ตอนที่แล้วตอนที่ 439 - ความโกรธของเซี่ยอี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 441 - ราชาเฮยอวี้ปรากฏ

ตอนที่ 440 – ความลึกลับของเย่ว์ชิว


“เจ้าทำให้ข้าอาการดีขึ้นได้ไหม?” เซี่ยอีหยุดร้องไห้เมื่อได้ฟังสิ่งที่เย่ว์หยางพูด ใบหน้าของนางยังเปื้อนด้วยน้ำตา ทำให้นางดูน่าสมเพชนัก ดูแตกต่างจากลักษณะที่ดูสง่าของนาง ที่เป็นนักรบหญิงที่น่ากลัว

“มาที่ห้องข้าก่อน!” เย่ว์หยางทำเหมือนกับว่าเขาเป็นหมออัจฉริยะ

“อะไรนะ?” เซี่ยอีสงสัยหนัก

“ถ้าเจ้าจะไม่ไปห้องก็ไม่เป็นไรนะ เจ้าจะแก้ผ้าของเจ้าตรงนี้ก็ได้” เย่ว์หยางเปิดเผยความตั้งใจที่แท้จริงของเขาในที่สุด

“ข้าต้องถอดเสื้อผ้าเมื่อตอนเจ้ารักษาข้าด้วยเหรอ?” เซี่ยอีหยุดร้องไห้ขณะที่กำหมัดแน่นและทำแก้มป่อง

“ไม่ได้ ข้าเอาแต่ดูเฉยๆ ไม่ได้ ต้องสัมผัสด้วย..” ก่อนที่เย่ว์หยางจะพูดจบประโยค เซี่ยอีก็คว้าคอเสื้อเขาและเหวี่ยงเขาใส่กำแพง จากนั้นนางหมุนตัวเดินหนี ชูกำปั้นสูงกล่าว “ข้ายอมตายดีกว่าปล่อยให้เจ้าเอาเปรียบ อย่าฝันไปเลย”

“ดุร้ายเกินไปแล้ว” สาวลูกครึ่งเอลฟ์มองเซี่ยอีและตัวสั่น จากนั้นนางรีบไปหาเย่ว์หยาง “นายท่าน, นายท่าน, ปลอดภัยไหม?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เย่ว์หยางยืนอยู่บนกำแพงและหัวเราะไม่หยุด

“พี่เซี่ยอีป่วยเหรอ, นั่นเป็นเรื่องดีนะ นางยังไม่สามารถควบคุมพลังของนางในตอนนี้ได้ไม่ใช่เหรอ?” สาวลูกครึ่งเอลฟ์ฉลาดมาก ขณะที่นางคาดเดาความตั้งใจของเย่ว์หยางได้รวดเร็ว นางคาดว่าเย่ว์หยางไม่ต้องการรักษาโดยตรงแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ล้อนางและยั่วให้นางโกรธ

“เป็นเด็กฉลาดจริงๆ ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องทำ จะปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อน ไว้รอให้ข้ากลับมาก่อนนะ” เย่ว์หยางลูบผมและหน้าผากของสาวลูกครึ่งเอลฟ์อย่างนุ่มนวล

“อืม..” สาวลูกครึ่งเอลฟ์เชื่องเชื่อเป็นที่สุดเมื่ออยู่ในอ้อมแขนเย่ว์หยางและผงกศีรษะอย่างน่ารัก

ความจริงนางต้องการกอดเย่ว์หยางตอบ แต่นางไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะทำอย่างนั้น

หลังจากทำข้อตกลงกับเฉินเซียนเซิงและเก็บแก้วผลึกอัญเชิญอสูรสายฟ้าและเกราะสายฟ้าชุดใหญ่ เย่ว์หยางออกจากป้อมสายฟ้าและตัดสินใจมุ่งหน้าลงไปที่หอทงเทียนชั้นที่ห้าเพื่อตามหามรดกของเย่ว์ชิว

ก่อนนั้น เขาได้ไปที่สมาคมนักรบเพื่อขายของๆ เขา

หอทงเทียนชั้นที่หกยังเงียบสงบอยู่

ทวีปที่ล่มสลายไปในสงครามเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้บริหารระดับสูงของหอทงเทียนจะต้องพบเจอเกือบทุกวัน แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงที่ราชาเฮยอวี้รุกรานทวีปมังกรทะยาน ก็ไม่ได้เป็นเรื่องดึงดูดความสนใจมากนัก เพราะแดนปีศาจมีประวัติศาสตร์การฆ่าฟันยาวนานในเรื่องการฆ่าปล้นสะดมภ์ประเทศอื่น นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้ทรงพลังอย่างซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำมีประวัติในการปกครองมาหลายประเทศ ดังนั้นทั้งหมดนี้จึงไม่สามารถเรียกความสนใจของผู้บริหารหอทงเทียนระดับสูงได้

เย่ว์หยางเดินเล่นแถวๆ สมาคมนักผจญภัยและตระหนักว่ากองกำลังนรกดำเสนอรางวัลให้เพียงเล็กน้อยเพื่อภารกิจพุ่งเป้าไปที่นักรบของทวีปมังกรทะยาน

ก็เหมือนกับโยนก้อนหินไม่กี่ก้อนลงไปในมหาสมุทร ก็ไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดระลอกคลื่นได้

ยังเทียบไม่ได้กับเงินรางวัลที่เสนอให้โดยสมาคมนักผจญภัยสำหรับค่าหัวนักรบวิบัติในกองกำลังนรกดำ

“น้ำพุอมตะพร้อมไหม?” เย่ว์หยางไปที่หอเกียรติยศเพื่อรับรางวัลที่ฆ่ามารมังกรฟ้า สำหรับเขาได้สู้กับหกมารฟ้ามาแล้ว และพวกเขายอมรับความจริงที่ว่ามารมังกรฟ้าถูกฆ่าแล้ว เย่ว์หยางไม่ใส่ใจรับรางวัลมากเท่าใดนัก

“นี่ค่ะ โปรดตรวจรับรางวัลด้วย” พนักงานต้อนรับสาวสวยต่างเผ่าพันธุ์เห็นศีรษะของมารมังกรฟ้า และวิตกกังวล มันเป็นหัวของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก

“ใช่แล้ว ขอบคุณ” เย่ว์หยางรับกล่องทองที่บรรจุน้ำพุอมตะ เขาไม่ได้แม้แต่จะมองขณะที่เขาปิดเอาไว้ ความมั่งคั่งของคนไม่ควรเปิดเผยให้คนอื่นรู้ ถ้าแสดงสมบัติอื่นก็คงไม่เป็นไร แต่สำหรับน้ำพุอมตะ เขาไม่สามารถโอ้อวดได้ทุกที่ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่เย่ว์หยางเองถ้าเขาได้เห็นคนอื่นๆ มีของนี้ เขาคงทุ่มเทเพื่อชิงเอามาให้ได้

มารมังกรฟ้าคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก ถ้าเย่ว์หยางแลกเปลี่ยนศีรษะของเขาเพื่อทอง บางทีพวกเขาต้องเอาทองมากองเป็นภูเขาย่อมๆ

ถ้าต้องการแลกเปลี่ยนเป็นผลปัญญา เขาก็สามารถแลกได้เป็นร้อยผล

แต่สำหรับน้ำพุอมตะ เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีอยู่เพียงห้าหยดเท่านั้น

ชั้นแรกเขาใช้กล่องป้องกันซึ่งมีน้ำหนักเกิน 2-3 ร้อยกิโลกรัมเพื่อหุ้มเอาไว้ จากนั้นก็ใช้อักษรรูนสวรรค์ผนึกไว้อีกชั้นทำให้มันต้านทานอาวุธใดๆ ก็ได้ และจะไม่ถูกน้ำและไฟทำลายได้ ทั้งหมดนี้ถูกบรรจุอยู่ในขวดหยกขนาดเท่าหัวแม่มือ ถ้าจะพูดให้ถูกมากกว่าก็คือ น้ำพุอมตะห้าหยดเหล่านี้บรรจุอยู่ในขวดหยก

ความแตกต่างระหว่างการใช้น้ำพุอมตะกับการไม่มีใช้จะเห็นได้ชัดที่สุด ก็ต่อเมื่อเทียบกับการใช้กระเช้าสมปรารถนานั่นเอง

ธรรมดาว่ากระเช้าสมปรารถนาจะเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เนื่องจากน่าเสียดายที่ใช้กับความปรารถนาอย่างง่ายๆ แต่ถ้าตั้งความปรารถนาที่โลภเกินไป ก็จะใช้ไม่ได้ผลอีก นอกจากนี้ มันยังทำลายตัวเองหลังจากใช้งานไปแล้ว ทำให้โอกาสที่ความปรารถนาจะสำเร็จได้ ลดน้อยลงไปอีก

การมีน้ำพุอมตะก็เหมือนกับการใช้กระเช้าสมปรารถนา ตัวอย่างก็เช่น เมื่อมีกระเช้าสมปรารถนาที่ไม่มีทางเหี่ยวเฉา ผู้ใช้ก็จะสามารถใช้ได้สามปีต่อครั้ง จึงถือได้ว่าเหนือกว่าสมบัติทุกอย่างในโลก เย่ว์หยางยอมใช้สมบัติครอบครัวทั้งหมด นั่นคือทองกองเท่าภูเขาย่อมๆ แลกเปลี่ยนมาจากปีศาจไม้ สมบัติชิ้นนี้ทำให้เย่ว์หยางภูมิใจมาจนถึงวันนี้

นี่ความจริงเป็นผลกระทบโดยตรงของน้ำพุอมตะ

ถ้าไม่ใช่เพราะน้ำพุอมตะ อย่างนั้นกระเช้าสมปรารถนาก็จะไม่มีทางเหี่ยวเฉา จะคงสภาพเป็นสมบัติที่ไร้ประโยชน์ตลอดไป และจะเป็นสมบัติที่ทำให้คนรักและชังไปในเวลาเดียวกัน

แน่นอนว่ายังคงมีปัจจัยอื่นอีกมากที่ทำให้กระเช้าสมปรารถนาเติบโต ตัวอย่างเช่นรดน้ำด้วยน้ำค้างเทพและน้ำทิพย์และเหล้าทิพย์

แต่ปัจจัยหลักก็คือน้ำพุอมตะ

เย่ว์หยางลงไปที่หอทงเทียนชั้นที่ห้า

เขาไม่ค่อยได้แวะไปหอทงเทียนชั้นที่ห้า ส่วนใหญ่มักจะผ่านเลยไป

เมื่อเขามาถึงหอทงเทียนชั้นที่ห้า เขาก็ทราบได้ว่ามีนักรบกลุ่มใหญ่ทำงานอยู่ที่นี่ นักรบจากแดนปีศาจและจากดินแดนทวีปอื่นมีพบเห็นได้อยู่ทุกแห่งหน และพวกเขาไม่ได้แสดงความเป็นมิตรต่อเย่ว์หยาง ที่ชั้นต่ำกว่าชั้นหกลงมา มีการแข่งขันรุนแรง ผู้คนเลือกข้างอย่างเห็นได้ชัด แต่นี่ไม่ได้พบเห็นในหอทงเทียนชั้นที่หก ในฐานะที่มีนักรบจากร้อยชาติร้อยแผ่นดินมาอยู่รวมกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเลือกข้างได้

“ข้าอยากได้แผนที่หุบเขาเจี๋ยเถา” เย่ว์หยางต้องการให้เรื่องผ่านง่ายดาย เพราะผู้ช่วยหัวหน้าสมาคมนักรบจำเขาได้ตอนที่พาเอลฟ์ทองลงมาจากหอทงเทียนชั้นหกเป็นครั้งแรก

“มีสงครามที่นั่น!” ไม่เพียงผู้ช่วยหัวหน้าจะมาต้อนรับเย่ว์หยางเองเท่านั้น เขายังคงเปิดเผยข้อมูลให้เขาด้วย

มีสงครามเกิดขึ้นที่หุบเขาเจี๋ยเถาแน่นอน ถ้าพูดให้ถูกต้องยิ่งกว่า เกิดการสังหารหมู่ที่นั่น

หุบเขาเจี๋ยเถาเมื่อก่อนหน้านี้ถูกแดนปีศาจพิชิตลงไป แต่เพราะวังหลวงปีศาจเกิดเรื่องมากมายและเย่ว์หยางก็ยังฆ่าแม่ทัพใหญ่ในวังปีศาจอีกด้วย เหล่าทาสแห่งหุบเขาเจี๋ยเถาร่วมมือกับมนุษย์ชาวทวีปอ้าวเจียและทวีปกู่ฟง และได้รับความช่วยเหลือของจ้าวอสูรทองก็สามารถก่อการลุกฮือและฆ่าปีศาจทั้งหมด และอยู่คุ้มครองพวกเขา ดังนั้นจึงอนุญาตให้พวกเขาได้เมืองเจี๋ยเถาไป

เมื่อเย่ว์หยางมาถึงเมืองเจี๋ยเถา เขาก็รู้ได้ว่าแม้พวกเขาจะเปิดวงเวทเทเลพอร์ตที่นั่นอีกครั้ง แต่พวกทหารเมืองและทหารรับจ้างระมัดระวังคนแปลกหน้ามาก และคำว่าเกลียดอาจเป็นคำอธิบายที่เหมาะกับอารมณ์ของพวกเขาเช่นกัน

เหมือนกับจะสงสัยว่าเย่ว์หยางเป็นสายลับ มีเงาร่างวูบวาบข้ามไปมาที่มุมถนน ขณะที่พวกเขาเดินตามเย่ว์หยางอย่างสุขุม

เย่ว์หยางมาถึงสมาคมนักผจญภัยที่เปิดใหม่แห่งหนึ่งและโยนเหรียญทองให้หนึ่งเหรียญ

พนักงานต้อนรับของสมาคมนักผจญภัยไม่แยแสสนใจ “เก็บเงินของเจ้าเสียเถอะ เจ้าไม่มีทางได้อะไรจากที่นี่ ไปซะ”

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางพบคนจากสมาคมนักผจญภัยลำเอียงต่อคนที่มาจากทวีปอื่น เขาตกใจเล็กน้อยขณะที่เขามองดูรอบๆ และตระหนักได้ว่าผู้คนโดยรอบกำลังจ้องมองมาที่เขา เย่ว์หยางเข้าใจทันทีว่าคนเหล่านี้คงสงสัยเขาว่าเป็นสายลับ ทหารรับจ้างทุกคนนี้อยู่ฝ่ายหุบเขาเจี๋ยเถา อย่างน้อยพวกเขาก็เห็นใจกองกำลังปฏิวัติที่นั่น เย่ว์หยางยิ้มขณะนั่งลง “ข้ามาที่นี่เพื่อถามเรื่องราวไม่กี่อย่าง แค่ตั้งคำถามไม่กี่ข้อก็เสร็จแล้ว”

“ไสหัวไปซะ, นี่ไม่ใช่ที่ๆ เจ้าควรมา คนอื่นๆ อาจจะกลัวเจ้า แต่ข้าไม่กลัวสายลับอย่างเจ้า ที่อยู่บนใบหน้าของเจ้าคงเป็นสมบัติระดับทองสินะ เจ้าคิดว่าจะขู่ให้คนหนีไปเพราะสวมไอ้สิ่งนั้นไว้บนใบหน้าของเจ้าหรือ?” ทหารรับจ้างที่ดูตัวสูงหยาบกร้าน ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งนักสู้ระดับหก เขาเป็นแค่นักสู้ระดับห้า แต่เขากล้าพูดกับเย่ว์หยางที่ภายนอกปรากฏว่าเป็นนักสู้ระดับหก

“หุบปาก” หัวหน้าทหารรับจ้างในชุดเกราะเงินนั่งอยู่ที่มุมห้องตวาด “นี่ไม่เกี่ยวกับเจ้า นั่งลง”

“ก็ได้ ข้าจะดูว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่” ทหารรับจ้างหยาบกร้านนั้นโกรธจัด แต่ก็ยอมนั่งลงตามคำสั่ง เขาเกือบกระแทกเก้าอี้ที่นั่งจนพัง ขณะที่เขาจ้องดูเย่ว์หยางเหมือนกับต้องการจะกินเขาทั้งตัว

“ข้าต้องการรู้เรื่องของบุรุษคนหนึ่งเพิ่ม เขาปรากฏตัวที่นี่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว” เมื่อเย่ว์หยางพูด ทุกคนกลับตั้งใจฟัง

“ชื่ออะไร?” พนักงานต้อนรับทำตัวเหินห่าง ขณะที่เขาตอบเย่ว์หยางแบบขอไปที

“ชื่อเย่ว์ชิว, เขาเป็นมนุษย์ มาจากทวีปมังกรทะยาน ชื่อของเขาอาจไม่ดัง แต่บางคนคงจะเคยได้ยินอีกชื่อของเขา ‘หู่ถู’ เขาเชี่ยวชาญอาวุธดาบและเขามีสัตว์อสูรคือพยัคฆ์คำรามเป็นอสูรระดับทอง เขายังมีมังกรใช้นั่งเป็นพาหนะ ข้าได้ยินมาว่าเขาสังหารทหารปีศาจไปหลายพันในหุบเขาเจี๋ยเถาและฆ่าแม่ทัพปีศาจไปสองนาย และนี่คือสาเหตุที่คนเรียกเขาว่าหู่ถู นี่คือภาพเหมือนของเขา เป็นอย่างนี้” เย่ว์หยางแสดงภาพวาดเหมือนของเย่ว์ชิว เย่ว์ชิวไม่ได้ทำงานแบบเดียวกับเย่ว์หยาง เขาไม่เคยปกปิดใบหน้าที่แท้จริง เขาเป็นคนกล้าหาญ

“ข้าไม่รู้จักเขา” นัยน์ตาของพนักงานต้อนรับเป็นประกาย เมื่อเห็นรูปวาดเหมือนของเย่ว์ชิว แต่เขาส่ายหน้าทันที

ความจริง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อเย่ว์หยางอธิบายเรื่องของเย่ว์ชิว

ด้วยจักษุญาณทิพย์ของเขา เขาสามารถสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้ได้ เขาเห็นกระทั่งว่ามือของหัวหน้าทหารรับจ้างที่นั่งอยู่ที่มุมห้องสั่นเล็กน้อยหลังจากได้ยินเรื่องที่เขาพูด

ถ้าอีกฝ่ายไม่ต้องการจะพูดอีกต่อไป เย่ว์หยางก็คงไม่บังคับเขา

เย่ว์ชิวคือวีรบุรุษอย่างแน่นอน พวกเขาคงไม่บอกเย่ว์หยางถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเย่ว์ชิวในอดีตโดยไม่รู้ความจริง

เย่ว์หยางคาดว่าบางทีเย่ว์ชิวคงเก็บมรดกของเขาบางส่วนไว้ที่หุบเขาเจี๋ยเถา เพราะเป็นที่สร้างชื่อให้กับเย่ว์ชิวในหอทงเทียน อาจจะมีเหตุผลอื่นที่ไม่รู้ซึ่งทำให้เย่ว์ชิวเก็บทรัพย์สินบางส่วนไว้ในถ้ำให้กับบุตรชายเขา

หรืออาจจะเก็บไว้ที่บ้านสหาย, อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

สมบัติของเขาคืออะไรกันแน่?

คงจะมีประโยชน์แน่นอน แต่เย่ว์หยางก็ไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่

“ท่านเคยได้ยินว่ามีคนชื่อเย่ว์ชิวบ้างไหม?” เย่ว์หยางหันศีรษะไปถามหัวหน้าทหารรับจ้างที่นั่งอยู่ที่มุม

“ไม่, ต่อให้เคยได้ยิน ข้าก็ไม่บอกเจ้า” ทหารรับจ้างผู้หยาบกร้านไม่รู้เรื่องของเย่ว์ชิวจริงๆ เขาตะโกนลั่นต้องการจะไล่เย่ว์หยางให้หนีไป

“ข้าเคยได้ยินชื่อคนผู้นี้ แต่เขาไม่ได้กลับมาเป็นสิบปีแล้ว…” หัวหน้าทหารรับจ้างพึมพำกับตัวเองอยู่นานก่อนจะตอบคำถาม

“แน่นอน เพราะเขาตายในการรบเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับมาที่นี่” เย่ว์หยางพยายามชวนเขาคุย

“อะไรนะ?” หัวหน้าทหารรับจ้างตะโกน “ไม่มีทาง, เป็นไปไม่ได้”

“นี่เป็นเรื่องจริง” เย่ว์หยางตัดสินใจชวนเขาคุยต่อ “นักสู้ระดับเจ็ดอาจนับได้ว่าเป็นยอดฝีมืออยู่ที่นี่ แต่เมื่อเทียบกับนักสู้ปราณก่อกำเนิด นักสู้ระดับเจ็ดก็แค่มดตัวโตตัวหนึ่ง…”

“เขาถูกนักสู้ปราณก่อกำเนิดฆ่าหรือ?” หัวหน้าทหารรับจ้างถาม

“ข้าไม่ทราบ เขาถูกคนกลุ่มหนึ่งจู่โจมทำร้าย เรากำลังสืบหาดูอยู่เช่นกัน” เย่ว์หยางสังเกตดูสีหน้าของอีกฝ่ายเพื่อพยายามขุดลึกความลับในอดีตของเย่ว์ชิว

“นะ..นี่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถูกคนอื่นฆ่าตาย” หัวหน้าทหารรับจ้างสงบลง เขาเชื่อแน่ว่าเย่ว์ชิวจะไม่ถูกฆ่า

“จะเป็นยังไงถ้าแม่ทัพปีศาจสองนายกับขุนพลปีศาจร่วมมือกัน?” เย่ว์หยางถาม

“เรื่องอย่างนี้เป็นไปไม่ได้…” หัวหน้าทหารรับจ้างยิ้มห่างเหินเหมือนกับว่าเขามั่นใจหลังจากระลึกบางอย่างได้ “นี่ ไม่ว่าเจ้ามีแรงจูงใจยังไง ข้าคงไม่เชื่อเจ้า หู่ถูเป็นวีรบุรุษของหุบเขาเจี๋ยเถา เจ้าสามารถถามเรื่องของเขาได้จากเด็กๆ ตามท้องถนนก็ได้ เจ้าไม่ต้องจัดการเดินทางพิเศษอะไรกับที่นี่ สำหรับเรื่องที่ข้าต้องการบอกก็คือ เขาไม่ได้มาที่นี่เป็นสิบปีแล้ว ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าจะล้วงขุดคุ้ยเอาความลับใดๆ เกี่ยวกับเขา เจ้าคิดผิดเสียแล้ว”

“ก็ได้ ข้าว่าข้าคงเดินทางเสียเที่ยวแล้ว” เย่ว์หยางเก็บเหรียญทองของเขาและเดินออกไปอย่างใจเย็น

“ข้าไม่เคยไปทวีปมังกรทะยาน แต่ข้าได้ยินว่าสงครามใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นที่นั่น เจ้ามองหาท่านหู่ถูเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม?” พนักงานต้อนรับของสมาคมนักผจญภัยพูด “ข้าไม่เคยพบเห็นท่านหู่ถู แต่ข้าได้ยินมาจากผู้อาวุโสชุดก่อนหน้านี้ว่า ถ้าพวกเจ้าต้องการตามหาเขา เจ้าไม่ควรมาที่นี่ เจ้าควรตรงไปทวีปมังกรทะยานซะ”

“เขาตายไปแล้ว ข้าแค่ต้องการรู้เรื่องราวในอดีตของเขา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสงคราม” เย่ว์หยางยักไหล่และออกไปจากสมาคมนักรบ

“ตาย? ไม่, เป็นไปไม่ได้” หัวหน้าสมาคมนักผจญภัยพึมพำ จากนั้นส่ายศีรษะยืนยัน

“……” เย่ว์หยางงง ทำไมคนที่นี่ยืนยันปฏิเสธการตายของเย่ว์ชิว? เย่ว์ชิวมีความลับอะไรกันแน่? เขามาทำอะไรที่นี่กันแน่ และเขาทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง?

เย่ว์ชิวยังมีชีวิตจริงๆ หรือ?

****************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด