ตอนที่แล้วตอนที่ 447-3 ไม่มีชื่อตอน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 449 การตื่นขึ้นของแมงป่อง

ตอนที่ 448 ความคาดหวังของหลงโส่วจิง


ถังเทียนได้ประสบกับกระแสความเจ็บปวดทุกอย่าง

นั่นคือส่วนที่โหดร้ายที่สุดในวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณไม่เพียงแต่ไม่ยอมให้นักสู้หมดสติเท่านั้นแต่ยังทำให้นักสู้ประสบกับกระแสรังสีกระบี่ที่ขัดเกลาจิตวิญญาณยุทธอย่างต่อเนื่อง  ทำให้นักสู้มีความรู้สึกที่อ่อนไหวมาก ความเจ็บปวดที่ได้รับในจิตและวิญญาณลึกซึ้งมากมาย

และที่แย่ก็คือเสียงจากข้างนอกจะตัดผ่านวังวนกระบี่ที่หนาแน่นเข้ามาถึงโสตประสาทของเขา

“ฟังสิฟัง เสียงร้องโหยหวนอย่างกล้าหาญ...”

เสียงของหลิวจงกวงทำให้ถังเทียนอยากจะกระโดดเอาเท้ายันหน้าเขานัก  ได้ยินเสียงเจ้าบ้านี่แล้วหงุดหงิด... กล้าหาญเตี่ยเอ็งน่ะสิ...,ไอ้บ้าเอ๊ย, ข้าไม่ต้องการสักหน่อย ทำไมเจ้าไม่กล้ามาลองโดนเองบ้างเล่า...

นั่นไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุด

ลุงปิงคาบบุหรี่อยู่ในปากยืนอยู่ใกล้วังวนกระบี่ของถังเทียน เขาพ่นควันเป็นวงๆ พลางกล่าว “เป็นเสียงธรรมชาติที่ไพเราะ!”

“เขาคงรู้สึกมีความสุขแท้จริงแน่นอน!”  หลิงซิ่วกล่าวและรู้สึกอิจฉาที่ได้ยินเสียงเขาอย่างนั้น

“เจ้าอยากรู้สึกดีแบบนี้บ้างหรือเปล่า?”  ปิงจ้องมองหลิงซิ่ว

หลิงซิ่วตอบอย่างคนรักความเป็นธรรม  “ผู้น้องนี้ไม่ชอบพรากของรักของคนอื่น!”

จากนั้นพวกเขาได้ยินเสียงหึ่งๆ

ทั้งสองคนหันไปมองเห็นแต่อาเฮ่อใช้กระบี่ของเขาขีดเขียนเป็นคำว่า “ช่างน่าเลื่อมใส”

“สมกับเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่จริงๆ”ลุงปิงชื่นชม “มันคือความทรงจำที่สำคัญมาก เราต้องทิ้งข้อความอะไรบางอย่างไว้บ้าง”

ลุงปิงคุกเข่าลงเอาบุหรี่ออกจากปาก เขาค่อยๆ เขียนลงบนพื้น “เจ้าไปได้พันไมล์ เจ้ามีเสียงดังฟังชัดไม่สิ้นสุดเจ้าเต็มไปด้วยอารมณ์  เจ้าคือใครกัน?  เจ้าก็คือไฟฟ้า เจ้าคือแสงไฟ  เจ้ามันคือไอ้บ้า!”

หลิงซิ่วเกาศีรษะตนเอง  ทุกคนต่างก็เขียนอะไรกันทั้งนั้นแต่เขายังไม่ได้เขียน มันทำให้เขาดูต่ำต้อยลงไปเล็กน้อยดังนั้นเขารู้สึกอึดอัดใช้ปลายหอกเงินเขียนเป็นตัวหนังสือโย้เย้ “นักรบที่แท้จริงมีความกล้าร่ำร้องอย่างทรมานในชีวิตของเขา”

“น่าเสียดาย”ลุงปิงยืนขึ้นขยี้บุหรี่ “ถ้าเราขายตั๋วสำหรับงานนี้  เราคงรวยเละแน่”

“ข้าไปล่ะ”  อาเฮ่อหันหน้าและพุ่งบินไปตามเชือกเส้นหนึ่ง  เขามีเรื่องมากมายในมือและกำลังยุ่งมาก แต่หลังจากได้ยินเสียงโหยหวนของถังเทียนนานหนึ่งชั่วโมง  เขาเต็มไปด้วยความหวังอีกครั้ง

พวกเราโชคดีมากอย่างแท้จริง!

อาเฮ่อรู้สึกเป็นอิสระและสบายใจบินออกไปอย่างสง่างาม

ทุกวันจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของถังเทียนและกลายเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปลอบขวัญความรู้สึกของทุกคน

ในที่สุดถังเทียนก็เข้าใจความรู้สึกของบุรุษ(ถังเทียนอีกคน) ในความมืดนั้น เจ้าพวกบ้าทั้งหลาย  พวกเจ้าทุกคนคอยดูต่อไป เมื่อข้าออกไปนะ!อะจ๊ากกก... ถังเทียนร้องโหยหวนและสบถอยู่ในใจ

หยาหยาโผล่ออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ยแอบวิ่งเข้าไปใกล้ถังเทียน  มันตื่นเต้นและใช้มือน้อยๆ ทุบอกมันพร้อมกับตะโกน ‘อ๊า อ๊า อ๊า’

แต่เสียงของมันถูกเสียงที่ทรงพลังของถังเทียนดังกลบจึงไม่ได้ยินอะไร

หยาหยาหยุดส่งเสียงและหายลับไปในทันที  หลังจากนั้นชั่วครู่ มันต้อนแพะภูเขาบรอนซ์เต่าและกระรอกมา มีกลองขนาดต่างๆ กันสี่ใบอยู่บนตัวแพะภูเขา ฉาบขนาดเล็กอยู่บนเต่ากระรอกที่เฉยชาใช้มือทั้งสองมันถือฉาบและคอยตีฉาบ

เครื่องดนตรีครบชุดพร้อมบรรเลง!

หยาหยาถือไม้ตีกลองอย่างกระตือรือร้น

“อ๊าาาาาา.....  อ๊าาาาาา...” ถังเทียนแหกปากร้องอีกครั้ง

“ตุ้งตุ้ง แช่.. ตุ้ง ตุ้ง แช่...” หยาหยากระโดดเตรียมใช้มือและขากวัดแกว่งไม้ตีกลองในมือของมัน

“อ๊าาาาาา!”

“ตุ้ง ตุ้ง ตุ้ง ตุ้ง ตุ้ง แช่!”

หยาหยาตื่นเต้นทันทีมันเป็นเหมือนตัวหมัดที่ตื่นเต้นกระโดดไปมาระหว่างกลองกับฉาบ มันตีกลองถี่และเร็วมากทุกครั้งที่มันใช้แรงมาก มันจะพองแก้มไปด้วย

หลิวจงกวงตะลึง,อาซิ่วตะลึง, อาเดรียนตะลึง นักสู้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นตะลึงไปตามตามกัน

จังหวะระหว่างทั้งสองสัมพันธ์กันดี

โลกนี้หมดหวังเสียแล้ว!!!

ถังเทียนรู้สึกขายหน้าเพราะเขาแหกปากร้องไปตามจังหวะกลองของหยาหยาโดยไม่ได้ตั้งใจ....

“เข้าท่าเหมือนกัน”

หลงโส่วจิงได้ยินเสียงดังมาจากไข่หมีและคิด เขาไม่เคยได้ยินเสียงกลองที่เต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์อย่างนั้นและมีความกระตือรือร้นมานานแล้ว  แม้ว่าจะมีช่องโหว่ในเคล็ดวิชานี้ แต่มันเหมือนกับสัตว์ป่าบ้าระห่ำตีกลองอย่างไม่สนใจอะไร แต่กลับเข้ากันกับเสียงร้องจากใจได้เป็นอย่างดี

นักสู้กลุ่มดาวมังกรที่อยู่ข้างตัวเขาเริ่มผงกศีรษะตามทุกคน  องค์ชายโส่วจิงมีความเข้าใจศิลปะอย่างลึกซึ้งสามารถได้รับคำชมจากเขาได้ แสดงว่าอีกฝ่ายต้องมีความเข้าใจดี

มีพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนอยู่ข้างตัวพญาหมีอย่างแท้จริงถึงได้มียอดฝีมือด้านจังหวะดนตรี  ทุกคนต้องการใช้เคล็ดเช่นนั้นเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดของเจ้านาย

ดนตรีทำให้คนผ่อนคลายได้

ทุกคนเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ

สำหรับถังเทียนพวกที่มีมุมมองขัดแย้งกับเขาค่อยๆ เปลี่ยนมาให้ความเคารพนับถือ  คนที่มีความกล้าใช้วิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณได้คนเช่นนั้นนับเป็นนักรบแท้จริง นอกจากนี้ในฐานะเจ้ากลุ่มดาว  ความเด็ดขาดและเข้มงวดกับตัวเองนับว่าน่าเกรงขาม

ถ้าเจ้าต้องพูดทุกคนก็ยังคิดกับเขาเป็นอย่างอื่น แต่ปัจจุบันนี้ทุกคนมั่นใจเขา

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ข้างนอกไม่ได้อยู่ในวัง  แต่พวกเขาก็ได้ยินเรื่องราวหลายอย่างเห็นได้ชัดว่าเป็นแผนการที่ฉลาด แต่ที่สำคัญพวกเขาเป็นนักสู้กันทุกคนนักสู้ย่อมให้เกียรตินักสู้ผู้แข็งแกร่งตลอดไป

การได้ติดตามเจ้านายเช่นนั้นอนาคตของพวกเขาจะสดใส

สิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขมากขึ้นก็คือเมื่อองค์ชายโส่วจิงพบกับเจ้ากลุ่มดาว เขาถูกโยนงานให้ทำทันที นี่เป็นการกำจัดความคลางแคลงใจของนักสู้จากกลุ่มดาวมังกร

และยังมีพื้นที่ใจกลางของไข่หมีกันไว้ให้ชาวกลุ่มดาวมังกรสำหรับพลเมืองของพวกเขา นั่นคือเครื่องล่ออย่างดี

ความหนาแน่นของพลังกลุ่มดาวร้อยละสี่สิบ

ตระกูลและครอบครัวทั้งหลายได้เลือกผู้เยาว์ซึ่งมีพรสวรรค์มากที่สุดและมีแนวโน้มมากที่สุดและให้มุ่งหน้าสู่กลุ่มดาวหมีใหญ่  ลูกๆ หลานๆ พวกเขาทุกคนรวมอยู่ในนั้น ทั่วทั้งกลุ่มดาวมังกรประชาชนเริ่มยอมรับกลุ่มดาวหมีใหญ่

องค์ชายโส่วจิงสามารถเข้าถึงวงในของถังเทียนได้และนั่นสำคัญต่อพวกเขามาก  ภายใต้ความตื่นเต้น ทุกคนทุ่มเทความพยายามทั้งหมด

“พวกเจ้าไปตรวจสอบดูหรือยัง?”  หลงโส่วจิงถามอย่างนุ่มนวล

นักสู้ชาวมังกรรายงาน  “แม้ว่าจะเป็นปฏิกิริยาห่างๆเราสามารถตัดสินจากพลังของพวกเขาได้ พวกเขาน่าจะเป็นเซียนนักสู้ แม้ว่าพวกเขาจะปลอมตัวแต่ก็ยังมีร่องรอยและเบาะแสจากการปลอมตัวของพวกเขา  หลังจากตรวจดูแล้ว เราพบว่าพวกเขาเป็นใครทั้งสามคนเป็นนักสู้ระดับเซียนจากกลุ่มดาววาฬ คนหัวโล้นก็คือเซียนมวยโต้วหย่ง, บัณฑิตวัยกลางคนคือเซียนกระบี่เหอหวี  สตรีชุดขาวคือเซียนพิณไป๋ซือซือ”

“กลุ่มดาววาฬ....”หลงโส่วจิงพึมพำ และไตร่ตรอง “เข้าใจแล้ว”

หลงโส่วจิงไม่มีปฏิกิริยาใดๆชั่วขณะนักสู้ชาวมังกรแค่มองหน้ากันเอง แต่ทั้งสามคนใช้ความพยายามมากมายเพื่อค้นหาเรื่องของคนทั้งสามได้ชัดเจนและคิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นคือความสำเร็จยิ่งใหญ่  แต่องค์ชายกลับตอบแค่ว่า เข้าใจล่ะ ไม่มีอะไรอื่นทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวัง

“ฝ่าบาทคนเหล่านี้ทุกคนคิดร้ายต่อท่าน ถ้าเราปล่อยไป ข้าเกรงว่า...” นักสู้ชาวมังกรเสนอแนะ

สายตาของหลงโส่วจิงมองดูที่พวกเขาสองสามคนและถาม“พวกเจ้าทุกคนมั่นใจว่าจะเอาชนะพวกเขาได้หรือเปล่า?”

“ไม่เลย...” พวกเขาลังเลใจก่อนตอบ  “แต่ถ้าเซียนเหลียงฟงลงมือ  ข้าคิดว่าเราอาจมีโอกาส”

“อาจมีโอกาส  พวกเจ้าคิดว่าเรามีโอกาสมากเท่าใด?”  แม้ว่าน้ำเสียงหลงโส่วจิงเรียบเฉยแต่ก็มีแรงกดดันเล็กน้อย

“สี่สิบ....”  นักสู้ชาวมังกรตะกุกตะกักตอบ

หลงโส่วจิงส่ายหัว “อย่างน้อยพวกเจ้าก็ต้องมีบาดเจ็บล้มตายอย่างน้อยหกคน เจ้าว่ากลุ่มดาวมังกรเรามีนักสู้ระดับทองเหลือกี่คน?  และคนที่กำลังจะได้เป็นนักสู้ระดับทองล่ะ?  น้อยกว่าสามสิบคนและนั่นคือเส้นสายสุดท้ายของพลังสำหรับกลุ่มดาวมังกร”

ทุกคนเงียบ

“ข้าเข้าใจความคิดของพวกเจ้า  แต่, ทำไมพวกเขาถึงยังไม่เคลื่อนไหวหลังจากผ่านไปนานเล่า?  เหตุผลง่ายๆ วังวนกระบี่หนาแน่นเกินไป พวกเขาจึงไม่อาจหาโอกาสลงมือได้” หลงโส่วจิงพูดอย่างนุ่มนวล “ที่นี่คือกลุ่มดาวหมีใหญ่ เราได้เปรียบมากมายมหาศาล และนอกจากนี้ยังมีสมบัติชั้นเซียน เมื่อเจ้ากลุ่มดาวฝึกสำเร็จ  พวกเขายังจะมีโอกาสอะไรอีก?”

“แต่.....”

หลงโส่วจิงถอนหายใจ เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายและไม่ชอบแก่งแย่งชิงอำนาจ ถ้าไม่ใช่เพราะไม่ต้องการเห็นกลุ่มดาวมังกรถูกทำลาย ทำไมเขาต้องยอมเข้ามารับผิดชอบเช่นนั้นด้วย? ตอนแรกเขาตั้งใจเป็นหุ่นเชิดดีดีหลังจากเข้ากลุ่มดาวหมีใหญ่  เนื่องจากเขาไม่มีอะไรต่างจากหุ่นเชิด

แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนไม่ให้โอกาสเขาถอนตัวและมอบหมายงานกองพะเนินให้เขาทำทันที  สำหรับกลุ่มดาวมังกร  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาในตอนนี้  เขากลายเป็นตัวแทนของกลุ่มดาวมังกรและตำแหน่งของเขากลายเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญระหว่างสองกลุ่มดาว

เขาไม่มีทางถอนตัวหนีได้เลย

คนของเขาทุกคนพยายามไขว่คว้าหาความสำเร็จบางอย่างเพื่อโอกาสเสริมสร้างสถานะของกลุ่มดาวมังกรและหลงโส่วจิงเข้าใจพวกเขา

“อย่าเพิ่งกังวลไปเลย” หลงโส่วจิงปลอบโยนพวกเขาและพูดอย่างอ่อนโยน  “ในช่วงเวลานี้พวกเจ้ายังไม่มีโอกาสอะไรสิ่งที่พวกเจ้าทุกคนต้องทำก็คือฝึกฝนอย่างหนักเพื่อยกระดับของพวกเจ้าเอง  เซียนเหลียงฟงมีตำแหน่งแน่นอนแล้ว  แต่ไม่ใช่ตัวแทนของกลุ่มดาวมังกร  ถ้าพวกเจ้าต้องการอะไรมีเพียงสองทางให้พวกเจ้าทำเท่านั้น หนึ่งคือกลายเป็นนักสู้ระดับเซียนด้วยตัวเจ้าเอง อีกทางหนึ่งคือส่งเสริมใส่ใจคนรุ่นใหม่อย่างจริงจัง  สงครามนี้คงไม่จบภายในสองสามปีเป็นแน่”

เขาเห็นสีหน้ากังวลของพวกเขา

หลงโส่วจิงอดถอนหายใจอีกครั้งไม่ได้  ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว  ดังนั้นพวกเขาอาจทำได้ดีกว่าเช่นกันเขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ผู้มีพรสวรรค์ของกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็ยังเหลืออยู่เช่นกัน  แต่พวกเขาขัดแย้งกับเจ้ากลุ่มดาวคนปัจจุบัน ขณะที่กลุ่มดาวหมาป่าไม่มีคนที่มีพรสวรรค์มากนักและกลุ่มดาวอันโดรเมดายังไม่ฟื้นฟู สำหรับเรานี่คือโอกาสที่หาได้ยาก  ไปพาครอบครัวที่มีพรสวรรค์ของตนเองเข้ามาเถอะไม่ต้องไปคำนึงถึงจำนวน ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องเสียใจในภายหลังแน่ และเรื่องนี้พวกเขาจะโทษว่าใครไม่ได้”

พวกเขาสองสามคนดีใจ  เป็นไปตามคาดองค์ชายหลักแหลมจริงๆ

ตราบใดที่พวกเขายืนอยู่ในพื้นที่ตนเอง สถานะในอนาคตของกลุ่มดาวมังกรจะไม่ต่ำต้อยเป็นแน่

“ฝ่าบาทโปรดพักผ่อนก่อนเถิด  เราจะพาคนที่ดีที่สุดของกลุ่มดาวมังกรเข้ามา”

เมื่อเห็นความอ่อนล้าบนใบหน้าของหลงโส่วจิง  พวกเขาจากไปทันที

หลังจากพวกเขาออกไปแล้วห้องก็เงียบและสงบอีกครั้งหนึ่ง หลงโส่วจิงฝืนหัวเราะ  อยากเป็นคนเกียจคร้านก็ยังไม่ง่ายเลย

แต่เขาไม่ได้สุ่มคิดเรื่อยเปื่อย  กลุ่มดาวมังกรรักษากำลังของพวกเขาไว้ได้ในสองสามปีที่ผ่านมาเหตุผลก็คือพวกเขามีกิจการภายในที่โดดเด่นพวกเขาไม่ทำการค้าเหมือนกับกลุ่มดาวอันโดรเมดา ต่อสู้ไม่แข็งแกร่งเท่ากับกลุ่มดาวหมีใหญ่ กลุ่มดาวมังกรไม่ได้มีทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่ามากมายนัก และสามารถรักษาสถานะได้ทุกวันนี้เพราะคนที่มีความสามารถเป็นแกนกลางกิจการภายในคอยควบคุมและพัฒนาสนับสนุนคนรุ่นใหม่

อนาคตของกลุ่มดาวหมีใหญ่จะเป็นยังไงกันแน่?

หลงโส่วจิงตื่นเต้นอย่างมากกับอนาคตทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด