ตอนที่แล้วตอนที่ 444 อพยพใหญ่ชาวหมาป่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 446 สุดยอดไข่หมี

ตอนที่ 445 หลงโส่วจิง


หลงโส่วจิงมองดูวังจากระยะไกลและหยุดนิ่งอยู่กับที่

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาเยือนวังกลุ่มดาวหมีใหญ่ วังที่อยู่ต่อหน้าเขาทรุดโทรมมากกว่าครั้งสุดท้ายที่เขามา  แต่ไม่ได้มีบรรยากาศถดถอยเสื่อมโทรมแต่อย่างใด

ความมีชีวิตชีวาและพลังงานดวงดาวเต็มอยู่ในอากาศเพราะเป็นเมืองหลวง พลังงานดวงดาวจึงเข้มข้นมากกว่าที่อื่นๆ

“ความเข้มข้นของพลังดวงดาวเท่าไหร่?”  หลงโส่วจิงถามโดยไม่หันหน้ากลับมา

ตาขององครักษ์ข้างๆตัวเขาเป็นประกายวาบ ตัวเลขปรากฏในสายตาเขาและหายไปอย่างรวดเร็ว เขาคำนับ  “ฝ่าบาท ความหนาแน่นของพลังดวงดาวร้อยละสิบสี่”

หลงโส่วจิงถอนหายใจ  หน้าของเขาซีดขาว สีหน้าของเขาเศร้าใจร่างของเขาอ่อนลงเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาจะถูกลมพัดได้ทุกเมื่อ

ดรุณีน้อยกระโปรงเขียวที่อยู่ข้างเขาอดแย้งไม่ได้และพูดขึ้น“พี่โส่วจิง, นี่เราไม่มีโอกาสจริงๆ หรือ?”

หลงโส่วจิงส่ายศีรษะอย่างเงียบๆมองดูวังพญาหมีไกลออกไป อารมณ์ของเขาเลือนราง “ไม่การสูญเสียกองกำลังสะท้านภูผาก็คือการสูญเสียโอกาสสุดท้ายของเรา”

“ทำไมเราไม่ร่วมกับสมาพันธ์ชาวยุทธ?”  เด็กหญิงพูดอย่างไม่สบายใจ

“อย่างนั้นเราจะสูญเสียหนักกว่า  พวกเขาโลภยิ่งกว่า”  หลงโส่วจิงลูบศีรษะเด็กหญิง

ดรุณีน้อยผู้นี้อายุสิบสามสิบสี่ปี  นางมีชีวิตชีวาและน่ารัก  หัวของนางรูปร่างเหมือนแอปเปิ้ลสีโอลด์โรสนางค้อนด้วยอารมณ์ของเด็ก วงหน้าแอปเปิ้ลของนางปรากฏรอยยิ้มสดใสผมของนางปลิวพริ้วอยู่ในสายลม

แต่ดรุณีน้อยรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของหลงโส่วจิงนางปั้นสีหน้าไม่พอใจ

นางตอบอย่างไม่พอใจ  “ฮึ่ม, ฝ่าบาทและพวกที่เหลือใช้ไม่ได้เลยจริงๆ!  ถอนตัวกะทันหันแบบนี้! โชคดีที่เรายังมีพี่โส่วจิง!”

องครักษ์ที่อยู่ข้างตัวหลงโส่วจิงแสดงท่าทางโกรธเช่นกัน อันตรายที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนซึ่งกลุ่มดาวมังกรเผชิญอยู่ทำให้ทุกคนจนใจ  องค์ชายหลงโส่วจิงคิดหาวิธีได้อัตโนมัติ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าปกครองกลุ่มดาวฉวยโอกาสจากสถานการณ์เพื่อประโยชน์ของตนเองทิ้งตำแหน่งเจ้าปกครองกลุ่มดาวแม้กระทั่งผู้สืบทอดทั้งสามคนก็เลวร้าย คนหนึ่งหนีไปตอนกลางคืน และอีกสองคนแกล้งป่วย

ในที่สุดความรับผิดชอบมาตกอยู่ที่องค์ชายสี่หลงโส่วจิง

องครักษ์รอบตัวเขาเป็นยอดฝีมือดีที่สุดของกลุ่มดาวมังกร การกระทำของเจ้าปกครองกลุ่มดาวและผู้สืบทอดสองสามคนทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาอาศัยอยู่ในชายคาของกลุ่มดาวมังกรมาเป็นเวลานาน ตระกูลของเขาเป็นตระกูลใหญ่และถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำขององค์ชายโส่วจิงที่ปลอบประโลมพวกเขาขึ้นมาบ้าง  พวกเขาคงไปจากกลุ่มดาวมังกรนานแล้ว

เหลียงฟงมองดูหลงโส่วจิงด้วยความสนใจอยู่บ้างเดิมทีก็ไม่ใช่กงการอะไรของเขา แต่ความคิดที่ติดอยู่ในใจของเขาจากวันนั้นยังไม่หายไป การเข้าร่วมกันของสี่กลุ่มดาวเป็นพันธมิตรเดียวกันทำให้กลุ่มดาวหมีใหญ่มีคุณสมบัติกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลยังรบกวนจิตใจของเหลียงฟง หลังจากมีปฏิสัมพันธ์กับปิงมากขึ้นและสังเกตทหารทั้งสองกองทัพจากระยะไกลเขามีความมั่นใจมากขึ้น

เขาตระหนักได้ว่าภายใต้คำแนะนำของปิง พลังของกองทัพจักรกลขนาดใหญ่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มีผู้นำทหารที่ทรงพลังมากขนาดนั้นและมีกองกำลังที่โดดเด่ดถึงสองกองทัพ ศักยภาพในอนาคตของกลุ่มดาวหมีใหญ่ย่อมไม่มีขีดจำกัด  การตัดสินครั้งนี้ทำให้เขาลงมือก่อน  แม้ว่าเขาจะเป็นนักสู้ระดับเซียน  แต่เขาก็มีปัญญาเช่นกัน  สงครามจะไม่สิ้นสุดในช่วงเวลาสั้นๆและจะรุนแรงมากขึ้น และสวรรค์วิถีทั้งหมดจะถูกฉุดลากเข้ามาด้วย  แม้ว่าเขาจะเป็นนักสู้ระดับเซียนคนหนึ่งแต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างนั้น ชีวิตอ่อนแอเหมือนหญ้า

เขารู้จักประวัติศาสตร์ดีทุกครั้งที่โลกตกอยู่ในกลียุค นักสู้ระดับเซียนหลายคนจะปรากฏตัวขึ้น

ไม่มีอะไรลับฝีมือนักสู้ได้ดีกว่าการต่อสู้จริงๆและไม่มีอะไรช่วยให้นักสู้ได้ก้าวหน้าได้ดีกว่าสนามรบจริงๆ  การรบต่อสู้จะทำให้นักสู้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งขึ้นและพลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นช่วยให้กองทัพใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น

นอกจากนี้เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง  เขายังมีครอบครัวและศิษย์ของเขา

กลุ่มมหาอำนาจที่กำลังพัฒนาทุกแห่งมีความปรารถนาต้องการให้มีความสามารถมากกว่ามหาอำนาจที่มีเสถียรภาพแล้ว

เหลียงฟงตัดสินใจเดินทางพร้อมกับหลงโส่วจิงและการกระทำของหลงโส่วจิงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้เขายอมรับ

มีแต่ในช่วงเวลาคับขันจึงจะมีคนจริงปรากฏตัวขึ้น

ในวันเวลาปกติทายาทสามคนแรกโดดเด่นรุ่งเรืองมากกว่าผู้ใด ขณะที่องค์ชายโส่วจิงทุกคนไม่เคยรู้สึกว่าเขายังคงอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาริเริ่มแนะนำให้เข้าร่วมกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ทุกคนคงลืมไปว่าเขาคือทายาทอีกคนหนึ่ง

หลังจากจัดการความยุ่งเหยิง  องค์ชายโส่วจิงเปิดใจเตรียมไปเยี่ยมเยือนผู้บัญชาการของอีกฝ่ายด้วยตนเองทันทีจากนั้นเขาใช้เวลาเดินทางไปยังกลุ่มดาวหมีใหญ่หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม

เมื่อเห็นองค์ชายโส่วจิงทำงานหนักพวกเขาทุกคนต่างแสดงความนับถือเขา

หลงโส่วจิงได้ยินคำพูดของดรุณีน้อยก็หัวเราะจากนั้นลูบศีรษะนางกล่าว “เสี่ยวจื๋อจือ (ส้มน้อย) อย่าหงุดหงิดไปเลยสถานการณ์ตอนนี้ไม่ย่ำแย่ขนาดนั้น เจ้าดาวมังกรไม่ใช่จะทำงานกันง่ายๆ เป็นหุ่นเชิดยังจะง่ายกว่า”

“แต่ว่า...” เสี่ยวจื๋อจือตอบอย่างกังวล

“เราแพ้นะ” หลงโส่วจิงมองดูเสี่ยวจื๋อจือสีหน้าของเขาสงบ  “ผู้แพ้ต้องจ่ายบรรณาการมูลค่าเพียงเท่านี้นับว่าเบาแล้ว”

เขาคุกเข่าลงยิ้มและจับไหล่นาง “และนี่ก็เหมือนย้อนกลับไปในช่วงชีวิตเก่าๆ ของเราสงัดและสงบสุข”

เขายืนขึ้นและก้าวเดินไปข้างหน้า  “ไปกันเถอะ ไปพบบุรุษผู้เรียกตัวเองว่าหนุ่มชาวฟ้ากัน”

วังพญาหมี

ถังเทียนมีใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก

“ทูตจากสำนักยุทธอมตะขอเข้าพบเจ้ากลุ่มดาว”

“ทูตกลุ่มดาวอินทรีขอเข้าพบเพื่อส่งคำเชิญ....”

“ท่านเจ้ากลุ่มดาว, ราคาสินค้าพุ่งกระฉูด  การค้าทั้งหลายปิดตัวลง”

“ท่านเจ้ากลุ่มดาวมีคนที่ไม่ทราบฝ่ายปรากฏตัวที่ประตูดวงดาวต่างๆ”

……

ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่าสมองของเขาพองโตแทบจะระเบิดบริวารทั้งหมดได้แต่มองดูเขา บริวารของเขาทุกคนเป็นกลุ่มนักสู้ชาวหมาป่าผู้คล่องแคล่วและมีสติปัญญาริเริ่มเพื่อทำกิจกรรมต่างๆคอยอยู่ข้างตัวถังเทียน

หลังจากนั้นทุกๆกิจการส่งเข้ามาถึงถังเทียน เหมือนกับแม่น้ำร้อยสายพลันบรรจบลงที่ทะเล

ถังเทียนตะลึงงงงวยหนุ่มชาวฟ้าไม่เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้เลย...

อาเฮ่อยังไม่กลับมาปิงประจำอยู่ที่กลุ่มดาวมังกร แม้แต่หัวหม่าเอ๋อกอยู่ที่กลุ่มดาวหมาป่า ถังเทียนตะลึง พบว่าเขาไม่มีคนอื่นอยู่เลย โอ๊ะ มีอยู่คนหนึ่ง

“เสี่ยวซิ่วซิ่ว  เจ้ามีความคิดอะไรดีๆ บ้างไหม?”ถังเทียนมองเขาอย่างคาดหวัง

หลิงซิ่วหันหน้ามามองและพูดด้วยความมั่นใจ  “เรื่องหมูๆ”

ถังเทียนมีความสุขทันที  “ทำไงเหรอ?”

หลิงซิ่วชูหอกและตอบด้วยท่าทีมาดมั่น“ทิ่มพวกแม่ม..คนละหอกให้ตายไปก็สิ้นเรื่อง!”

ถังเทียน“....”

ข้าน่าจะรู้อยู่แล้วว่า  ข้าฉลาดกว่าเสี่ยวซิ่วซิ่วอยู่นิดเดียวถังเทียนคร่ำครวญในใจ

“ท่านเจ้ากลุ่มดาว, ทูตของกลุ่มดาวมังกรรอพบท่านอยู่”

กลุ่มดาวมังกรใจของถังเทียนมีรายการสมบัติที่ปิงยื่นให้ผุดขึ้นมา

สามร้อยพันล้านเหรียญดาวอสูรสะท้านภูผาระดับแปดจำนวนสิบตัว สมบัติระดับทองสองชิ้น การ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นสิบใบแร่ผลึกมังกรสี่ร้อยตัน

ผู้มีอิทธิพลตัวจริง!

มีอิทธิพลขนาดนั้นเราจะปล่อยให้เขารอได้ยังไง?ข้านึกหาวิธีรีดทรัพย์ให้ได้สักหน่อยจะดีกว่า...

“รีบเชิญเขาเข้ามา!”  ถังเทียนยิ้มทันทีทิ้งเรื่องกังวลหนักสมองไว้ข้างๆ ทั้งหมด

“หลงโส่วจิงแห่งกลุ่มดาวมังกรถวายบังคมฝ่าบาท!”

หลงโส่วจิงทักทายด้วยความเคารพ

“เรียกข้าว่าถังเทียนก็พอ”  ถังเทียนอึดอัดกับคำว่าฝ่าบาทเป็นอย่างมาก และเริ่มจ้องดูหลงโส่วจิงมิน่าเล่าเขาถึงเรียกว่าผ้าเช็ดหน้า (โส่วจิน เป็นคำพ้องเสียงแต่คนละความหมาย)  เขาดูเหมือนจะปลิวได้ทุกเมื่อยามเมื่อลมพัดแรง..เอ่, ทำไมสง่าราศีของเจ้าหนุ่มโส่วจิน (ผ้าเช็ดหน้า) รู้สึกว่าคล้ายกับเสี่ยวเฮ่อ..โอว.. คนที่ดูเหมือนกันอย่างนั้น พวกเขาดูเหมือนจะฉลาดทุกคน

หลงโส่วจิงก็ลอบจับตาดูถังเทียน

ชื่อของหนุ่มชาวฟ้านั้นโด่งดังคับฟ้า  มีความมหัศจรรย์มากมายอยู่ในตัวถังเทียน  เขาเป็นเหมือนปริศนาที่ถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งมหัศจรรย์

ปฏิกิริยาแรกของหลงโส่วจิงก็คืออายุน้อยมาก  การยกย่องว่าเป็น “หนุ่ม”อายุของเขาจะต้องไม่สูงอย่างแน่นอน แต่เห็นกับตาตนเอง ถังเทียนดูอายุน้อยกว่าสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีมองดูเหมือนกับเด็กนักเรียนธรรมดา ทำให้เขาเริ่มใจสั่น

เขามีความสุขกับชีวิตที่เรียบง่ายไม่ชอบการดิ้นรนต่อสู้ แต่เกี่ยวกับพรสวรรค์ของตัวเขาเอง เขารู้ตัวว่าเขาทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าถังเทียนยังอายุเยาว์มาก สมาธิของเขาเริ่มฟุ้งซ่าน

ไม่ว่าเขาจะทำยังไงเขาไม่อาจเป็นเหมือนถังเทียนได้ อายุเยาว์แต่กลับสร้างรากฐานได้ใหญ่โต

ตอนนั้นข้ายังคงเรียนอยู่ในสถาบันศึกษาอยู่เลย ยังสนุกเพลิดเพลินกับชีวิต...

หลงโส่วจิงไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ตกตะลึงพรึงเพริด  แม้แต่เหลียงฟงที่มาพร้อมกับเขาเมื่อเห็นสายตาของถังเทียน เขามีท่าทางเหมือนกับเห็นภูตผี  ในฐานะนักสู้ระดับเซียน สถานะของเหลียงฟงในกลุ่มดาวมังกรถือว่าสมบูรณ์พร้อมเด็กมีพรสวรรค์นับไม่ถ้วนยินดีจะโขกศีรษะเพื่อเข้ามาในสวนกระบี่ของเขา  เขาได้เห็นคนมีพรสวรรค์มานับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยเห็นคนมีพรสวรรค์ที่ดันทุรังเหมือนเด็กหนุ่มที่ต่อหน้าเขาเลย

เขาคือนักสู้ระดับเซียน สายตาของเขาแหลมคมและเฉียบขาด  และในสายตาของเขาปรากฏฉากภาพที่น่ากลัวโผล่ออกมา

พลังดวงดาวทั้งหมดของกลุ่มดาวหมีใหญ่ไหลเวียนอยู่ในร่างของถังเทียนจากนั้นทะลักออกมาอีกครั้งและหายไปในอากาศและภาคพื้น

ความจริงถังเทียนกลายเป็นศูนย์กลางพลังงานของกลุ่มดาวหมีใหญ่!

นักสู้ระดับเซียนคนใดที่เห็นภาพนั้นก็คงรู้สึกจิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว  กระแสพลังดวงดาวไม่เร็วตรงกันข้ากลับช้ามากซึ่งนักสู้ระดับธรรมดาไม่สามารถตระหนักได้  แต่ปริมาณของมันน่าประหลาดใจและภาพการไหลเวียนอย่างช้าๆ ก็น่ามหัศจรรย์

ภาพลวงตาที่เขาเห็นทันทีที่ก้าวเข้ามาในวังไม่ใช่ภาพลวงตา!

เขามีแผ่นเงินขนาดเหรียญดาวซ่อนอยู่ในแขนเสื้อและขณะต่อมาเขาก้มศีรษะกวาดตาดู ประกายแสงปรากฏวูบในดวงตาเขาทันที

ร้องละยี่สิบเจ็ด

ความหนาแน่นของพลังดวงดาวในวังความจริงมากถึงร้อยละยี่สิบเจ็ด

จำนวนขนาดนั้นเทียบเท่ามาตรฐานของสิบตำหนักระนาบสุริยะแล้ว

ความหนาแน่นของพลังดวงดาวถึงร้อยละยี่สิบเจ็ดไม่เคยปรากฏให้เห็นในห้ากลุ่มดาวขั้วขอบฟ้ามาก่อนและเหลียงฟงยังทราบได้อย่างแน่นอนว่าความเข้มข้นของพลังยังคงเพิ่มขึ้นอีก

แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงซึ่งทำให้เขาประหลาดใจ  ด้วยพลังเซียนของเขา  แม้แต่สิบสองตำหนักสุริยุปราคาก็ยังจะปฏิบัติต่อเขาราวกับอาคันตุกะผู้มีเกียรติ  ปัจจุบันนี้สำหรับเขาความหนาแน่นของพลังดวงดาวที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ช่วยอะไรเขามากแต่อย่างใด

สิ่งที่เขาไม่อาจเชื่อได้และไม่เคยได้ยินมาก่อนก็คือสมบัติระดับเซียนจะยินดีช่วยเขาเหมือนกับที่ช่วยถังเทียน

กระดูกหมีเดียวดาย...

มันฝากความหวังและคาดหวังอะไรไว้กับถังเทียนกันแน่

ทันใดนั้นเขาคิดเรื่องหนึ่งได้ ทำให้ร่างกายของเขาแข็งค้างทันที

เป็นไปได้ไหมว่า...กลุ่มดาวหมีใหญ่ทำลายมรดกซึ่งอยู่ภายในกระดูกหมีเดียวดาย?

ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงมีความสุขของถังเทียนทันที

“เฮ้ โส่วจิน(จงใจเรียกเพี้ยนหมายถึงผ้าเช็ดหน้า) ถ้าอาหารขายเกินราคามากร้านค้าปิดตัวหลายร้าน ท่านจะทำยังไง?”

หลิงซิ่วที่อยู่ข้างๆเบิกตากว้างเหมือนกับแมวที่รู้สึกถึงอันตรายหนีบหางขยับออกห่างที่สุดเมื่อเจ้าบ้าถังใช้สำเนียงพูดแบบนั้นคนที่อยู่ท้ายสุดมีแนวโน้มว่าจะโชคร้าย

หลงโส่วจิงที่ตะลึงตอนแรกรีบตอบทันที  “ต้องมีผู้คอยตรวจการณ์ตลาด, ข่มขู่ร้านเล็กๆตอนกลางคืนและจากนั้นค่อยๆ สร้างและปรับปรุงตลาด”

เป็นไปตามคาด...โส่วจิน (ผ้าเช็ดหน้า) ฉลาดจริงๆ

ถังเทียนฉีกยิ้มจนแก้มปริเขากล่าว “โส่วจิน (ผ้าเช็ดหน้า) ท่านช่วยข้าสักเรื่องได้ไหม?”

หลงโส่วจิงค่อยรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างในใจเขา  แต่เขาได้แต่แข็งใจตอบ “โปรดบอกมาเถิด ฝ่าบาท,ถ้าไม่เกินความสามารถที่โส่วจิงทำได้..”

“ข้ารู้ว่าโส่วจิน (ผ้าเช็ดหน้า)เป็นคนตรงอยู่แล้ว” ถังเทียนขัดจังหวะหลงโส่วจิงโดยไม่ลังเลเขาหันไปทางกลุ่มนักสู้ชาวหมาป่าที่กำลังประสานมือคารวะ  “ปัญหาทุกอย่างที่พวกเจ้ามี จงไปถามเขา”

หลงโส่วจิงมีสีหน้ามึนงงถูกคลื่นนักสู้รุมล้อมทันที

ที่ประตูทางเข้าวังถังเทียนค่อยย่องถอยหลังและเผ่นหนีไปอย่างตำตา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด