ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 138 ลงมือก่อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 140 สวรรค์ในนรก

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 139 อย่าใช้ของของข้า


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 139 อย่าใช้ของของข้า

แปลโดย iPAT  

“ซิงเว่ย!” เฉียนเยี่ยนเหนิงได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านนอก เขาต้องการออกไปแต่หลี่ฉิงซานไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ เขาฟาดดาบวายุไปที่เอวของเฉียนเยี่ยนเหนิง

การแสดงออกของเฉียนเยี่ยนเหนิงเปลี่ยนไป เขาไม่เคยคิดว่าจอมยุทธ์ขั้นสองจะสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้

ในสายตาของเฉียนเยี่ยนเหนิง หลี่ฉิงซานสามารถสังหารผู้อาวุโสชุดเทาของตระกูลเฉียนเพราะมันเป็นการลอบโจมตี เขาปฏิบัติต่อหลี่ฉิงซานเหมือนแมลงที่น่ารำคาญที่เขาสามารถบี้ให้ตายได้ทุกเมื่อ

เหตุผลที่เฉียนเยี่ยเหนิงยังไม่สังหารหลี่ฉิงซานทันทีเพราะสถานะผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ของเด็กหนุ่ม

อย่างไรก็ตามดาบของหลี่ฉิงซานบอกอย่างชัดเจนว่า “ข้าไม่ได้ถามว่าเจ้าต้องการฆ่าข้าหรือไม่แต่ข้าต้องการฆ่าเจ้า!”

“รนหาที่ตาย!” เฉียนเยี่ยนเหนิงตะโกน มือขวาของเขากางเป็นกรงเล็บและคว้าดาบวายุด้วยความเร็วสูง

พลังปราณของหลี่ฉิงซานและเฉียนเยี่ยนเหนิงปะทะกันอย่างรุนแรงแม้ทั้งสองฝ่ายจะยังไม่ได้สัมผัสร่างกายของกันและกัน

เส้นเลือดของหลี่ฉิงซานโป่งพองขึ้น เขาทุ่มเทกำลังทั้งหมดไปที่ดาบแต่มันกลับไม่สามารถเดินหน้าต่อไป

เฉียนเยี่ยนเหนิงรู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่ไม่สามารถชิงดาบวายุมาจากมือของหลี่ฉิงซาน

ดาบวายุส่งเสียงราวกับกำลังเจ็บปวด

ทั้งสองตอบสนองพร้อมกัน เฉียนเยี่ยนเหนิงชกไปที่หน้าอกของหลี่ฉิงซานขณะที่หลี่ฉิงซานยื่นมือไปที่ศีรษะของเฉียนเยี่ยนเหนิงโดยเพิกเฉยต่อการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง ทันทีที่พวกเขาปะทะกัน มันดูเหมือนหลี่ฉิงซานต้องการลากเฉียนเยี่ยนเหนิงลงนรกไปพร้อมเขา

มีหลายแง่มุมที่หลี่ฉิงซานไม่มั่นใจนัก แต่การป้องกันของเขาไม่ใช่หนึ่งในนั้น เขามีพลังป้องกันสูงมาก แม้เขาจะถูกโจมตีสองสามครั้ง เขาก็ยังไม่เป็นไร แต่หากฝ่ายตรงข้ามถูกเขาโจมตีแม้แต่หมัดเดียว อีกฝ่ายต้องตายอย่างแน่นอน นี่คือความมั่นใจของเขา

เฉียนเยี่ยนเหนิงรู้สึกว่าหากเขาถูกโจมตี ศีรษะของเขาจะถูกบดขยี้ เขาแก่แล้ว เขาเห็นคุณค่าของชีวิต เหตุใดเขาต้องเสี่ยงชีวิตกับหลี่ฉิงซาน? ด้วยความคิดเช่นนี้ เขาจึงปล่อยดาบวายุและเร่งล่าถอยออกไป

เมื่อหลี่ฉิงซานกำลังจะก้าวไปข้างหน้าหลังจากสามารถชิงความได้เปรียบ เขาก็เห็นหมัดพลังปราณบินเข้ามา ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ดาบวายุรับการโจมตี

“ปัง ปัง ปัง ปัง!” เสียงของการปะทะดังขึ้นเป็นชุด สายลมกรรโชกแรงทำให้โต๊ะขนาดใหญ่ปลิวออกไป

หลี่ฉิงซานเซไปข้างหลังเล็กน้อยก่อนที่ขาของเขาจะจมลึกลงไปในกระเบื้องหินอ่อน

“เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะร่างกาย!” เฉียนเยี่ยนเหนิงอุทาน หมัดพลังปราณก่อนหน้านี้สามารถบดขยี้จอมยุทธ์ขั้นสองทั่วไป พวกเขาจะถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เว้นเพียงพวกเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะร่างกาย

หลี่ฉิงซานไม่รู้สึกไม่พอใจ ตรงข้าม เขาพอใจที่ได้อุ่นเครื่อง เขามองเฉียนเยี่ยนเหนิงด้วยสายตาที่เผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นและกระหายเลือด

ตอนนี้สายตาที่เฉียนเยี่ยนเหนิงที่มองหลี่ฉิงซานเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ดูถูกเด็กหนุ่มอีกต่อไป ก่อนหน้านี้เขาประมาทซึ่งเป็นเหตุผลที่หลี่ฉิงซานมีโอกาสโจมตีเขา

“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้เพียงเพราะเจ้าสามารถอดทนต่อการโจมตีไม่กี่ครั้งของข้า? เมื่อเจ้าต้องการตาย ข้าก็จะมอบความตายเป็นของขวัญให้เจ้า จากนั้นข้าก็จะไปฆ่านังโสเภณีเฉียนหรงจื่อ”

ด้านนอก เสียงกรีดร้องของเฉียนซิงเว่ยทวีความน่าสมเพชมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เฉียนเยี่ยนเหนิงเพิกเฉยต่อมันอย่างสิ้นเชิง แม้เขาจะชอบหลานชายผู้นี้มาก แต่เขาก็มีหลานชายอีกมากมาย มันไม่สำคัญหากหนึ่งในนั้นจะเสียชีวิต

หลี่ฉิงซานไม่ได้ยืนนิ่งขณะที่เฉียนเยี่ยนเหนิงพูด เขาจับดาบด้วยมือทั้งสองข้างและยกมันขึ้นเหนือศีรษะ พลังปราณของเขาไหลเข้าสู่ดาบและทำให้ดาบส่งประกายขึ้น จากนั้นเขาก็ฟาดดาบลงมาและส่งดาบสายลมที่แหลมคมพุ่งเข้าไปหาเฉียนเยี่ยนเหนิง

เฉียนเยี่ยนเหนิงหัวเราะเย้ยหยันก่อนที่แสงสีทองจะพุ่งออกมาจากรูจมูกของเขาและทะลวงผ่านดาบสายลมเข้าไปหาหลี่ฉิงซาน

‘มีดบิน? ไม่ใช่ว่ามีเพียงจอมยุทธ์ขั้นหกที่สามารถใช้มันงั้นหรือ?’

หลี่ฉิงซาตค่อนข้างประหลาดใจแต่เขาก็ตอบสนองทันที นี่ไม่ควรเป็นดาบบินแต่เป็นทักษะลับบางอย่าง แต่ถึงกระนั้นข้อมูลที่เฉียนหรงจื่อบอกว่าความแข็งแกร่งเฉียนเยี่ยนเหนิงเท่ากับจอมยุทธ์ขั้นสี่เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง

ดูเหมือนเฉียนเยี่ยนเหนิงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งโลหะ เขาสามารถควบแน่นพลังปราณให้แหลมคมเหมือนโลหะอยู่ในปอดและปล่อยมันออกมาภายนอก สิ่งนี้เพียงพอที่จะฆ่าคนทั่วไป

หลี่ฉิงซานงอเข่าและกระโดดขึ้นสู่อากาศ ปราณดาบพุ่งผ่านใต้ฝ่าเท้าของเขา นอกจากนั้นเขายังใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าหาเฉียนเยี่ยนเหนิงและปิดระยะห่างระหว่างพวกเขา

เฉียนเยี่ยนเหนิงเห็นหลี่ฉิงซานพุ่งเข้ามา เขาคำรามอีกครั้งขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย

ทันใดนั้นปราณดาบอีกเล่มก็พุงออกมาจากรูจมูกอีกข้างของเขาและบินเข้าไปหาหลี่ฉิงซาน ในเวลาเดียวกันปราณดาบเล่มเดิมก็บินวกกลับมาภายใต้การควบคุมของเขา

ปอดของมนุษย์มีสองข้าง ดังนั้นเขาจึงสามารถปล่อยปราณดาบออกมาได้สองเล่ม

หลี่ฉิงซานใช้เท้าขวากระทืบปราณดาบที่มาจากด้านหน้าและกระโจนขึ้นด้านบน ในวินาทีต่อมา เขาก็ก้มตัวลงเพื่อหลบปราณดาบอีกเล่มที่มาจากด้านหลัง

หลี่ฉิงซานเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ดาบวายุในมือของเขาส่องประกายขึ้น โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ มันฟาดลงบนปราณดาบของฝ่ายตรงข้าม

“ปัง!”

ดาบและปราณดาบปะทะกัน มันทิ้งร่องรอยเล็กๆไว้บนดาบวายุแต่ปราณดาบก็พังทลายลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้เฉลิมฉลอง ปราณดาบที่พังทลายลงก็ควบแน่นขึ้นอีกครั้ง

หลี่ฉิงซานกระโดดไปเรื่อยๆขณะที่ปราณดาบพยายามไล่ล่าเขา

ในช่วงเวลาเหล่านี้เขาค้นพบว่าปราณดาบไม่รวดเร็วว่องไวเหมือนดาบบินของโจวเหวินปิง มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถหลบเลี่ยงพวกมัน

เฉียนเยี่ยนเหนิงหน้าซีดแต่เขายังคำรามอย่างต่อเนื่องด้วยความโกรธ เขาควบคุมปราณดาบเล่มหนึ่งไล่ล่าหลี่ฉิงซานและเก็บอีกเล่มไว้ข้างตัวด้วยความระมัดระวัง นี่ไม่ได้เป็นเพียงการป้องกันการโจมตีจากหลี่ฉิงซานแต่ยังเป็นเพราะสภาพจิตใจที่ทรุดโทรมลงตามวัยของเขาอีกด้วย ดังนั้นมันจึงค่อนข้างยากสำหรับเขา อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่าปราณดาบเพียงเล่มเดียวก็เพียงพอที่จะฆ่าหลี่ฉิงซาน ด้วยหนึ่งการโจมตีและหนึ่งการป้องกัน เขาจะไร้ช่องโหว่และไร้พ่าย

หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปรากฏว่าจอมยุทธ์ขั้นห้าก็น่าประทับใจเช่นกันโดยเฉพาะปราณดาบของเฉียนเยี่ยนเหนิง

ย้อนกลับไปตอนที่เขาฆ่าจ้าวเหลียงฉิง เขาใช้ความแตกต่างด้านพละกำลังเพื่อบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามโดยตรง เขาฆ่าจ้าวเหลียงฉิงด้วยการตบเพียงครั้งเดียวซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่เคยเผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่แท้จริงของจอมยุทธ์ขั้นห้า

แม้ตอนนี้จะไม่มีคนนอกแต่เขาก็ไม่รีบร้อนแปลงร่าง ในร่างปีศาจ มันง่ายมากที่เขาจะฆ่าเฉียนเยี่ยนเหนิงในการโจมตีเดียว แต่ในกรณีนั้น โลกจะสงสัยว่าเขาฆ่าจ้าวเหลียงฉิง นี่ทำให้เขาต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ในความเป็นจริงเขาเล่นกับชายชราผู้นี้เพื่อฝึกฝนตนเอง เขาต้องการทำความเข้าใจความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขั้นสองผ่านการต่อสู้จริง

เฉียนเยี่ยนเหนิงเชื่อว่าเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบแต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลี่ฉิงซานปฏิบัติต่อเขาเหมือนเนื้อที่วางอยู่บนเขียงและกำลังหาวิธีที่ดีที่สุดในการหั่นมัน นอกจากนี้เขายังต้องการเล่นสนุกก่อนจะลงมือชำแหล่ะเหยื่อ

ในเวลานี้เฉียนเยี่ยนเหนิงเริ่มตระหนักว่าตนเองไม่สามารถสังหารหลี่ฉิงซานได้โดยง่าย นอกจากนั้นเขายังกลัวเฉียนหรงจื่อจะหลบหนีรวมถึงสิ่งที่เฉียนหรงจื่อกล่าวว่าจ้าวจื่อป๋อกำลังเดินทางมา ทั้งหมดทำให้เขารีบร้อนจบการต่อสู้ครั้งนี้และนำบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าร้อยสมบัติ

ดวงตาของหลี่ฉิงซานส่องประกายขึ้นเมื่อเขาเห็นยันต์ที่อยู่ในมือของเฉียนเยี่ยนเหนิง

หลี่ฉิงซานคำราม “เจ้าแก่ หยุด!”

เฉียนเยี่ยนเหนิงเย้ยหยัน “ในที่สุดเจ้าก็กลัวแล้วงั้นหรือ?”

หลี่ฉิงซานกล่าวเสียงเย็น “ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยา หินวิญญาณ หรือยันต์ ทุกสิ่งในกระเป๋าร้อยสมบัติของเจ้าเป็นของข้า อย่าใช้มัน มิฉะนั้นเจ้าจะตายอย่างรวดเร็ว!”

สิ่งของของเจ้าเป็นของข้า! ห้ามใช้มัน! นี่เป็นทัศนคติที่เย่อหยิ่งอย่างที่สุด

เฉียนเยี่ยนเหนิงหงุดหงิดมาก เขาทำให้ยันต์ในมือระเบิดแสงออกไปทันที

…..

ด้านนอกห้องโถงเป็นลานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อบันไดห้าขั้นและนำไปสู่พื้นที่ส่วนต่างๆของจวนตระกูลเฉียน อย่างไรก็ตามมีเส้นทางเพียงสายเดียวที่นำขึ้นสู่ห้องโถงใหญ่

เนื่องจากคืนนี้เป็นงานฉลองวันเกิด สมาชิกตระกูลเฉียนส่วนใหญ่จึงอยู่ที่นี่ กระทั่งคนที่ไม่มีทักษะการต่อสู้ก็มารวมตัวกัน

พวกเขาเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่บนเฉลียง คนที่มีสายตาดีกว่าเห็นและกรีดร้อง “นั่น! เฉียนหรงจื่อ! ฆ่านาง!”

ทุกคนได้ยินถ้อยแถลงของหลี่ฉิงซานก่อนหน้านี้ หลายคนกัดฟันด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงคนทรยศของตระกูลเฉียน อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ พวกเขาก็ต้องตกตะลึง

ใบหน้าของเฉียนหรงจื่อเต็มไปด้วยเลือดขณะที่นางเผยรอยยิ้มบ้าคลั่งและสนุกสนาน ชายผู้หนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นและคร่ำครวญอย่างน่าอนาถตลอดเวลา