ตอนที่แล้วตอนที่ 444 - การกลับมาของนางเซียนหงส์ฟ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 446 - ไพ่ทำนายชะตา

ตอนที่ 445 - ทิ้งอดีตสู่ชีวิตอนาคต


พอได้ยินสาวงามถามว่าต้องการถูกกอดหรือถูกจูบ เย่ว์หยางพยักหน้าเหมือนเด็กแรกเกิดที่ต้องการทั้งสองอย่าง

“ในฝันของเจ้านะ” นางเซียนหงส์ฟ้างับเบาๆ ที่ติ่งหูของเย่ว์หยาง

เขารู้สึกเจ็บเล็กน้อย

จากนั้นสาวงามก็เลียที่ติ่งหูอย่างนุ่มนวลแล้วก็ทำอีกข้างหนึ่งเช่นกัน ท่าทีเจ้าชู้หยอกล้อนี้ที่ไม่เหมือนใครแทบจะทำให้เย่ว์หยางเปลี่ยนเป็นมนุษย์หมาป่าแล้วหอนจากนั้นเอากรงเล็บตะกุยพื้นในทันใด เมื่อดูข้างหลังเขา เย่ว์หยางเห็นสาวงามกำลังมองเขาอย่างสงบด้วยรอยยิ้มแฝงแววยั่วเย้าของนาง นัยน์ตาเป็นประกาย พวงแก้มสีชมพูกับริมฝีปากแดงดุจผลเชอรี่พ่นลมหายใจใส่จนเลือดหมาป่าของเขาแทบเดือด เสน่ห์ของนางไม่ธรรมดา พอจะทำให้โลกหยุดนิ่งได้ ไม่ว่าผู้ใดก็อดมองไม่ได้

นางเซียนหงส์ฟ้าตบหน้าผากเย่ว์หยางเบาๆ และพูดหยอกล้อ “เด็กร้ายกาจ! เจ้ามองพอหรือยัง?”

เย่ว์หยางแสดงความเห็นว่า “ข้าไม่เคยเชื่อเลย เมื่อมีคนกล่าวอธิบายว่าความงามของคนนับเป็นอาหารตาอย่างหนึ่ง หลังจากวันนี้ เมื่อข้าได้พบอาหารตาเช่นนั้นกับตัวเอง ข้าถึงได้รู้ว่าคำกล่าวเช่นนั้นไม่เกินจริง”

พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ นางเซียนหงส์ฟ้ายิ้ม

โอว!

นางใช้นิ้วมือเรียวงามบีบแก้มเย่ว์หยาง ริมฝีปากสีทับทิมของนางยื่นเข้ามาแทบชิด นางกระซิบกับเขาว่า “มิน่าเล่า เจ้าถึงได้ขโมยหัวใจสาวงามได้มากมายนัก ปากเจ้าหวานยิ่งนัก เด็กร้ายกาจ ลูกเล่นตลกๆ เหล่านี้ใช้ได้แค่กับแม่เสือสาวกับโล่วฮัวเท่านั้น แต่ใช้กับข้าไม่ได้”

“พี่สาวคนดี! ข้ามีชีวิตอยู่เพื่อชีวิตรักเปี่ยมสุขเหมือนกัน อย่าเพิ่งแฉข้าเมื่อถึงเวลาก็แล้วกัน” เย่ว์หยางพยายามเอื้อมมือกลับไปที่ด้านหลังตั้งใจจะเอาเปรียบนางสักเล็กน้อย พอรู้ว่าสาวงามไม่แสดงอาการขัดขืน เขากลับเลื่อนมือไปที่บั้นท้ายของนางแทนแล้วค่อยๆ ยกให้นางขี่หลังของเขา โดยไม่ต้องมีความเขินอายแบบสาวๆ ทั่วไป นางเซียนหงส์ฟ้าหัวเราะแล้วโน้มตัวขี่หลังเย่ว์หยาง นางใช้สองมือโอบรอบคอเขา ขาทั้งสองข้างเกี่ยวรอบสะเอว นางบิดตัวรอบเขาเหมือนกับนางพญาอสรพิษ

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าต่อสู้กับหกมารฟ้ามา เป็นยังไงบ้าง? เจ้าโดนรังแกจนน้ำตาร่วงหรือเปล่า?” โดยไม่สนใจข้อถือสาประเพณี นางเซียนหงส์ฟ้าเลื่อนมือเข้าไปในเสื้อผ้าของเย่ว์หยาง และโอว… มือของนางซุกซนยิ่งนัก ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางแทบจะถูกเพลิงปรารถนาเผาผลาญเท่านั้น แต่เขากลับเหงื่อไหลพร่างพรู เพราะนักรบหลายคนจ้องมองอย่างเปิดเผย

เย่ว์หยางรีบใช้มือข้างหนึ่งจับมือที่ซุกซนของนางเซียนหงส์ฟ้า แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งถือบัวเพลิงฟ้าพิโรธไว้

ความกดดันมหาศาลเกิดจากแรงระเบิดฉับพลัน

แรงกดดันที่มองไม่เห็นน่ากลัวยิ่งกว่าแรงดันที่แผ่ออกจากตัวเมื่อจ้าวปีศาจมาถึง เป็นผลให้นักรบที่อ่อนแอที่สุดและอยู่ใกล้ที่สุดกระเด็นไปเป็นร้อยเมตร

อสูรพิทักษ์ที่หยิ่งยโสก่อนนั้นตกใจกลัวจนคิดอะไรไม่ออก มันล้มลงบนพื้นและไม่กล้าขยับแม้แต่นิ้วเดียว

นักรบเหล่านั้นที่มีปฏิกิริยาช้าพากันล้มลงกับพื้นกันหมด

และพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง

นักรบที่มีหัวคิดไวสองสามคนตระหนักได้ทันทีว่าคู่รักที่กล้าแสดงความสนิทสนมอย่างเปิดเผยนี้คือนักสู้ปราณก่อกำเนิด ความจริงพวกเขาคือยอดฝีมือนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสูงที่ข่มขวัญพวกเขาได้จนต้องรีบสาวเท้าหนีให้เร็วที่สุด จะเสียใจอยู่ก็เพียงแต่ว่าขาพวกเขาไม่สามารถงอกเพิ่ม จะได้หนีได้เร็วกว่านี้

ตามปกติสิ่งที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดเกลียดที่สุดก็คือถูกคนอื่นล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว ก็เหมือนกลุ่มคนพวกนี้ที่ดูเหมือนจะเพลิดเพลินกับการดูการแสดงออกของคนอื่น แม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เป็นเรื่องต้องห้ามแน่นอน

โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ดูเพื่อตั้งใจฆ่า มิฉะนั้นพลังเพลิงที่ใช้ไปคงสามารถฆ่าคนโดยรอบภายในวินาทีเดียวแน่

พอเห็นทักษะของเย่ว์หยาง นางเซียนหงส์ฟ้าจูบหยอกเอินเขา “โอว, มิน่าเล่า เจ้าถึงกล้าท้าทายหกมารฟ้า เจ้าบรรลุขอบเขตใหม่นี่เอง แม้ว่าเจ้าจะเป็นเด็กร้ายกาจจอมเจ้าชู้ แต่ความสามารถของเจ้านับได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งแน่! ตอนนี้ เจ้าไม่ได้มาอวดผลของการฝึกฝนใช่ไหม? ข้ายังไม่สามารถต่อสู้ได้ อาการบาดเจ็บของข้ายังไม่ทุเลาดี!”

“โอว, อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายสนิทอีกเหรอ?” เย่ว์หยางตำหนิด้วยความห่วงใย “อย่างนั้นทำไมท่านถึงรีบจากไปเร็วนัก ในเมื่อยังไม่หายดี? ข้าไม่ได้คิดค่าเช่าบ้านจากท่านสักหน่อย”

“อาการบาดเจ็บภายนอกหายหมดแล้ว แต่บาดแผลหัวใจข้ายังไม่หาย” นางเซียนหงส์ฟ้าก็เพียงแต่พูดหยอกล้อเย่ว์หยาง เพื่อลองใจว่าเขาห่วงใยนาง ปฏิกิริยาของเขาทำให้นางพอใจ

“ข้าเก่งที่สุดในเรื่องการรักษาบาดแผลหัวใจ” เย่ว์หยางไม่โกรธ และแบกนางเซียนหงส์ฟ้าไปที่อื่นเพื่อเย้าหยอกนางต่อ

“พาข้าไปที่ตำหนักซัคคิวบัส ข้าเกรงว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของข้าอาจต้องทำงานต่างโคต่างม้าให้เจ้า จะไม่มีโอกาสกลับไปดูแลตำหนักซัคคิวบัสต่อไป ข้าต้องกลับไปที่เผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสก่อน” คำพูดของนางเซียนหงส์ฟ้าพูดออกมาอย่างจริงจัง

นางรู้ว่าเย่ว์หยางจะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับนาง เพราะอาจมีสงครามใหญ่เพื่อต่อต้านกับราชาเฮยอวี้รออยู่

หลังจากรบกับราชาเฮยอวี้แล้ว ยังอาจมีจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟย

หลังจากศึกนั้นแล้ว พวกเขายังต้องไปแดนสวรรค์

ในแดนสวรรค์ มีซิวคง, จิ่วเซียวและหมิงเย่ว์กวง สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์รออยู่ การต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้รออยู่ ถ้าเป็นอย่างนี้ จะมีเวลาดูแลตำหนักซัคคิวบัสได้อย่างไร? จะดูแลตำหนักซัคคิวบัสก็เพราะมีเวลาว่างขณะฝึกฝน เป็นเพียงหน้าที่ซึ่งทำมาเพื่อฆ่าเวลา แต่ตอนนี้มีการศึกที่อันตรายอยู่ข้างหน้า จำเป็นต้องฝึกฝนหนักกว่าแต่ก่อน แล้วจะมีเวลาดูแลเรื่องอื่นได้อย่างไร? นางเซียนหงส์ฟ้ามิได้พูดออกมา แต่ตำหนักซัคคิวบัสมีกฎอยู่ต่างหาก ก็คือเมื่อปีศาจซัคคิวบัสทุกตนพบบุรุษที่นางรัก พวกนางต้องพาเขากลับมายังเผ่าพันธุ์ เพื่อให้ได้รับการยอมรับอย่างดีจากเผ่าพันธุ์ ก่อนที่จะไปจากตำหนักซัคคิวบัสเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

แม้ว่าจะพูดตีขลุมว่านางเซียนหงส์ฟ้าหลงรักเย่ว์หยางจนไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเขา แต่หลังจากที่ผ่านการต่อสู้โชคเลือดเสี่ยงตายมาด้วยกัน และด้วยการฝึกผสานร่างผสานหัวใจให้เป็นหนึ่งร่วมกัน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกผูกพันอะไร

ไม่ว่านางจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม แต่นางก็ยังเป็นสตรีคนหนึ่ง

หลังจากเปลือยกายฝึกด้วยกัน และหลังจากต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันหลายครั้ง

ใครจะสามารถลืมเรื่องทั้งหมดด้วยยิ้มเดียวเล่า?

นางเซียนหงส์ฟ้าไม่เคยพบบุรุษโดยเจาะจงมาก่อน นางไม่เคยเปิดใจยอมรับบุรุษดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม มีหลายอย่างเปลี่ยนไป แม้ว่าแรกเริ่มเดิมทีนางอิจฉาพี่สาวนางและต้องการจะขโมยศิษย์ของนาง แต่หลังจากใช้เวลาฝึกฝนและต่อสู้ร่วมกันมามาก เย่ว์หยางเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจนางโดยไม่รู้ตัว

นี่คือสาเหตุที่ในหัวใจนางเซียนหงส์ฟ้าตัดสินใจให้โอกาสหนุ่มน้อยผู้นี้

แม้ว่าเขายังอายุน้อยมาก น้อยจนแทบเป็นเรื่องเหลวไหล นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือเขามีความสามารถ เขามีศักยภาพและเขาชอบนางมาก

เพื่อคลี่คลายอาการคอขวดในการฝึกฝน จำเป็นต้องมีการผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า

ตำนานกล่าวไว้ว่า กระบี่สามารถตัดสายใยสัมพันธ์ สะบั้นอายตนะรับรู้ทั้งหกและปล่อยวางกายหยาบหลือแต่เพียงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์สูงส่ง

ก็จะค่อยๆ กลายเป็นจื้อจุนและเป็นเทพเจ้าได้ในที่สุด

นางเซียนหงส์ฟ้าเคยทำเช่นนั้น ไม่ถามไถ่เรื่องราวความรักระหว่างชายหญิง อุทิศตนเองให้กับการฝึกฝนเท่านั้น

จนกระทั่งนางได้พบเย่ว์หยาง

นางตระหนักได้ว่าวิธีฝึกฝนของเขาและของนางแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่กลับให้ผลที่ดีกว่ามาก

เขาไม่จำเป็นต้องตัดสายใยผูกพัน สะบั้นอายตนะรับรู้ทั้งหก ปล่อยวางกายหยาบ แต่กลับเพิ่มพลังความสามารถได้อย่างรวดเร็ว รวดเร็วกว่า วิธีการเอาชนะเครื่องกีดขวางอารมณ์ของเขาต่างจากการทำสมาธิสงบนิ่งของคนอื่น แต่กลับเป็นแก่นแท้และเด่นชัด วิธีฝึกผสานร่างของเขาเป็นกลวิธีของเทพเจ้าอย่างแท้จริง แสดงให้เห็นผลที่ชัดเจน แล้วเรื่องที่กายหยาบจะกลายเป็นกายศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?นั้น เย่ว์หยาง เด็กหนุ่มคนนี้ยังไม่ถึงกับสะบั้นอายตนะรับรู้ทั้งหกและปล่อยวางกายหยาบ เขามีแต่ปราณก่อกำเนิดและเพลิงอมฤต และใช้ของเหล่านี้ทำการกำจัดร่าง ชำระ แล้วจากนั้นจึงก่อเกิดใหม่ วิธีการของเขาดีกว่า ไวกว่าวิธีที่นางรู้จักเป็นร้อยเท่าพันเท่า

เนื่องจากนี่คือวิธีที่ดีที่สุด และในขณะเดียวกันนางจะมีโอกาสลิ้มรสความหอมหวานของความรักในฐานะที่นางเป็นสตรี ทำไมจะไม่ได้เล่า?

แน่นอน ก่อนที่นางเซียนหงส์ฟ้าจะตัดสินใจเช่นนั้น นางลังเลอยู่นานมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเห็นใบหน้ายิ้มเปี่ยมสุขของหญิงงามอู๋เหินที่เป็นภรรยาของเขา ความอิจฉาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเกิดขึ้นในใจนาง และจากนั้นนางก็ตระหนักว่า สิ่งที่นางขาดหายไปก็คือความรัก

“ตำหนักซัคคิวบัส? มีปีศาจซัคคิวบัสเยอะไหม?…” เมื่อเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าไปถึงตำหนักซัคคิวบัสที่หอทงเทียนชั้นเจ็ด พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า ไม่ผิดพลาดแน่ที่นี่คือหนึ่งในสิบสถานที่ที่อันตรายที่สุดในหอทงเทียน เหตุผลก็เพราะที่นี่มีปีศาจซัคคิวบัสอาศัยอยู่นับหมื่น และมีปีศาจหญิงอีกหลายหมื่นเป็นผู้รับใช้ เกือบทั้งหมดมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ ขณะที่บางส่วนยังมีรูปร่างประหลาดอยู่ แต่อย่างน้อยก็มีร่างเป็นมนุษย์ครึ่งหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงบุรุษสักคน ต่อให้เป็นทหารทั้งกองกองจะถูกสูบจนแห้งทันที

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกบุรุษจะเปลี่ยนเป็นหน้าซีดเมื่อพูดถึงตำหนักซัคคิวบัส ที่นี่คือนรกของบุรุษอย่างมิต้องสงสัย

พวกซัคคิวบัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจที่ชอบยั่วยวนบุรุษ ผู้นำในกลุ่มจะเป็นสตรี พวกนางเกิดมาก็มักมีแต่สตรี พวกบุรุษไม่มีอยู่เลย

เห็นได้ชัดว่า ซัคคิวบัสเมื่อมีความสัมพันธ์กับบุรุษ ก็จะดูดพลังชีวิตของบุรุษจนแห้ง

สูบจนแห้ง

พวกนางสามารถเก็บเชื้อพันธุ์ของมนุษย์ได้เป็นพันปี และจากนั้นจะเป็นเหมือนนางพญามด มีช่วงเวลาที่อุดมสมบูรณ์อย่างอิสระ แน่นอนว่า ใช่ว่าซัคคิวบัสทั้งหมดจะเต็มใจผสมพันธุ์ เพราะทุกครั้งที่พวกนางทำอย่างนี้ซ้ำกัน พลังความสามารถของพวกนางจะลดลงครึ่งหนึ่ง ขณะที่ซัคคิวบัสน้อยที่พึ่งเกิดจะได้รับตกทอดพลังมาครึ่งหนึ่ง และเติบโตเร็วมาก

ที่หอทงเทียน พวกซัคคิวบัสเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เล็กมากเมื่อเทียบกับเผ่าอื่น แต่ทันทีที่พวกนางจับบุรุษที่แข็งแรงมาได้ พวกนางจะใช้ความสามารถที่ไม่เหมือนใครสูบพลังชีวิตของบุรุษจนแห้งโดยไม่มีความปราณี

พวกซัคคิวบัสที่ทรงพลัง ไม่จำเป็นต้องมีสัมพันธ์กับบุรุษ พวกนางแค่ต้องง้างปากพวกเขา และภายในไม่กี่วินาที พวกนางก็สามารถดูดพลังชีวิตระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดจนแห้งเหือดได้

นั่นคือสาเหตุที่พอพูดถึงสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอย่างปีศาจซัคคิวบัสทำให้บุรุษกลัวหวาดหวั่นไม่คลาย

“อย่าหวั่นเกรงไปเลย พวกนางไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ตำนานเล่าขาน พวกนางจะสูบพลังของบุรุษผู้ตั้งใจจะข่มเหงนางจนแห้งเท่านั้น ถ้าพวกเขามีความรักต่อกันที่แท้จริง ซัคคิวบัสจะอยู่กับคนรักไปตลอดชีวิต และจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตราย ในตำหนักซัคคิวบัส มีประวัติบันทึกไว้ว่าอย่างน้อยก็มีซัคคิวบัสพันตนที่แต่งงานออกจากเผ่าพันธุ์ไป และหลายชีวิตก็มีความสุข” นางเซียนหงส์ฟ้าไม่ใช่ซัคคิวบัส นางเป็นมนุษย์แท้ๆ เนื่องจากนางพญาซัคคิวบัสผู้เป็นอสูรระดับจ้าวปีศาจคอยปกป้องพิทักษ์สิ่งมีชีวิตด้วยตัวนางเอง นางเซียนหงส์ฟ้าได้รับการยกย่องเทิดทูนเหมือนกับเป็นจ้าวตำหนัก แม้แต่สถานะของนางยังสูงกว่านางพญาในหมู่ปีศาจซัคคิวบัสทั้งหมด

“จ้าวตำหนักมารกฎฟ้า พวกเราขออวยพรให้ท่านมีความสุข” นางพญาซัคคิวบัสต้อนรับพวกเขาอยู่หน้าตำหนัก นางดูน่ารักมากและมีความสูงประมาณสองเมตร นางสวมมงกุฎบนศีรษะอยู่ในเสื้อคลุมราชินีและอวยพรให้นางเซียนหงส์ฟ้ามีความสุขด้วยความจริงใจ

“เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้ ท่านมักเป็นคนดูแลข้าเสมอ และกลับเป็นข้าที่ทำอะไรตอบแทนให้ตำหนักซัคคิวบัสน้อยเหลือเกิน ไน่ไน่! ข้ามีความสุขมากที่ได้พบกับท่าน” นางเซียนหงส์ฟ้าและนางพญาซัคคิวบัสต่างสวมกอดกัน นางพญาซัคคิวบัสเป็นทั้งครูและสหาย นางมักสอนให้นางเซียนหงส์ฟ้าเสมอถึงวิธีใช้ชีวิตของนางเพื่อฝึกฝนอสูรพิทักษ์ เนื่องจากนางใช้ชีวิตฝึกฝนอสูรพิทักษ์ตั้งแต่ยังเป็นระดับหนึ่งธรรมดา จนวันนี้กลายเป็นอสูรเพชรระดับสิบ กลายเป็นจักรพรรดินีปีศาจซัคคิวบัสที่ยังไม่มีผู้ใดไปถึงระดับนั้น

“เผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสขอต้อนรับเจ้าตลอดไป ที่นี่คือบ้านของเจ้า เจ้าคือความภูมิใจของเผ่าพันธุ์เรา เรายินดีต้อนรับให้เจ้ากลับมาสู่บ้านธรรมชาติของเราเสมอ” นางพญาซัคคิวบัสยกย่องนางที่เป็นพี่น้องตนเองได้พบคู่ครองที่ดี เมื่อนางเห็นเย่ว์หยางทักทายนางด้วยมารยาทนักสู้ปราณก่อกำเนิด

นางได้ยินเรื่องราวของคุณชายสามตระกูลเย่ว์มาแล้ว

เขายังเยาว์วัยนัก แต่เขาเก่งกาจพอทำให้หอทงเทียนระดับสูงต้องสั่นสะเทือน

วันนี้ บางทีเขายังไม่สามารถเผชิญหน้ากับซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำ ไม่สามารถเอาชนะราชาเฮยอวี้ได้ แต่พรุ่งนี้ล่ะ? ใครกล้าพูดบ้างว่าเป็นไปไม่ได้?

ศิษย์ที่ได้รับการคัดเลือกจากสุดยอดของมนุษย์ จะผิดไปได้ยังไงกัน? ทักษะของจื้อจุน ถ้าเอามาใช้ตัดสินคน ไม่มีทางผิดพลาด

“โปรดดูแลให้นางมีความสุขด้วย กฎฟ้านางเป็นเด็กโชคร้ายมาก เจ้าต้องทำให้นางมีความสุข ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้ ดังนั้น ข้าขอฝากฝังนางไว้กับเจ้า” นางพญาซัคคิวบัสยิ้มแต่ลอบส่งข้อความให้เย่ว์หยาง ในขณะเดียวกัน ขณะที่เย่ว์หยางหันมาทักทาย นางยัดกล่องเล็กๆ ไว้ในมือเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว

การกระทำเช่นนี้ทำให้เย่ว์หยางตกใจเล็กน้อย เป็นไปได้ว่า นี่ต้องเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่? การกระทำของนางครั้งนี้ดูเหมือนมีความหมายลึกซึ้งกระมัง?

นางเซียนหงส์ฟ้ากำลังวุ่นวายกับการกอด 4 ผู้อาวุโสของเผ่าซัคคิวบัสเป็นการอำลา และไม่เห็นกล่องน้อยนี้ พอเห็นเย่ว์หยางรับไว้ นางพญาซัคคิวบัสก็ยิ้มและมองดูเย่ว์หยางกับนางเซียนหงส์ฟ้าจากไป

ปีศาจซัคคิวบัสนับหมื่นร้องเพลงประสานเสียงกันอย่างไพเราะส่งต่อเป็นทอดยินดีที่ซัคคิวบัสได้พบรักประสบความสำเร็จ

จากนั้นเย่ว์หยางค่อยเข้าใจ นางเซียนหงส์ฟ้าพาเขามาที่นี่เพื่อร่ำลาอดีต

เป็นไปได้ไหมว่ากล่องน้อยนี้ คืออดีตของนาง?

สถานะที่แท้จริงของนาง?

ด้วยสิ่งนี้ อาจเป็นไปได้ไหมที่จะพบกับข้อมูลเกี่ยวกับจื้อจุน?

*******************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด