ตอนที่แล้วบทที่ 34: แสงเจ็ดสีของเจ็ดอารมณ์ ปรมาจารย์เซียนกลายเป็นเจ้าเมือง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 36: นี่คือการสั่งสมบุญ ใครก็ตามที่กล้าขัดขืนจะต้องตาย!

บทที่ 35: นี่คือมณฑลจูเหอของเฒ่าหวง  


บทที่ 35: นี่คือมณฑลจูเหอของเฒ่าหวง

“เฮ้ เจ้าจะแสดงท่าทางตื่นเต้นเกินไปแล้ว” เมื่อลู่เจิงหมิงเห็นว่าจ้าวกวงคุกเข่าลงกับพื้น เขาก็หัวเราะออกมาในทันที “ยืนขึ้นได้แล้ว ท่านผู้ว่าการไม่ต้องการให้ใครคุกเข่า”

คำว่าปรมาจารย์เซียนกับผู้ว่าการมณฑลนั้นออกเสียงคล้ายคลึงกัน และมันก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมากมายที่นี่ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกตินี้

“อ๋อ! ครับ! ครับ!” จ้าวกวงรีบลุกขึ้นยืน

เขาเดาว่าซุยเฮ็งคงจะไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของเขาในฐานะเซียน ดังนั้นเขาจึงปรับอารมณ์และทำการต้อนรับซุยเฮ็งตามแผนเดิมของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม การปรากฎตัวของซุยเฮ็งก็ยังคงทำให้เขารู้สึกตกใจอย่างสุดจะพรรณนา

นี่คือเซียนที่สามารถชุบชีวิตคนตายขึ้นมาได้ ถึงอย่างนั้น เขาก็กลับมาปรากฎตัวขึ้นที่มณฑลเล็กๆ แห่งนี้เพื่อเป็นผู้ว่าการของมณฑล

เป็นไปได้ไหมว่ามันจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นที่นี่ หรือว่ามันจะมีสมบัติที่สามารถทำลายล้างโลกได้ซ่อนอยู่ที่นี่?

เขาเดินทางไปทั่วโลกเมื่อหลายปีก่อนและมักจะได้ยินเรื่องราวต่างๆ มากมายและได้อ่านหนังสือหลายเล่ม ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงรู้ว่าเซียนจะไม่ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อเที่ยวเล่นอย่างแน่นอน

หากเซียนลงมา สิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!

“ถ้าข้าสามารถช่วยท่านเซียนได้ ข้าเองจะสามารถกลายเป็นเซียนกับเขาได้บ้างไหมนะ?” จ้าวกวงรู้สึกตื่นเต้นในทันที เขามุ่งมั่นที่จะทำงานให้กับซุยเฮ็งอย่างสุดใจในอนาคต บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งที่สองที่เขาจะได้เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเขาเอง

ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็ได้เดินทางมาถึงหน้าประตูเมืองแล้ว

เขาสังเกตเห็นจ้าวกวงตั้งแต่แรกที่เข้ามาในเมือง เขาไม่ได้คาดคิดว่าโจรปล้นสุสานคนนี้จะเป็น “ผู้สนับสนุนหลัก” ที่ลู่เจิงหมิงเคยบอกเขาก่อนหน้านี้ นี่อาจถือได้ว่าเป็นพรหมลิขิตก็ได้

จากนั้นซุยเฮ็งก็โบกมือเบาๆ เพื่อเป็นการตอบกลับทุกคน

หลังจากที่ฝูงชนได้เห็นรูปลักษณ์ที่เยาว์วัยของผู้ว่าการมณฑลคนใหม่ มันก็ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในฝูงชนทันที

“ผู้ว่าการมณฑลคนใหม่อายุยังน้อยจริงๆ เขาน่าจะอายุแค่ยี่สิบต้นๆ เท่านั้นเอง!”

“เขาอาจจะอายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ เขายังดูเด็กมาก ข้ากลัวเหลือเกินว่าเขาจะตกเป็นเป้าหมายและถูกครอบงำเอาได้!”

“มีคนบอกว่าราชาหยานที่ก่อการกบฏกำลังจะโจมตีเรา แบบนั้นแล้วผู้ว่าการมณฑลคนใหม่นี้ก็น่าจะมาดำรงตำแหน่งเพื่อเป็นแพะรับบาปเท่านั้น!”

“ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลเปลี่ยนไปเหมือนกับน้ำไหล แต่ที่นั่งของผู้เฒ่าหวงนั้นก็ถูกหุ้มเอาไว้ด้วยเหล็ก เขาอาจจะยังเด็ก แต่เขาก็จะยังต้องตกอยู่ในฝ่ามือของเฒ่าหวงอยู่ดีในท้ายที่สุด”

ผู้คนในเมืองหลายคนเริ่มกระซิบกัน

พวกเขาได้รับค่าจ้างมาเพื่อทำการต้อนรับผู้ว่าการมณฑลคนใหม่ เพราะงั้นแล้ว นี่จึงไม่ได้หมายความว่าพวกเขามาทำการต้อนรับเขาด้วยใจจริง

ผู้ว่าการมณฑลมักจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้หัวใจ ผู้ว่าการคนก่อนๆ ล้วนแต่เป็นไอ้เลวจอมตะกละที่คิดระดมสมองและยอมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะดูดเอาเงินออกมาจากกระเป๋าของประชาชน และบางคนก็ไปไกลถึงขั้นเก็บภาษีล่วงหน้า 100 ปี!

นอกจากนี้พวกเขายังสมรู้ร่วมคิดกับผู้เฒ่าหวงผู้มั่งคั่งของมณฑลเพื่อยึดที่ดินของผู้คนจำนวนมากไปและบังคับให้พวกเขาต้องกลายเป็นผู้เช่า

สำหรับหลายๆ คน การเปลี่ยนผู้ว่าการมณฑลใหม่ก็เป็นเพียงการเปลี่ยนหน้าทรราชคนใหม่เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการมณฑลคนนี้ก็ดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย

มันแปลกมากที่เขาเริ่มจากการใช้เงินจำนวนมากเพื่อเชิญพวกเขามาต้อนรับเขา

ในขณะที่ซุยเฮ็งกำลังขี่ม้าข้ามผ่านประตู สายตาของเขาก็กวาดไปยังเหล่าผู้คนในเมือง เขาเห็นทั้งแสงสีเทา สีเขียว และสีดำบนตัวพวกเขา

พวกมันคือความเศร้า ความกลัว และความรังเกียจ

มันไม่มีแม้แต่ความสุขหรือความโลภเลย

“ดูเหมือนว่าผู้ว่าการมณฑลคนก่อนๆ จะทำวีรกรรมเอาไว้เยอะเลยสินะ” ซุยเฮ็งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ มันมีผู้ว่าการที่ดีไม่มากนักในสังคมศักดินาโบราณนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ราชวงศ์ต้าจินได้ถูกเพลิงแห่งสงครามกลืนกิน กองทัพกบฏลุกฮือขึ้นทีละแห่ง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่กับความสงบสุขมานานจนเบื่อแล้ว

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะในกรณีใด หลังจากพิธีต้อนรับนี้จบลง ผู้คนของมณฑลจูเหอก็จะได้ทราบกันโดยทั่วไปว่าผู้ว่าการมณฑลคนใหม่ได้มาถึงแล้ว และนั่นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด

มันยังไม่มีใครรู้ว่าผู้ว่าการคนนี้จะสามารถสร้างความแตกต่างได้!

ในสำนักงานเทศมณฑล ซุยเฮ็งเข้าควบคุมหน้าที่การงานทั้งหมดของที่นี่อย่างเป็นทางการ

เนื่องจากเกิดสงครามขึ้นทุกหนทุกแห่ง คำสั่งของราชสำนักต้าจินจึงเข้าถึงได้เฉพาะแค่ในมณฑลตอนกลางเท่านั้น ขณะที่มณฑลอื่นๆ เกือบจะทั้งหมดล้วนทำการปกครองตนเองเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่จำเป็นต้องได้รับการแต่งตั้งจากจักรพรรดิและสามารถเข้ารับตำแหน่งได้เลยโดยตรง

ลู่เจิงหมิงกลายเป็นรองผู้ว่าการมณฑล และจ้าวกวงก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นนายทะเบียนอย่างเป็นทางการ

หลังจากที่ฮุ่ยฉีเขียนเคล็ดวิชายุทธ์ของเขาเสร็จแล้ว เขาก็ยังคงทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ของผู้ว่าการต่อไป

นี่เป็นขั้นตอนเบื้องต้นในการจัดสรรงานต่างๆ

“หากข้าต้องการจะได้รับความไว้วางใจและความจงรักภักดีจากชาวเมืองให้ได้โดยเร็วที่สุด ข้าควรจะทำอย่างไร?” ซุยเฮ็งถามลู่เจิงหมิงและจ้าวกวง

ในฐานะผู้มาใหม่ หากเขาสามารถทำบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ในมณฑลได้ เขาก็อาจจะได้รับความรักมากขึ้นจากเดิม

ลู่เจิงหมิงและจ้าวกวงมองหน้ากัน

ทั้งคู่เห็นความสงสัยในดวงตาของกันและกัน

ผู้ว่าการมณฑลคนนี้ต้องการจะทำดีกับคนของเขาจริงๆ หรอ?

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการมีจิตใจสูงส่งและมีเมตตาใช่ไหม?

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมซุยเฮ็งถึงอยากทำอย่างนั้น แต่พวกเขาก็ยังตอบคำถามของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

“ท่านผู้ว่าการ มณฑลจูเหอนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำหง มันเป็นทางน้ำหลักของเฟิงโจว ด้วยทรัพยากรเชิงกลยุทธ์นี้ ผู้คนจึงไม่ควรจะอดอยาก แต่ถึงอย่างนั้น ในความเป็นจริง ครอบครัวส่วนใหญ่ก็กลับไม่สามารถกินอิ่มได้ทุกมื้อด้วยซ้ำ” จ้าวกวงกล่าวเป็นคนแรก

“และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะตระกูลหวง” ลู่เจิงหมิงอธิบาย “การผงาดขึ้นของตระกูลหวงมีต้นกำเนิดมาจากบรรพบุรุษของพวกเขาเมื่อ 90 ปีที่แล้ว เขาได้โกยเงินจำนวนมากมายังมณฑลแห่งนี้และกว้านซื้อเอาที่ดินส่วนใหญ่ในมณฑลจูเหอไปครอง”

“สิ่งนี้ทำให้ตระกูลหวงซึ่งแต่เดิมเป็นตระกูลที่ร่ำรวยธรรมดาๆ กลายมาเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมณฑลจูเหอ และจนถึงวันนี้ พวกเขาก็ครอบครองที่ดินมากกว่า 100,000 หมู่แล้ว คนส่วนใหญ่ในมณฑลล้วนแต่เป็นผู้เช่าของตระกูลหวง”

“และตั้งแต่นั้นมา มณฑลจูเหอก็ตกกลายเป็นของตระกูลหวง” จ้าวกวงเย้ยหยัน “นอกจากนี้ หลังจากครอบครองที่ดินจำนวนมาก ตระกูลหวงก็ยังเริ่มขึ้นค่าเช่าที่ดินของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง”

“และที่แย่ที่สุด มันก็มีครั้งหนึ่งที่ผลผลิตในปีนั้นมีไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าเช่าที่ดิน ดังนั้นตระกูลหวงจึงปล่อยเงินกู้แก่ผู้เช่าเพื่อให้พวกเขาเอาไปใช้ซื้ออาหารและจ่ายค่าเช่าที่ดิน และจากนั้น มันก็กลายมาเป็นกำไรหมุนเวียนราวกับการทำปศุสัตว์”

“ถ้าท่านผู้ว่าการสามารถจัดการตระกูลหวงเจ้าปัญหาลงได้ ท่านก็จะได้รับการยอมรับจากทุกคนและผู้คนในมณฑลทุกคนก็จะบูชาท่านเป็นดั่งเทพบนสรวงสวรรค์อย่างแน่นอน” ลู่เจิงหมิงกล่าว

“อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าหวังคนนี้ก็ยังมีกองทัพลับเป็นของตนเอง เมื่อใดก็ตามที่ผู้ว่าการมณฑลคนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง พวกเขาก็จะต้องส่งคำทักทายไปยังตระกูลหวงและเข้าไปแสดงความเคารพต่อผู้เฒ่าหวง” จ้าวกวงกล่าวต่อว่า “ว่ากันว่ามันมีผู้ว่าการคนหนึ่งที่ไม่ได้ไปแสดงความเคารพต่อผู้เฒ่าหวงหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่ง และจากนั้น ทุกคนก็พบเขานอนเสียชีวิตราวกับหมาจรจัดอยู่บนท้องถนนในอีกไม่ถึงครึ่งเดือนต่อมา”

“ตระกูลหวงเป็นหมูอ้วนจอมตะกละดีๆ นี่เอง” ซุยเฮ็งหัวเราะเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้และถามว่า “ตระกูลหวงคงจะสะสมพวกงานอักษรประดิษฐ์และภาพวาดโบราณเอาไว้มากมายเลยใช่ไหม?”

“มันก็น่าจะมากอยู่” จ้าวกวงพูดหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ถ้างั้นเราก็คงจะต้องทำการกวาดล้างตระกูลหวงซะแล้ว” ซุยเฮ็งตัดสินใจ

ในที่พักของตระกูลหวงทางทิศตะวันออกของมณฑลจูเหอ

ผู้เฒ่าหวงในวัยห้าสิบปีกำลังตกปลาอยู่ อย่างไรก็ตาม แทนที่จะนั่งบนเก้าอี้ เขากลับใช้ร่างของเด็กสาวเป็นที่นั่งแทน

เด็กสาวคนนี้ดูมีอายุไม่เกิน 16 ถึง 17 ปี เธอกำลังคุกเข่าพร้อมกับยันมือทั้งสองข้างของเธอลงกับพื้น ร่างกายที่อ่อนแอของเธอสั่นสะท้านในขณะที่เธอพยุงน้ำหนักเกือบ 200 โลไว้บนหลังของเธอ

เหงื่อเริ่มก่อตัวบนหน้าผากของเธอ และร่างกายของเธอก็สั่นเทา ถึงกระนั้น เธอก็ไม่กล้าที่จะขยับ

สาวใช้คนสุดท้ายที่ล้มเหลวในการทำหน้าที่เป็นเก้าอี้นั้นได้ถูกสับเป็นชิ้นๆ แล้วจับโยนลงบ่อให้ปลากิน

“นายท่าน ผู้ว่าการหนุ่มคนนั้นยังไม่ส่งอะไรมาให้เราเลย”

ในขณะนี้ ชายวัยกลางคนในชุดสีเทาก็วิ่งเหยาะๆ เข้ามาและโค้งคำนับ “นอกจากนี้ ข้าก็ยังได้ตรวจสอบภูมิหลังของเขามาแล้วด้วย”

นี่คือพ่อบ้านของตระกูลหวง หวงไฉ่

“ภูมิหลังของมันเป็นยังไงบ้าง?” ผู้เฒ่าหวังถามโดยไม่ได้หันกลับไปมอง

“ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นญาติของจ้าวกวง เขาใช้เงินเพื่อซื้อตำแหน่งมาและไม่ได้มีภูมิหลังอะไรพิเศษ” หวงไฉ่กล่าวด้วยเสียงเบา

สิ่งที่เขาค้นพบคือข้อมูลทั้งหมดที่ลู่เจิงหมิงและจ้าวกวงได้เผยแพร่ออกไปโดยเจตนา

“จ้าวกวง?” ผู้เฒ่าหวังหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินเช่นนั้น “มันก็แค่เศรษฐีหน้าใหม่ที่ไม่ได้มีค่าต่างอะไรไปจากสุนัข แบบนั้นแล้วมันกล้าดียังไงมาก้าวก่ายตำแหน่งผู้ว่าการ? เก็บมันไว้สักสามเดือนแล้วค่อยกำจัดมันทิ้งซะ!”

ในยุคแห่งความโกลาหลนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตำแหน่งของผู้ว่าการมณฑลจะถูกสับเปลี่ยนในทุกๆ เดือน ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่ได้แปลกใจกับการที่ผู้ว่าการคนก่อนจากไปอย่างกระทันหัน

“นายท่าน ท่านคิดว่าผู้ว่าการคนนี้จะเป็นจอมยุทธ์เหมือนกับผู้ว่าการคนก่อนหรือไม่?” หวงไฉ่เป็นกังวลเล็กน้อย

ผู้ว่าการมณฑลคนก่อนคือหยานเฉิง เขามาที่นี่เพื่อเตรียมตัวต้อนรับกองทัพของราชาหยานเข้ามาในเมือง

ด้วยเหตุนี้เอง สิ่งแรกที่เขาทำจึงเป็นการมาที่ตระกูลหวงเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา

แม้ว่าเขาจะสัญญาถึงผลประโยชน์มากมายที่จะตามมาในภายหลังและแม้กระทั่งการเอาเปรียบคนธรรมดา แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่ทรงพลังของเขาก็ยังสร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับตระกูลหวง

“มันก็เป็นแค่เด็กเหลือขอที่ขนยังไม่ขึ้น แม้ว่ามันจะเริ่มฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา แต่มันจะทรงพลังสักแค่ไหนกันเชียว?” ผู้เฒ่าหวงหัวเราะเยาะอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ส่งข้อความไปบอกไอ้เด็กเหลือขอนั่นให้มาก้มหัวคำนับข้าในพรุ่งนี้เช้า ไม่อย่างนั้น มันก็เตรียมตัวรับผลที่จะตามมาได้เลย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด