ตอนที่ 448 ความคาดหวังของหลงโส่วจิง
ถังเทียนได้ประสบกับกระแสความเจ็บปวดทุกอย่าง
นั่นคือส่วนที่โหดร้ายที่สุดในวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณไม่เพียงแต่ไม่ยอมให้นักสู้หมดสติเท่านั้นแต่ยังทำให้นักสู้ประสบกับกระแสรังสีกระบี่ที่ขัดเกลาจิตวิญญาณยุทธอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักสู้มีความรู้สึกที่อ่อนไหวมาก ความเจ็บปวดที่ได้รับในจิตและวิญญาณลึกซึ้งมากมาย
และที่แย่ก็คือเสียงจากข้างนอกจะตัดผ่านวังวนกระบี่ที่หนาแน่นเข้ามาถึงโสตประสาทของเขา
“ฟังสิฟัง เสียงร้องโหยหวนอย่างกล้าหาญ...”
เสียงของหลิวจงกวงทำให้ถังเทียนอยากจะกระโดดเอาเท้ายันหน้าเขานัก ได้ยินเสียงเจ้าบ้านี่แล้วหงุดหงิด... กล้าหาญเตี่ยเอ็งน่ะสิ...,ไอ้บ้าเอ๊ย, ข้าไม่ต้องการสักหน่อย ทำไมเจ้าไม่กล้ามาลองโดนเองบ้างเล่า...
นั่นไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุด
ลุงปิงคาบบุหรี่อยู่ในปากยืนอยู่ใกล้วังวนกระบี่ของถังเทียน เขาพ่นควันเป็นวงๆ พลางกล่าว “เป็นเสียงธรรมชาติที่ไพเราะ!”
“เขาคงรู้สึกมีความสุขแท้จริงแน่นอน!” หลิงซิ่วกล่าวและรู้สึกอิจฉาที่ได้ยินเสียงเขาอย่างนั้น
“เจ้าอยากรู้สึกดีแบบนี้บ้างหรือเปล่า?” ปิงจ้องมองหลิงซิ่ว
หลิงซิ่วตอบอย่างคนรักความเป็นธรรม “ผู้น้องนี้ไม่ชอบพรากของรักของคนอื่น!”
จากนั้นพวกเขาได้ยินเสียงหึ่งๆ
ทั้งสองคนหันไปมองเห็นแต่อาเฮ่อใช้กระบี่ของเขาขีดเขียนเป็นคำว่า “ช่างน่าเลื่อมใส”
“สมกับเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่จริงๆ”ลุงปิงชื่นชม “มันคือความทรงจำที่สำคัญมาก เราต้องทิ้งข้อความอะไรบางอย่างไว้บ้าง”
ลุงปิงคุกเข่าลงเอาบุหรี่ออกจากปาก เขาค่อยๆ เขียนลงบนพื้น “เจ้าไปได้พันไมล์ เจ้ามีเสียงดังฟังชัดไม่สิ้นสุดเจ้าเต็มไปด้วยอารมณ์ เจ้าคือใครกัน? เจ้าก็คือไฟฟ้า เจ้าคือแสงไฟ เจ้ามันคือไอ้บ้า!”
หลิงซิ่วเกาศีรษะตนเอง ทุกคนต่างก็เขียนอะไรกันทั้งนั้นแต่เขายังไม่ได้เขียน มันทำให้เขาดูต่ำต้อยลงไปเล็กน้อยดังนั้นเขารู้สึกอึดอัดใช้ปลายหอกเงินเขียนเป็นตัวหนังสือโย้เย้ “นักรบที่แท้จริงมีความกล้าร่ำร้องอย่างทรมานในชีวิตของเขา”
“น่าเสียดาย”ลุงปิงยืนขึ้นขยี้บุหรี่ “ถ้าเราขายตั๋วสำหรับงานนี้ เราคงรวยเละแน่”
“ข้าไปล่ะ” อาเฮ่อหันหน้าและพุ่งบินไปตามเชือกเส้นหนึ่ง เขามีเรื่องมากมายในมือและกำลังยุ่งมาก แต่หลังจากได้ยินเสียงโหยหวนของถังเทียนนานหนึ่งชั่วโมง เขาเต็มไปด้วยความหวังอีกครั้ง
พวกเราโชคดีมากอย่างแท้จริง!
อาเฮ่อรู้สึกเป็นอิสระและสบายใจบินออกไปอย่างสง่างาม
ทุกวันจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของถังเทียนและกลายเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปลอบขวัญความรู้สึกของทุกคน
ในที่สุดถังเทียนก็เข้าใจความรู้สึกของบุรุษ(ถังเทียนอีกคน) ในความมืดนั้น เจ้าพวกบ้าทั้งหลาย พวกเจ้าทุกคนคอยดูต่อไป เมื่อข้าออกไปนะ!อะจ๊ากกก... ถังเทียนร้องโหยหวนและสบถอยู่ในใจ
หยาหยาโผล่ออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ยแอบวิ่งเข้าไปใกล้ถังเทียน มันตื่นเต้นและใช้มือน้อยๆ ทุบอกมันพร้อมกับตะโกน ‘อ๊า อ๊า อ๊า’
แต่เสียงของมันถูกเสียงที่ทรงพลังของถังเทียนดังกลบจึงไม่ได้ยินอะไร
หยาหยาหยุดส่งเสียงและหายลับไปในทันที หลังจากนั้นชั่วครู่ มันต้อนแพะภูเขาบรอนซ์เต่าและกระรอกมา มีกลองขนาดต่างๆ กันสี่ใบอยู่บนตัวแพะภูเขา ฉาบขนาดเล็กอยู่บนเต่ากระรอกที่เฉยชาใช้มือทั้งสองมันถือฉาบและคอยตีฉาบ
เครื่องดนตรีครบชุดพร้อมบรรเลง!
หยาหยาถือไม้ตีกลองอย่างกระตือรือร้น
“อ๊าาาาาา..... อ๊าาาาาา...” ถังเทียนแหกปากร้องอีกครั้ง
“ตุ้งตุ้ง แช่.. ตุ้ง ตุ้ง แช่...” หยาหยากระโดดเตรียมใช้มือและขากวัดแกว่งไม้ตีกลองในมือของมัน
“อ๊าาาาาา!”
“ตุ้ง ตุ้ง ตุ้ง ตุ้ง ตุ้ง แช่!”
หยาหยาตื่นเต้นทันทีมันเป็นเหมือนตัวหมัดที่ตื่นเต้นกระโดดไปมาระหว่างกลองกับฉาบ มันตีกลองถี่และเร็วมากทุกครั้งที่มันใช้แรงมาก มันจะพองแก้มไปด้วย
หลิวจงกวงตะลึง,อาซิ่วตะลึง, อาเดรียนตะลึง นักสู้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นตะลึงไปตามตามกัน
จังหวะระหว่างทั้งสองสัมพันธ์กันดี
โลกนี้หมดหวังเสียแล้ว!!!
ถังเทียนรู้สึกขายหน้าเพราะเขาแหกปากร้องไปตามจังหวะกลองของหยาหยาโดยไม่ได้ตั้งใจ....
“เข้าท่าเหมือนกัน”
หลงโส่วจิงได้ยินเสียงดังมาจากไข่หมีและคิด เขาไม่เคยได้ยินเสียงกลองที่เต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์อย่างนั้นและมีความกระตือรือร้นมานานแล้ว แม้ว่าจะมีช่องโหว่ในเคล็ดวิชานี้ แต่มันเหมือนกับสัตว์ป่าบ้าระห่ำตีกลองอย่างไม่สนใจอะไร แต่กลับเข้ากันกับเสียงร้องจากใจได้เป็นอย่างดี
นักสู้กลุ่มดาวมังกรที่อยู่ข้างตัวเขาเริ่มผงกศีรษะตามทุกคน องค์ชายโส่วจิงมีความเข้าใจศิลปะอย่างลึกซึ้งสามารถได้รับคำชมจากเขาได้ แสดงว่าอีกฝ่ายต้องมีความเข้าใจดี
มีพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนอยู่ข้างตัวพญาหมีอย่างแท้จริงถึงได้มียอดฝีมือด้านจังหวะดนตรี ทุกคนต้องการใช้เคล็ดเช่นนั้นเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดของเจ้านาย
ดนตรีทำให้คนผ่อนคลายได้
ทุกคนเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
สำหรับถังเทียนพวกที่มีมุมมองขัดแย้งกับเขาค่อยๆ เปลี่ยนมาให้ความเคารพนับถือ คนที่มีความกล้าใช้วิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณได้คนเช่นนั้นนับเป็นนักรบแท้จริง นอกจากนี้ในฐานะเจ้ากลุ่มดาว ความเด็ดขาดและเข้มงวดกับตัวเองนับว่าน่าเกรงขาม
ถ้าเจ้าต้องพูดทุกคนก็ยังคิดกับเขาเป็นอย่างอื่น แต่ปัจจุบันนี้ทุกคนมั่นใจเขา
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ข้างนอกไม่ได้อยู่ในวัง แต่พวกเขาก็ได้ยินเรื่องราวหลายอย่างเห็นได้ชัดว่าเป็นแผนการที่ฉลาด แต่ที่สำคัญพวกเขาเป็นนักสู้กันทุกคนนักสู้ย่อมให้เกียรตินักสู้ผู้แข็งแกร่งตลอดไป
การได้ติดตามเจ้านายเช่นนั้นอนาคตของพวกเขาจะสดใส
สิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขมากขึ้นก็คือเมื่อองค์ชายโส่วจิงพบกับเจ้ากลุ่มดาว เขาถูกโยนงานให้ทำทันที นี่เป็นการกำจัดความคลางแคลงใจของนักสู้จากกลุ่มดาวมังกร
และยังมีพื้นที่ใจกลางของไข่หมีกันไว้ให้ชาวกลุ่มดาวมังกรสำหรับพลเมืองของพวกเขา นั่นคือเครื่องล่ออย่างดี
ความหนาแน่นของพลังกลุ่มดาวร้อยละสี่สิบ
ตระกูลและครอบครัวทั้งหลายได้เลือกผู้เยาว์ซึ่งมีพรสวรรค์มากที่สุดและมีแนวโน้มมากที่สุดและให้มุ่งหน้าสู่กลุ่มดาวหมีใหญ่ ลูกๆ หลานๆ พวกเขาทุกคนรวมอยู่ในนั้น ทั่วทั้งกลุ่มดาวมังกรประชาชนเริ่มยอมรับกลุ่มดาวหมีใหญ่
องค์ชายโส่วจิงสามารถเข้าถึงวงในของถังเทียนได้และนั่นสำคัญต่อพวกเขามาก ภายใต้ความตื่นเต้น ทุกคนทุ่มเทความพยายามทั้งหมด
“พวกเจ้าไปตรวจสอบดูหรือยัง?” หลงโส่วจิงถามอย่างนุ่มนวล
นักสู้ชาวมังกรรายงาน “แม้ว่าจะเป็นปฏิกิริยาห่างๆเราสามารถตัดสินจากพลังของพวกเขาได้ พวกเขาน่าจะเป็นเซียนนักสู้ แม้ว่าพวกเขาจะปลอมตัวแต่ก็ยังมีร่องรอยและเบาะแสจากการปลอมตัวของพวกเขา หลังจากตรวจดูแล้ว เราพบว่าพวกเขาเป็นใครทั้งสามคนเป็นนักสู้ระดับเซียนจากกลุ่มดาววาฬ คนหัวโล้นก็คือเซียนมวยโต้วหย่ง, บัณฑิตวัยกลางคนคือเซียนกระบี่เหอหวี สตรีชุดขาวคือเซียนพิณไป๋ซือซือ”
“กลุ่มดาววาฬ....”หลงโส่วจิงพึมพำ และไตร่ตรอง “เข้าใจแล้ว”
หลงโส่วจิงไม่มีปฏิกิริยาใดๆชั่วขณะนักสู้ชาวมังกรแค่มองหน้ากันเอง แต่ทั้งสามคนใช้ความพยายามมากมายเพื่อค้นหาเรื่องของคนทั้งสามได้ชัดเจนและคิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นคือความสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่องค์ชายกลับตอบแค่ว่า เข้าใจล่ะ ไม่มีอะไรอื่นทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวัง
“ฝ่าบาทคนเหล่านี้ทุกคนคิดร้ายต่อท่าน ถ้าเราปล่อยไป ข้าเกรงว่า...” นักสู้ชาวมังกรเสนอแนะ
สายตาของหลงโส่วจิงมองดูที่พวกเขาสองสามคนและถาม“พวกเจ้าทุกคนมั่นใจว่าจะเอาชนะพวกเขาได้หรือเปล่า?”
“ไม่เลย...” พวกเขาลังเลใจก่อนตอบ “แต่ถ้าเซียนเหลียงฟงลงมือ ข้าคิดว่าเราอาจมีโอกาส”
“อาจมีโอกาส พวกเจ้าคิดว่าเรามีโอกาสมากเท่าใด?” แม้ว่าน้ำเสียงหลงโส่วจิงเรียบเฉยแต่ก็มีแรงกดดันเล็กน้อย
“สี่สิบ....” นักสู้ชาวมังกรตะกุกตะกักตอบ
หลงโส่วจิงส่ายหัว “อย่างน้อยพวกเจ้าก็ต้องมีบาดเจ็บล้มตายอย่างน้อยหกคน เจ้าว่ากลุ่มดาวมังกรเรามีนักสู้ระดับทองเหลือกี่คน? และคนที่กำลังจะได้เป็นนักสู้ระดับทองล่ะ? น้อยกว่าสามสิบคนและนั่นคือเส้นสายสุดท้ายของพลังสำหรับกลุ่มดาวมังกร”
ทุกคนเงียบ
“ข้าเข้าใจความคิดของพวกเจ้า แต่, ทำไมพวกเขาถึงยังไม่เคลื่อนไหวหลังจากผ่านไปนานเล่า? เหตุผลง่ายๆ วังวนกระบี่หนาแน่นเกินไป พวกเขาจึงไม่อาจหาโอกาสลงมือได้” หลงโส่วจิงพูดอย่างนุ่มนวล “ที่นี่คือกลุ่มดาวหมีใหญ่ เราได้เปรียบมากมายมหาศาล และนอกจากนี้ยังมีสมบัติชั้นเซียน เมื่อเจ้ากลุ่มดาวฝึกสำเร็จ พวกเขายังจะมีโอกาสอะไรอีก?”
“แต่.....”
หลงโส่วจิงถอนหายใจ เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายและไม่ชอบแก่งแย่งชิงอำนาจ ถ้าไม่ใช่เพราะไม่ต้องการเห็นกลุ่มดาวมังกรถูกทำลาย ทำไมเขาต้องยอมเข้ามารับผิดชอบเช่นนั้นด้วย? ตอนแรกเขาตั้งใจเป็นหุ่นเชิดดีดีหลังจากเข้ากลุ่มดาวหมีใหญ่ เนื่องจากเขาไม่มีอะไรต่างจากหุ่นเชิด
แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนไม่ให้โอกาสเขาถอนตัวและมอบหมายงานกองพะเนินให้เขาทำทันที สำหรับกลุ่มดาวมังกร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาในตอนนี้ เขากลายเป็นตัวแทนของกลุ่มดาวมังกรและตำแหน่งของเขากลายเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญระหว่างสองกลุ่มดาว
เขาไม่มีทางถอนตัวหนีได้เลย
คนของเขาทุกคนพยายามไขว่คว้าหาความสำเร็จบางอย่างเพื่อโอกาสเสริมสร้างสถานะของกลุ่มดาวมังกรและหลงโส่วจิงเข้าใจพวกเขา
“อย่าเพิ่งกังวลไปเลย” หลงโส่วจิงปลอบโยนพวกเขาและพูดอย่างอ่อนโยน “ในช่วงเวลานี้พวกเจ้ายังไม่มีโอกาสอะไรสิ่งที่พวกเจ้าทุกคนต้องทำก็คือฝึกฝนอย่างหนักเพื่อยกระดับของพวกเจ้าเอง เซียนเหลียงฟงมีตำแหน่งแน่นอนแล้ว แต่ไม่ใช่ตัวแทนของกลุ่มดาวมังกร ถ้าพวกเจ้าต้องการอะไรมีเพียงสองทางให้พวกเจ้าทำเท่านั้น หนึ่งคือกลายเป็นนักสู้ระดับเซียนด้วยตัวเจ้าเอง อีกทางหนึ่งคือส่งเสริมใส่ใจคนรุ่นใหม่อย่างจริงจัง สงครามนี้คงไม่จบภายในสองสามปีเป็นแน่”
เขาเห็นสีหน้ากังวลของพวกเขา
หลงโส่วจิงอดถอนหายใจอีกครั้งไม่ได้ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ดังนั้นพวกเขาอาจทำได้ดีกว่าเช่นกันเขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ผู้มีพรสวรรค์ของกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็ยังเหลืออยู่เช่นกัน แต่พวกเขาขัดแย้งกับเจ้ากลุ่มดาวคนปัจจุบัน ขณะที่กลุ่มดาวหมาป่าไม่มีคนที่มีพรสวรรค์มากนักและกลุ่มดาวอันโดรเมดายังไม่ฟื้นฟู สำหรับเรานี่คือโอกาสที่หาได้ยาก ไปพาครอบครัวที่มีพรสวรรค์ของตนเองเข้ามาเถอะไม่ต้องไปคำนึงถึงจำนวน ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องเสียใจในภายหลังแน่ และเรื่องนี้พวกเขาจะโทษว่าใครไม่ได้”
พวกเขาสองสามคนดีใจ เป็นไปตามคาดองค์ชายหลักแหลมจริงๆ
ตราบใดที่พวกเขายืนอยู่ในพื้นที่ตนเอง สถานะในอนาคตของกลุ่มดาวมังกรจะไม่ต่ำต้อยเป็นแน่
“ฝ่าบาทโปรดพักผ่อนก่อนเถิด เราจะพาคนที่ดีที่สุดของกลุ่มดาวมังกรเข้ามา”
เมื่อเห็นความอ่อนล้าบนใบหน้าของหลงโส่วจิง พวกเขาจากไปทันที
หลังจากพวกเขาออกไปแล้วห้องก็เงียบและสงบอีกครั้งหนึ่ง หลงโส่วจิงฝืนหัวเราะ อยากเป็นคนเกียจคร้านก็ยังไม่ง่ายเลย
แต่เขาไม่ได้สุ่มคิดเรื่อยเปื่อย กลุ่มดาวมังกรรักษากำลังของพวกเขาไว้ได้ในสองสามปีที่ผ่านมาเหตุผลก็คือพวกเขามีกิจการภายในที่โดดเด่นพวกเขาไม่ทำการค้าเหมือนกับกลุ่มดาวอันโดรเมดา ต่อสู้ไม่แข็งแกร่งเท่ากับกลุ่มดาวหมีใหญ่ กลุ่มดาวมังกรไม่ได้มีทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่ามากมายนัก และสามารถรักษาสถานะได้ทุกวันนี้เพราะคนที่มีความสามารถเป็นแกนกลางกิจการภายในคอยควบคุมและพัฒนาสนับสนุนคนรุ่นใหม่
อนาคตของกลุ่มดาวหมีใหญ่จะเป็นยังไงกันแน่?
หลงโส่วจิงตื่นเต้นอย่างมากกับอนาคตทันที