ตอนที่ 13-38 โจมตีในทางกลับ
ลินลี่ย์อยู่ในท่านั่งสมาธิกับพื้นสามารถรู้สึกได้ง่ายถึงโลกว่ากว้างใหญ่ไพศาลเพียงไหนโลกจะเต็มไปด้วยแก่นธาตุดิน อณูดินทุกชิ้นเป็นมิตรและคุ้นเคยกับเขา มีลินลี่ย์อยู่ใจกลาง จังหวะการเต้นของชีพจรโลกถาโถมเข้ามาจากทุกทิศ
“ตึกๆ” “ตึกๆ”.....
แรงกระเพื่อมเต้นของพลังชีพจรซึ่งทะลักเข้ามาหาเต็มไปด้วยแก่นธาตุดินพลังเหล่านั้นม้วนตัวเข้ามาเหมือนกับคลื่นมีปฏิสัมพันธ์กันและกันขณะที่หลอมรวมเข้ากับพลังชีพจร
ชีพจรโลก แก่นธาตุดิน
ลินลี่ย์กำลังให้ความสนใจหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับทั้งสองช้าๆ
“ลินลี่ย์!” ลินลี่ย์ที่อยู่ในช่วงเวลาการทำสมาธิถูกรบกวนด้วยสำนึกเทพ ลินลี่ย์รู้ว่าเป็นเดเลียติดต่อเขาเข้ามา ลินลี่ย์ยิ้มโดยไม่รู้ตัว “เดเลีย! มีอะไรหรือ? คิดถึงข้าหรือ?”
“ฮึ,ใครคิดถึงเจ้ากันเล่า?” เดเลียแค่นเสียงแง่งอน “ลินลี่ย์! ข้าอยากถามเจ้าตั้งใจจะฝึกอยู่ที่ภูเขาฆ้องทองแดงอีกนานเท่าใด?”
ลินลี่ย์อดตกใจไม่ได้
เสียงของเดเลียแฝงไปด้วยแววไม่พอใจ เป็นธรรมดาที่ลินลี่ย์สามารถตรวจสอบได้ เพียงแต่ตอนนี้ลินลี่ย์ตระหนักได้ว่าค่อนข้างนานไปนิด “ข้าจากปราสาทเลือดมังกรมาในปี 10066 แต่นี่เป็นปี 10072 เป็นเวลาเกือบหกปีแล้ว ที่ข้าไม่ได้กลับไปเลยสักครั้ง!”
เมื่อเขากำลังฝึก เขาไม่ได้สังเกตว่าเวลาผ่านไปเร็วเพียงไหน แค่รู้สึกเหมือนกับว่าหลายปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“หกปี ข้าไม่อาจตำหนิเดเลียที่ไม่พอใจได้” ลินลี่ย์รู้สึกว่าเขาผิดเองที่อยู่ที่นี่
“ลินลี่ย์, เจ้ากำลังฝึกไม่ใช่หรือ? เจ้าสามารถฝึกในปราสาทเลือดมังกรได้ไม่ใช่หรือ” ตอนนี้เดเลียชวนลินลี่ย์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อืม...เอาล่ะ เดเลีย ข้าจะกลับไปพรุ่งนี้” ลินลี่ย์กล่าวทันทีและจากนั้นเพิ่มคำขอโทษกลับไป “เดเลีย, ขอโทษด้วยนะ”
“ข้าไม่ได้โกรธ โอว, เจ้าบอกว่าพรุ่งนี้หรือ?” เดเลียทั้งประหลาดใจและดีใจ “ข้าจะสั่งให้บ่าวไพร่เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับพรุ่งนี้ ลินลีย์,เจ้าจะมาถึงปราสาทเลือดมังกรเมื่อใด? ตอนบ่ายหรือตอนกลางคืน?”
“ข้าจะไปถึงก่อนบ่าย” ลินลี่ย์มั่นใจเรื่องนี้
ความจริงตั้งแต่เริ่มต้นหลอมรวม เคล็ด‘แก่นธาตุดิน’ เข้ากับ ‘การเต้นชีพจรโลก’ ลอร์ดบลูไฟร์ลีย์ลินไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำลินลี่ย์อีกต่อไป ดังนั้นการอยู่ในภูเขาฆ้องทองแดงจึงไม่มีประโยชน์อะไรมากอีกต่อไป
ภายในคฤหาสน์แก่นธาตุ ภูเขาฆ้องทองแดง
“วิ้วววว” ลมภูเขาพัดโหยหวนและหญ้าและดอกไม้ข้างหน้าประตูคฤหาสน์ลู่ไหวเอน อย่างไรก็ตามสายลมแรงไม่สามารถโยกคลอนต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่นั่นได้ เจ้าภูเขาฆ้องทองแดงหนึ่งในราชันย์พิภพจองจำเกบาโดส ลอร์ดบลูไฟร์และพี่ชายทั้งสองยืนนิ่งกับที่ส่งลินลี่ย์และบีบีกลับ
“ลินลี่ย์ แม้ว่าเจ้าจะยังไม่กลับ แต่ในไม่ช้า ข้าจะส่งเจ้ากลับอยู่ดี” บลูไฟร์ ลีย์ลินพูดอย่างร่าเริง “ฮ่าฮ่า เรื่องหลักก็คือว่าเร็วๆ นี้ข้ากับพี่ชายทั้งสอง เราจะไปจากภูเขาฆ้องทองแดงและไปจากทวีปยูลานด้วย”
ลินลี่ย์รู้มานานแล้วว่าลีย์ลินจะจากไป
“ท่านลีย์ลิน ท่านจะไปที่ใด?” บีบีถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจ” ลีย์ลินระบายลมหายใจยาว “บางทีข้าจะไปเยี่ยมทะเลใต้ สถานที่นั่นเคยเป็นบ้านเกิดของข้า โชคไม่ดีเมื่อผ่านไปหลายปีนับไม่ถ้วนส่งผลให้ทวีปที่เป็นบ้านเกิดข้าจมลงทะเลไร้ที่สิ้นสุดมานานแล้ว”
การสู้รบหมื่นปีที่แล้วเป็นเหตุให้สี่ทวีปแตกกระจายและล่มสลาย
“ท่านลีย์ลิน, ถ้าท่านมีเวลา,ท่านสามารถมาเยี่ยมเยียนข้าได้ที่ปราสาทเลือดมังกรข้าจะต้อนรับท่านทุกเมื่อที่ท่านมา” ลินลี่ย์และบีบีพูดขอบคุณมานานแล้ว หลังจากร่ำลาลีย์ลินและพี่ชายทั้งสอง ลินลี่ย์และบีบีออกจากภูเขาฆ้องทองแดงและบินตรงสู่ปราสาทเลือดมังกรทันที
หลังจากไม่ได้กลับมาเป็นเวลาหกปี ตอนนี้ลินลี่ย์ต้องการกลับไปมาก
เทือกเขาอสูรวิเศษ ในหุบเขาภายใต้หน้าผาที่แตกกระจาย มีร่องรอยความเจริญอยู่เล็กน้อยไม่กี่รอย
ในอดีตนี่คือสรวงสวรรค์สำหรับอสูรเวท แต่ในช่วงสามปีที่แล้วไม่มีอสูรเวทตัวใดกล้าผ่านเข้ามาใกล้ที่นี้ ด้านข้างน้ำพุภายในพงหญ้ามีร่างมนุษย์เลือนรางที่มองเห็นได้ร่างหนึ่ง เป็นเทพแท้จากแดนนรกชื่อว่าเนฟ
แม้ว่าต้องรอมาเป็นเวลาสามปี เนฟไม่เคยผ่อนคลายความระมัดระวังของเขา
สัมผัสเทพของเขายังทำงานไม่หยุดหย่อนครอบคลุมพื้นที่นี้รอคอยลินลี่ย์อยู่เงียบๆ
“ลินลี่ย์ผู้นี้จะต้องกลับไปที่ปราสาทเลือดมังกรอย่างแน่นอน ตราบใดที่เขาผ่านมาทางภูเขาอสูรเวทมุ่งหน้ากลับปราสาทเลือดมังกร เขาจะหลบไม่พ้น!” เนฟลุกขึ้นถือหอกในมือขณะที่เขาตระเวนไปตามหุบเขา
ที่สำคัญไม่มีการเผชิญพบเจอลินลี่ย์เลยแม้จะต้องรอมาสามปีเนฟยังไม่แน่ใจว่าลินลี่ย์จะปรากฏตัวขึ้นเมื่อใด เขาไม่สามารถเสียเวลาของเขารอคอยอย่างโง่เขลาได้
เพียงแต่เนฟไม่รู้ตัวเลยว่ายังมีคนอื่นซุ่มซ่อนตัวลึกอยู่ภายในหุบเขานี้
“สัมผัสเทพของเนฟผู้นี้ถือว่าเป็นระดับเทพแท้ทั่วไป แต่เขาฝึกมาทางธาตุลม ในแง่ความเร็ว เขาจะเร็วมากกว่าลินลี่ย์ ถ้าลินลี่ย์เผชิญหน้ากับเขาจริงๆ ก็มีแนวโน้มว่าจะค่อนข้างอันตราย” ร่างที่เลือนรางจ้องมองเนฟแต่ไกล เนฟในตอนนี้กลายเป็นสายลม และหอกเลือนรางของเขาแทงใส่ความเงียบผ่านอากาศว่างเปล่าครั้งแล้วครั้งเล่า
“อย่างไรก็ตาม อันตรายก็ดีเหมือนกัน”
ร่างเลือนรางนั้นหายไปอย่างเงียบสงัดไม่เหลือร่องรอย
เนฟหยุดการฝึกของเขาไว้ และนั่งสมาธิต่อไป แต่ทันใดนั้นเขาลืมตาขึ้นจอมมองกลางอากาศด้วยสายตาที่เหมือนกับคมมีด
“เป็นลินลี่ย์นั่นเอง!”
ดวงตาของเนฟเต็มไปด้วยแววดีใจ เขาอดปล่อยเสียงหัวเราะลั่นไม่ได้ “หลังจากรอคอยมาสามปี ในที่สุดเขาก็มา!” ความจริงเนฟยังอยู่ห่างจากลินลี่ย์หลายร้อยกิโลเมตร เป็นเรื่องธรรมดาแม้เนฟจะร้องส่งเสียงดัง ลินลี่ย์ก็ไม่สามารถได้ยินเขา
“เพื่อไลโอเนลต่อให้ข้าตายก็คุ้มแล้ว!” เนฟพึมพำเสียงต่ำ ตาของเขาเต็มไปด้วยความดีใจไม่มีใดเปรียบ
เนฟเปลี่ยนเป็นเหมือนควันอย่างเงียบงันกลายเป็นสายลมที่ไร้ลักษณ์ สายลมนี้บินไล่ตามลินลี่ย์ด้วยความเร็วอย่างน่าประหลาด ความเร็วของเขารวดเร็วมากกว่าขีดจำกัดในปัจจุบันของลินลี่ย์!
เนฟอยู่ในระดับเทพแท้ หลังจากหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์เขาได้รับความรู้แจ้งของกฎธาตุลมสามอย่าง เขาฝึกเชี่ยวชาญในเรื่องการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
“ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรวดเร็วนัก ดูเหมือนข้าต้องเพ่งความสนใจให้ดี!”
ไม่กี่วินาทีแต่มาเนฟก็บินออกมามีแนวแสงพุ่งออกมาจากหุบเขาด้วยเช่นกันไล่ติดตามเนฟ ถ้าว่ากันเรื่องความเร็วแสงที่ไล่ตามหลังนี้มีความเร็วเหนือกว่าเนฟ
ลินลี่ย์กับบีบีกำลังคุยเล่นหยอกหัวกันขณะมุ่งหน้ากลับปราสาทเลือดมังกรไม่ได้รู้สึกถึงสัมผัสเทพแท้ซึ่งคลุมพวกเขาไว้ ถ้าพวกเขารู้ว่าเทพแท้กำลังไล่ตามพวกเขาบางทีลินลี่ย์กับบีบีอาจจะเร่งความเร็วจนเต็มพิกัดกลับไปที่ปราสาทเลือดมังกรก็ได้ แต่โชคไม่ดีที่พวกเขาไม่รู้
“พี่ใหญ่, ท่านคิดว่าลีย์ลินและพี่ๆ จะไปแดนนรกหรือไม่?”
“ใครจะรู้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากพลังของลีย์ลินไม่ว่าจะไปยังพิภพใดก็ตาม เขาถือว่าเป็นยอดฝีมือระดับสูง”ตั้งแต่ลินลี่ย์เห็นบลูไฟร์ลีย์ลินฆ่าซาดิสต์ที่ดูเหมือนจะทรงพลังได้ในท่าเดียว ลินลี่ย์แน่ใจว่าบลูไฟร์เป็นหนึ่งในเทพชั้นสูงสุดยอด
“หือ?” บีบีขมวดคิ้วทันที
“มีอะไร?” ลินลี่ย์ถามอย่างงุนงง
“ข้ารู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ” บีบีฝึกมาทางกฎธาตุมืด เขาเป็นเพียงเทียมเทพ แต่เขาก็ฝึกทักษะพรางตัวมาทางเดียวกับซีซาร์ เขามีความรู้สึกที่ไวต่อรัศมีของคนอื่น ทันใดนั้นบีบีหันศีรษะจากนั้นพูดด้วยอาการตกใจ “พี่ใหญ่, หนีเร็ว!”
ลินลี่ย์หันหน้าไปดู
ภายในพื้นที่บิดเบือนร่างมนุษย์เลือนรางปรากฏอยู่ภายในสายตาของเขาจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาที่เย็นชา เป็นเทพแท้เนฟนั่นเอง!
“เจ้าต้องการหนีหรือ!” เนฟหัวเราะเย็นชาและปลดปล่อยสนามพลังเทพทันที ก็เหมือนครั้งสุดท้ายเมื่อแอนราสโจมตีเขา ลินลี่ย์รู้สึกว่าเขาเหมือนกับจมลงในบึง ลินลี่ย์ไม่ลังเลแม้แต่น้อยรีบสร้างสนามพลังเทพระดับเทียมเทพทั้งสองร่าง “บึ้ม!” ชุดยาวสีฟ้าที่สวมอยู่ระเบิดออก และเกล็ดสีทองอมฟ้าคลุมทั่วทั้งร่างของลินลี่ย์จากหน้าผากและสันหลัง มีหนามแหลมคมผุดขึ้น ความเร็วของลินลี่ย์เพิ่มขึ้นอีกครั้ง เขาเปลี่ยนเป็นรัศมีแสงและบินด้วยความเร็วสูงมุ่งสู่ปราสาทเลือดมังกร
เนื่องจากเขาไม่สามารถตรวจสอบบุคคลผู้นี้ได้คนผู้นี้อย่างน้อยจะต้องเป็นเทพแท้
“แย่แล้ว!” ขณะที่เขาพยายามหนีลินลี่ย์พบว่าในแง่ความเร็ว คนที่ไล่ตามเขามายังเร็วกว่าแอนราส ความจริงร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพแท้ของแอนราสเป็นสายธาตุไฟ ร่างแยกสายธาตุลมของเขาเป็นระดับเทียมเทพ
นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ได้มีความได้เปรียบเรื่องความเร็ว แต่เนฟแตกต่างออกไป
“ลินลี่ย์” ร่างมนุษย์ร่างหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าลินลี่ย์ เป็นเนฟนั่นเอง ลินลี่ย์ชะงักทันทีและเนฟหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าไม่สามารถหนีได้แล้ว” เรื่องแปลกก็คือคำพูดเหล่านี้ดังมาจากทุกตำแหน่ง
ลินลี่ย์หันไปดู!
ตอนนี้รอบๆ ลินลี่ย์และบีบี มีร่างสิบสองร่างทั้งหมดเป็นร่างของเนฟ
ร่างทั้งสิบสองรายล้อมร่างลินลี่ย์กับบีบีเอาไว้
“อะไร...นี่มันอะไรกัน?” ลินลี่ย์ตกใจ “เหล่านี้ไม่ใช่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ มีกฎความรู้อยู่เจ็ดแบบ แต่ให้เจ้ารวมอีกสี่วิถีก็มีเพียงสิบเอ็ด ต่อให้มีคนเชี่ยวชาญทั้งหมดสิบเอ็ดรูปแบบอย่างมากก็มีเพียงร่างแยกสิบร่าง แต่สิบสองร่างที่อยู่ต่อหน้าข้ามีรัศมีที่เหมือนกัน!”
“พี่ใหญ่,หนึ่งในร่างเหล่านั้นมีร่างจริงร่างเดียวแน่นอน” บีบีมองดูรอบๆ อย่างแตกตื่นเช่นกัน
ลินลี่ย์เข้าใจอย่างนี้เช่นกัน แต่เขาไม่อาจบอกได้ถึงความแตกต่างของร่างทั้งสิบสองนี้
ร่างเนฟทั้งสิบสองร่างรายล้อมลินลี่ย์และบีบีไว้
“ตาย!” ร่างทั้งสิบสองของเนฟแสดงให้เห็นความบ้าคลั่งในสายตา และทันใดนั้นร่างเหล่านั้นบุกเข้าโจมตีทั้งสองจากทุกตำแหน่ง เรื่องที่แปลกก็คือร่างทั้งสิบสองนั้นไม่สนใจบีบี เป้าหมายของร่างเหล่านั้นก็คือ....
ลินลี่ย์!
จากทั้งหมดแปดทิศทางและจากด้านบนและด้านล่างไม่มีที่ให้ลินลี่ย์ได้หนี!
“ร่างไหนคือร่างจริง?” ลินลี่ย์คิดอย่างเร่งร้อน แต่เขายังมีความมั่นใจ ความมั่นใจนี้มาจากคลื่นชีพจรโลกของเขา –ดาบคลื่นสลาย และสมบัติมหาเทพชำรุดของเขา ด้วยพลังการป้องกันของสมบัติมหาเทพชำรุดของเขา โอกาสรอดของเขามีสูงมาก
ร่างทั้งสิบสองโจมตีพร้อมกัน
ประกายสีม่วงวาบขึ้นและเงากระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาจากทุกตำแหน่งเหมือนกับดอกไม้คลี่กลีบกางนั่นคือสัจธรรมแห่งความเร็ว – ระลอกลม! แม้ว่าจะมีเงากระบี่มากมาย แต่พลังของแต่ละกระบี่ก็ไม่ถึงกับมากเสียงปะทะกันดังถี่ยิบ ไม่มีร่างเนฟร่างไหนในสิบสองร่างได้รับอันตรายเลย ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยนทันที
เขาคิดว่าร่างแปลงสิบเอ็ดร่างในสิบสองร่างควรจะได้รับเสียหาย แต่ใครจะคาดคิดกันว่าทั้งสิบสองร่างล้วนทรงพลังทั้งนั้น?
สายตาเย็นชาทั้งสิบสองคู่จ้องมองลินลี่ย์เหมือนกำลังจ้องมองคนตาย
“บึ้ม!”
เงาทั้งสิบสองพุ่งผ่านท้องฟ้าเหมือนกับดาบศึกโจมตีใส่ลินลี่ย์
“มีอยู่ทางเดียวก็คือทุ่มเทสุดกำลัง” ลินลี่ย์ไม่มีเวลาสนใจอะไรอื่นอีกต่อไป ดาบหนักอดาแมนเทียมในมือของเขาเริ่มต้นร่ายรำ ถ้าไม่มั่นใจว่าร่างใดเป็นร่างแท้ อย่างนั้นทางเลือกเดียวของเขาก็คือสุ่มเลือกโจมตีหนึ่งร่าง
“พี่ใหญ่!” บีบีแตกตื่นและหยุดเรื่องอื่นทั้งปวง เขาเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงคำรามกราดเกรี้ยว“ชรีคคคคค!” เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูแหวกฟ้าเป็นช่องขณะเดียวกันบีบีแปลงร่างเป็นหนูกินเทพและด้านหลังของเขาฉายภาพเงาของหนูกินเทพที่สูงถึงหลายร้อยเมตรปรากฏ
ทักษะอสูรศักดิ์สิทธิ์ – หนูกินเทพ!
เพียงอึดใจ บีบีตรึงร่างทั้งสิบสองไว้พยายามกลืนร่างทั้งสิบสองในคราวเดียว อย่างไรก็ตามความสามารถปัจจุบันของบีบีแค่มีผลต่อเทียมเทพเท่านั้น เนฟเป็นเทพแท้ย่อมไม่ถูกบีบีกลืนได้หมด
ร่างทั้งสิบสองชะงักไปชั่วครู่แต่ในทันทีต่อมาร่างเหล่านั้นก็ไม่ได้รับอิทธิพลต่อไป
ถ้าการกลืนล้มเหลว จะมีพลังสะท้อนกลับ!
“บึ้ม!” บีบีกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ ขณะเดียวกันเขาพูดกับลินลี่ย์ทางใจอย่างดีใจ “พี่ใหญ่, มีร่างจริงอยู่เพียงร่างเดียว!” ในขณะนั้นใช้พลังจิตเชื่อมโยงกับลินลี่ย์และบอกตำแหน่งร่างจริงของเนฟ
บีบีใช้ความสามารถธรรมชาติของเขาไม่ใช่เพื่อฆ่าเนฟ แต่เพื่อระบุตำแหน่งของประกายเทพ
ความสามารถของอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเขาในการกลืนประกายเทพเมื่อบีบีนำออกมาใช้เขาจะสามารถรู้สึกได้ว่าร่างใดในสิบสองร่างมีประกายเทพอยู่ภายใน มีแต่ร่างที่มีประกายเทพเท่านั้นจึงจะเป็นร่างจริง ร่างอื่นล้วนปลอมทั้งหมด
“เขา!” เขากวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียมกลายเป็นร่างเลือนรางฟันตรงใส่ร่างเนฟด้านซ้าย นั่นเป็นร่างแท้จริงของเนฟ!