ตอนที่แล้วตอนที่ 451 การสนับสนุนของปิงและคำขอของจิ่งหาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 453 ถังอี้ผู้น่ากลัว

ตอนที่ 452 เมื่อถังอี้ออกมา


เบื้องหลังประตูบรอนซ์

ถังอี้กำลังสั่นไปทั้งตัว  สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวเหยเก หมอกดำซึมเข้าไปในร่างของเขา แม้ว่าหอวิญญาณสามารถดึงจิตวิญญาณยุทธออกมาจากการ์ดวิญญาณได้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้เขาดูดซับพลังนั้นได้  ทุกการดูดซับจิตวิญญาณยุทธเป็นเหมือนการต่อสู้ที่โหดร้ายและสิ้นหวัง

ศัตรูของเขาครั้งหนึ่งเคยมีลักษณะที่โดดเด่นเป็นอัจฉริยะรุ่งเรืองในยุคของเขา  และเป็นคนผู้หนึ่งได้สร้างชื่อในเวลานั้น

และตัวเขาไม่สำคัญอะไรเหมือนกับต้นหญ้า

ต้องถูกกำหนดมาแล้วว่าเป็นการต่อสู้ที่ไม่เป็นธรรมแม้ว่าจะเป็นแค่แก่นของจิตวิญญาณยุทธแต่ก็ยังแข็งแกร่งมากกว่าเขาถึงสองสามเท่า ระดับจิตวิญญาณยุทธของเขาอ่อนแอมาก ฐานแรกเริ่มของเขาอ่อนแอเกินไป และสำหรับเขา การต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมก็เหมือนกับเขาหลงตัวเองและขุดหลุมฝังตนเอง

เขารู้ว่าใต้เท้าปิงคัดค้านและรู้ว่าใต้เท้าปิงกังวลห่วงใย

แต่....เขาไม่ต้องการยอมแพ้...

ข้าจะทนดูได้อย่างไรขณะที่พวกท่านทิ้งข้าไว้เบื้องหลัง? ข้าจะทนดูได้อย่างไรขณะที่ข้ากลับช่วยเหลือได้น้อยลงทุกที? ข้าจะทนดูศัตรูแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไรและดาบของข้ากลับทื่อขึ้นทุกที

ชีวิตนี้ได้มาอย่างยากลำบากมากข้าจะไม่เห็นค่ามันได้อย่างไร!

ข้าได้รับมอบสุดยอดวิชาโดดเด่นมาแล้วข้าได้รับมอบความหยิ่งภูมิใจ ดาบฟันขาม้าของข้าลับไว้คมแล้ว และข้าจะท้อถอยได้ยังไง?ข้าจะหลบอยู่ได้อย่างไร? ทำไมข้าต้องกลัวการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย?

หึ

และยังคงมีกองทัพหมาป่า

ข้าบอกพวกเขาไว้ก่อนแล้วว่าข้าจะพาเขาลุยไปข้างหน้า  ข้าบอกพวกเขาว่าข้าจะพาพวกเขาไปพบกับความสำเร็จข้าได้บอกไว้ว่าข้าจะปกป้องแนวหน้าพวกเขาไว้

วิญญาณน้อยๆดวงนี้ต้องการสู้เคียงข้างพวกเจ้าทุกคน!

เสียงคำรามเบาดังออกมาจากเบื้องหลังประตูบรอนซ์

******

ค่ายบรอนซ์เมืองสามวิญญาณ

ฮัวเฉินหวินกำลังเขียนรายงาน

“....ข้าต้องยอมรับว่าวิชาด้านจักรกลของที่นี่ก้าวล้ำเราไปมาก  แม้ว่าข้าจะไม่ได้พบกับอาจารย์เซรีนแต่มาตรฐานที่แสดงออกมาโดยอาวุธจักรกลวิญญาณที่สนามฝึกฝนอยู่ในระดับน่าทึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องระมัดระวังอย่างแท้จริงก็คือพวกเขาอบรมนักสู้สายจักรกลที่มีขนาดใหญ่  วิชาจักรกลค่อยๆกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองสามวิญญาณ ที่ซึ่งนักสู้สายจักรกลทุกคนของกลุ่มดาวต่างๆในสวรรค์วิถีกำลังหลั่งไหลเข้ามา การร่วมฝึกฝนอบรมจำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียม แต่แน่นอนว่าทุนการศึกษาของผู้มีใจกว้างจะรับประกันอัจฉริยะว่าจะได้รับการฝึกฝนจนสำเร็จกลุ่มนักสู้จักรกลต่างๆ การจัดระบบและดูเหมือนพวกเขาเตรียมการเหมือนกับเป็นกองทัพการฝึกอบรมนักเรียนมีรูปแบบของกองทัพที่แข็งแกร่งและนี่ทำให้ข้าคิดถึงยุครุ่งเรืองของกองทัพกางเขนใต้”

เขาหยุดชั่วขณะจากนั้นเขียนต่อ

“ความสำเร็จของพวกเขามีการจัดการในระดับที่น่าชื่นชมมาก  เมื่ออยู่ในสนามฝึกฝน  ข้าพบกับนักสู้สายจักรกลผู้โดดเด่นเขายังอายุน้อยมาก ประมาณสิบสี่ปี และเป็นหนึ่งในผู้ได้รับทุนการศึกษาของฐาน  เขาคาดหวังอย่างเต็มที่จะได้เข้าร่วมกับกองทัพจักรกลไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น สำหรับสหายของเขาก็เหมือนกันพวกเขาปรารถนาจะได้เข้าร่วมกับกองทัพจักรกล มีเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่ง  เพราะเมื่อพวกเขาเข้าร่วมกองทัพจักรกลพวกเขาจะได้รับโอกาสให้ขับขี่อาวุธจักรกลวิญญาณรุ่นใหม่ล่าสุด  และนั่นสำหรับนักสู้สายจักรกลเป็นเรื่องที่น่าลุ่มหลงมาก  ผู้สร้างฐานบรอนซ์มีแผนการสร้างไว้สำเร็จแล้วเนื่องจากพวกเขาสร้างป้อมปราการทหารที่สมบูรณ์..”

หลังจากเสร็จสิ้นเขียนรายงาน เขารู้ว่านั่นจะเป็นระเบิดลูกใหญ่อย่างมิต้องสงสัย แต่ทุกอย่างที่เขาได้เห็นและได้ยินทำให้เขาเกิดแรงกระตุ้นจะบันทึกทุกอย่างออกมา

นอกจากที่ลับของฐานพื้นที่ส่วนใหญ่เขามีอิสระที่จะเดิน ฮัวเฉินหวินไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงพลังอวดเขา แต่เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นการพูดอย่างมั่นใจ

สำหรับตระกูลอีวานฮัวเฉินหวินทำปากเหยียดหยาม

เขาใช้ความพยายามในเรื่องเกี่ยวกับเซรีนและได้พยายามสอบถามเรื่องทั้งหมดและยิ่งเกลียดตระกูลอีวานมากขึ้นอดีตของเซรีนไม่ใช่ความลับ เพียงแต่ทางครอบครัวปฏิเสธไม่ยอมรับเมื่อมารดาของนางอยู่ด้วยและหลังจากมารดาตายเพราะความเจ็บป่วย หลังจากได้ภรรยาใหม่ที่มีชื่อเสียงในปีที่สอง  พวกเขาก็ขับเซรีนออกจากตระกูล

ใครจะรู้ว่าเซรีนจะกลายเป็นปรมาจารย์วิศวกรจักรกลใหญ่ผู้มีชื่อเสียงดังนั้นอีวานจึงมาพบนาง เป็นเวลาหลายปีแล้ววิศวจักรกลส่วนใหญ่จะมีพรสวรรค์น้อย นอกจากนี้นางยังสร้างอาวุธจักรวิญญาณได้และเป็นคนที่จะนำวงการจักรกลโบราณกลับมาฟื้นฟูอีกครา?

ในปัจจุบันนี้วงการวิชาจักรกลศักดิ์ศรีของเซรีนเทียบเท่ากับปรมาจารย์ยุคโบราณแล้ว

และตระกูลอีวานต้องการจะชุบมือเปิบอย่างนั้นหรือ?  ถ้าเป็นเขา ก็คงจับแขวนเหมือนกัน...

ฮัวเฉินหวินเต็มไปด้วยความรังเกียจครอบครัวและตระกูลอย่างตระกูลอีวานเขารู้สึกว่าความตายของมารดาเซรีนน่าสงสัย เขาตัดสินใจละเลยเรื่องตระกูลอีวาน ในขณะที่เขารู้การทำงานในฐานบรอนซ์จะส่งผลต่อการเติบโตในอนาคตโดยตรง  แม้ว่าตระกูลอีวานจะมีอำนาจแต่ปัญหาแบบนั้นพันธมิตรคงไม่ถูกทอดทิ้งแน่

นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงที่คลุมเครือไม่ชัดเจนระหว่างเมืองสามวิญญาณและถังเทียนจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ สงครามในกลุ่มดาวหมีใหญ่มีอาวุธจักรโผล่ออกมาซึ่งดูเหมือนตอนแรกจะมาจากเมืองสามวิญญาณเพราะมีแต่เมืองสามวิญญาณที่สามารถมีกำลังผลิตอาวุธจักรกลวิญญาณได้มากมาย

แม้ว่าตระกูลอีวานจะน่ากลัว  แต่ถังเทียนก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน

ถังเทียนผู้โผล่ออกมาอย่างไม่มีหัวนอนปลายเท้าปัจจุบันนี้เป็นพญาหมีผู้ทรงอิทธิพลอำนาจไปแล้ว ถังเทียนในปัจจุบันเป็นหัวข้อหลักที่กลุ่มดาวต่างๆในสวรรค์วิธียังคงศึกษาอย่างหนัก ไม่ว่าจะค้นคว้าจากมุมไหน มันจะนำเขาไปสู่ความรุนแรงอย่างแน่นอน

ในฐานะเจ้าปกครองกลุ่มดาวเขากล้าใช้วังวนกระบี่ทอนวิญญาณจริงๆคนๆ หนึ่งกล้าบำเพ็ญทุกข์กรกิริยากับตนเองจะชั่วร้ายง่ายๆ ได้ยังไง?กลุ่มดาวสองสามแห่งจากตำหนักระนาบกลางเริ่มกระสับกระส่ายกลัววิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณ จึงไม่กล้าที่จะประมาท

ยังมีกระทั่งข่าวลือว่าเขาสังหารนักสู้ระดับเซียนคนหนึ่งแต่ไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือเท็จ

แต่กลุ่มดาวหมีใหญ่ในปัจจุบันมีการผสานร่วมมือกับในสี่กลุ่มดาวเขาจึงเป็นผู้ทรงอิทธิพลอำนาจซึ่งมีศักยภาพ

เขาอดทนรอพวกเขาให้พูดคุยปรึกษาจนเสร็จสิ้น

มีร่างสองร่างปรากฏตัวที่เมืองสามวิญญาณ

“อวดดีเกินไปแล้ว!”คนที่พูดเป็นสตรีอายุราวๆ สามสิบปี นางดูเจนโลกและมีความสามารถ สายตาของนางเย็นชามาก“ตระกูลอีวานของเราต้องทนอัปยศอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

“ใครจะรู้ว่าพวกหัวโบราณกำลังคิดอะไร? เฮ้อ..ก็แค่ช่างจักรกลใหญ่คนเดียว ทำไมต้องประชุมกองกำลังใหญ่ขนาดนั้น?”  บุรุษพูดอย่างไม่จริงจัง ผมของเขาสีเงินดาบใหญ่บนหลังของเขาดูสะดุดตา

ทั้งสองคนเป็นนักสู้จากตระกูลอีวานสตรีชื่อเชอลีย์ ส่วนบุรุษชื่อแอกเกอร์และอยู่ใกล้เมืองสามวิญญาณมากที่สุด  ดังนั้นพวกเขาจึงถูกส่งมา

“เบื้องบนต้องการให้เราเจรจา เดี๋ยวก่อนเราจะเจรจาแบบนี้ได้ยังไง?  แอกเกอร์โบกมือ”พวกเขามัดคนของเราไว้จริงๆ และก็เป็นท่านเกรย์ หึหึ หน้าท่านเกรย์ซีดเลยตอนนี้เขาจะระบายความโกรธกับเราไหม?”

เชอลีย์แค่นเสียง“เจรจา? เอาง่ายๆ เราจะทำลายฐานให้ราบและชิงตัวนังตัวแสบกลับมา ท่านเกรย์ก็จะหายโกรธเอง”

“เฮ้,พวกเขามีนักสู้ระดับทองชื่อว่าชี่กวงและอีกคนหนึ่งชื่อตวนมู่แข็งแกร่งมากเช่นกัน”แอ็กเกอร์ทำท่าและพูด

“กลุ่มดาวคนแบบงูแตกคอกับนักสู้ระดับทองแล้วพวกเขาจะทำอะไรได้?” เชอลีย์พูดอย่างเหยียดหยาม

แอกเกอร์พึมพำ“นั่นสินะ แค่เพราะเรื่องนี้ เราต้องมาซะไกลโข เจ้าคนเดียวก็คลี่คลายปัญหานี้ได้ทำให้ข้าเสียเวลาไล่จีบสาวเปล่าๆ..”

“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว” เชอลีย์พูดอย่างเย็นชาก่อนที่จะหยุด

ทั้งสองคนมองดูประตูใหญ่ของฐานทัพบรอนซ์

********

หอวิญญาณค่ายหมายเลขเจ็ด

ปิงกำลังรออยู่ข้างนอกประตูรู้สึกถึงบางอย่างได้ทันทีและเขาลืมตาทันทีสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง

ประตูบรอนซ์เปิดออกและร่างของผู้กล้าออกมาปรากฏตัวอยู่หน้าพวกเขา

“พันตรีถังอี้ขอรายงานตัวรับภารกิจขอรับ!”

เสียงแหลมต่ำของเขามีพลังเป็นปกติ  เหมือนกับว่ามีพลังแปลกๆ ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง

พึ่บพั่บ

เสียงของเกราะกระทบกันให้ความรู้สึกที่จริงจัง  ร่างกายทั้งหมดของเขามีเกราะคลุมทั้งหมด  ถังอี้ควงดาบฟันขาม้าในมือเดินออกมาเหมือนขุนพลผู้เหี้ยมหาญผู้ผ่านการรบมาร้อยศึก  ชุดเกราะที่สวมเป็นขนนกทั้งตัว ความมันวาวได้ซ่อนรอยแผลจากการรบของเขาไว้

ปิงตื่นเต้นมาก

ที่สำคัญคือมีรังสีฆ่าฟันอำมหิตอยู่รอบตัวถังอี้  กลิ่นอายฆ่าฟันนี้แผ่ออกมาในรูปของหมอกดำ  ม่านตาของเขาเต็มไปด้วยพลังและภายในหมอกดำมีพลังที่ลึกล้ำ  เขาไม่มีกลิ่นอายของขุนพลวิญญาณสักนิดและไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเขาเป็นขุนพลวิญญาณจริงๆ

ดาบฟันขาม้าของถังอี้ดูราบเรียบมากขึ้น สันดาบสีดำแข็งหนาและมีแต่คมดาบที่เรืองแสงสีขาวเหมือนหิมะ

การ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นสองใบ  ถังอี้ดูดซับการ์ดขุนพลวิญญาณถึงสองใบทำให้อารมณ์ของปิงตกวูบ  เขารู้ว่ามันไม่ใช่ง่ายๆสำหรับเขานั้นสมรรถนะของถังอี้ต่ำที่สุด ทุกย่างก้าวเขาต้องทำอย่างยากลำบากมาก การปะทะกันระหว่างวิญญาณไม่ได้อยู่ในวิถีทาง ใช้พลังใจและศรัทธาล้วนๆซึ่งส่งผลให้ ถ้าอ่อนแอลงเล็กน้อยก็จะทำให้พังทลาย

แต่การดูดซับการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นต่อเนื่องกันสองใบเหลือเชื่อมากเกินไปแม้จะจบกระบวนการแล้ว ปิงก็ยังไม่อยากเชื่อ

เขามองดูถังอี้  ใจของเขาไม่อาจจะสงบลงได้

ไม่ว่าในอดีตเจ้าจะมีพลังเล็กน้อยขนาดไหนก็ตามแต่เจ้าผ่านมาได้เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลจนถึงจุดนี้ได้ จากวันนี้เป็นต้นไปเจ้าไม่ใช่ขุนพลธรรมดาอีกแล้ว

ปิงตบไหล่ของถังอี้และกล่าว“ดีมาก, ผู้พัน!”

“เอาละผู้พัน, ช่วยปกป้องฐานทัพไว้ด้วย  ใครก็ตามที่กล้ารุกรานเข้ามา  ฆ่าพวกมัน!”

“ขอรับ ใต้เท้า!”

เสียงแหลมต่ำตอบรับของเขาเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน ถังอี้สวมชุดเกราะทั้งตัวถือดาบฟันขาม้าที่มีคมดาบเรืองรองหมุนตัวเดินออกไป

ควั่บควั่บ

เกราะขนนกผ่านไปตามทางเดินผ่านเข้าห้องจิตวิญญาณยุทธและกลับเข้ามาที่ฐาน  ทุกคนที่อยู่เหนือพื้นที่ประหลาดใจและตกใจกันทุกคน  เนื่องจากพวกเขาสังเกตว่าดาบฟันขาม้าเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน

ถังอี้เชิดหน้าเดินถือดาบออกมาอย่างสง่าผ่าเผย  เขาเดินขึ้นบันไดและขึ้นไปจนถึงระดับพื้นดิน

ภายใต้แสงสว่างไสวเกราะขนนกยังคงกระทบกันเกิดเสียงวืดๆ ผ่านไปตาพื้นที่ฝึกฝนระดับต่างๆ  นักสู้จักรกลที่กำลังฝึกหยุดมองดูเขาทุกคน

“นั่นท่านถังอี้หรือเปล่า?” ใครบางคนถามสายตาของเขามองดูดาบฟันขาม้าของถังอี้

ถังอี้หยุดหยุดอยู่กับที่“ใช่แล้ว”

นักสู้จักรกลรอบๆค่อยมีสีหน้าผ่อนคลายและนักสู้ที่สงสัยถามขึ้น “ท่านถังอี้, ท่าน...”

“รับคำสั่งปกป้องฐาน”

ถังอี้ไม่หยุดเดินไปจนกระทั่งถึงหน้าประตูใหญ่

ประตูบรอนซ์สูงตระหง่านถึงหกสิบเมตรตั้งตระหง่าน ขุนพลวิญญาณในชุดเกราะผู้เหี้ยมหาญถือดาบในมือยืนคุ้มกันประตูตามลำพัง

อาวุธจักรกลวิญญาณทุกชุดที่กำลังฝึกอยู่ในสนามฝึกหยุดหมดทุกคน  ไม่มีแสงที่ประตูเมือง  แต่ร่างนั้นสูงใหญ่เป็นปกติดึงดูดสายตาของทุกคน

มีอยู่ประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของทุกคนนเวลาเดียวกัน

หนึ่งคนสามารถต้านศัตรูหนึ่งหมื่น!

“หืมม?”

เบื้องหลังหมอกดำจางๆตาของถังอี้ที่ปิดอยู่พลันลืมตาขึ้น เขาตวาดลั่นทำให้ทั่วทั้งพื้นที่ได้ยินเสียงของเขา“เปิดประตู”

นายช่างจักรกลที่ควบคุมประตูดูเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์และเปิดประตูอย่างงกๆเงิ่นๆ

แกรกๆๆๆๆ

ประตูบรอนซ์หนาหนักถูกเปิดช้าๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด