ตอนที่ 445 หลงโส่วจิง
หลงโส่วจิงมองดูวังจากระยะไกลและหยุดนิ่งอยู่กับที่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาเยือนวังกลุ่มดาวหมีใหญ่ วังที่อยู่ต่อหน้าเขาทรุดโทรมมากกว่าครั้งสุดท้ายที่เขามา แต่ไม่ได้มีบรรยากาศถดถอยเสื่อมโทรมแต่อย่างใด
ความมีชีวิตชีวาและพลังงานดวงดาวเต็มอยู่ในอากาศเพราะเป็นเมืองหลวง พลังงานดวงดาวจึงเข้มข้นมากกว่าที่อื่นๆ
“ความเข้มข้นของพลังดวงดาวเท่าไหร่?” หลงโส่วจิงถามโดยไม่หันหน้ากลับมา
ตาขององครักษ์ข้างๆตัวเขาเป็นประกายวาบ ตัวเลขปรากฏในสายตาเขาและหายไปอย่างรวดเร็ว เขาคำนับ “ฝ่าบาท ความหนาแน่นของพลังดวงดาวร้อยละสิบสี่”
หลงโส่วจิงถอนหายใจ หน้าของเขาซีดขาว สีหน้าของเขาเศร้าใจร่างของเขาอ่อนลงเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาจะถูกลมพัดได้ทุกเมื่อ
ดรุณีน้อยกระโปรงเขียวที่อยู่ข้างเขาอดแย้งไม่ได้และพูดขึ้น“พี่โส่วจิง, นี่เราไม่มีโอกาสจริงๆ หรือ?”
หลงโส่วจิงส่ายศีรษะอย่างเงียบๆมองดูวังพญาหมีไกลออกไป อารมณ์ของเขาเลือนราง “ไม่การสูญเสียกองกำลังสะท้านภูผาก็คือการสูญเสียโอกาสสุดท้ายของเรา”
“ทำไมเราไม่ร่วมกับสมาพันธ์ชาวยุทธ?” เด็กหญิงพูดอย่างไม่สบายใจ
“อย่างนั้นเราจะสูญเสียหนักกว่า พวกเขาโลภยิ่งกว่า” หลงโส่วจิงลูบศีรษะเด็กหญิง
ดรุณีน้อยผู้นี้อายุสิบสามสิบสี่ปี นางมีชีวิตชีวาและน่ารัก หัวของนางรูปร่างเหมือนแอปเปิ้ลสีโอลด์โรสนางค้อนด้วยอารมณ์ของเด็ก วงหน้าแอปเปิ้ลของนางปรากฏรอยยิ้มสดใสผมของนางปลิวพริ้วอยู่ในสายลม
แต่ดรุณีน้อยรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของหลงโส่วจิงนางปั้นสีหน้าไม่พอใจ
นางตอบอย่างไม่พอใจ “ฮึ่ม, ฝ่าบาทและพวกที่เหลือใช้ไม่ได้เลยจริงๆ! ถอนตัวกะทันหันแบบนี้! โชคดีที่เรายังมีพี่โส่วจิง!”
องครักษ์ที่อยู่ข้างตัวหลงโส่วจิงแสดงท่าทางโกรธเช่นกัน อันตรายที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนซึ่งกลุ่มดาวมังกรเผชิญอยู่ทำให้ทุกคนจนใจ องค์ชายหลงโส่วจิงคิดหาวิธีได้อัตโนมัติ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าปกครองกลุ่มดาวฉวยโอกาสจากสถานการณ์เพื่อประโยชน์ของตนเองทิ้งตำแหน่งเจ้าปกครองกลุ่มดาวแม้กระทั่งผู้สืบทอดทั้งสามคนก็เลวร้าย คนหนึ่งหนีไปตอนกลางคืน และอีกสองคนแกล้งป่วย
ในที่สุดความรับผิดชอบมาตกอยู่ที่องค์ชายสี่หลงโส่วจิง
องครักษ์รอบตัวเขาเป็นยอดฝีมือดีที่สุดของกลุ่มดาวมังกร การกระทำของเจ้าปกครองกลุ่มดาวและผู้สืบทอดสองสามคนทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาอาศัยอยู่ในชายคาของกลุ่มดาวมังกรมาเป็นเวลานาน ตระกูลของเขาเป็นตระกูลใหญ่และถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำขององค์ชายโส่วจิงที่ปลอบประโลมพวกเขาขึ้นมาบ้าง พวกเขาคงไปจากกลุ่มดาวมังกรนานแล้ว
เหลียงฟงมองดูหลงโส่วจิงด้วยความสนใจอยู่บ้างเดิมทีก็ไม่ใช่กงการอะไรของเขา แต่ความคิดที่ติดอยู่ในใจของเขาจากวันนั้นยังไม่หายไป การเข้าร่วมกันของสี่กลุ่มดาวเป็นพันธมิตรเดียวกันทำให้กลุ่มดาวหมีใหญ่มีคุณสมบัติกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลยังรบกวนจิตใจของเหลียงฟง หลังจากมีปฏิสัมพันธ์กับปิงมากขึ้นและสังเกตทหารทั้งสองกองทัพจากระยะไกลเขามีความมั่นใจมากขึ้น
เขาตระหนักได้ว่าภายใต้คำแนะนำของปิง พลังของกองทัพจักรกลขนาดใหญ่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มีผู้นำทหารที่ทรงพลังมากขนาดนั้นและมีกองกำลังที่โดดเด่ดถึงสองกองทัพ ศักยภาพในอนาคตของกลุ่มดาวหมีใหญ่ย่อมไม่มีขีดจำกัด การตัดสินครั้งนี้ทำให้เขาลงมือก่อน แม้ว่าเขาจะเป็นนักสู้ระดับเซียน แต่เขาก็มีปัญญาเช่นกัน สงครามจะไม่สิ้นสุดในช่วงเวลาสั้นๆและจะรุนแรงมากขึ้น และสวรรค์วิถีทั้งหมดจะถูกฉุดลากเข้ามาด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นนักสู้ระดับเซียนคนหนึ่งแต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างนั้น ชีวิตอ่อนแอเหมือนหญ้า
เขารู้จักประวัติศาสตร์ดีทุกครั้งที่โลกตกอยู่ในกลียุค นักสู้ระดับเซียนหลายคนจะปรากฏตัวขึ้น
ไม่มีอะไรลับฝีมือนักสู้ได้ดีกว่าการต่อสู้จริงๆและไม่มีอะไรช่วยให้นักสู้ได้ก้าวหน้าได้ดีกว่าสนามรบจริงๆ การรบต่อสู้จะทำให้นักสู้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งขึ้นและพลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นช่วยให้กองทัพใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น
นอกจากนี้เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เขายังมีครอบครัวและศิษย์ของเขา
กลุ่มมหาอำนาจที่กำลังพัฒนาทุกแห่งมีความปรารถนาต้องการให้มีความสามารถมากกว่ามหาอำนาจที่มีเสถียรภาพแล้ว
เหลียงฟงตัดสินใจเดินทางพร้อมกับหลงโส่วจิงและการกระทำของหลงโส่วจิงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้เขายอมรับ
มีแต่ในช่วงเวลาคับขันจึงจะมีคนจริงปรากฏตัวขึ้น
ในวันเวลาปกติทายาทสามคนแรกโดดเด่นรุ่งเรืองมากกว่าผู้ใด ขณะที่องค์ชายโส่วจิงทุกคนไม่เคยรู้สึกว่าเขายังคงอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาริเริ่มแนะนำให้เข้าร่วมกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ทุกคนคงลืมไปว่าเขาคือทายาทอีกคนหนึ่ง
หลังจากจัดการความยุ่งเหยิง องค์ชายโส่วจิงเปิดใจเตรียมไปเยี่ยมเยือนผู้บัญชาการของอีกฝ่ายด้วยตนเองทันทีจากนั้นเขาใช้เวลาเดินทางไปยังกลุ่มดาวหมีใหญ่หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม
เมื่อเห็นองค์ชายโส่วจิงทำงานหนักพวกเขาทุกคนต่างแสดงความนับถือเขา
หลงโส่วจิงได้ยินคำพูดของดรุณีน้อยก็หัวเราะจากนั้นลูบศีรษะนางกล่าว “เสี่ยวจื๋อจือ (ส้มน้อย) อย่าหงุดหงิดไปเลยสถานการณ์ตอนนี้ไม่ย่ำแย่ขนาดนั้น เจ้าดาวมังกรไม่ใช่จะทำงานกันง่ายๆ เป็นหุ่นเชิดยังจะง่ายกว่า”
“แต่ว่า...” เสี่ยวจื๋อจือตอบอย่างกังวล
“เราแพ้นะ” หลงโส่วจิงมองดูเสี่ยวจื๋อจือสีหน้าของเขาสงบ “ผู้แพ้ต้องจ่ายบรรณาการมูลค่าเพียงเท่านี้นับว่าเบาแล้ว”
เขาคุกเข่าลงยิ้มและจับไหล่นาง “และนี่ก็เหมือนย้อนกลับไปในช่วงชีวิตเก่าๆ ของเราสงัดและสงบสุข”
เขายืนขึ้นและก้าวเดินไปข้างหน้า “ไปกันเถอะ ไปพบบุรุษผู้เรียกตัวเองว่าหนุ่มชาวฟ้ากัน”
วังพญาหมี
ถังเทียนมีใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก
“ทูตจากสำนักยุทธอมตะขอเข้าพบเจ้ากลุ่มดาว”
“ทูตกลุ่มดาวอินทรีขอเข้าพบเพื่อส่งคำเชิญ....”
“ท่านเจ้ากลุ่มดาว, ราคาสินค้าพุ่งกระฉูด การค้าทั้งหลายปิดตัวลง”
“ท่านเจ้ากลุ่มดาวมีคนที่ไม่ทราบฝ่ายปรากฏตัวที่ประตูดวงดาวต่างๆ”
……
ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่าสมองของเขาพองโตแทบจะระเบิดบริวารทั้งหมดได้แต่มองดูเขา บริวารของเขาทุกคนเป็นกลุ่มนักสู้ชาวหมาป่าผู้คล่องแคล่วและมีสติปัญญาริเริ่มเพื่อทำกิจกรรมต่างๆคอยอยู่ข้างตัวถังเทียน
หลังจากนั้นทุกๆกิจการส่งเข้ามาถึงถังเทียน เหมือนกับแม่น้ำร้อยสายพลันบรรจบลงที่ทะเล
ถังเทียนตะลึงงงงวยหนุ่มชาวฟ้าไม่เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้เลย...
อาเฮ่อยังไม่กลับมาปิงประจำอยู่ที่กลุ่มดาวมังกร แม้แต่หัวหม่าเอ๋อกอยู่ที่กลุ่มดาวหมาป่า ถังเทียนตะลึง พบว่าเขาไม่มีคนอื่นอยู่เลย โอ๊ะ มีอยู่คนหนึ่ง
“เสี่ยวซิ่วซิ่ว เจ้ามีความคิดอะไรดีๆ บ้างไหม?”ถังเทียนมองเขาอย่างคาดหวัง
หลิงซิ่วหันหน้ามามองและพูดด้วยความมั่นใจ “เรื่องหมูๆ”
ถังเทียนมีความสุขทันที “ทำไงเหรอ?”
หลิงซิ่วชูหอกและตอบด้วยท่าทีมาดมั่น“ทิ่มพวกแม่ม..คนละหอกให้ตายไปก็สิ้นเรื่อง!”
ถังเทียน“....”
ข้าน่าจะรู้อยู่แล้วว่า ข้าฉลาดกว่าเสี่ยวซิ่วซิ่วอยู่นิดเดียวถังเทียนคร่ำครวญในใจ
“ท่านเจ้ากลุ่มดาว, ทูตของกลุ่มดาวมังกรรอพบท่านอยู่”
กลุ่มดาวมังกรใจของถังเทียนมีรายการสมบัติที่ปิงยื่นให้ผุดขึ้นมา
สามร้อยพันล้านเหรียญดาวอสูรสะท้านภูผาระดับแปดจำนวนสิบตัว สมบัติระดับทองสองชิ้น การ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นสิบใบแร่ผลึกมังกรสี่ร้อยตัน
ผู้มีอิทธิพลตัวจริง!
มีอิทธิพลขนาดนั้นเราจะปล่อยให้เขารอได้ยังไง?ข้านึกหาวิธีรีดทรัพย์ให้ได้สักหน่อยจะดีกว่า...
“รีบเชิญเขาเข้ามา!” ถังเทียนยิ้มทันทีทิ้งเรื่องกังวลหนักสมองไว้ข้างๆ ทั้งหมด
“หลงโส่วจิงแห่งกลุ่มดาวมังกรถวายบังคมฝ่าบาท!”
หลงโส่วจิงทักทายด้วยความเคารพ
“เรียกข้าว่าถังเทียนก็พอ” ถังเทียนอึดอัดกับคำว่าฝ่าบาทเป็นอย่างมาก และเริ่มจ้องดูหลงโส่วจิงมิน่าเล่าเขาถึงเรียกว่าผ้าเช็ดหน้า (โส่วจิน เป็นคำพ้องเสียงแต่คนละความหมาย) เขาดูเหมือนจะปลิวได้ทุกเมื่อยามเมื่อลมพัดแรง..เอ่, ทำไมสง่าราศีของเจ้าหนุ่มโส่วจิน (ผ้าเช็ดหน้า) รู้สึกว่าคล้ายกับเสี่ยวเฮ่อ..โอว.. คนที่ดูเหมือนกันอย่างนั้น พวกเขาดูเหมือนจะฉลาดทุกคน
หลงโส่วจิงก็ลอบจับตาดูถังเทียน
ชื่อของหนุ่มชาวฟ้านั้นโด่งดังคับฟ้า มีความมหัศจรรย์มากมายอยู่ในตัวถังเทียน เขาเป็นเหมือนปริศนาที่ถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งมหัศจรรย์
ปฏิกิริยาแรกของหลงโส่วจิงก็คืออายุน้อยมาก การยกย่องว่าเป็น “หนุ่ม”อายุของเขาจะต้องไม่สูงอย่างแน่นอน แต่เห็นกับตาตนเอง ถังเทียนดูอายุน้อยกว่าสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีมองดูเหมือนกับเด็กนักเรียนธรรมดา ทำให้เขาเริ่มใจสั่น
เขามีความสุขกับชีวิตที่เรียบง่ายไม่ชอบการดิ้นรนต่อสู้ แต่เกี่ยวกับพรสวรรค์ของตัวเขาเอง เขารู้ตัวว่าเขาทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าถังเทียนยังอายุเยาว์มาก สมาธิของเขาเริ่มฟุ้งซ่าน
ไม่ว่าเขาจะทำยังไงเขาไม่อาจเป็นเหมือนถังเทียนได้ อายุเยาว์แต่กลับสร้างรากฐานได้ใหญ่โต
ตอนนั้นข้ายังคงเรียนอยู่ในสถาบันศึกษาอยู่เลย ยังสนุกเพลิดเพลินกับชีวิต...
หลงโส่วจิงไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ตกตะลึงพรึงเพริด แม้แต่เหลียงฟงที่มาพร้อมกับเขาเมื่อเห็นสายตาของถังเทียน เขามีท่าทางเหมือนกับเห็นภูตผี ในฐานะนักสู้ระดับเซียน สถานะของเหลียงฟงในกลุ่มดาวมังกรถือว่าสมบูรณ์พร้อมเด็กมีพรสวรรค์นับไม่ถ้วนยินดีจะโขกศีรษะเพื่อเข้ามาในสวนกระบี่ของเขา เขาได้เห็นคนมีพรสวรรค์มานับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยเห็นคนมีพรสวรรค์ที่ดันทุรังเหมือนเด็กหนุ่มที่ต่อหน้าเขาเลย
เขาคือนักสู้ระดับเซียน สายตาของเขาแหลมคมและเฉียบขาด และในสายตาของเขาปรากฏฉากภาพที่น่ากลัวโผล่ออกมา
พลังดวงดาวทั้งหมดของกลุ่มดาวหมีใหญ่ไหลเวียนอยู่ในร่างของถังเทียนจากนั้นทะลักออกมาอีกครั้งและหายไปในอากาศและภาคพื้น
ความจริงถังเทียนกลายเป็นศูนย์กลางพลังงานของกลุ่มดาวหมีใหญ่!
นักสู้ระดับเซียนคนใดที่เห็นภาพนั้นก็คงรู้สึกจิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กระแสพลังดวงดาวไม่เร็วตรงกันข้ากลับช้ามากซึ่งนักสู้ระดับธรรมดาไม่สามารถตระหนักได้ แต่ปริมาณของมันน่าประหลาดใจและภาพการไหลเวียนอย่างช้าๆ ก็น่ามหัศจรรย์
ภาพลวงตาที่เขาเห็นทันทีที่ก้าวเข้ามาในวังไม่ใช่ภาพลวงตา!
เขามีแผ่นเงินขนาดเหรียญดาวซ่อนอยู่ในแขนเสื้อและขณะต่อมาเขาก้มศีรษะกวาดตาดู ประกายแสงปรากฏวูบในดวงตาเขาทันที
ร้องละยี่สิบเจ็ด
ความหนาแน่นของพลังดวงดาวในวังความจริงมากถึงร้อยละยี่สิบเจ็ด
จำนวนขนาดนั้นเทียบเท่ามาตรฐานของสิบตำหนักระนาบสุริยะแล้ว
ความหนาแน่นของพลังดวงดาวถึงร้อยละยี่สิบเจ็ดไม่เคยปรากฏให้เห็นในห้ากลุ่มดาวขั้วขอบฟ้ามาก่อนและเหลียงฟงยังทราบได้อย่างแน่นอนว่าความเข้มข้นของพลังยังคงเพิ่มขึ้นอีก
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงซึ่งทำให้เขาประหลาดใจ ด้วยพลังเซียนของเขา แม้แต่สิบสองตำหนักสุริยุปราคาก็ยังจะปฏิบัติต่อเขาราวกับอาคันตุกะผู้มีเกียรติ ปัจจุบันนี้สำหรับเขาความหนาแน่นของพลังดวงดาวที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ช่วยอะไรเขามากแต่อย่างใด
สิ่งที่เขาไม่อาจเชื่อได้และไม่เคยได้ยินมาก่อนก็คือสมบัติระดับเซียนจะยินดีช่วยเขาเหมือนกับที่ช่วยถังเทียน
กระดูกหมีเดียวดาย...
มันฝากความหวังและคาดหวังอะไรไว้กับถังเทียนกันแน่
ทันใดนั้นเขาคิดเรื่องหนึ่งได้ ทำให้ร่างกายของเขาแข็งค้างทันที
เป็นไปได้ไหมว่า...กลุ่มดาวหมีใหญ่ทำลายมรดกซึ่งอยู่ภายในกระดูกหมีเดียวดาย?
ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงมีความสุขของถังเทียนทันที
“เฮ้ โส่วจิน(จงใจเรียกเพี้ยนหมายถึงผ้าเช็ดหน้า) ถ้าอาหารขายเกินราคามากร้านค้าปิดตัวหลายร้าน ท่านจะทำยังไง?”
หลิงซิ่วที่อยู่ข้างๆเบิกตากว้างเหมือนกับแมวที่รู้สึกถึงอันตรายหนีบหางขยับออกห่างที่สุดเมื่อเจ้าบ้าถังใช้สำเนียงพูดแบบนั้นคนที่อยู่ท้ายสุดมีแนวโน้มว่าจะโชคร้าย
หลงโส่วจิงที่ตะลึงตอนแรกรีบตอบทันที “ต้องมีผู้คอยตรวจการณ์ตลาด, ข่มขู่ร้านเล็กๆตอนกลางคืนและจากนั้นค่อยๆ สร้างและปรับปรุงตลาด”
เป็นไปตามคาด...โส่วจิน (ผ้าเช็ดหน้า) ฉลาดจริงๆ
ถังเทียนฉีกยิ้มจนแก้มปริเขากล่าว “โส่วจิน (ผ้าเช็ดหน้า) ท่านช่วยข้าสักเรื่องได้ไหม?”
หลงโส่วจิงค่อยรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างในใจเขา แต่เขาได้แต่แข็งใจตอบ “โปรดบอกมาเถิด ฝ่าบาท,ถ้าไม่เกินความสามารถที่โส่วจิงทำได้..”
“ข้ารู้ว่าโส่วจิน (ผ้าเช็ดหน้า)เป็นคนตรงอยู่แล้ว” ถังเทียนขัดจังหวะหลงโส่วจิงโดยไม่ลังเลเขาหันไปทางกลุ่มนักสู้ชาวหมาป่าที่กำลังประสานมือคารวะ “ปัญหาทุกอย่างที่พวกเจ้ามี จงไปถามเขา”
หลงโส่วจิงมีสีหน้ามึนงงถูกคลื่นนักสู้รุมล้อมทันที
ที่ประตูทางเข้าวังถังเทียนค่อยย่องถอยหลังและเผ่นหนีไปอย่างตำตา