ตอนที่ 84 ปราสาท (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 84 ปราสาท
โทไบอัส สเนป กลายเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดตลอด 2 วันที่ผ่านมา เขาโคตรรวยจนอยากซื้ออะไรก็ซื้อ บางทีอาจจะได้บ้านหลังใหม่แล้วทำตัวเป็นเสือนอนกินไปยาวๆ
แต่คนขี้เมามักจะหมกมุ่นอยู่กับของมึนเมาอยู่ดี อันที่จริงเขาเพิ่งเช่าอพาร์ทเมนต์เล็กๆ ในร้านเหล้าเท่านั้นเลย ทำตัวเป็นสิงโตนอนรออยู่โพลงกระต่าย
เขาจะได้ซื้อเหล้าทุกวัน ดื่มมันแทนน้ำเปล่า ถึงขนาดนอนอาบแช่เหล้าเพื่อตอบสนองรสนิยมพิลึกๆ ขอตัวเอง เขามีความสุขที่ทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลังและอวยพรให้แม็กนัสทุกครั้งที่ดื่ม
แต่ความสุขของเขาอยู่ได้ไม่นานก็จบลงเมื่อตำรวจมาเคาะประตูบ้าน พวกเขาค้นอพาร์ตเมนต์ของเขาและพบเงินสดจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าน่าสงสัย
ดังนั้นพวกเขาจึงตรวจสอบ และพบว่ามันเป็นเงินของธนาคาร เป็นตัวเลขชุดเดียวกับเงินสดที่โทไบอัสมี มันเป็นชุดตัวเลขที่ยังไม่ได้ออก
เขาจึงถูกควบคุมตัว แม้ว่าเขาจะพยายามบอกว่ามันไม่ใช่เงินของเขา แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ เขาถูกจับได้คาหนังคาเขาแถมมีหลักฐานเพียงพอที่จะจับเขาเข้าคุก ธนาคารไม่ได้ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะเลย คงเพราะพวกเขาละอายใจเกินไป พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธนาคารโดนปล้นไปตอนไหน ตั้งแต่นั้นมา โทไบอัส สเนป ก็หายสาปสูญไปจากสายตาชาวโลก
...
แม็กนัสได้ส่งจดหมายถึงตำรวจในวันที่เขาแฮ็บเงินจากธนาคาร เขารู้สึกไม่ดีที่จะปล้นชาวบ้านคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ดังนั้นเขาจึงฝากเงิน 1 ล้านในบัญชีของตัวเองที่นั่นไว้ก่อน แบบนี้ก็เหมือนเขาเอาเงินของตัวเองไปสร้างเรื่องแค่นั้น
แต่เขาไม่รู้แล้วว่าต่อจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับโทไบอัส เพราะเขากำลังจะไปปราสาทของเขาแล้ว มันอยู่ไกลมากบนชายฝั่งตะวันตกของสหราชอาณาจักร
ต่อให้พวกเขาบินไปก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อไปถึงที่นั่น ไปถึงก็หาตำแหน่งฝั่งที่ว่าไม่เจอ แม็กนัสจึงถามกับรูปภาพเมอร์ลิน
เมอร์ลินเปล่งเสียงอย่างรวดเร็ว “ฮ่าฮ่า แน่นอน เจ้าย่อมหาไม่เจออยู่แล้ว มันเป็นปราสาทของข้านะ นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่ชายฝั่งหรอกนะ แต่เป็นเกาะทั้งเกาะที่อยู่ทางตะวันตกของแผ่นดินใหญ่ทางตอนเหนือ แล้วข้าได้ลงคาถาไว้อย่างเต็มที่ทำให้ไม่เคยมีผู้ใดรู้ว่ามีอยู่
“เดินตามชายฝั่งไปจนเจ้าจะเริ่มรู้สึกซ่าในหัว จากนั้นเจ้าก็เลี้ยวซ้ายข้ามทะเล ไม่ช้า เจ้าก็จะเข้าสู่พื้นที่คุ้มครองที่ลงคาถาเอาไว้ นอกจากนี้ จะดีกว่าถ้าเจ้าเข้าไปก่อน มีเพียงโลหิตของเจ้าจึงจะทำให้เจ้ามองเห็นเกาะ แต่คนอื่นมองไม่เห็น มันเหมือนกับคาถาฟิเดลลิอัสแต่ทรงพลังกว่าและดีกว่ามาก”
เพราะงั้นแม็กเลยทำตามคำสั่ง จากนั้นก็ให้บ็อบบี้ย้ายไปนั่งบนไม้กวาดของรักนาร์ พวกภาพเหมือนเมอร์ลินกับอาเธอร์ยังต้องการให้ออกมาดูพร้อมกับเขาด้วย
หลังจากเดินทางไปทางเหนือตามแนวชายฝั่ง ในที่สุด แม็กนัสก็รู้สึกเสียวแปร๊บในหัว จากนั้นเขาเลี้ยวซ้าย เขาบินต่อไปอีกหลายสิบกิโลเมตร หลังจากผ่านไปกว่าชั่วโมง ในที่สุดเขาก็รู้สึกแปลกๆ ราวกับมีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้าเขา
เขาเตือนเพื่อนของเขาว่า "หยุดก่อน! รอฉันที่นี่แหละ"
เขารู้ว่าที่นี่แหละเป้าหมาย เขามุ่งหน้าไปยังบาเรียอย่างตื่นเต้น เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังผ่านกำแพงที่มองไม่เห็น เขารู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างสแกนเขา ในไม่ช้า ความรู้สึกเสียวแปร๊บในหัวของเขาก็กลายเป็นเสียงนกร้องอย่างมีความสุข
"อย่าบอกนะว่า...เกาะนี้มีความรู้สึกน่ะ?" เขาถามภาพของเมอร์ลิน
"หึหึ ทั้งใช่และไม่ใช่ อย่างดีสุด มันแค่มีการรับรู้ประมาณหนึ่งส่วนสี่ของความรู้สึกเท่านั้น มันไม่เข้าใจความรู้สึกที่ซับซ้อน มันแค่คล้ายมีชีวิตอยู่ในทางใดทางหนึ่ง ไปต่อเถอะ อีกไม่นานก็จะเจอเกาะแล้ว” เมอร์ลินเองก็ดูตื่นเต้นพอๆ กับแม็กนัส
แม็กนัสไม่หยุด เขาทำให้ไม้กวาดของเขาเร็วขึ้น ในที่สุดเขาก็เห็นบางอย่างที่ขอบฟ้า มีจุดดำหลายร้อยจุด
เขาเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ แล้วได้แต่อึ้งตะลึง ตลอดแนวชายฝั่งมีภูเขาลูกเล็กๆ ในระยะเท่าๆ กัน บนภูเขาแต่ละลูกมีรูปปั้นหินขนาดมหึมาสวมชุดเกราะและถือหอก
"โว้ววววว!... พวกมันสุดยอดมาก" แม็กนัสตะโกนด้วยความตื่นเต้น
*ชู่วววววววว...*
ทันทีที่แม็กนัสไปถึงชายฝั่ง รูปปั้นทั้งหมดก็คุกเข่าราวกับกำลังทำความเคารพกษัตริย์
“พวกมันเคลื่อนไหวได้ด้วย?” เขาถาม.
เมอร์ลินตอบว่า “แน่นอน ข้าเรียนรู้มาจากการรักษาการณ์ที่ฮอกวอตส์อย่างหนัก แล้วก็เพิ่มเวทมนตร์เฉพาะตัวของข้าเองไปด้วย เหล่าเซนติเนลที่เจ้าเห็นคือผู้พิทักษ์เกาะแห่งนี้ เป็นปราการแนวป้องกันด่านแรก แล้วอย่าได้ดูเบาสิ่งนี้ พวกมันสามารถขว้างหอกด้วยความเร็วเสียง และตราบใดที่ตัวพวกมันติดอยู่กับพื้น พวกมันก็สามารถเรียกหอกเพิ่มได้เรื่อยๆ”
แม็กนัสทึ่งพวกเขา "นี่... น่าทึ่งมาก คุณเป็นอัจฉริยะ เมอร์ลิน"
“โฮ่ ข้าดีใจที่เจ้าสังเกตเห็น” เมอร์ลินตอบกลับอย่างประชดประชัน
"ข้าพนันได้เลยว่าข้าสามารถเอาชนะพวกมันได้ด้วยดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ของข้า" อาเธอร์ก็เปล่งออกมาเช่นกัน
“แหงฃ่ะ เจ้าทำได้ มันเป็นดาบที่ลงเวทมนตร์ ประเภทเดียวกับเจ้านั่นนั่นแหละ” เมอร์ลินพูดกลับ
แต่แม็กนัสไม่สนใจการทะเลาะวิวาทของพวกเขา เขาวนกลับไปตามเพื่อนของเขามา จากนั้นเขาก็แสดงให้พวกเขาเห็นเซนติเนล พวกเขาก็มองดูด้วยความกลัวเช่นกัน
"เกาะนี้ใหญ่ขนาดไหนเนี่ย?" บ๊อบบี้ถาม
แม็กนัสไม่รู้ เขาจึงหันไปหาเมอร์ลิน เมอร์ลินตอบว่า "อืม... รัศมีประมาณ 200 กิโลเมตรจากจุดศูนษ์กลาง"
“ใหญ่แท้...” รักนาร์อุทาน
"บินต่อไปที่ปราสาทเถอะ ยังมีจานหลักรออยู่" อาเธอร์สะกิด
แม็กนัสตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าปราสาทจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เนื่องจากเขาได้ยินเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของมัน เขาจึงอยากเห็นมัน และตอนนี้ ความคาดหวังของเขาก็พุ่งขึ้นทะลุท้องฟ้า เพราะเพียงแค่เซนติเนลก็ประทับใจเขามากแล้ว
เมื่อพวกเขาบินผ่านไปเรื่อยๆ พวกเขาเห็นความหลากหลายมากมายในสภาพแวดล้อมบนเกาะ มีภูเขาสูง มีทะเลทรายเล็กๆ มีป่าและทุ่งหญ้า มันเหมือนมีสภาพแวดล้อมของทุกที่บนโลก
"โว้ววววว... รูปปั้นทั้งสองนี้คืออะไรหรอครับ?" แม็กนัสถาม ข้างหน้าเขาคือหุบเขาขนาดใหญ่ ด้านข้างมีรูปปั้นขนาดยักษ์ 2 ตัวซึ่งดูเหมือนคนถือไม้เท้ายักษ์
เมอร์ลินอธิบายอีกครั้ง "นี่คือทางผ่านพ่อมด นอกเหนือจากจุดนี้บนเกาะ เวทมนตร์ทั้งหมดที่มีจุดประสงค์ไม่ดีจะถูกป้องกัน หากเจ้าพยายามทำมัน ทั้งสองจะส่งบทลงโทษที่รุนแรงต่อเจ้า แต่ไม่นับเจ้าเพราะเจ้าเป็นเจ้านาย”
"มันสามารถแยกความแตกต่างระหว่างเรื่องเวทมนตร์แกล้งกันขำๆ กับเวทมนตร์ที่เลวร้ายจริงๆ ได้ไหมครับ?" รักนาร์ถาม
“แน่นอนว่าทำได้ มิฉะนั้นข้าคงตายเร็วกว่านี้อีกเพราะชอบแกล้งอาเธอร์” เมอร์ลินตอบติดตลก
แม็กนัสและคนที่เหลือเดินผ่านแขนของพ่อมดที่ยกขึ้น พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาเพิ่งถูกปกคลุมด้วยชั้นของเวทมนตร์จากจุดนั้น
พวกเขาเห็นภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงหลากหลายอีกครั้ง แต่สิ่งสำคัญทั้งหมดคือพื้นที่สีเขียวบนเนินเขาเป็นส่วนใหญ่
พวกเขาใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการเข้าถึงใกล้กับจุดศูนย์กลาง มองดูจากระยะไกล พวกเขาเห็นที่ราบสูงขนาดยักษ์ มีรูปร่างเป็นวงกลมตราบเท่าที่พวกเขามองเห็น เมื่อเข้าไปใกล้ๆ พวกเขาพบว่าไม่ใช่ที่ราบสูง แต่เป็นสิ่งที่คล้ายกับที่เห็นบนชายฝั่ง
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น กำแพงขนาดยักษ์ที่สร้างขึ้นจากภูเขาที่แปรเปลี่ยน กำแพงทั้งหมดมียอดเขาหลายยอด และแต่ละยอดมีเซนติเนลขนาดยักษ์ถือดาบอยู่ใกล้หน้าอก ถืออยู่ในท่าทางของอัศวิน ภูเขาแต่ละลูกที่รองรับเซนติเนลก็ถือเป็นปราสาทในตัวเองเช่นกัน
“พวกนี้เรียกว่าอะไรหรอครับ?” สเนปสงสัย
คราวนี้อาเธอร์ตอบว่า "ทั้งหมดนี้เรียกว่า โฮมเซนติเนล เช่นเดียวกับที่อยู่บนชายฝั่ง พวกมันมีไว้เพื่อปกป้องส่วนในของเกาะ พวกมันต่อสู้ได้ดีมาก พวกมันทั้งหมดมีทักษะการต่อสู้ไม่ต่างจากข้า”
แม็กนัสมองรูปปั้นแต่ละตัวด้วยดวงตาเป็นประกาย เจ้ายามยักษ์แต่ละตัวนั้นมีพลังเหมือนอาเธอร์ที่สามารถตัดภูเขาได้
"ทำไมท่านถึงต้องทำพวกเหล่านี้ทั้งหมดล่ะครับ? ท่านต้องการปกป้องเกาะนี้จากใครกัน?” บ็อบบี้ถาม
ทุกคนสงสัยเหมือนกันเมื่อได้ยินคำถาม
เมอร์ลินโวยวาย “หึ แล้วลูกผู้ชายจะมีความทะเยอทะยานบ้างไม่ได้เลยรึ? ข้าแค่อยากสร้างสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับตัวข้าเอง... ข้าเลยลงแรงไปเยอะหน่อย ถึงกระนั้นก็เถอะ ในช่วงเวลานั้นก็มีสัตว์วิเศษมืดที่ดุร้ายและน่ากลัวก็แพร่หลายอยู่มาก ก็นะของมันจำเป็นต้องมี”
“อีกอย่าง พวกเซนติเนลเหล่านี้ไม่มีตนไหนสามารถออกจากเกาะได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงเพื่อความปลอดภัยในบ้าน” อาร์เธอร์กล่าวเสริม
“เอาหล่ะ...ไว้ค่อยถามกันทีหลัง โฮมเซนติเนลพวกนี้เป็นจุดเริ่มต้นของพื้นที่ปราสาทหลัก เข้าไปอีกนิดเดียวก็จะเห็นจานหลักแล้ว” เมอร์ลินยืนกรานให้พวกเขาเดินทางต่อ
ขบวนคณะนี้มีแม็กนัสเป็นผู้นำ ณ ที่ตรงนี้ภูมิประเทศเป็นสีเขียวชอุ่ม มีทะเลสาบ ทุ่งหญ้า และภูเขามากมายล้อมรอบ
และแล้ว ในที่สุด แม็กนัสก็มาถึงซุ้มโค้งขนาดใหญ่ มองดูจากระยะไกล เขาสามารถมองเห็นโครงสร้างบางอย่างได้ นั่นน่าจะเป็นกรวยของสิ่งก่อสร้างแน่นอน
แต่เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ หน้าผากของพวกเขาก็เริ่มมีเหงื่อซึมออกมา ขนาดของสิ่งก่อสร้างนี้เกินความฝันของพวกเขาไปเยอะ พวกเขาเคยคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะขนาดของฮอกวอตส์ แต่ที่นี่ ด้านหน้าของอาคารหลังนี้ ซึ่งอาจเป็นปราสาทไม่สิเมืองในปราสาท ฮอกวอตส์ดูเหมือนบ้านหลังน้อยไปเลย
มีกำแพงล้อมรอบรอบพื้นที่ทั้งหมด จากนั้นก็มีปราสาทซึ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเป็นภูเขาหรือแค่สิ่งก่อสร้าง แต่พวกเขารู้สึกว่าเป็นอย่างหลัง
จุดสูงสุดของปราสาทนั้นสูงพอๆ กับภูเขาที่สูงที่สุดในบริเวณรอบๆ และภูเขาเหล่านั้นก็มีหิมะอยู่ด้านบนจริงๆ ขนาดรอบตัวปราสาทก็ยังมีเมฆปกคลุมอยู่ มีผนังสีขาวและหลังคาสีส้ม มีสิ่งก่อสร้างมากมายที่แม็กนัสประเมินว่าเมืองใหญ่ๆ ก็สามารถสร้างขึ้นได้ในนั้น
"นี่ มัน บ้า ไป แล้ว!..." แม็กนัสอุทาน ขนาดมันเป็นอะไรที่บ้ามากไม่ใช่แค่ใหญ่โตมโหราฬบานตะไท มันยังสวยงามและได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า..." อาเธอร์เริ่มหัวเราะด้วยความภูมิใจ
“อา ข้าว่าเราคงทำเกินไปหน่อย” เมอร์ลินพึมพำขณะที่ลูบเคราของเขา
“ปราสาทนี้ชื่ออะไรหรอครับ?” รักนาร์ถาม
ในที่สุดอาเธอร์ก็เปิดเผย "ยินดีต้อนรับสู่คาเมลอตที่แท้จริง ทั้งตัวเกาะและปราสาทก็เรียกอย่างนั้น"
แม็กนัสพยักหน้า มันสมเหตุสมผลแล้ว อะไรจะดีไปกว่าคำว่าคาเมลอตล่ะ
"แล้วมีใครอาศัยอยู่ที่นี่ไหมครับ?" แม็กนัสถาม
"ทำไมเจ้าไม่ลองดูด้วยตัวเองล่ะ ถึงยังไงตอนนี้เจ้าก็เป็นเจ้าของมันอยู่ดี" เมอร์ลินตอบด้วยรอยยิ้ม
แม็กนัสพุ่งเข้าไปที่ประตูทางเข้าอย่างตื่นเต้น เขาต้องการเดินไปยังจุดสูงสุดของปราสาท สัมผัสทุกสิ่งที่มีให้ แต่ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในประตูเขตแดน เขาก็เห็นการเคลื่อนไหวบางอย่าง
_____________________________
เหล่าเซนติเนล
ทางผ่านพ่อมด
กำแพงโฮมเซนติเนล
ปราสาทคาเมลอต