ตอนที่แล้วChapter 55 : บทสรุป - เหนือกว่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 57 : ผิวทองแดงกระดูกเหล็ก

Chapter 56 : เมืองใต้ดิน


หลังจากกลับมาถึงห้องเช่าเขาก็จัดแจงอาบน้ำและเปิดทีวีเพื่อดูข่าวไปพลางและกินเนื้อวัวตากแห้งไปพลาง

“ไม่นานมานี้ทางสถาบันวิจัยทางชีวภาพได้มีความคืบหน้าครั้งใหญ่ในกระบวนการการรักษามะเร็ง เอดส์และโรคร้ายชนิดอื่นๆ”

“ทางสภาได้มีการลงมติ โดยที่ทางสภานั้นต้องการเพิ่มอัตราการถือกำเนิดของประชากรและให้การรับรองด้านสุขภาพของประชากรตั้งแต่ช่วงอายุวัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน”

“ประธานองค์กรกีฬาแห่งจักรวรรดิได้มีการเข้าประชุมกันหลายครั้งในช่วงเช้าที่ผ่านมาเกี่ยวกับการฟื้นฟูศิลปะการต่อสู้และขอเสนอให้มีการยกระดับศาสตร์การต่อสู้และคุณลักษณะทางกายภาพของประชากรในประเทศ...”

หลังจากอ่านข่าวซักพักโจวเฉินก็รู้สึกว่าอิทธิพลที่ระบบมีต่อจักรวรรดิมังกรนั้นไม่น้อยเลย หัวข้อข่าวตั้งแต่ความคืบหน้าทางด้านการรักษามะเร็งและเอดส์ตามที่บอกกล่าวนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับโพชั่นฟื้นฟูของทางระบบไม่ผิดแน่

การเพิ่มอัตราการถือกำเนิดเองก็น่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์ที่มีชาวจักวรรดิวัยกลางคนและวัยรุ่นหายไปเป็นจำนวนตัวมากซึ่งถ้าจะกล่าวให้ถูกก็คือพวกเขาตายในภารกิจเซอร์ไววัลไปแล้วนั่นเอง แม้ว่าจำนวนในปัจจุบันจะยังไม่ส่งผลร้ายแรงต่อจำนวนประชากรที่มีมากมายของจักรวรรดิ แต่ทางคนระดับสูงน่าจะตรองแล้วว่ามันจะนำมาซึ่งผลร้ายในระยะยาวดังนั้นพวกเขาจึงมีการเสนอให้เพิ่มอัตราการสืบพันธุ์เช่นนี้

การฟื้นฟูศิลปะการต่อสู้เองก็เกี่ยวข้องเช่นเดียวกัน ทางรัฐบาลน่าจะต้องการเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของประชากรโดยการยกระดับพลังต่อสู้

เวลาผ่านเลยไปอย่างสบายๆ อาทิตย์นี้จัดว่าเป็นอาทิตย์ที่โจวเฉินผ่อนคลายมากที่สุดแล้ว เขาเพียงแค่ไปที่โรงฝึกเพื่อฝึกซ้อมและหลังจากฝึกซ้อมเสร็จก็หาอะไรกินเพื่อให้สภาพร่างกายอยู่ในสภาวะสมบูรณ์ที่สุดเท่านั้นก็เพียงพอ

สองวันให้หลังภารกิจเซอร์ไววัลครั้งใหม่ก็มาถึง

[ภารกิจเซอร์ไววัลกำลังจะเริ่มต้นขึ้น โปรดเตรียมตัวให้พร้อม]

[เริ่มต้นการเคลื่อนย้าย...]

[ระดับความยาก : ทองแดงขั้นต่ำ]

[ภารกิจ : กลับสู่ดาวขั้วฟ้าผ่านทางแท่นเคลื่อนย้ายซึ่งตั้งอยู่บนชั้นที่สามของเมืองใต้ดิน]

[คำแนะนำ : ในดันเจี้ยนแห่งนี้มีหีบสมบัติซ่อนอยู่ ไอเทมที่ได้จากหีบสมบัติสามารถนำกลับมายังดาวขั้วฟ้าได้]

โจวเฉินถูกส่งมายังทางเดินหินแคบๆแห่งหนึ่ง บริเวณกำแพงของทางเดินมีตะเกียงน้ำมันห้อยอยู่ดังนั้นพื้นที่บริเวณนี้จึงค่อนข้างสว่างทีเดียว

นอกจากโจวเฉินแล้วก็ยังมีชายอีกหกคนและสตรีอีกสามคน รวมทั้งสิ้นแล้วในภารกิจครั้งนี้มีเซอร์ไวเวอร์ถึงสิบคน

คนทั้งหมดนั้นแต่งตัวแตกต่างกันไปและดูมีอายุไม่ถึงสี่สิบกันทั้งนั้น สายตาของพวกเขาทุกคนจับจ้องมองไปยังส่วนลึกของทางเดินด้วยสีหน้าตื่นเต้นแต่ก็สุขุมในเวลาเดียวกัน

“ฉันเคยอ่านโพสต์เกี่ยวกับดันเจี้ยนเมืองใต้ดินนี่บนฟอรั่มมาก่อน พวกเขาบอกกันว่าในดันเจี้ยนแห่งนี้มีกับดักและสมบัติอยู่มากมาย!”

ชายหนุ่มที่มีท่าทีสุภาพอ่อนน้อมกล่าวออกมาเป็นคนแรก

“แล้วนายจำตำแหน่งของกับดักได้รึเปล่า? นายมาเป็นคนนำทางดีไหม?”

สาวสวยขยิบตาให้ชายหนุ่มเล็กน้อย

“ฉันจะไปจำได้ยังไง? หรือต่อให้จำได้จริงๆก็ไม่มีความหมาย ระบบไม่มีทางออกแบบดันเจี้ยนแบบเดียวกันออกมาอยู่แล้ว ต่อให้เป็นดันเจี้ยนที่มีชื่อเดียวกันก็ย่อมมีโครงสร้างที่ต่างกันอยู่ดี”

ชายหนุ่มท่าทางสุภาพส่ายหัว

ขณะที่พวกเขาคุยกันอยู่นั้นชายสองคนก็ได้เดินหายเข้าไปในส่วนลึกของทางเดินแล้ว การกระทำเช่นนี้ของพวกเขาทำให้คนอื่นๆต้องเคลื่อนไหวบ้างเพราะทุกๆคนนึกขึ้นมาได้ว่าระบบได้บอกเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่ามีหีบสมบัติซุกซ่อนอยู่ที่นี่และพวกเขาก็ไม่อยากให้คนอื่นๆคว้ามันไปครองก่อนด้วย

โจวเฉินเดินตามหลังคนอื่นๆไป มือข้างหนึ่งของเขากระชับหอกและอีกข้างก็กำโล่เอาไว้แน่น ขณะเดียวกันเขาก็คอยสอดส่ายสายตาไปรอบๆทางเดินและเคลื่อนที่ไหอย่างช้าๆไม่รีบร้อน

‘เนื่องจากตรงนี้เป็นจุดเริ่มถ้างั้นเส้นทางสายนี้ก็น่าจะปลอดภัย’

ขณะที่คิดนั้นเขาก็พลันได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นมาจากด้านหน้า

“ดูสิ! มีทางแยกด้วย!”

มีใครบางคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้าโจวเฉินไปสัมผัสโดนกลไกบางอย่างเข้าจนทำให้กำแพงแยกออกจากกันเผยให้เห็นทางเดินมืดสนิทอีกเส้นหนึ่ง

“ใครมีแสงบ้าง? ไปดูขางในกันเถอะ ในนี้มันต้องมีอะไรดีๆอยู่แน่ๆ”

ชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบดูเหมือนจะสนใจเส้นทางสายนี้มากทีเดียว

แต่ก่อนที่คนอื่นๆจะทันได้ตอบอะไรออกมาก็มีเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาจากด้านในเสียก่อน จากนั้นมอนสเตอร์ลักษณะคล้ายกิ้งก่าแต่มีความยาวราวสองเมตรหลายตัวก็พากันคลานออกมา

เมื่อเห็นเช่นนี้คนที่อยู่ด้านหน้าก็รีบวิ่งเข้าไปในส่วนลึกของทางเดินในทันทีโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะหันกลับมาสู้กับอสูรกิ้งก่าพวกนี้เลยซักนิด คนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังจึงไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องหยิบอาวุธออกมาสู้กับอสูรพวกนี้เพราะเส้นทางด้านหลังก็เป็นทางตันและเส้นทางด้านหน้าเองก็ถูกพวกมอนสเตอร์ขวางเอาไว้แล้ว

โจวเฉินเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาคนเหล่านี้ เขาสะบัดหอกในมืออย่างสบายๆแต่กลับเจาะทะลุหัวของอสูรกิ้งก่าที่กระโจนเข้ามาอย่างแม่นยำ มอนสเตอร์ตัวอื่นๆเองก็ใกล้จะถูกเผด็จศึกโดยชายหนุ่มร่างบางกับหญิงสาวผมยาวแล้วเช่นกัน

ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ห่างออกไปหน่อยพอเห็นว่าคนทั้งสามด้านหลังทรงพลังเพียงใดพวกนั้นก็พากันวิ่งไล่คนที่นำหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของทางเดินในทันที

[พรสวรรค์ช่วงชิงสกิลติดตัวทำงาน : ท่านได้ขโมยสกิลติดตัวของกิ้งก่าทมิฬ ‘มองเห็นในที่มืด(ระดับ1*)’ ต้องการดูดซับเลยหรือไม่?] (*สกิลเดิมที่พระเอกมีคือโลว์ไลท์วิชั่นส่วนอันนี้คือดาร์ควิชั่น - เดี๋ยวสกิลโลว์ไลท์วิชั่นผมจะเปลี่ยนเป็นมองเห็นในที่สลัวแทน)

“ดูดซับเลย!”

ทันทีที่ระบบแจ้งเตือนดังขึ้นมาในสมองโจวเฉินก็ตอบตกลงและดูดซับสกิลติดตัวมองในที่มืดอย่างไม่ลังเล

สกิลมองเห็นในที่มืดนี้ก็เหมือนกับสกิลมองเห็นในที่สลัวแต่ความสามารถค่อนข้างแตกต่างกัน สกิลมองเห็นในที่มืดจะทำให้เขามองเห็นสิ่งต่างๆในสภาพแวดล้อมมืดสนิทได้ขณะที่สกิลมองเห็นในที่สลัวนั้นจะทำให้เขามองเห็นในสภาพแวดล้อมสลัวๆหรือมีแสงน้อยได้นั่นเอง

หลังจากผสานเข้ากับสกิลติดตัวมองเห็นในที่มืดแล้วโจวเฉินก้เดินเข้าไปยังทางแยกที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่เพื่อดูด้านใน ภาพที่เขาเห็นด้านในปรากฏให้เห็นเป็นภาพขาวดำแสดงให้เห็นพื้นที่กว้างที่เต็มไปด้วยหลุมกับดักและกล่องไม้กล่องหนึ่ง

‘เจอหีบสมบัติเร็วปานนี้เชียว?’

โจวเฉินเดินเข้าไปทันทีขณะที่มือก็คอยแกว่งหอกไปรอบๆเพื่อตรวจสอบกับดัก

ชายหนุ่มร่างบางด้านหลังของเขาตะโกนขึ้นมา

“อย่าเข้าไป! ข้างในมันมืดมากและอาจจะมีอันตรายได้!”

โจวเฉินหันหัวกลับมาแล้วยิ้มบางๆให้กับอีกฝ่าย

“สบายๆน่าฉันรับมือได้”

จากนั้นเขาก็หายตัวไปท่ามกลางความมืด

แน่นอนว่าคนอื่นๆเห็นเพียงความมืดเท่านั้นแต่จากมุมมองสายตาของโจวเฉินทุกอย่างที่อยู่ด้านในล้วนมองเห็นได้อย่างชัดเจนแต่มองเห็นเป็นภาพสีขาวดำก็เท่านั้น

เขากระแทกพื้นด้วยหอกครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้มั่นใจว่าพื้นที่บริเวณนี้สามารถเดินเข้าไปได้อย่างปลอดภัย

เขาวนอ้อมหลุมกับดักมาสามหลุมและค่อยๆใกล้หีบสมบัติที่อยู่ส่วนลึกมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเข้ามาใกล้โจวเฉินก็สังเกตุเห็นอสูรที่มีลักษณะคล้ายค้างคาวตัวหนึ่งยืนอยู่บนหีบสมบัติและจ้องเขม็งมาที่เขา

“มองอะไรไม่ทราบ?”

โจวเฉินไม่รีรอแทงหอกออกไปทันทีทำให้เจ้าอสูรตัวน้อยนั่นหวาดกลัวจนหลบหนีไป

โจวเฉินแน่นอนว่าย่อมไม่คิดจะไล่ล่าเจ้าอสูรตัวน้อยนี่

“กล่องนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ล็อคเอาไว้นะ”

โจวเฉินมองไปที่หีบสมบัติที่อยู่ห่างออกไปราวสองเมตรและพยายามใช้หอกในมือแงะฝาหีบออก

กระบวนการดังกล่าวเป็นไปอย่างราบลื่น ไม่กี่วินาทีให้หลังเขาก็มองเห็นด้านในของหีบสมบัติใบนี้ว่ามัน...ไม่มีอะไรเลย

“ไม่จริงน่า...หีบเปล่าเรอะเนี่ย?”

โจวเฉินรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ หีบสมบัติใบนี้ถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยกับดักมากมายและกระทั่งซ่อนอยู่ในพื้นที่มืดสนิทแท้ๆ ตามหลักเหตุผลแล้วมันก็ไม่ควรจะไร้ค่าแบบนี้สิ

ในตอนที่เขาคิดจะตรวจสอบดูว่ามันมีพื้นที่ชั้นในซ่อนอยู่ในหีบสมบัติอีกชั้นหนึ่งรึเปล่านั้นหีบสมบัติทั้งใบจู่ๆก็พลันกระโจนเข้าใส่เขาโดยที่ฝาหีบนั้นเล็งงับมาที่คอของเขาอย่างชัดเจน

“ไอ้เปรตนี่มันมอนสเตอร์นี่หว่า”

ในที่สุดโจวเฉินก็ได้รู้แล้วว่าเจ้าสิ่งนี้ที่ดูไม่ต่างจากหีบสมบัติทั่วๆไปเลยนั้นแท้จริงแล้วกลับเป็นมอนสเตอร์...เขาหลบการโจมตีของมันได้ทันท่วงทีและแทงสวนกลับไปด้วยหอกในมือ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด