและพักผ่อน

ขณะที่พวกเขานั่งลงในฐานะเจ้าภาพและแขก  ทุกคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและจุดประสงค์กัน“เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้เป็นเพราะข้าต้องการความช่วยเหลือเล็กน้อยจากฝ่ายของท่าน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด